จากการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัย ของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ เรียลเอสเตท แอฟ แฟร์ส พบว่า ครึ่งปีแรกของปี 2553 มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดใหม่ทุกประเภท รวม 186 โครงการ มีจำนวนหน่วย 45,649 หน่วย รวมมูลค่า 109,582 ล้านบาท
หากจะพิจารณาเฉพาะตลาดกลุ่มที่อยู่อาศัย จะพบว่ามีทั้งหมด 184 โครงการ มีจำนวนหน่วย 43,783 หน่วย รวมมูลค่าทั้งสิ้น 108,377 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วราคาหน่วยละประมาณ 2.475 ล้านบาท
จากตัวเลขดังกล่าว อาจประมาณการได้ว่า ในตลอดปี 2553 จะมีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ทั้งหมดประมาณ 87,574 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 216,754 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นประมาณ 52% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
หากเป็นไปตามคาด เท่ากับว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น 18% จากปีที่แล้ว ซึ่งถือได้ว่าเพิ่มสูงขึ้นมากจนน่าแปลกใจ!!!
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรม การบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยฯ กล่าวว่า “สาเหตุที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลจากการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ของรัฐ จึงทำให้คาดว่าตลอดปี 2553 นี้ จะมีการสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก สิ่งที่พึงระวังคือ ภาวการณ์ล้นตลาดที่อาจเกิดขึ้นหลังการสร้างเสร็จในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้เพราะราคาบ้านที่ค่อนข้างต่ำ (บ้านบีโอไอ: บ้านแนวราบราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท และอาคารชุดไม่เกิน 1 ล้านบาท) ไม่ได้เป็นที่ต้องการของตลาดมากนักในช่วงปี 2550-2552 ดังจะเห็นได้ว่าราคาเฉลี่ยของบ้านที่ขายในท้องตลาดช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มสูง ขึ้น”
จากการสำรวจยังพบอีกว่า ช่วงครึ่งปี 2553 มีการขายที่อยู่อาศัยทุกประเภทไปแล้ว 42,448 หน่วย ขณะที่ปี 2552 ทั้งปีมียอดขายเพียง 59,085 หน่วย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีบ้านเหลือขาย (ส่วนมากยังไม่ได้สร้าง) อยู่ในท้องตลาดประมาณ 110,666 หน่วย ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่มากพอสมควร แต่หากเทียบกับบ้านที่สร้างเสร็จทั้งหมดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 4.3 ล้านหน่วย ก็เป็นสัดส่วนเพียง 2.56% ในขณะที่เมื่อช่วงวิกฤติปี 2540 มีจำนวนหน่วยรอขายถึง 156,927 หน่วย ในขณะที่มีจำนวนบ้านทั้งหมดเพียง 3.11 ล้านหน่วย หรือเป็นสัดส่วนสูงถึง 5.05
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ภาวะตลาดขณะนี้ยังไม่ได้เกิดวิกฤติหรือมีความน่าเป็นห่วง ยกเว้นในอนาคตที่มีบ้านบีโอไอเกิดมากขึ้นเป็นพิเศษ
ปัจจุบันบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จากการสำรวจพบว่าหน่วยขายที่เปิดใหม่ในครึ่งปีแรกของปี 2553 เป็นของบริษัทมหาชนและบริษัทลูกถึง 63% อาจเป็นเพราะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ในขณะที่ราคาใกล้เคียงกันกับบริษัทเล็ก ๆ
การสำรวจตลาดยังได้พบข้อค้นพบที่น่าสนใจและถือเป็นเครื่องเตือนภัยเศรษฐกิจ ได้ประการหนึ่ง นั่นก็คือ มีโครงการที่หยุดการขายไปแล้ว 64 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ
ซึ่งหากเทียบจากโครงการที่สำรวจ 1,266 โครงการ ก็ถือว่ายังไม่มาก หรือแม้แต่เทียบกับโครงการที่ยังมีหน่วยขายเกิน 20 หน่วยที่รอการขายอยู่ จำนวน 824 โครงการ ก็ยังเป็นเพียง 8% เท่านั้น
ปัญหาที่โครงการหยุดไปเนื่องจาก สถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ 31% ขายไม่ออก 23% ไม่ผ่าน EIA 22% รอปรับ ราคาขายใหม่ 9% ทำเลที่ตั้งห่างไกลสิ่งอำนวยความสะดวก 9% เปลี่ยนรูปแบบโครงการ 5%
เมื่อเทียบกับช่วงกลางปี 2552 ซึ่งมีจำนวนโครงการที่หยุดขาย 61 โครงการ 14,611 หน่วย มูลค่ารวม 36,883 ล้านบาท จะเห็นได้ว่ากลางปี 2553 ถึงจะมีจำนวนโครงการที่หยุดขายเพิ่มขึ้น 3 โครงการ แต่มีจำนวนหน่วยลดลง 8% และมูลค่าลดลง 9%
“ปีนี้ทาวน์เฮาส์ราคา 1-2 ล้านบาท หรือต่ำกว่า 1 ล้านบาท กับคอนโดมิเนียมที่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ขายดีมากขึ้น ทำให้มูลค่ารวมในตลาดลดลง แต่จากการสำรวจจะพบว่าตลาดทาวน์เฮาส์ปีนี้ขายดีมากกว่าคอนโดมิเนียม เรียกได้ว่าตลาด ทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น 100% ลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่จริง ตลาดคอนโดมิเนียมเองก็มีการซื้อเพื่อการลงทุนไม่เกิน 20% ไม่ถึง ระดับสร้างปัญหาฟองสบู่เหมือนปี 2540” อ.วสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยฯ กล่าวสรุป.
สรุปสถานการณ์ตลาดอสังหาฯครึ่งปี 2553
- nasesus
- Verified User
- โพสต์: 1276
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสถานการณ์ตลาดอสังหาฯครึ่งปี 2553
โพสต์ที่ 1
เดลินิวส์ วันเสาร์ ที่ 31 กรกฎาคม 2553
ทางที่ไม่มีไฟ ใช่ว่าไม่มีทาง เพียงแค่การก้าวไปข้างหน้าต้องใช้มากกว่าการหวังพึ่งแค่ดวงตา
- Croyoty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3617
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสถานการณ์ตลาดอสังหาฯครึ่งปี 2553
โพสต์ที่ 3
ตลาดทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม กำลังมาแรงต่อไป
เพราะมัน functional มากกว่าแบบอื่นๆ และเป็นบ้านถาวรได้มากกว่า พวกคอนโดมิเนียม ส่วนบ้านเดี่ยวคนปัจจุบันไม่มีเวลามากพอไปดูแลจัดการบ้าน แค่ตัดหญ้าเองรอบบ้านก็เหนื่อยแล้ว
เพราะมัน functional มากกว่าแบบอื่นๆ และเป็นบ้านถาวรได้มากกว่า พวกคอนโดมิเนียม ส่วนบ้านเดี่ยวคนปัจจุบันไม่มีเวลามากพอไปดูแลจัดการบ้าน แค่ตัดหญ้าเองรอบบ้านก็เหนื่อยแล้ว
- Skyforever
- Verified User
- โพสต์: 1203
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสถานการณ์ตลาดอสังหาฯครึ่งปี 2553
โพสต์ที่ 5
วันก่อนฟังข่าวเศรษฐกิจ เขาบอกว่าในเขตกรุงเทพนั้น คนจะนิยมอยู่คอนโด แต่ในต่างจังหวัดจะนิยมอยู่ทาวน์เฮ้าส์ครับ ดังนั้น คอนโดคงจะเติบโตมาจากความต้องการในกรุงเทพ ส่วนทาวน์เฮ้าส์คงเติบโตจากต่างจังหวัดkin เขียน:ตอนแรกนึกว่าช่วงหลังทาวเฮาส์น่าจะหดตัวลงซะอีก คิดว่าโดนคอนโดมาแย่งตลาดคนกลุ่มนี้ไป
ถ้าทาวเฮาส์โตขนาดนี้ แสดงว่าตลาดส่วนไหนโดนแย่งไปละนี่