เกณฑ์การตัดสินว่าหุ้นแพงหรือยัง

[chatchai]

ช่วงนี้เห็นหุ้นพื้นฐานดีหลายตัวราคาพุ่งเป็นจรวด เลยอยากสอบถามเพื่อนๆว่า มีหลักในการตัดสินใจอย่างไรว่าหุ้นยังถูกอยู่หรือว่าแพงแล้ว เช่น พิจารณาจาก P/E ไม่เกิน 10 เท่า หรือพิจารณาจาก Yield ไม่ต่ำกว่า 5% หรือว่าเปรียบเทียบ Growth กับ P/E ไม่ต่ำกว่า 1.5 เท่า ครับ

[ปรัชญา1]

ตามมาอ่านครับ เงินมีเติมเข้ามาในตลาดหุ้นเยอะ
ทั้งไทยทั้งเทศ บางครั้ง บางขณะก็แทบจะลืมเหตุผลหมด
แบบอารมณ์มันพาไป แต่ถ้าอนุรักษ์นิยมแบบคุณฉัตรชัยให้ข้อคิดก็ดีครับ
แบบ ราคาแพงไปแล้วนะ หาเหตุผลมาเปรียบเทียบบ้าง
ใช้ค่าต่างๆมาชี้วัด เป็นเหตุผล จะได้ไม่ติดยอดดอย
หรือเกินความเป็นจริงแล้วนะ
เพราะการลงทุนต้องมีเหตุผล
ถ้าเป็นการเก็งกำไร เขาคงไม่ต้องทำการบ้าน
บรรยากาศดีดี วอลุ่มเยอะๆ เงินไหลเข้า
โบรกเก้อร์เชียร์ ก็ซื้อเลย
จะมารู้สึกตัวตอนคิดได้ภายหลัง..................
แต่มีหลายคน(มีญาติของผมด้วย)
คิดได้แต่ก็อายที่จะยอมรับหรือพูดความจริง
คงมีเหตุผลว่า... ยังไม่ขายไม่ขาดทุน
แต่ถ้าคิดได้ว่าเงินมันไม่ทำงาน(เงินไม่งอกเงย)
คุณฉัตรชัย ลองบอกข้อ1ข้อ2ข้อ3-10เลย
นักลงทุนรุ่นใหม่จะได้จดไว้เตือนใจก็ดีครับ

[CK]

Gut Feeling ครับ บอกไม่ถูก

อย่าง WG อาทิตย์ก่อนผมว่าที่ 26 บาทแพง แต่อาทิตย์นี้ว่า 27.25 บาทถูก

หรืออย่าง FE ตอน 72 บาทผมว่าแพง พอ 85 บาทกลับคิดว่าถูก อะไรกันนี่

สำหรับผมถูกหรือแพงไม่สำคัญครับ ราคาที่ผมพอใจซื้อคือราคาที่ดีที่สุด
(เลยเล่นหุ้นไม่ค่อยกำไร ซื้อที่ดอยเป็นประจำ)

P/E ดูบ้าง แต่ไม่ค่อยสนใจ P/BV คืออะไรเหรอ สำหรับผม BV ไม่ค่อยมีความ
หมายครับ เพราะมัน "ถลุง" กันได้ง่ายๆ

[Jeng]

สำหรับผมแล้ว ทั้งบริษัทน่าซื้อ 1 หุ้นก็น่าซื้อ

ทั้งบริษัทไม่น่าซื้อ 1 หุ้นก็ไม่น่าซื้อ

แต่ทั้งบริษัทน่าซื้อหรือไม่เป็นเรื่องที่

ต้องเอาทุกอย่างมารวมมิตรกันให้หมด

เช่น เศรษฐกิจโดยรวม อุตสาหกรรมนั้นๆ บริษัทที่เราสนใจ( PE ROE เป็นต้น ) คู่แข่ง ช่องว่างทางการตลาด และโอกาสอื่นโดยเชิงเปรียบเทียบ

ว่าทั้งบริษัทน่าซื้อ >> ก็ซื้อ

[ปรัชญา1]

ก็น้องเจ๋ง มองทีจะซื้อทั้งบริษัทเขาเลยเป็นเงินเท่าไหร่
แบบถ้าเทคโอเวอร์ได้คงเทคเลย
ว่างๆเห็นอะไรดีดี มาชวนกันไปซื้อบ้าง
แบบBig-C ซื้อได้14บาท แล้วไปตั้งเขาเลยเอาไปหมด
รออีก2ปีจะเห็นอีกไหม13-14บาทน่ะ

ผมคงคล้ายคุณCK เงินสะดวกตอนไหนก็ซื้อตอนนั้น
WG ราคา27บาท ในสายตาคนแก่ๆคนนี้ไม่แพงครับ
ถ้าปันผลได้สัก1.75บาท ก็ดูดีกว่าหลายบรรษัทครับ
เพราะเขาปันผลแน่นอน
ตอนประกาศจ่ายปันผลอาจจะ3สิบกว่าบาทเลย
เพราะหุ้นสภาพคล่องน้อยราคาขึ้นง่าย แต่ไม่ค่อยยอมจะลง
ไว้เงินปันผลปีหน้าออก จะมาขึ้นรถด้วยคนครับ
ช่วงนี้ซางจั๊บ-ทรัพย์จาง
เลยสงบเสงี่ยมเจียมบอดี้(ไม่กินกาแฟบอดี้)

[Jeng]

รบกวนเฮียปรัชญาว่า WG ดีตรงไหนครับ ขอสัก 3 ข้อ

ผมดูแล้วดูอีก ยังไม่แน่ใจครับ คุณ chatchai อย่าโกรธกันนะครับ คุยกันภาษาคนดูหุ้น

[ปรัชญา1]

ยังรวบรวมไม่เสร็จ3ข้อ
แต่ข้อ1.มูลค่าหุ้น/บัญชีสูง-กำไร/หุ้นดี-ยังไม่แตกพาร์
ต้องให้คุณฉัตรชัยมาตอบเองครับ ผมดูไว้แค่นี้
มัวแต่ไปนั่งลุ้น SPI อยู่ พวกขนมาจากไหนเยอะจัง
แล้วก็มีคนอยากได้ซ์้อเยอะจัง...

[Jeng]

อิอิ ผมแกล้งแซเฮียปรัชญาเองแหละ แหมนึกว่าแอบไปซื้อ WG ไม่บอกผม อิอิ

[Jeng]

ข้อดี 3 ข้อ

1. Q1 โต 42 เปอร์เซ็นต์
2. ราคาต่ำกว่า book ซึ่งนับวันจะหาไม่ได้อีกแล้ว .78
3. กำไร 52.90/499.80 เท่ากับ 10.58 เปอร์เซ็นต์ ดีกว่าฝากแบงค์ และปีนี้มีแนวโน้มกำไรมากกว่าปีที่แล้ว

ข้อติติง
1. ยอดขายโตไม่ซะใจ 2002( 637.74 ) 2001 ( 629.21 ) 2000 ( 678.09 ) 1999 ( 698.17 )
2. ROE ต่ำไปหน่อย 8.77
3. PE 28/2.96 = 9.46 สำหรับผมแล้วสูง ผมมักมองหา PE 4 - 6 สูงหน่อยก็ควรประมาณ 7

แต่ยังไม่ได้มองในมุมกว้างด้านอื่นๆนะครับ เพราะยังไม่รู้เลยว่าธุรกิจนี้ลึกๆแล้วเขาทำอะไร ใครเป็นคู่แข่ง มาร์เก็ตแชร์ในตลาดอยู่ในระดับไหน

เป้าหมายของผู้บริหารปีนี้เขาตั้งใจให้ยอดขาย กำไร และปันผลเท่าไร

ก็วิเคราะห์จาก

http://www.set.or.th/set/en/company/company_u4.jsp

เท่านั้นผู้อ่านโปรดอย่าเชื่อผม และใช้วิจารณาณส่วนตัวด้วยนะครับ มีอะไรสำหรับหุ้นตัวนี้ให้ถาม คุณ chatchai ครับ

[ปรัชญา1]

อิอิ ผมแกล้งแซเฮียปรัชญาเองแหละ แหมนึกว่าแอบไปซื้อ WG ไม่บอกผม อิอิ

ยังไม่ได้ซื้อเลย ทั้งพอท์ตมีถืออยู่แค่2ตัว บอกจำนวนไว้เสร็จ
แบบถือไว้รอรับปันผลเลย ถึงกล้าบอกเกิดมายังไม่กล้าผิดศีลข้อมุสาเลย

[เด็กใหม่หัดขวิด]

ผมว่าราคาที่ถูก = ราคาที่เหมาะสม เมื่อ 3 เดือนก่อน TTTM 50 บาทไม่มีใครสนใจ กลัวไม่มีใครมารับต่อ ตอนนี้ 120 มีแต่คนอยากได้ KGI-w4 ตอน 0.06 ไม่มีใครเอา ตอนที่ไปถึง 1.00 มีแต่คนแย่งกันซื้อ
ผมว่านะ ราคาจะถูกจะแพงตอนนี้ผมดูปันผลอย่างเดียว ถ้าผมซื้อแล้วสามารถให้ผลตอนแทนของ diividend อย่างเดียวได้ถึง 10% ผมก็ซื้อหมดตัว (หายาก หาไม่ได้ ยกเว้นแต่จะใช้วิธีถัวเฉลี่ยต้นทุนเอา)

[Jeng]

แล้วเราจะซื้อตัวไหนดีละ ที่สามารถบอกได้ว่า ซื้อตอนนี้แล้วได้ปันผล อาจจะ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ปีต่อไป อาจจะได้ 7 เปอร์เซ็นต์ แล้วปีต่อไป ได้ 10 เปอร์เซ็นต์

คือซื้อแล้ว ปันผลเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ

คงต้องเลือกหุ้นที่มีอัตราการเติบโต ใช่หรือไม่ครับ เด็กใหม่หัดขวิด

[stockms]

พี่เจ๋งลองไปดูบทวิเคราะห์ VNG ของ kimeng ดูซิครับว่าพอไหวไหม หรือจะลองเป็นเจ้าของสวนปาล์มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ UPOIC แข่งกับ LST ซื้อตอนนี้ยังไดปันผลกว่า 5% สำหรับครึ่งปี ถ้าจะเอาแบบ big cap ก็ต้อง Shin ครับปีนี้น่าจะได้ปันผล 7.5% ปีหน้าคิดดูเอาเองครับ แต่นายกคนนี้ฉลาดมากๆ ให้กองทุนขายเก็บเงินมายันราคาตอนฝรั่งทุบ จนทุบไม่ลงต้องหันกลับมาซื้อ

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ให้กองทุนขายเก็บเงินมายันราคาตอนฝรั่งทุบ จนทุบไม่ลงต้องหันกลับมาซื้อ

อะไรจะมองโลกดีขนาดนั้น

แบบนี้กองทุนก็กระอักเลือดซิ มารับซื้อตอนฝรั่งขาย

ไม่รู้ว่า

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ให้กองทุนขายเก็บเงินมายันราคาตอนฝรั่งทุบ จนทุบไม่ลงต้องหันกลับมาซื้อ

เป็นเรื่องจริงหรือครับ

แต่ขอบคุณหุ้นที่แนะนำมานะครับ >>>Stockms

[stockms]

ไม่กระอักครับถ้ามั่นใจว่าราคาที่ซื้อยังต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น ซื้อแล้วเก็บรอปันผล ไม่ขายไม่ขาดทุน ในที่สุดราคาก็จะปรับไปสู่ราคาที่เหมาะสมเอง คนไทยปล่อยให้ฝรั่งเข้าๆออกๆกินส่วนต่างมานานแล้วครับ เมื่อเป็นไทแก่ตัวมีเงินออมอยู่ล้นระบบ จะเอาเงินออมนั้นไปทำอะไร ถ้าไม่ช่วยกันหนุนเศรษฐกิจ

[Zero]

To me the value of stock I quite strictly to PE & PB ratio and DVD yield.
I mostly buy PE < 10, PB < 1.5 or PE*PB < 20
Except some sector such as entertainment.

Another thing that I pay attention to is the growth of the company and
the brand name. (Brand value is not listed in the financial statement)

สุดท้ายก็ราคาหุ้นที่ผมถืออยู่ บางทีผมอาจจะซื้อหุ้นที่ราคา 40 บาทก็ได้
ถึงแม้ว่าราคาจะขึ้นมาจาก 20 บาท แต่พื้นฐานไม่ได้ดีขึ้นขนาดนั้นก็ตาม
ตราบใดที่ราคาเฉลี่ยของผมยังต่ำกว่าพื้นฐาน และหุ้นยังมีแวว(ทางเทคนิค)
ว่าจะไปต่อ

ความเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ ไม่สงวนสิทธิ์

[yoyo]

ถูกแพงผมดู peg เป็นหลักครับ
ตอนนี้กลายเป็นว่าบ้า peg ไปแล้ว
ต่ำกว่า 0.5 ถูกมากๆซื้อโลด แต่ growth ต้องมั่นคงพอสมควรนะครับ
ส่วนตัวไหนที่ growth ชัวร์มากๆอาจจะเพิ่มเกณฑ์เป็น 0.8
ส่วนพวกกิจการโตกระโดดมาหลายปีและเป็นพวกกิจการที่ต้อง r&d ตลอด
เช่น metco นี่ peg 0.25 เลยครับ
อะไรที่ไม่แน่นอนต้องเผื่อ margin ไว้เยอะๆหน่อย

ข้างบนคือเกณฑ์หุ้นถูกเอาไว้ใช้เวลาตัดสินใจซื้อ
ส่วนเวลาจะขายผมจะขายกรณีที่ peg เป็น 2 เท่าของเกณฑ์ซื้อครับ
ซึ่งปกติจะถึงยากนานๆทีมีสักตัว ที่ผ่านมาก็มี wacoal ครับ

วิธีส่วนตัวนะครับไม่ได้อ้างอิงจากหนังสือเล่มไหน
คิดเองเออเอง

[Phayaoman]

ส่วนผมไม่ค่อยได้ดูว่าถูกหรือแพง แต่ก็ศึกษาดูแนวโน้มของตัวที่ถืออยู่แล้วก็ค่อยทยอยซื้อในแต่ละเดือน ถ้าแพงก็ซื้อได้น้อย ถูกก็ซื้อได้มากหน่อยครับ

[CK]

คิดเหมือนคุณ Phayaoman ครับ

ทุกเดือนผมซื้อสุทธิตลอดครับ ไม่เคยมีเดือนไหนขายสุทธิเลย แม้แต่ตอน
UGP ถูกทำ tender ออกจากตลาด ก็ยังทะยอยขาย UGP แล้วซื้อตัวอื่น
ครับ ก็ซื้อที่ราคาตลาดแหละครับ ค่อยๆซื้อไปเรื่อยๆ

มีคน (ขอโทษทีที่จำไม่ได้ว่าใคร) เคยพูดว่าหมูไปไก่มา ต่อให้ขายหมูไป
ก็ต้องซื้ออะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง

[RR]

ผมดูจาก yield และ peg เช่นเดียวกับคุณ yoyo แต่จะเริ่มขายเมื่อลงจากpeak มาประมาณ 5% ก็ทยอยขายออกไปครั้งละ 10%ของหุ้นที่ถือ
จนกระทั่งราคาเริ่มนิ่ง ผมจึงทยอยซื้อคืน ทำให้ได้ปริมานหุ้นมากขึ้นด้วยทุนเท่าเดิม ส่วนมากขายไม่เกิน 30-50% นอกจากพื้นฐานของหุ้นเปลี่ยนไป อาจจะขายออกทั้งหมด

[ลุค]

++++ เห็นด้วยกับหลายๆความเห็นข้างต้น แต่การพิจารณาความเหมาะสมของนักลงทุนแต่ละคนอาจยึดกฎเกณฑ์ไม่เท่ากัน ถ้าพอใจจะรู้สึกว่าไม่แพง ลักษณะนี้เป็นต้น

++++ ครั้งเมื่ออดีต ช่วงที่เศรษฐกิจกำลัง hot คนเล่นหุ้นในห้องค้า ต่างก็พูดเป็นเสียงเดีวยกันว่า "หมวด finance P/E = 20 ซื้อได้ยังไม่แพง" ณ.เวลานี้ส่วนใหญ่ก็ยังมองภาพรวมที่ P/E =10

++++ การขึ้นลงของหุ้นเปรียบเสมือนการยืดและการหดของเส้นยาง(หนังสติ๊ก) เมื่อยืดเต็มที่แล้วรอเวลาที่จะหด บ่อยครั้งที่หนังยางยืดเต็มที่อันเกิดจากความโลภของผู้เล่นหุ้นเป็นส่วนใหญ่ จะหากฎเกณฑ์ที่คงตัวว่าหุ้นแพงแล้วหรือยัง ก็คงไม่ง่ายนัก

[เด็กใหม่หัดขวิด]

คุณ jeng
ผมยอมรับว่าผมประเมินอัตราการเจริญเติบโตไม่ค่อยเป็น พูดง่าย ๆ คือเดาทั้งเศรษฐกิจ และก็แนวโน้มบริษัทไม่ค่อยจะถูกเท่าไหร่ ผมถือผลประกอบการของปีปัจจุบันมากกว่า ว่าเป็นอย่างไร ไม่ได้คิดถึงว่า อีก 2 ปีจะเป็นอย่างไร แล้วก็ไม่ได้ย้อนหลังไปนานเพราะสถานการณ์ของแต่ละปีต่างกัน รู้แต่ว่า หลังงบ Q1 ออกมา แล้ว บริษัทสามารถทำกำไรได้ใน Q ไหนเป็นหลัก เช่น FANCY ทำได้ Q3 - Q4 มาก ก็ประเมินแค่ปีเดียว
แล้วหาวิธีถัวเฉลี่ยต้นทุนเอา เช่น ณ ปัจจุบัน ได้ที่ 5 % ผมก็จะหาวิธีทำให้ได้ 10% โดยตั้งเป้าว่าต้องการปันผลเท่าไร แล้วก็ซื้อหุ้นถัวเฉลี่ยเวลาลด ขายเวลาที่ขึ้น แล้วซื้อกลับเวลาลง

[Jeng]

>>> เด็กใหม่หัดขวิด

หลักที่พี่ใช้พี่ไม่ได้คิดเองครับ พี่ยึดตามหลักในหนังสือ The New Bufftology 100 % เลยครับ

[stockms]

บางครั้งผมยอมซื้อของแพงหลังประกาศผลแล้ว ยิ่งถ้ามีปันผลเกิน 7% ด้วยยิ่งชอบ แต่ก่อนเคยตั้งไว้เกิน 10% แต่ตอนนี้หายาก แล้วครับ อย่างน้อยถึงจะได้กำไรไม่มากแต่โอกาสขาดทุนก็น้อยเพราะเงินปันผลและผลประกอบการมักจะค้ำอยู่

[เด็กใหม่หัดขวิด]

บางครั้งผมยอมซื้อของแพงหลังประกาศผลแล้ว ยิ่งถ้ามีปันผลเกิน 7% ด้วยยิ่งชอบ แต่ก่อนเคยตั้งไว้เกิน 10% แต่ตอนนี้หายาก แล้วครับ อย่างน้อยถึงจะได้กำไรไม่มากแต่โอกาสขาดทุนก็น้อยเพราะเงินปันผลและผลประกอบการมักจะค้ำอยู่

คุณ jeng ครับ ผมคงจะไม่ได้ศึกษาอะไร ได้ถ่องแท้จริง ๆ ผมไม่ได้ใจพูดถึงเรื่องการเดา หรืออะไรทั้งสิ้น คงจะต้องให้คุณ jeng สอนรายละเอียดให้ผมเพิ่มเติมด้วย คงได้เจอกันและให้สอนในวันที่อบรมนะครับ

ส่วนคุณ stockms ครับ ผมไม่ค่อยจะสนหรือครับว่าต้องเกิน 7% หรือป่าว ณ ปัจจุบัน ผมดูจากงบการเงินแล้ว ถ้าผมเองคิดว่า ok ในเรื่องที่ตั้งเป้าไว้แล้ว ก็จะซื้อโดยสมมุติว่า ได้ที่ 5% ไม่ถึง 10% ที่ตั้งไว้ ก็ซื้อ-ขายถัวต้นทุนเอา ให้มันถึง 10%ให้ได้ และทุก case ก็ได้จริง ๆ แน่นอน แต่ต้องใช้เวลา

[Jeng]

ว้าว คงไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกันครับ ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนครับ วันอบรมเสาร์นี้เจอกันครับ ผมชื่อ นายนพสิทธิ์ เจตสินไพศาล ครับ

[yoyo]

นายนพสิทธิ์ เจตสินไพศาล

พี่ครรชิตจัดการสาวไส้ด่วนเลยครับ


แซวเล่นนะครับ

[Jeng]

เอ พี่ว่า ตอนนี้ต้องสาวไส้ พี่ครรชิตก่อนนะครับ ว่าพี่ครรชิต เป็นหุ้นใหญ่ที่ไหน

yoyo

[ch_army]

น่าสนใจดีนะครับ ว่าควรขายเมื่อไรดี ลองมาดูซิว่าเหมือนก่อน พี่ๆตอบกันไว้ยังไง สำรวจว่าคววามคิด ความรู้พัฒนาไปแค่ไหน ผมว่าไม่น้อยทีเดียวครับ