ถ้าเคย ไม่ทราบว่าพอเล่าสู่กันฟังได้ไหมครับว่าเมื่อไหร่
เอาแบบว่า การล้าง=ถือเงินสดมากกว่า 80% ของมูลค่าลงทุนในหุ้นแล้วกัน
ถ้าเอาแบบ 100% เลยเกรงว่าจะไม่ค่อยมีใครมาตอบ

ปีนี้ผมล้างไปสองครั้ง 100 % แต่ครั้งล่ะไม่นานคนขายของ เขียน:ไม่ทราบว่าท่านนักลงทุนทั้งหลานเคยล้างพอร์ตไหมครับ
ถ้าเคย ไม่ทราบว่าพอเล่าสู่กันฟังได้ไหมครับว่าเมื่อไหร่
เอาแบบว่า การล้าง=ถือเงินสดมากกว่า 80% ของมูลค่าลงทุนในหุ้นแล้วกัน
ถ้าเอาแบบ 100% เลยเกรงว่าจะไม่ค่อยมีใครมาตอบ
ไม่จริงครับ :DHughes เขียน: ผมว่าคนที่เคยโดนวิกฤติขาลงมาแล้วคงจะจิตใจสงบนิ่งกว่าผมเยอะเลย
ผมก็ยึดหลักนี้ครับKGYF เขียน:ถือหุ้น ร้อยเปอร์เซ็นต์ ตลอดครับ
จิตใจสงบนิ่งครับ แต่ผลตอบแทนก็นิ่งเหมือนกัน :lol: :lol: :lol:Hughes เขียน: ผมว่าคนที่เคยโดนวิกฤติขาลงมาแล้วคงจะจิตใจสงบนิ่งกว่าผมเยอะเลย
มิได้ครับ ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อลองเช็คดูว่านักลงทุนแนว "หุ้นคุณค่า" นั้นจะมีช่วงเวลาใดที่จะถือครองเงินสดในอัตราส่วนสูงมาก หรือเรียกว่า แทบจะทั้งหมดบ้างไหม ไม่ได้มีเจตนาชี้นำไปด้านหนึ่งด้านใดTPH
PostPosted: Sat Jun 19, 2010 1:33 pm Post subject:
สงสัยว่าพี่คนขายของทำไมถึง ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาครับ มองเห็นอะไรที่ผิดปกติที่คนทั่วไปมองไม่เห็นหรือเปล่า Rolling Eyes
ถ้าอัตราเงินฝากเท่านั้นและมีแนวโน้มเป็นอย่างเดิมหรือเพิ่มผมก็คงต้องขายเหมือนกันครับ 15% โดยที่แทบจะไม่มีความเสี่ยงเลย :ep:คนขายของ เขียน:สำหรับผม ผมเคยล้างแบบหมดจรดถือเงินสดร้อยเปอร์เซ็น ตอนปีประมาณ 2541 หรือ 2542 ประมาณนั้น ทั้งนี้เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำตอนนั้น ขึ้นไปประมาณ 14-16% ผมยังจำวันที่ผมถือเช็คเข้าไปเปิดบัญชีได้อยู่เลยครับ
นี้เป็นเหตุที่ผมต้องกันเงินส่วนที่มีแผนจะใช้ในอนาคตไว้แล้ว โดยไม่ลงในหุ้นหมด เพราะกลัวเจอเหตุการณ์แบบคุณนี้แหละครับpradyat เขียน:เคยครับ เมื่อปีที่แล้วนี่เอง ตอนหุ้นตกๆอยู่ได้ที่เลย ต้องเอาตังไปแต่งงานด่วนๆ ม่ายงั้นเด๋วอดกว่าจะเอาเงินกลับมาเข้าพอร์ตได้อีกทีก็ปลายปีเลย เสียดายส่วนต่างอยู่เหมือนกัน