คุณรู้สึกอย่างไร
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 32
[quote="มะลิ"]หุ้นในพอร์ตที่วิ่งมาตลอดตอนนี้เริ่มนิ่งๆ ทรงๆ ตั้งแต่ เซตอยู่ที่ 860
ตอนนี้เซต เก้าร้อยฝ่าๆ แล้วบอกได้เลยว่าเฉยๆ ชิวๆ ก๊าบบบ
ตอนนี้เซต เก้าร้อยฝ่าๆ แล้วบอกได้เลยว่าเฉยๆ ชิวๆ ก๊าบบบ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 33
อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวกับความหมายของ จขกท. อ่ะนะครับ
วันนี้ ผมรู้สึกว่า...
"หุ้น" ก็เปรียบเสมือน "งานศิลปะ"
"งานศิลปะ" ที่ "ศิลปิน" ต่างก็ตั้งใจวาดขึ้นอย่างเต็มความสามารถ
แต่มันขึ้นอยู่กับว่า มีคนเห็นคุณค่าของมันแค่ไหน
มีใครให้ความสนใจ หรือสาดสปอร์ตไลท์ไปที่มันหรือเปล่า
งานศิลปะหรือภาพเขียนที่คนให้ความสนใจ ก็จะมีหลายๆคนมาขอรุมซื้อ
ทุกสื่อจะช่วยกันประโคมข่าว ถึงความสวยงามและคุณค่าของมัน
มันก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นไปอีก
และแน่นอนมันจะมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากคุณค่าในตัวของมันเองแล้ว
ผมมองว่า "Demand ถูกสร้างได้ด้วยกลุ่มคน และการใช้สื่ออย่างเหมาะสม"
นั่นคือความเหมือนของ "หุ้น" และ "งานศิลปะ" ในความรู้สึกของผม
วันนี้ หุ้นของบางคน อาจจะยังคงอยู่ในมุมมืดอยู่
และยังไม่มีคนให้ความสนใจ
แต่ถ้ามันมีคุณค่าในตัวเอง และเราเห็นคุณค่าของมัน
เราก็ยังคงเก็บถนอมมันไว้ ด้วยความรัก
และวันนึง ก็อาจจะมีคนเห็นคุณค่าของมันก็ได้
เขียนมา ไม่รู้ว่ามีสาระหรือเปล่า
แต่ผมรู้สึกยังไง ก็แค่เขียนไปแบบนั้นอ่ะครับ
วันนี้ ผมรู้สึกว่า...
"หุ้น" ก็เปรียบเสมือน "งานศิลปะ"
"งานศิลปะ" ที่ "ศิลปิน" ต่างก็ตั้งใจวาดขึ้นอย่างเต็มความสามารถ
แต่มันขึ้นอยู่กับว่า มีคนเห็นคุณค่าของมันแค่ไหน
มีใครให้ความสนใจ หรือสาดสปอร์ตไลท์ไปที่มันหรือเปล่า
งานศิลปะหรือภาพเขียนที่คนให้ความสนใจ ก็จะมีหลายๆคนมาขอรุมซื้อ
ทุกสื่อจะช่วยกันประโคมข่าว ถึงความสวยงามและคุณค่าของมัน
มันก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นไปอีก
และแน่นอนมันจะมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากคุณค่าในตัวของมันเองแล้ว
ผมมองว่า "Demand ถูกสร้างได้ด้วยกลุ่มคน และการใช้สื่ออย่างเหมาะสม"
นั่นคือความเหมือนของ "หุ้น" และ "งานศิลปะ" ในความรู้สึกของผม
วันนี้ หุ้นของบางคน อาจจะยังคงอยู่ในมุมมืดอยู่
และยังไม่มีคนให้ความสนใจ
แต่ถ้ามันมีคุณค่าในตัวเอง และเราเห็นคุณค่าของมัน
เราก็ยังคงเก็บถนอมมันไว้ ด้วยความรัก
และวันนึง ก็อาจจะมีคนเห็นคุณค่าของมันก็ได้
เขียนมา ไม่รู้ว่ามีสาระหรือเปล่า
แต่ผมรู้สึกยังไง ก็แค่เขียนไปแบบนั้นอ่ะครับ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- kenne
- Verified User
- โพสต์: 40
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 34
อืมมมม สภาพตลาดแบบนี้เหรอ
มันก็ ลานประมูลดีๆนี่เอง
อืมมม ก็แล้วแต่ครับ ใครใคร่ซื้อ ซื้อ ใครใคร่ขาย ขาย
หุ้นก็เหมือน ชีวิต ก็เหมือนทุกสิ่งทุกอย่าง
ขึ้นได้ก็ลงได้ ลงได้ก็ขึ้นได้
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
มันก็ ลานประมูลดีๆนี่เอง
อืมมม ก็แล้วแต่ครับ ใครใคร่ซื้อ ซื้อ ใครใคร่ขาย ขาย
หุ้นก็เหมือน ชีวิต ก็เหมือนทุกสิ่งทุกอย่าง
ขึ้นได้ก็ลงได้ ลงได้ก็ขึ้นได้
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
"หุ้นถูกเป็นสิ่งพิเศษสำหรับนักลงทุนพันธ์แท้ เราไม่ได้มองการตกลงของตลาดเป็นหายนะ แต่มองเป็นโอกาสที่จะนำไปสู่ความร่ำรวย"
-
- Verified User
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 35
แสดง ว่า อาจ ถือ หุ้น แบบ กระจุกตัว โดย ไม่ได้กระจาย ไปในหลายๆ กลุ่ม
ในทาง ทฤษฎี การ กระจายความเสี่ยง diversification การถือหุ้นน้อยตัว ความเสี่ยงที่ไม่เป็น ระบบ unsystematic risk จะยังไม่ได้ ถูกขจัด ออกไป
การมีหุ้นที่ มากขึ้น ใน หลายกลุ่ม จะช่วย ทำให้ ขจัด ความผันผวนออกไป เช่น ถือ หุ้น เกิน 7 ตัวขึ้นไป ในต่างกลุ่มอุตสหกรรม ผลตอบแทนก็ ที่ได้ ก็จะได้ใกล้ กับ ผลตอบแทน ของตลาด (beta) มากขึ้น
ในทาง ทฤษฎี การ กระจายความเสี่ยง diversification การถือหุ้นน้อยตัว ความเสี่ยงที่ไม่เป็น ระบบ unsystematic risk จะยังไม่ได้ ถูกขจัด ออกไป
การมีหุ้นที่ มากขึ้น ใน หลายกลุ่ม จะช่วย ทำให้ ขจัด ความผันผวนออกไป เช่น ถือ หุ้น เกิน 7 ตัวขึ้นไป ในต่างกลุ่มอุตสหกรรม ผลตอบแทนก็ ที่ได้ ก็จะได้ใกล้ กับ ผลตอบแทน ของตลาด (beta) มากขึ้น
VI with CISA ระดับ 1
- iluckyhappy
- Verified User
- โพสต์: 72
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 36
บอกกันตรง ๆ ครับ รู้สึกอยาก เปลี่ยนตัวลงทุน มาก ความคิดของสมอง เริ่มขัดแย้งกัน (เหมือนมี "มาร" :twisted: และ "เทวดา" คอยเป่าหู อยู่ข้าง )
ระหว่าง "การเก็งกำไร" :twisted: กับ "การลงทุน" :D
แต่พอฝ่าย มาร ชนะ ตัดสินใจขายหุ้นตัวเดิม ทั้งที่พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ปันผลก็ดี พอขายไปได้ 3-4 วัน ราคา วิ่งทุกครั้ง เลย ... (ตอนที่ผมไป ฟัง จิตวิทยาการลงทุน ตอนที่
คุณหมอสม ผมเลยชอบมาก รู้สึกโดน เต็ม ๆ ... เหมือน นักลงทุน มี กรรม ทั้งดี และไม่ดี ...) ....
--------------------------------------------------------------------
ประสบการณ์การลงทุน ยังน้อยไม่กี่ปี ผมคงต้องใช้เวลาในการเรียนรู้อีกเยอะ (โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน มีอะไรอีกมากที่เราไม่รู้)
ปล. ตอนนี้ ต้องฝึก นั่ง สมาธิ เพิ่มด้วย ( ราขาขึ้นหนอ ราคาไม่เปลี่ยนหนอ ราคาลงหนอ) :8)
ระหว่าง "การเก็งกำไร" :twisted: กับ "การลงทุน" :D
แต่พอฝ่าย มาร ชนะ ตัดสินใจขายหุ้นตัวเดิม ทั้งที่พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ปันผลก็ดี พอขายไปได้ 3-4 วัน ราคา วิ่งทุกครั้ง เลย ... (ตอนที่ผมไป ฟัง จิตวิทยาการลงทุน ตอนที่
คุณหมอสม ผมเลยชอบมาก รู้สึกโดน เต็ม ๆ ... เหมือน นักลงทุน มี กรรม ทั้งดี และไม่ดี ...) ....
--------------------------------------------------------------------
ประสบการณ์การลงทุน ยังน้อยไม่กี่ปี ผมคงต้องใช้เวลาในการเรียนรู้อีกเยอะ (โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน มีอะไรอีกมากที่เราไม่รู้)
ปล. ตอนนี้ ต้องฝึก นั่ง สมาธิ เพิ่มด้วย ( ราขาขึ้นหนอ ราคาไม่เปลี่ยนหนอ ราคาลงหนอ) :8)
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 38
ถ้าหุ้นที่เราเลือกมันไม่วิ่ง ผมว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราไปเลือกตัวที่ดีก็จริง แต่หุ้นมันอยู่ในมุมอับจริงๆ จึงไม่มีคนเห็น ไม่มีคนสนใจ (จึงเป็นเหตุผลที่เราซื้อได้ถูกด้วย จริงไหม 55) สรุปต้องโฆษณานะผมว่า แต่ให้ถูกกาละเทศะหน่อย เดี๋ยวจะมีคนว่าได้ ถ้าออกนอกหน้าเกินไป และอย่างไรก็เรื่องจริงว่ามนุษย์ยังไงๆก็แห่ตามสมัยนิยม จะเอาชนะได้ต้องมองจุดนี้ด้วย (ต้องเก็งค่านิยม ไม่ใช่เก็งกำไรราคานะ เอาส่วนนี้มาผสมด้วย จึงจะสำเร็จครับ ผมว่า)
ตัวผมเองก็มีหุ้นดีๆแต่ไม่วิ่งอยู่เหมือนกัน มองมันแล้วก็เซ็งเพราะเห็นของคนอื่น วิ่งเอา วิ่งเอา แต่ผมก็ยังถือมันต่อไปเรื่อยๆนะครับตราบเท่าที่ยังมีมีตัวอื่นที่ดีกว่าที่จะต้องขายตัวนี้ไปซื้อครับ
ผมขอสรุปว่า นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าควรซื้อหุ้นที่อยู่ใน set 100 ขึ้นมา เพราะเป็นกลุ่มที่มีปริมาณการซื้อขายมาก มีโอกาสที่ราคาจะวิ่งมากกว่ากลุ่มที่อยู่นอกสายตามวลชนตัวอื่นๆ แต่ถ้าอยู่ในset100 แล้วยังไม่วิ่งอีกก็ต้องทำใจครับ
ตัวผมเองก็มีหุ้นดีๆแต่ไม่วิ่งอยู่เหมือนกัน มองมันแล้วก็เซ็งเพราะเห็นของคนอื่น วิ่งเอา วิ่งเอา แต่ผมก็ยังถือมันต่อไปเรื่อยๆนะครับตราบเท่าที่ยังมีมีตัวอื่นที่ดีกว่าที่จะต้องขายตัวนี้ไปซื้อครับ
ผมขอสรุปว่า นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าควรซื้อหุ้นที่อยู่ใน set 100 ขึ้นมา เพราะเป็นกลุ่มที่มีปริมาณการซื้อขายมาก มีโอกาสที่ราคาจะวิ่งมากกว่ากลุ่มที่อยู่นอกสายตามวลชนตัวอื่นๆ แต่ถ้าอยู่ในset100 แล้วยังไม่วิ่งอีกก็ต้องทำใจครับ
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 39
ขอยืมคำพูดของ ดร.นิเวศน์ มาใช้นะครับ
สนามหญ้าข้างบ้านเขียวกว่าบ้านเราเสมอ รถเลนเราวิ่งช้าเสมอ เป็นเรื่องที่เราชอบหาหุ้นตัวใหม่ๆเรื่อยๆ คิดว่าหุ้นคนอื่นดีกว่าหุ้นเรา ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สุดท้ายไม่รุ้ว่าไอ้ที่เปลี่ยนนี่ชนะจริงๆหรือเปล่า เราควรสนใจในวิธีการของเราที่พิจารณามาดีแล้ว ถ้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะเป้นขาดวินัยในการลงทุน ยึดคติไว้ว่า โตไปกับบริษัทไม่ใช่โตไปกับราคาหุ้น
สนามหญ้าข้างบ้านเขียวกว่าบ้านเราเสมอ รถเลนเราวิ่งช้าเสมอ เป็นเรื่องที่เราชอบหาหุ้นตัวใหม่ๆเรื่อยๆ คิดว่าหุ้นคนอื่นดีกว่าหุ้นเรา ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สุดท้ายไม่รุ้ว่าไอ้ที่เปลี่ยนนี่ชนะจริงๆหรือเปล่า เราควรสนใจในวิธีการของเราที่พิจารณามาดีแล้ว ถ้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะเป้นขาดวินัยในการลงทุน ยึดคติไว้ว่า โตไปกับบริษัทไม่ใช่โตไปกับราคาหุ้น
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 40
[quote="navapon"]ขอยืมคำพูดของ ดร.นิเวศน์ มาใช้นะครับ
สนามหญ้าข้างบ้านเขียวกว่าบ้านเราเสมอ รถเลนเราวิ่งช้าเสมอ เป็นเรื่องที่เราชอบหาหุ้นตัวใหม่ๆเรื่อยๆ คิดว่าหุ้นคนอื่นดีกว่าหุ้นเรา ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สุดท้ายไม่รุ้ว่าไอ้ที่เปลี่ยนนี่ชนะจริงๆหรือเปล่า เราควรสนใจในวิธีการของเราที่พิจารณามาดีแล้ว ถ้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะเป้นขาดวินัยในการลงทุน
สนามหญ้าข้างบ้านเขียวกว่าบ้านเราเสมอ รถเลนเราวิ่งช้าเสมอ เป็นเรื่องที่เราชอบหาหุ้นตัวใหม่ๆเรื่อยๆ คิดว่าหุ้นคนอื่นดีกว่าหุ้นเรา ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สุดท้ายไม่รุ้ว่าไอ้ที่เปลี่ยนนี่ชนะจริงๆหรือเปล่า เราควรสนใจในวิธีการของเราที่พิจารณามาดีแล้ว ถ้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะเป้นขาดวินัยในการลงทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 41
+1 ให้จอมขุดครับ ให้มุมมองใหม่ๆ กับผมเสมอ
อย่ายอมแพ้
- murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 43
คำถามโดนใจมากช่วงนี้
ตลาด เก้าร้อยกว่าจุด พอร์ตผมไม่ไปไหน บางตัวลงมาเรื่อยๆอีกต่างหาก
แต่พิจารณาปัจจัยพื้นฐาน(ถ้าถูก) คิดว่ายังคงแข็งแกร่ง ผมก็ยังไม่ขาย
วัดใจVI ก็ช่วงนี้ล่ะครับ
ตลาด เก้าร้อยกว่าจุด พอร์ตผมไม่ไปไหน บางตัวลงมาเรื่อยๆอีกต่างหาก
แต่พิจารณาปัจจัยพื้นฐาน(ถ้าถูก) คิดว่ายังคงแข็งแกร่ง ผมก็ยังไม่ขาย
วัดใจVI ก็ช่วงนี้ล่ะครับ
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง
-
- Verified User
- โพสต์: 1311
- ผู้ติดตาม: 0
My House
โพสต์ที่ 46
ผมว่ามันเป็นโอกาสดีรึเปล่าครับที่ตอนนี้ fund flow ย้ายไปกลุ่มพลังงาน ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากเหตุดังต่อไปนี้
1. ต่างชาติเห็นตลาดไทยน่าลงทุน (ได้ผลตอบแทนคุ้มความเสี่ยงตามลักษณะตลาดเกิดใหม่) จึงมีเม็ดเงินไหลเข้ามาเรื่อยๆ
2. กลุ่ม energy โดยเฉพาะน้ำมันนี่ไม่ขยับมานาน ในขณะที่กลุ่มอื่นๆมันขยับไปมากจนใกล้หรือเต็มมูลค่าไปแล้ว หรือบางคนบอก mos เหลือน้อยแล้ว การขายออกเพื่อทำกำไรช่วงนี้ก็คงเหมาะสมตามมูลค่า เพื่อย้ายเงินไปเล่นกลุ่มน้ำมันที่มี upside เหลือมาก (บางตัวอาจอยู่ในช่วงกิจการตกต่ำด้วยซำ)
3. ต่างชาติย้ายเงินจากลุ่มอื่นที่ได้กำไรพอควรแล้วไปลงในกลุ่มน้ำมันที่ราคาไม่ขยับมานาน และสามารถเข้าออกได้ง่ายเพราะมีวอลุ่ม เพื่อทำกำไรต่อ
ดังนั้นจากนี้ราคากลุ่มน้ำมันอาจขยับขึ้นไปอีก ไม่รู้ว่าจะไปจนเกินมูลค่ารึเปล่า ส่วนหุ้นกลุ่มอื่นๆคงขยับลงมาเรื่อยๆ บางตัวถ้าผลประกอบการรายไตรมาสไม่ดี(กำไรอาจยังดีแต่เทียบต่อไตรมาสแย่ลง)อาจขยับลงมาเยอะหน่อย
หุ้นบางตัวที่พื้นฐานดีแต่ราคาไม่ขยับขึ้น(ไม่ลงด้วย)เช่นเดียวกับพวกกลุ่มนำมันอาจมีวอลุ่มเข้ามาบ้างเพราะรายย่อยบางรายเห้นหุ้นตัวที่ตนถืออยู่ขยับลงเลยย้ายเม็ดเงินมาลงในตัวพวกนี้เพราะเห็นว่ามั่นคงดี และอาจคิดว่าน่าจะมี upside อีก แต่ถ้าเรามองลึก(ไม่รู้ว่าถูกหรือไม่) ผมเห็นว่ามันเป็นโอกาสดีเพราะ
1. เม็ดเงินที่ย้ายไปกลุ่ม energy ทำให้หุ้นพื้นฐานดีบางตัวราคาลงมาต่ำจนได้ระดับ mos ที่บางท่านพอใจ
2. ระยะยาวราคาไปตามผลประกอบการดังนั้นพอถึงเวลาหนึ่งราคาหุ้นกลุ่ม energy ก็คงไหลกลับลงมาถ้าราคามันเกินพื้นฐานไปมาก
3. และเม็ดเงินก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ที่ไปตามผลประกอบการ
สรุปอาจงงๆจากที่ผมเขียน แต่ผมจะสื่อว่าตอนนี้อาจเป็นโอกาสดีที่จะซื้อหุ้นที่คุณๆท่านๆเห็นว่าพื้นฐานมันดี แต่ราคามันไปไกลแล้ว ในตอนนี้ (เพราะราคามันไหลลงจาก fund flow ที่เกิดขึ้นจากกลุ่มน้ำมันระบข่าวดีเรื่องมาบตพุธ) เท่านี้แหละครับหากผิดพลาดรบกวนชี้แนะด้วยครับ
1. ต่างชาติเห็นตลาดไทยน่าลงทุน (ได้ผลตอบแทนคุ้มความเสี่ยงตามลักษณะตลาดเกิดใหม่) จึงมีเม็ดเงินไหลเข้ามาเรื่อยๆ
2. กลุ่ม energy โดยเฉพาะน้ำมันนี่ไม่ขยับมานาน ในขณะที่กลุ่มอื่นๆมันขยับไปมากจนใกล้หรือเต็มมูลค่าไปแล้ว หรือบางคนบอก mos เหลือน้อยแล้ว การขายออกเพื่อทำกำไรช่วงนี้ก็คงเหมาะสมตามมูลค่า เพื่อย้ายเงินไปเล่นกลุ่มน้ำมันที่มี upside เหลือมาก (บางตัวอาจอยู่ในช่วงกิจการตกต่ำด้วยซำ)
3. ต่างชาติย้ายเงินจากลุ่มอื่นที่ได้กำไรพอควรแล้วไปลงในกลุ่มน้ำมันที่ราคาไม่ขยับมานาน และสามารถเข้าออกได้ง่ายเพราะมีวอลุ่ม เพื่อทำกำไรต่อ
ดังนั้นจากนี้ราคากลุ่มน้ำมันอาจขยับขึ้นไปอีก ไม่รู้ว่าจะไปจนเกินมูลค่ารึเปล่า ส่วนหุ้นกลุ่มอื่นๆคงขยับลงมาเรื่อยๆ บางตัวถ้าผลประกอบการรายไตรมาสไม่ดี(กำไรอาจยังดีแต่เทียบต่อไตรมาสแย่ลง)อาจขยับลงมาเยอะหน่อย
หุ้นบางตัวที่พื้นฐานดีแต่ราคาไม่ขยับขึ้น(ไม่ลงด้วย)เช่นเดียวกับพวกกลุ่มนำมันอาจมีวอลุ่มเข้ามาบ้างเพราะรายย่อยบางรายเห้นหุ้นตัวที่ตนถืออยู่ขยับลงเลยย้ายเม็ดเงินมาลงในตัวพวกนี้เพราะเห็นว่ามั่นคงดี และอาจคิดว่าน่าจะมี upside อีก แต่ถ้าเรามองลึก(ไม่รู้ว่าถูกหรือไม่) ผมเห็นว่ามันเป็นโอกาสดีเพราะ
1. เม็ดเงินที่ย้ายไปกลุ่ม energy ทำให้หุ้นพื้นฐานดีบางตัวราคาลงมาต่ำจนได้ระดับ mos ที่บางท่านพอใจ
2. ระยะยาวราคาไปตามผลประกอบการดังนั้นพอถึงเวลาหนึ่งราคาหุ้นกลุ่ม energy ก็คงไหลกลับลงมาถ้าราคามันเกินพื้นฐานไปมาก
3. และเม็ดเงินก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ที่ไปตามผลประกอบการ
สรุปอาจงงๆจากที่ผมเขียน แต่ผมจะสื่อว่าตอนนี้อาจเป็นโอกาสดีที่จะซื้อหุ้นที่คุณๆท่านๆเห็นว่าพื้นฐานมันดี แต่ราคามันไปไกลแล้ว ในตอนนี้ (เพราะราคามันไหลลงจาก fund flow ที่เกิดขึ้นจากกลุ่มน้ำมันระบข่าวดีเรื่องมาบตพุธ) เท่านี้แหละครับหากผิดพลาดรบกวนชี้แนะด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1161
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 48
ถ้าเราไม่รู้จริงในหุ้นที่เราซื้อแต่ดันคิดว่าเรารู้ดี...ก็เป็นการหลอกตัวเองครับ...ผมว่าราคาหุ้นที่ตกต่ำเป็นกระจกส่องให้เราต้องดิ้นรนค้นหาว่าเราคิดอะไรผิดหรือไม่...สุมาอี้ เขียน:นักลงทุนแนวอื่นเขาชอบแซวว่า มีเส้นบางๆ ระหว่างการมุ่งมั้นที่จะการลงทุนระยะยาวกับการติดหุ้น เขาบอกว่า VI ติดดอยแล้วไม่ขายเพราะบอกว่ามูลค่าหุ้นยังเท่าเดิมเป็นการหลอกตัวเองชนิดหนึ่ง
พวกท่านว่าไง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 49
bingo!kraikria เขียน:ถ้าเราไม่รู้จริงในหุ้นที่เราซื้อแต่ดันคิดว่าเรารู้ดี...ก็เป็นการหลอกตัวเองครับ...ผมว่าราคาหุ้นที่ตกต่ำเป็นกระจกส่องให้เราต้องดิ้นรนค้นหาว่าเราคิดอะไรผิดหรือไม่...สุมาอี้ เขียน:นักลงทุนแนวอื่นเขาชอบแซวว่า มีเส้นบางๆ ระหว่างการมุ่งมั้นที่จะการลงทุนระยะยาวกับการติดหุ้น เขาบอกว่า VI ติดดอยแล้วไม่ขายเพราะบอกว่ามูลค่าหุ้นยังเท่าเดิมเป็นการหลอกตัวเองชนิดหนึ่ง
พวกท่านว่าไง
-
- Verified User
- โพสต์: 1296
- ผู้ติดตาม: 1
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 50
ยอมรับครับว่าช่วงนี้หวั่นไหวที่ Port เรานิ่งๆ ส่วนตัวอื่นวิ่ง
แต่เมื่อคิดถึงอดีตตอนเริ่มเล่นหุ้น 15 ปีแรก Port แทบไม่โตเลย
เมื่อเล่นตามกระแส
พอเปลี่ยนมาเล่นแนว VI 5ปีหลัง Port โตอย่างช้าๆไปหลาย
เท่าตัวแล้ว จึงตัดสินใจไม่เล่นตามกระแส ทนๆๆต่อกิเลส
แต่เมื่อคิดถึงอดีตตอนเริ่มเล่นหุ้น 15 ปีแรก Port แทบไม่โตเลย
เมื่อเล่นตามกระแส
พอเปลี่ยนมาเล่นแนว VI 5ปีหลัง Port โตอย่างช้าๆไปหลาย
เท่าตัวแล้ว จึงตัดสินใจไม่เล่นตามกระแส ทนๆๆต่อกิเลส
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 51
ผมก็มีความรู้สึกอยากเปลี่ยนตัว ไปซื้อหุ้นตลาดแว๊ปๆเหมือนกันครับ
แต่จะใช้วิธีดูมูลค่าหุ้นในอนาคตของพอร์ตเปลี่ยนความรู้สึกนั้นเอา
พอใจเริ่มว๊อกแวกก็จะจิ้มเครื่องคิดเลขหรือคิดในใจ
ว่าหุ้นแต่ละตัวหากถืออีก2-3ปี มูลค่าจะเป็นเท่าไหร่ พอร์ตรวมจะโตเป็นเท่าไหร่
เลยพอจัดการกับความรู้สึกหวั่นไหวไปได้ครับ
แต่จะใช้วิธีดูมูลค่าหุ้นในอนาคตของพอร์ตเปลี่ยนความรู้สึกนั้นเอา
พอใจเริ่มว๊อกแวกก็จะจิ้มเครื่องคิดเลขหรือคิดในใจ
ว่าหุ้นแต่ละตัวหากถืออีก2-3ปี มูลค่าจะเป็นเท่าไหร่ พอร์ตรวมจะโตเป็นเท่าไหร่
เลยพอจัดการกับความรู้สึกหวั่นไหวไปได้ครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 52
ผมคนนึงครับ ที่ไม่ได้ชะแว้บไปไหนเลย รู้ทั้งรู้ว่า ชะแว้บไป มันได้แน่นอน
เพราะกระแสมันแรงมาก :lol:
สิ่งที่ตามมาคือ ซึมลงๆๆในวันที่ผ่านมาซึ่งตลาดทะยานขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อวาน หุ้นในพอร์ตลงสวนตลาดแรงมาก เกือบทุกตัว
ผมล่ะกลัวจริงๆว่า จะมองผิดอยู่คนเดียว :oops:
เพราะกระแสมันแรงมาก :lol:
สิ่งที่ตามมาคือ ซึมลงๆๆในวันที่ผ่านมาซึ่งตลาดทะยานขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อวาน หุ้นในพอร์ตลงสวนตลาดแรงมาก เกือบทุกตัว
ผมล่ะกลัวจริงๆว่า จะมองผิดอยู่คนเดียว :oops:
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- EvolutionX
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 54
ไม่น่าเชื่อ ว่ากระทู้ ของอาจาย์มนตรี (Mon Money) ที่ตั้งกระทู้นี้ มาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จะเข้า กับ สถานการณ์ตอนนี้พอดี
สถานการณ์ แบบนี้ นักลงทุน VI ต้องตั้งมั่น ใจแข็ง อย่าโลภ
ผมไม่อยากเห็น ภาพ การยิงตัวตาย(แต่ไม่ตาย) ออก TV แบบเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วอีก...
สถานการณ์ แบบนี้ นักลงทุน VI ต้องตั้งมั่น ใจแข็ง อย่าโลภ
ผมไม่อยากเห็น ภาพ การยิงตัวตาย(แต่ไม่ตาย) ออก TV แบบเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วอีก...
ขอให้อยู่อย่างมีความหวัง แต่อย่าอยู่อย่างเพ้อฝัน
- laohanant
- Verified User
- โพสต์: 372
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 55
เพียงเพราะว่าราคาหุ้นขึ้นไปไม่ได้หมายความว่าคุณถูก
เพียงเพราะว่าหุ้นลงก็ไม่ได้หมายความว่าคุณผิด
ตราบเท่าที่คุณไม่ได้เข้าใจผิดไปเองเกี่ยวกับหุ้นที่คุณถือครอง
และก็ตราบเท่าที่คุณยังเห็นคุณค่าที่แท้จริงในหุ้นที่คุณถือครอง มากว่ากว่าราคาปัจจุบันนี้มากมาย :D
เพียงเพราะว่าหุ้นลงก็ไม่ได้หมายความว่าคุณผิด
ตราบเท่าที่คุณไม่ได้เข้าใจผิดไปเองเกี่ยวกับหุ้นที่คุณถือครอง
และก็ตราบเท่าที่คุณยังเห็นคุณค่าที่แท้จริงในหุ้นที่คุณถือครอง มากว่ากว่าราคาปัจจุบันนี้มากมาย :D
Detect and Act on the market 's error.
-
- Verified User
- โพสต์: 225
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 56
กระทู้นี้อ่านแล้วโดนใจอย่างแรง ขอออกความเห็นในฐานะมือใหม่ เมื่อก่อนผมซื้อหุ้นแล้วมักจะขนาดทุน ประมาณว่าซื้อแล้วซักพักหุ้นมันก็ลง ต้องทนถืออีกหลายเดือนกว่าจะกลับมากำไร
ผมก็สงสัยมาตลอดว่าทำไม.... แต่หลังจากได้รู้เรื่อง MOS ผมว่านี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ผมซื้อแล้วติดหุ้นเพราะ หุ้นที่ซื้อผลประกอบการก็ดี แต่เราไม่ได้ซื้อตอนที่มี MOS มากพอ ประมาณว่าใจร้อน
พอมาเมื่อเช้าเห็นตลาดเริ่มแกว่งๆ ใจเราก็แกว่งไปด้วย ก็เลยถามแฟนว่า ถ้าตลาดมันลงต่อนี่จะขายดีไหม เอากำไรออกมาก่อน
แฟนก็บอกว่าตอนนี้เปลี่ยนมาแนว VI แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วหุ้นก็ยังมี MOS นี่ แค่นี้ทำมาจะขาย ผมก็เออ....ได้แฟนตืนสติ งั้นก็ถือไป พร้อมกับซื้อเพิ่ม :D
ผมก็สงสัยมาตลอดว่าทำไม.... แต่หลังจากได้รู้เรื่อง MOS ผมว่านี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ผมซื้อแล้วติดหุ้นเพราะ หุ้นที่ซื้อผลประกอบการก็ดี แต่เราไม่ได้ซื้อตอนที่มี MOS มากพอ ประมาณว่าใจร้อน
พอมาเมื่อเช้าเห็นตลาดเริ่มแกว่งๆ ใจเราก็แกว่งไปด้วย ก็เลยถามแฟนว่า ถ้าตลาดมันลงต่อนี่จะขายดีไหม เอากำไรออกมาก่อน
แฟนก็บอกว่าตอนนี้เปลี่ยนมาแนว VI แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วหุ้นก็ยังมี MOS นี่ แค่นี้ทำมาจะขาย ผมก็เออ....ได้แฟนตืนสติ งั้นก็ถือไป พร้อมกับซื้อเพิ่ม :D
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 57
ผมเคยมีอารมณ์เสียดายเช่นนี้เมื่อปี 2007 ขณะนั้นหุ้นทุกตัวใน port แทบไม่ขยับเลยในขณะที่ SET บวกกว่า 25%
ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้นและรอรับปันผล
ปี 2008 ก็เกิดวิกฤติ หุ้นใน port ของผมก็ลงตามไปด้วย
คำถามเกิดว่า เวลาตลาดขึ้น หุ้นเรากลับไม่ขึ้น แต่เวลาตลาดลงหุ้นเรากลับลงตามไปด้วยเรื่อยๆ นี่เราลงทุนผิดพลาดจริงๆใช่หรือไม่?
แต่สุดท้ายผมกลับซื้อเพิ่ม เพราะใจที่คิดถึง Margin of safety เป็นฝ่ายชนะ
หลังจากที่รอรับปันผลมาตลอดตั้งแต่ปี 2006 โดยแทบไม่ได้ชื่นชมกับ Capital gain ใดๆจากหุ้นตัวนี้เลย และแล้วในปี 2010 มันก็ออกดอกออกผลจนเป็นที่น่าพอใจ
ผมได้ตระหนักจากเรื่องนี้ว่า การวิเคราะห์และเลือกลงทุนในหุ้นที่ดีมีคุณภาพเป็นส่วนหนึ่ง ตลาดหุ้นเป็นเหมือนสปอตไลท์ที่คอยสอดส่องไปเรื่อยๆอีกส่วนหนึ่ง เมื่อเราซื้อหุ้นแล้วราคาไม่ขึ้น อาจไม่ใช่เพราะมันไม่ดีจริง แต่เป็นเพราะสปอตไลท์ยังไม่ฉายมาหาหุ้นนั้นๆในขณะนี้
การลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ในแง่หนึ่งเหมือนการรอสปอตไลท์ที่ชื่อว่า "ตลาด" อยู่ไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นเราไม่ควรท้อถอย ตั้งใจหาหุ้นที่ดีมีคุณภาพต่อไป แต่ต้องมั่นใจด้วยนะครับว่าดีจริง ไม่มั่วนิ่ม
ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้นและรอรับปันผล
ปี 2008 ก็เกิดวิกฤติ หุ้นใน port ของผมก็ลงตามไปด้วย
คำถามเกิดว่า เวลาตลาดขึ้น หุ้นเรากลับไม่ขึ้น แต่เวลาตลาดลงหุ้นเรากลับลงตามไปด้วยเรื่อยๆ นี่เราลงทุนผิดพลาดจริงๆใช่หรือไม่?
แต่สุดท้ายผมกลับซื้อเพิ่ม เพราะใจที่คิดถึง Margin of safety เป็นฝ่ายชนะ
หลังจากที่รอรับปันผลมาตลอดตั้งแต่ปี 2006 โดยแทบไม่ได้ชื่นชมกับ Capital gain ใดๆจากหุ้นตัวนี้เลย และแล้วในปี 2010 มันก็ออกดอกออกผลจนเป็นที่น่าพอใจ
ผมได้ตระหนักจากเรื่องนี้ว่า การวิเคราะห์และเลือกลงทุนในหุ้นที่ดีมีคุณภาพเป็นส่วนหนึ่ง ตลาดหุ้นเป็นเหมือนสปอตไลท์ที่คอยสอดส่องไปเรื่อยๆอีกส่วนหนึ่ง เมื่อเราซื้อหุ้นแล้วราคาไม่ขึ้น อาจไม่ใช่เพราะมันไม่ดีจริง แต่เป็นเพราะสปอตไลท์ยังไม่ฉายมาหาหุ้นนั้นๆในขณะนี้
การลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ในแง่หนึ่งเหมือนการรอสปอตไลท์ที่ชื่อว่า "ตลาด" อยู่ไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นเราไม่ควรท้อถอย ตั้งใจหาหุ้นที่ดีมีคุณภาพต่อไป แต่ต้องมั่นใจด้วยนะครับว่าดีจริง ไม่มั่วนิ่ม
-
- Verified User
- โพสต์: 467
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 58
ขอแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการเล่นหุ้นตามกระแสครับ
ผมเองมองว่าคำว่า "กระแส" หรือ "Fund Flow" ในที่นี้อาจจะมีคำนิยาม หรือ ความเข้าใจที่แตกต่างกันได้หลายรูปแบบ เช่น กระแสของเงินที่เคลื่อนย้ายจากพันธบัตร มาสู่ตลาดหุ้น หรือ กระแสของเงินที่ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นบาง sector ที่เพิ่มขี้นจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและแนวโน้มอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป
ซึ่งถ้าเป็น "กระแส" ในรูปแบบดังกล่าว ผมเองก็มองว่า เป็นรูปแบบการลงทุนที่มีเหตุผลรองรับ เพียงแต่ กระแสดังกล่าวจะเกิดขี้นเพียง ระยะสั้น หรือ ระยะกลางถึงยาว ซึ่งต้องวิเคราะห์กันให้ชัดเจนเพื่อให้เข้ากับรูปแบบการลงทุนของแต่ละคน เช่น เล่นหุ้นระยะสั้นตามกระแสระยะยาว หรือ ลงทุนระยะยาวตามกระแสระยะสั้น ซึ่งก็จะทำให้เกิดความเสียหายกับการลงทุนได้
แต่ในรูปแบบที่ผมมองว่าผิดก็คือ เล่นหุ้นตาม "กระแสของราคา" เป็นหลัก คือ ราคาตัวไหนมา ก็ตามเข้าไปเล่นโดยใช้ technical ประกอบ
บางครั้งจึงอยากให้ชัดเจนมากขี้นว่า "กระแส" ของแต่ละคนเป็นยังไง จะผิดหรือถูก อยู่ที่เหตุ และสุดท้ายจะตามมาด้วยผลอย่างแน่นอน
ผมเองมองว่าคำว่า "กระแส" หรือ "Fund Flow" ในที่นี้อาจจะมีคำนิยาม หรือ ความเข้าใจที่แตกต่างกันได้หลายรูปแบบ เช่น กระแสของเงินที่เคลื่อนย้ายจากพันธบัตร มาสู่ตลาดหุ้น หรือ กระแสของเงินที่ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นบาง sector ที่เพิ่มขี้นจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและแนวโน้มอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป
ซึ่งถ้าเป็น "กระแส" ในรูปแบบดังกล่าว ผมเองก็มองว่า เป็นรูปแบบการลงทุนที่มีเหตุผลรองรับ เพียงแต่ กระแสดังกล่าวจะเกิดขี้นเพียง ระยะสั้น หรือ ระยะกลางถึงยาว ซึ่งต้องวิเคราะห์กันให้ชัดเจนเพื่อให้เข้ากับรูปแบบการลงทุนของแต่ละคน เช่น เล่นหุ้นระยะสั้นตามกระแสระยะยาว หรือ ลงทุนระยะยาวตามกระแสระยะสั้น ซึ่งก็จะทำให้เกิดความเสียหายกับการลงทุนได้
แต่ในรูปแบบที่ผมมองว่าผิดก็คือ เล่นหุ้นตาม "กระแสของราคา" เป็นหลัก คือ ราคาตัวไหนมา ก็ตามเข้าไปเล่นโดยใช้ technical ประกอบ
บางครั้งจึงอยากให้ชัดเจนมากขี้นว่า "กระแส" ของแต่ละคนเป็นยังไง จะผิดหรือถูก อยู่ที่เหตุ และสุดท้ายจะตามมาด้วยผลอย่างแน่นอน
The miracle of compounding,