ทำไม่โบรกเกอร์ ถึงเกลียดนักลงทุนแนว VI

[tum_H]

ผมยังจำได้ตอนเริ่มซื้อขายใหม่ๆ เวลาโทรไปหามักจะได้ยินเสียง
รับโทรศัพท์แบบเนือยๆ ประมาณว่าซื้อก็ทีละน้อย ขัดเวลาทำมาหากิน
(มาร์ข้างๆ ก้อจะนั่งขำ ประมาณว่ารายย่อยโทรมาอีกละ)

แต่พอหลายปีผ่านไป นักลงทุนคนเดิมก็ยังอยู่ ขาดทุนก็ไม่เคยบ่น กำไร
เท่าไหร่ก็พอใจ ตามเป้าหมายของเรา ไม่ได้โบ้ยใคร

เงินของเราอยู่ที่เราจะเลือกลงทุน ผมเชื่อในการตัดสินใจอย่างมีเหตุผลเสมอ

จนมาวันนี้กลายเป็นลูกค้าที่มาร์คุ้นเคย เสียงรับโทรศัพท์เปลี่ยนไปเป็น
แบบกระตือรือรร้น ที่จะรับใช้เต็มที่ สวัสดีครับ ผม... อ้อ ครับๆๆๆๆ ฟังแล้ว
ขนลุก

สงสัยเกิดจากการขายทีละล๊อต กลายเป็นยกล๊อต มาคงถูกใจจุดนี้กะมัง

555 :lol:

[nattachai]

มาร์ผมก็โทรมาแนะนำหุ้นเรื่อยๆนะครับ ให้ซื้อให้ขาย แต่ผมก็ไม่เคยทำตามเลย เค้าก็ไม่ว่าอะไรครับ ยังโทรมาอยู่ดี  :lol:  :lol:  :lol:

[ziannoom]

ขอออกความเห็นในฐานะอดีตมาร์นะครับ
สมัยที่ผมไปลองทำอยู่ 1 ปีในช่วงปี 2005 ผมทำอยู่ที่เชียงใหม่ ตอนนั้นมาร์ที่ประสบการณ์น้อยส่วนใหญ่มีเงินเดือนขั้นต่ำ 7-8พันบาท ด้วยจำนวนเงิน 8 พันบาทนี้ ต้องทำยอดให้ได้เดือนละ 12 ล้านเป็นอย่างต่ำ ถ้าทำเกินก็จะได้เพิ่มตามอัตราส่วนไป แต่ถ้าทำยอดไม่ถึงก็จะได้ตามขั้นต่ำ
มาร์ที่มีรายได้ในหลักแสนบาทต่อเดือนนั้นมีน้อยมากเมื่อเทียบกับคนที่มีรายได้ในระดับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และยังมีอีกหลายคนที่ทำได้แค่พยายามให้ได้ตามเกณฑ์ขั้นต่ำ โดยในปีนึงๆ จะมีเพียง 2-3 เดือนที่จะเป็นช่วงที่มาร์จะมีรายได้ดี เดือนที่เหลือ มาร์จะต้องดิ้นรนและใช้จ่ายอย่างประหยัดมากๆ
ถ้าเดือนไหนผมทำยอดได้ไม่ถึง ผมจะโดนผู้จัดการเรียกเข้าไปกดดัน และให้โทรหาลูกค้าบ่อยๆ ชวนซื้อชวนขาย จนผมรู้สึกอึดอัด เพราะในมุมมองของผู้จัดการ เขามองที่ยอดซื้อขายเป็นหลัก เรื่องความมั่งคั่งของลูกค้า เขาก็ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่เขามองเป็นเรื่องรองลงไป เพราะเราต้องอยู่ต้องกิน ไม่ทำก็อยู่ไม่ได้
มาร์ที่ผมรู้จักเกือบทุกคน ไม่มีความรู้เรื่องหุ้นจริงๆหรอกครับ จะไปฟังจากฝ่ายวิเคราะห์มาอีกที นักวิเคราะห์บอกยังไงก็พูดตามนั้น และมาร์ที่ทำได้หลายปีนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเคยเทรดหุ้นตัวเองทั้งนั้น และเกือบทุกคนจะเลิกเทรดหุ้นตัวเองไปแล้ว เพราะกลัว เนื่องจากเคยเจ็บมาก่อน ถ้ามีเทรดก็จำนวนน้อยๆ เล่นๆเอามัน ไม่กล้าลงเยอะ

ผมออกมาจากตรงนั้น แล้วก็เข้าใจนะครับว่าเขาก็ทำตามหน้าที่เพื่อปากท้องของตัวเอง ผมก็เลยไม่ได้โทษอะไรเขา แต่เราก็ยึดหลักของเราก็บอกให้เขาเข้าใจ

จริงๆแล้วชีวิตมาร์ไม่ใช่มนุษย์ทองคำเหมือนยุคฟองสบู่แล้วนะครับ ผมว่าน่าเห็นใจมากกว่า

ความเห็นเหมือนกัน เพราะเคยเป็นเหมือนกัน มาร์นี่ แต่ผมเป็นเพราะผมไปหาความรู้ 8 เดือนกับเงินเดือนไม่ถึงหมื่น นั่งรถไฟฟ้า กินข้าวเที่ยงมื้อละห้าสิบก็ไม่อิ่ม แต่คิดย้อนหลังก็คุ้มนะ ไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมที่ต้องคอย เดย์เทรด

[tchakrab]

ไม่ได้เกลียดเลยครับ รักทุกคนที่ลงทุนครับ  :lol:

[Visute]

ของผม ได้คุยกับ Mkt. เพียงตอนเปิดพอร์ต และหลังจากนั้นก็ตอนโอนเงินเท่านั้นเหมือนกันครับ ตอนเปิดพอร์ตใหม่ๆก็ทดลองขอคำแนะนำแต่คำตอบที่ได้มาเหมือนกับว่าไม่มีความรู้และไม่ได้ผ่านการวิเคราะห์มา ตอบเลี่ยงๆไปอย่างนั้นเอง
ก็ผลประโยชน์ของเรากับเขาสวนทางกัน การปฏิบัติเลยสวนทางกันด้วย

[laohanant]

ไม่อยากจะบอกเลยว่าไม่เคยเห็นหน้ามาร์ แล้วก็ไม่เคยไปเหยียบที่ โบรกด้วย

load ใบสมัคร สัญญา ทางเน็ท เซ็นไปพร้อมเอกสาร ที่ต้องใช้ แล้วส่งไปรษณีย์ไป แล้วเค้าก็ mail ครับมา โอนเงินเข้าไป แล้วก็ตามอัทยาศัย  :D

โลกส่วนตัวแบบ cash balance สุขมาก อยากทำอารายทำ อยากเคาะอารายเคาะ อยู่กับบ้านตลอด

[ส.สลึง]

...ทุกวันนี้ตั้งแต่ผมตัดสินในลงทุนแนว vi ความรู้สึกเหมือนจะเป็น อริ กับมาร์ ตัวเองอยู่เสมอ ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนดูแลพอร์ตให้กับเรา...

พอร์ตเป็นชื่อเรา เราก็ต้องดูแลสิครับ
ส่วนมาร์ก็ทำหน้าที่ของมาร์ไป
เขาหวังดี เขาเตือน ก็ขอบคุณเขา
ส่วนเราจะตัดสินใจยังไง เราเท่านั้นครับ

ไม่ใช่มาร์

[yutt1234]

[quote="laohanant"]ไม่อยากจะบอกเลยว่าไม่เคยเห็นหน้ามาร์ แล้วก็ไม่เคยไปเหยียบที่ โบรกด้วย

load ใบสมัคร สัญญา ทางเน็ท เซ็นไปพร้อมเอกสาร ที่ต้องใช้ แล้วส่งไปรษณีย์ไป แล้วเค้าก็ mail ครับมา โอนเงินเข้าไป แล้วก็ตามอัทยาศัย

[genedemonvi]

ขอออกความเห็นในฐานะอดีตมาร์นะครับ
สมัยที่ผมไปลองทำอยู่ 1 ปีในช่วงปี 2005 ผมทำอยู่ที่เชียงใหม่ ตอนนั้นมาร์ที่ประสบการณ์น้อยส่วนใหญ่มีเงินเดือนขั้นต่ำ 7-8พันบาท ด้วยจำนวนเงิน 8 พันบาทนี้ ต้องทำยอดให้ได้เดือนละ 12 ล้านเป็นอย่างต่ำ ถ้าทำเกินก็จะได้เพิ่มตามอัตราส่วนไป แต่ถ้าทำยอดไม่ถึงก็จะได้ตามขั้นต่ำ
มาร์ที่มีรายได้ในหลักแสนบาทต่อเดือนนั้นมีน้อยมากเมื่อเทียบกับคนที่มีรายได้ในระดับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และยังมีอีกหลายคนที่ทำได้แค่พยายามให้ได้ตามเกณฑ์ขั้นต่ำ โดยในปีนึงๆ จะมีเพียง 2-3 เดือนที่จะเป็นช่วงที่มาร์จะมีรายได้ดี เดือนที่เหลือ มาร์จะต้องดิ้นรนและใช้จ่ายอย่างประหยัดมากๆ
ถ้าเดือนไหนผมทำยอดได้ไม่ถึง ผมจะโดนผู้จัดการเรียกเข้าไปกดดัน และให้โทรหาลูกค้าบ่อยๆ ชวนซื้อชวนขาย จนผมรู้สึกอึดอัด เพราะในมุมมองของผู้จัดการ เขามองที่ยอดซื้อขายเป็นหลัก เรื่องความมั่งคั่งของลูกค้า เขาก็ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่เขามองเป็นเรื่องรองลงไป เพราะเราต้องอยู่ต้องกิน ไม่ทำก็อยู่ไม่ได้
มาร์ที่ผมรู้จักเกือบทุกคน ไม่มีความรู้เรื่องหุ้นจริงๆหรอกครับ จะไปฟังจากฝ่ายวิเคราะห์มาอีกที นักวิเคราะห์บอกยังไงก็พูดตามนั้น และมาร์ที่ทำได้หลายปีนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเคยเทรดหุ้นตัวเองทั้งนั้น และเกือบทุกคนจะเลิกเทรดหุ้นตัวเองไปแล้ว เพราะกลัว เนื่องจากเคยเจ็บมาก่อน ถ้ามีเทรดก็จำนวนน้อยๆ เล่นๆเอามัน ไม่กล้าลงเยอะ

ผมออกมาจากตรงนั้น แล้วก็เข้าใจนะครับว่าเขาก็ทำตามหน้าที่เพื่อปากท้องของตัวเอง ผมก็เลยไม่ได้โทษอะไรเขา แต่เราก็ยึดหลักของเราก็บอกให้เขาเข้าใจ

จริงๆแล้วชีวิตมาร์ไม่ใช่มนุษย์ทองคำเหมือนยุคฟองสบู่แล้วนะครับ ผมว่าน่าเห็นใจมากกว่า

ความเห็นเหมือนกัน เพราะเคยเป็นเหมือนกัน มาร์นี่ แต่ผมเป็นเพราะผมไปหาความรู้ 8 เดือนกับเงินเดือนไม่ถึงหมื่น นั่งรถไฟฟ้า กินข้าวเที่ยงมื้อละห้าสิบก็ไม่อิ่ม แต่คิดย้อนหลังก็คุ้มนะ ไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมที่ต้องคอย เดย์เทรด

อืม น่าเห็นใจครับ

แต่รายได้ของมาร์ ส่วนใหญ่ก็คงไม่ได้เยอะเท่าไหร๋ เพราะ มีตัวเลือกจากเด็กจบใหม่ที่ ขอแค่ให้ได้งานทำไว้ก่อนเพียบ แถมยังมีการเทรด ผ่านอินเตอร์เน็ตอีกตะหาก ซึ่งต่อไปก็คงจะผ่านระบบนี้มากขึ้น โดยเฉพาะ รายย่อย ที่เริ่มลงทุนเร็ว เนื่อง จาก พอร์ตเริ่มต้นมันเล็ก และเทรดได้แบบไม่ต้องอายมาร์ อิอิ

[hevendall]

ขอออกความเห็นในฐานะอดีตมาร์นะครับ
สมัยที่ผมไปลองทำอยู่ 1 ปีในช่วงปี 2005 ผมทำอยู่ที่เชียงใหม่ ตอนนั้นมาร์ที่ประสบการณ์น้อยส่วนใหญ่มีเงินเดือนขั้นต่ำ 7-8พันบาท ด้วยจำนวนเงิน 8 พันบาทนี้ ต้องทำยอดให้ได้เดือนละ 12 ล้านเป็นอย่างต่ำ ถ้าทำเกินก็จะได้เพิ่มตามอัตราส่วนไป แต่ถ้าทำยอดไม่ถึงก็จะได้ตามขั้นต่ำ
มาร์ที่มีรายได้ในหลักแสนบาทต่อเดือนนั้นมีน้อยมากเมื่อเทียบกับคนที่มีรายได้ในระดับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และยังมีอีกหลายคนที่ทำได้แค่พยายามให้ได้ตามเกณฑ์ขั้นต่ำ โดยในปีนึงๆ จะมีเพียง 2-3 เดือนที่จะเป็นช่วงที่มาร์จะมีรายได้ดี เดือนที่เหลือ มาร์จะต้องดิ้นรนและใช้จ่ายอย่างประหยัดมากๆ
ถ้าเดือนไหนผมทำยอดได้ไม่ถึง ผมจะโดนผู้จัดการเรียกเข้าไปกดดัน และให้โทรหาลูกค้าบ่อยๆ ชวนซื้อชวนขาย จนผมรู้สึกอึดอัด เพราะในมุมมองของผู้จัดการ เขามองที่ยอดซื้อขายเป็นหลัก เรื่องความมั่งคั่งของลูกค้า เขาก็ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่เขามองเป็นเรื่องรองลงไป เพราะเราต้องอยู่ต้องกิน ไม่ทำก็อยู่ไม่ได้
มาร์ที่ผมรู้จักเกือบทุกคน ไม่มีความรู้เรื่องหุ้นจริงๆหรอกครับ จะไปฟังจากฝ่ายวิเคราะห์มาอีกที นักวิเคราะห์บอกยังไงก็พูดตามนั้น และมาร์ที่ทำได้หลายปีนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเคยเทรดหุ้นตัวเองทั้งนั้น และเกือบทุกคนจะเลิกเทรดหุ้นตัวเองไปแล้ว เพราะกลัว เนื่องจากเคยเจ็บมาก่อน ถ้ามีเทรดก็จำนวนน้อยๆ เล่นๆเอามัน ไม่กล้าลงเยอะ

ผมออกมาจากตรงนั้น แล้วก็เข้าใจนะครับว่าเขาก็ทำตามหน้าที่เพื่อปากท้องของตัวเอง ผมก็เลยไม่ได้โทษอะไรเขา แต่เราก็ยึดหลักของเราก็บอกให้เขาเข้าใจ

จริงๆแล้วชีวิตมาร์ไม่ใช่มนุษย์ทองคำเหมือนยุคฟองสบู่แล้วนะครับ ผมว่าน่าเห็นใจมากกว่า

ความเห็นเหมือนกัน เพราะเคยเป็นเหมือนกัน มาร์นี่ แต่ผมเป็นเพราะผมไปหาความรู้ 8 เดือนกับเงินเดือนไม่ถึงหมื่น นั่งรถไฟฟ้า กินข้าวเที่ยงมื้อละห้าสิบก็ไม่อิ่ม แต่คิดย้อนหลังก็คุ้มนะ ไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมที่ต้องคอย เดย์เทรด

อืม น่าเห็นใจครับ

แต่รายได้ของมาร์ ส่วนใหญ่ก็คงไม่ได้เยอะเท่าไหร๋ เพราะ มีตัวเลือกจากเด็กจบใหม่ที่ ขอแค่ให้ได้งานทำไว้ก่อนเพียบ แถมยังมีการเทรด ผ่านอินเตอร์เน็ตอีกตะหาก ซึ่งต่อไปก็คงจะผ่านระบบนี้มากขึ้น โดยเฉพาะ รายย่อย ที่เริ่มลงทุนเร็ว เนื่อง จาก พอร์ตเริ่มต้นมันเล็ก และเทรดได้แบบไม่ต้องอายมาร์ อิอิ

เห็นด้วยครับ พอทเล็กๆอย่างผมก็ไม่กล้าจะซื้อขายผ่านมาร์อายเหมือนกัน เลยอยู่กับอินเตอร์เนท จะได้คุยกะมาตอนที่รวบรวมเงินเก็บเข้าพอได้ พังพี่ๆหลายคนก็เห็นใจมาร์เหมือนกันต้องทำมาหากิน แต่มาร์บางคนอย่าตอนผมเปิดพอทใหม่ๆโอนตังเข้าพอททีละห้าพัน พังเสียงมาร์ที่ตอบจากโทรศัพผมก็เซ็งๆ เหมือนกับว่าตังห้าพันจะทำไรได้ (ก็ทำไงได้ตังมีแค่นี้อะแต่อยากเริ่มลงทุน) ปัจจุบันก็แทบจะไม่คุยกะมาร์ ใช้วิธีโอนแล้วเมลไปบอกแทน

[Undertaker]

VI ต้องกินข้าว  ,มาร์ก็ต้องกินข้างเหมือนกัน  ดังนั้นต่างคนก้ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง

ว่าแต่ ผมไม่เคยได้คุยกับมาร์เลย    (คุยกัยครั้งเดียวตอนเปิดบัญชี)

[Nokkao IV]

เอาที่คุณ Skyforever เล่าไว้ ไปถามเพื่อนที่เป็นมาร์ดู เค้าบอกว่าใช่เลยประมาณนี้  แต่เพื่อนผมบอกว่าเค้าเจ๋งกว่านักวิเคราะห์นะ  ---- ดูมาน