VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 1
1. VI กับ DCA ต่างกันยังไงครับ ในลักษณะของการลงทุน และการหวังผลกำไร
2. จุดสุดท้ายของ VI กับ DCA ต่างกันยังไงครับ ที่ผมเข้าใจคือ VI ถือยาวๆ ถ้าปันผลดีก็ถือไปเรื่อยๆ ถ้าอยากได้เงินก็ขายหุ้นทิ้งหรอครับ แล้ว DCA คือ สะสมเงินลงทุนไปเรื่อยๆ หวังกินดอกเบี้ยทบต้นหรอครับ
3.ข้อเสียของVI กับ DCA (สาเหตุที่จะทำให้ขาดทุนหรือกำไรน้อยหรือนานมาก)
4.ในการวิเคราะห์หุ้นสักตัวนึง ต้องใช้เวลามากแค่ไหนอ่ะครับ ดูเชิงนานๆ แล้วพอราคาตกค่อยซื้อ หรือวิเคราะห์เมื่อเราได้ข้อมูลใหม่มา
ปล. มือใหม่ครับ ขอโทษที่ยังไม่ได้รื้อกระทู้เก่าๆ ร้อนวิชามากๆ เพราะว่าวันนี้จะไปหาหนังสือ ตีแตก มาอ่านครับ เลยรีบมาโพส ใครมีหนังสือเล่มไหนแนะนำ บอกได้นะครับ
5.ผมว่าจะ DCA หุ้นหรือกองทุนสักตัว เดือนละ 2-3พัน แล้วศึกษาข้อมูล เรียนรู้ซัก 6 เดือน ค่อยมาลงทุนดีไหมครับ
6.รู้ก็ง่าย ไม่รู้ก็ยาก จริงไหมครับพี่ๆ :D :D
2. จุดสุดท้ายของ VI กับ DCA ต่างกันยังไงครับ ที่ผมเข้าใจคือ VI ถือยาวๆ ถ้าปันผลดีก็ถือไปเรื่อยๆ ถ้าอยากได้เงินก็ขายหุ้นทิ้งหรอครับ แล้ว DCA คือ สะสมเงินลงทุนไปเรื่อยๆ หวังกินดอกเบี้ยทบต้นหรอครับ
3.ข้อเสียของVI กับ DCA (สาเหตุที่จะทำให้ขาดทุนหรือกำไรน้อยหรือนานมาก)
4.ในการวิเคราะห์หุ้นสักตัวนึง ต้องใช้เวลามากแค่ไหนอ่ะครับ ดูเชิงนานๆ แล้วพอราคาตกค่อยซื้อ หรือวิเคราะห์เมื่อเราได้ข้อมูลใหม่มา
ปล. มือใหม่ครับ ขอโทษที่ยังไม่ได้รื้อกระทู้เก่าๆ ร้อนวิชามากๆ เพราะว่าวันนี้จะไปหาหนังสือ ตีแตก มาอ่านครับ เลยรีบมาโพส ใครมีหนังสือเล่มไหนแนะนำ บอกได้นะครับ
5.ผมว่าจะ DCA หุ้นหรือกองทุนสักตัว เดือนละ 2-3พัน แล้วศึกษาข้อมูล เรียนรู้ซัก 6 เดือน ค่อยมาลงทุนดีไหมครับ
6.รู้ก็ง่าย ไม่รู้ก็ยาก จริงไหมครับพี่ๆ :D :D
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 2
ไปซื้อหนังสือมาอ่านบ้างก่อนเถอะครับ อย่าเพิ่งร้อนวิชา
หนังสือเป็นเล่ม คนเขียนมีตัวตนจริงๆ อย่าง ดร.นิเวศน์ เขามีหุ้น เข้าใจการลงทุนจริง แต่จะกลับมาเชื่อใครก็ไม่รู้ ที่มีหรืออาจจะไม่มีความรู้เรื่องหุ้นก็ได้ตามเว็บบอร์ด
หนังสือเป็นเล่ม คนเขียนมีตัวตนจริงๆ อย่าง ดร.นิเวศน์ เขามีหุ้น เข้าใจการลงทุนจริง แต่จะกลับมาเชื่อใครก็ไม่รู้ ที่มีหรืออาจจะไม่มีความรู้เรื่องหุ้นก็ได้ตามเว็บบอร์ด
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 3
ผมกำลังจะไปซื้อหนังสือมาอ่านครับ และถามว่าใครมีหนังสืออะไรแนะนำบ้าง ร้อนวิชาของผมคืออยากรู้และสงสัยจิงๆ ไม่ได้หมายความว่าจะไปลงทุนเลยครับ เพราะผมบอกแล้วว่าจะเรียนรู้ก่อนสัก 6 เดือนsimplelife เขียน:ไปซื้อหนังสือมาอ่านบ้างก่อนเถอะครับ อย่าเพิ่งร้อนวิชา
หนังสือเป็นเล่ม คนเขียนมีตัวตนจริงๆ อย่าง ดร.นิเวศน์ เขามีหุ้น เข้าใจการลงทุนจริง แต่จะกลับมาเชื่อใครก็ไม่รู้ ที่มีหรืออาจจะไม่มีความรู้เรื่องหุ้นก็ได้ตามเว็บบอร์ด
ป.ล. ขอบพระคุณที่เป็นห่วงครับ
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 4
ตีแตกไม่เคยอ่านครับ แต่เขาว่ากันว่าดี น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับpuek69 เขียน:ผมกำลังจะไปซื้อหนังสือมาอ่านครับ และถามว่าใครมีหนังสืออะไรแนะนำบ้าง
วิเคราะห์ในเชิงธุรกิจ เอา 56-1 มาอ่าน เอางบการเงินมากาง เสร็จแล้วเอาเครื่องคิดเลขมากดๆ ไม่กี่นาทีก็น่าจะมีไอเดียครับ ว่าถ้าซื้อได้ราคาต่ำกว่าเท่าไรจะถือว่าถูก แพงกว่าเท่าไรถือว่าแพง ถ้าราคาบนตลาดมันเกินไปมากๆก็ไปดูตัวอื่น ถ้าใกล้ๆก็เอามาศึกษาต่ออีกที สรุปทั้งหมดก็คงจะไม่กี่ชั่วโมงครับpuek69 เขียน:4.ในการวิเคราะห์หุ้นสักตัวนึง ต้องใช้เวลามากแค่ไหนอ่ะครับ ดูเชิงนานๆ แล้วพอราคาตกค่อยซื้อ หรือวิเคราะห์เมื่อเราได้ข้อมูลใหม่มา
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 5
คนละเรื่องเลยครับ อ่านตีแตกไปก่อนก็แล้วกันครับ ตีแตกอาจจะเขียนให้คนอ่านรู้สึกว่า VI คือการถือหุ้นยาว แต่อยากให้ลองอ่านประเด็นอื่นซักนิดนึงครับ มันมีสิ่งที่สำคัญกว่าถูกเขียนไว้ในเล่มอยู่แล้วครับ สู้ๆ นะครับpuek69 เขียน:ที่ผมเข้าใจคือ VI ถือยาวๆ ถ้าปันผลดีก็ถือไปเรื่อยๆ
อย่ายอมแพ้
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 6
อย่าใจร้อนครับ
อ่านกระทู้เก่าๆก่อนอย่างที่พี่เค้าบอก
มันไม่ใช่ว่าคุณจะรวยในเวลา1600ของวันที่16เดือนนี้ซะเมื่อไรครับ
ไม่ต้องรีบ
อ่านกระทู้เก่าๆก่อนอย่างที่พี่เค้าบอก
มันไม่ใช่ว่าคุณจะรวยในเวลา1600ของวันที่16เดือนนี้ซะเมื่อไรครับ
ไม่ต้องรีบ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
- .way
- Verified User
- โพสต์: 271
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 7
VI ในแนวคิดของผม ผมมองว่าpuek69 เขียน:2. จุดสุดท้ายของ VI กับ DCA ต่างกันยังไงครับ ที่ผมเข้าใจคือ VI ถือยาวๆ ถ้าปันผลดีก็ถือไปเรื่อยๆ ถ้าอยากได้เงินก็ขายหุ้นทิ้งหรอครับ
4.ในการวิเคราะห์หุ้นสักตัวนึง ต้องใช้เวลามากแค่ไหนอ่ะครับ ดูเชิงนานๆ แล้วพอราคาตกค่อยซื้อ หรือวิเคราะห์เมื่อเราได้ข้อมูลใหม่มา
1. ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
2. หากเข้าเงื่อนไขข้อที่ 1. ต้องซื้อ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
3. และเมื่อทำได้ตามข้อ 2. ผมก็จะขายมันเมื่อ มูลค่ามันสูงเกินกว่าที่ผม ตั้งเป้าเอาไว้ หรือ ถ้าผมไม่มีความรู้ ความสามารถมากพอ ที่จะตั้งเป้ามันไว้ ผมก็จะขายมันตาม สัญญาณทางเทคนิค เฉพาะตัว
4. และอยากลืมส่วนเผื่อ เพื่อความปลอดภัย บางครั้งหุ้นที่ลงมาต่ำกว่ามูลค่าของมันก็จริง แต่บางครั้งก็ไม่น่าสนใจ ผมมักจะมีส่วนเผื่อ เพื่อความปลอดภัยไว้เสมอ
ความล้มเหลวจะสอนเราให้แข็งเกร่ง"เด็ก18กับตลาดหุ้น"
-
- Verified User
- โพสต์: 915
- ผู้ติดตาม: 0
VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 11
ส.สลึง เขียน:ต่างกันครับ
DCA เป็นวิธีปฏิบัติ
ส่วน VI เป็นมากกว่าแนวคิด
ตามนั้นเลยครับ
VI เป็นหลักการครับ พูดง่ายๆคือให้มองที่มูลค่า มากว่าราคา และจะดีมากหากได้ราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า คือมี Margin of Safety
ส่วนการทำ DCA นั้นเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาสนใจครับ ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ซึ่งจะมีทั้งเวลาถูกและแพง
การทำ DCA มีข้อแม้อย่างเดียวครับ คือต้องมั่นใจว่าสิ่งที่เราจะลงทุนมันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
มีคนแนะนำมาว่าถ้าเราไม่มั่นใจหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ก็็อย่าไปเสียเวลา DCA กับหุ้นตัวนั้น เพราะถ้ามันไม่ดีจริง การทำ DCA ก็ไม่มีประโยชน์
ดังนั้นการทำ DCA ส่วนใหญ่ก็ให้ทำกับ SET index ครับ หรือไม่ก็ทำกับกองทุนที่เราเลือก
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 12
DCAก้ต้องเลือกหุ้นครับ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณทุกความเห็นมากครับ พอดีได้อ่านบทความของ ดร.นิเวศอ่าครับ >>>ผมคงไม่พูดถึง Passive Investment เพราะเขาไม่เลือกหุ้นอยู่แล้ว พวกเขาคิดว่าตลาดหลักทรัพย์นั้นเป็นตลาดที่มี ประสิทธิภาพ ในการกำหนดราคาหุ้นให้เหมาะสมกับพื้นฐานของหุ้นทุกตัว ดังนั้นไม่ต้องไปเลือก ซื้อเฉลี่ยไปทุกตัวและถือไว้ตลอดเวลา ซึ่งก็จะทำให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมคือประมาณปีละเกือบ 10% ในระยะยาวchowbe76 เขียน:DCAก้ต้องเลือกหุ้นครับ
ก้อเลยงงๆว่า Passive Investment มันใช่ตัวเดียวกับการลงทุนแบบ DCA หรือเปล่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1475
- ผู้ติดตาม: 0
VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 14
Passive investment ก็คือซื้อกองทุนที่อิงกับดรรชีพวก SET50 หรือไม่ก็ซื้อกองทุน TDEX ในตลาดหุ้นครับ ซึ่งกองทุนเขาก็ไปซื้อหุ้นทุกตัวใน SET50 ในครบทุกตัวตามสัดส่วนอีกที ที่เป็น passive เพราะกองทุนไม่ต้องคอยบริหารพอร์ท เลือกหุ้น ซื้อๆขายๆเปลี่ยนตัวหุ้น จะซื้อหุ้นก็ตอนที่คนมาซื้อกองทุน และขายหุ้นตอนคนถอนเอาเงินออกจากกองทุนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 15
ขอบคุณทุกความเห็นมากครับ พอดีได้อ่านบทความของ ดร.นิเวศอ่าครับ >>>ผมคงไม่พูดถึง Passive Investmentpuek69 เขียน:chowbe76 เขียน:DCAก้ต้องเลือกหุ้นครับ
อย่ายอมแพ้
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
VI กับการลงทุนแบบ DCA ต่างกันยังไงครับ
โพสต์ที่ 16
การลงทุนแบบVI คือการลงทุนที่วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเป็นหลักแล้วค่อยซื้อตอนถูกๆจึงจะคุ้ม
ส่วน dollar costing average คือการลงทุนในหุ้นแบบ passive คือเฉลี่ยลงทุนไปเรื่อยๆด้วยเงินเท่าๆกันทุกๆช่วงเวลาหนึ่ง สะสมไปเรื่อยๆในระยะยาว โดยที่พูดถึงกันมักจะเป็นการลงทุนกับหุ้นหลายๆตัวเช่น set 50 เหมาะกับคนที่วิเคราะห์หุ้นไม่เป็นหรือไม่มีเวลาติดตามหุ้นจริงๆ โดยเขาว่ากันว่าวิธี DCA นี้ในระยะยาวเป็น20-30 ปีถึงจะคุ้ม เพราะมีสถิติเก่าๆพิสูจน์ว่าหุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ย10% ต่อปีในระยะยาว การเฉลี่ยลงทุนในหุ้นหลายๆตัวมากแบบนี้จึงไม่เจ๊งครับเพราะเป็นไปไม่ได้ที่บริษัทที่อยู่ในset 50 ทุกๆตัวจะเจ๊งพร้อมกันหมด เพียงแต่ตัวที่ไม่ดีบางตัวจะมาเฉลี่ยทำให้ผลตอบแทนรวมของเราน้อยลงได้
ดังนั้นถ้าเลือกหุ้นเป็นเองไม่ควรเล่นแบบ DCAนะครับ เพราะ ผลตอบแทนมันจะน้อยกว่า อีกอย่างการลงทุนในหุ้นบบ DCA แต่เอามาใช้กับหุ้นรายตัวผมว่าไม่เหมาะอย่างยิ่งครับ เพราะจะไม่ได้ซื้อตอนถูกคราวละมากๆทีเดียว
ถ้าถามส่วนตัวผมเชื่อในวิธี DCAไหม ผมเชื่อนะแต่ไม่หมด ลองดูตัวอย่างถ้าสมมติ คุณลงทุนแบบ DCA กับ set 50ตอนช่วงต้นปีนี้ ตอนที่ set index ประมาณ 600 คุณลงไปเรื่อยๆ 20ปี ทุนของคุณที่ตำที่สุดคือตอน set 600 แล้วอีก 20 ปี ถ้าsetขึ้น10%ต่อปีตามทฤษฐีมันจะไปอยู่ที่เท่าไหร่ ผมว่าลองจดไว้แล้วคอยดูอีก20 ปีนะครับว่ามันจะจริงไหม
ส่วน dollar costing average คือการลงทุนในหุ้นแบบ passive คือเฉลี่ยลงทุนไปเรื่อยๆด้วยเงินเท่าๆกันทุกๆช่วงเวลาหนึ่ง สะสมไปเรื่อยๆในระยะยาว โดยที่พูดถึงกันมักจะเป็นการลงทุนกับหุ้นหลายๆตัวเช่น set 50 เหมาะกับคนที่วิเคราะห์หุ้นไม่เป็นหรือไม่มีเวลาติดตามหุ้นจริงๆ โดยเขาว่ากันว่าวิธี DCA นี้ในระยะยาวเป็น20-30 ปีถึงจะคุ้ม เพราะมีสถิติเก่าๆพิสูจน์ว่าหุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ย10% ต่อปีในระยะยาว การเฉลี่ยลงทุนในหุ้นหลายๆตัวมากแบบนี้จึงไม่เจ๊งครับเพราะเป็นไปไม่ได้ที่บริษัทที่อยู่ในset 50 ทุกๆตัวจะเจ๊งพร้อมกันหมด เพียงแต่ตัวที่ไม่ดีบางตัวจะมาเฉลี่ยทำให้ผลตอบแทนรวมของเราน้อยลงได้
ดังนั้นถ้าเลือกหุ้นเป็นเองไม่ควรเล่นแบบ DCAนะครับ เพราะ ผลตอบแทนมันจะน้อยกว่า อีกอย่างการลงทุนในหุ้นบบ DCA แต่เอามาใช้กับหุ้นรายตัวผมว่าไม่เหมาะอย่างยิ่งครับ เพราะจะไม่ได้ซื้อตอนถูกคราวละมากๆทีเดียว
ถ้าถามส่วนตัวผมเชื่อในวิธี DCAไหม ผมเชื่อนะแต่ไม่หมด ลองดูตัวอย่างถ้าสมมติ คุณลงทุนแบบ DCA กับ set 50ตอนช่วงต้นปีนี้ ตอนที่ set index ประมาณ 600 คุณลงไปเรื่อยๆ 20ปี ทุนของคุณที่ตำที่สุดคือตอน set 600 แล้วอีก 20 ปี ถ้าsetขึ้น10%ต่อปีตามทฤษฐีมันจะไปอยู่ที่เท่าไหร่ ผมว่าลองจดไว้แล้วคอยดูอีก20 ปีนะครับว่ามันจะจริงไหม
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ