อยากทราบครับว่าระหว่าง ดร.นิเวศน์ กับคุณ สุมาอี้

[poohbands]

ในเรื่องการคิดราคาที่แท้จริงของหุ้นที่จะซื้อว่า ท่านทั้งสองคนมีวิธีคิดที่เหมือนกันรึป่าว เพราะตอนนี้ผมอ่านหนังสือของคุณ สุมาอี้  เรื่อง วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง ซึ่งต้องอ่านแบบแกะทุกตัวอักษรเลย (ผมอาจจะคิดเลขไม่เก่งเท่าไร) ใช้วิธีแบบ DCF แต่ของ ดร.นิเวศน์เคยอ่านแบบคร่าวๆยังไม่ละเอียดและเพิ่งเริ่มอ่าน ยังไม่เคยเห็นวิธีคิดราคาหุ้นของท่านเลยครับ เลยสงสัยว่าเซียนทั้งสองเขาคิดราคาที่ควรจะเป็นของหุ้นเหมือนกันรึป่าว

[poohbands]

เหอๆๆ ไม่มีใครตอบเลย

[vivitawin]

ไม่เหมือน อย่าไปยึดติด
ราคาเป้าหมายหาของเราเองดีกว่า
แต่ก็อย่าไปยึดติดกลับราคาเป้าหมายของเราเองอีกนั่นแหละ  :lol:

ถ้ามันเหมือนๆกันหมด ก็ไม่สนุกดิครับ  และถ้ามันง่ายแบบนั้น ก็รวยกันหมด โดยเฉพาะพวกโบรกฯ อิอิ :lol:

[vivitawin]

บางคนก็ไม่ใช้วิธีหาราคาเป้าหมายด้วยซ้ำ

แต่ให้มองภาพใหญ่ของธุรกิจในอนาคตอีก 20-30ปี ข้างหน้า
ซื้อแบบ Dollar Cost Average ไปเรื่อยๆ ทีละน้อยแต่ ถี่ๆ ไม่เกี่ยงว่าราคาไหน
ซื้อเรื่อยๆและถือไปเรื่อยๆตราบที่กิจการยังดีอยู่ ถูกก็ซื้อแพงก็ซื้อ แล้วเลือกหุ้นที่ว่าสัก 5-10 บริษัท ที่คิดว่ามันจะเป็น เบอร์หนึ่ง ในอุตสาหกรรมนั้นๆ ไปอีกนานเท่านาน

วิธีแบบนี้ก็มีเหมือนกันนะครับ  

[sphere]

ดร.ใช้ดูPEเอาเช่นเดียวกับเซียนหลายๆคนในเว็บ แต่ที่สำคัญก็คือดร.นิเวศน์เป็นคนที่อ่านธุรกิจได้ขาดมากและสามารถอดทนรอซื้อหุ้นแบบมีmosสูงๆได้

ส่วนคุนสุมาอี้ก็เป็นอีกคนที่ผมนับถือ เค้าสามารถประมาณการค่าต่างๆได้ใกล้เคียงทำให้การคำนวณdcfของเค้ามีประสิทธิภาพ

[picklife]

มาช่วยแจมอิอิ

ดรแกไม่เน้นก็จริง แต่ทุกสิ่งที่อยู่ในDCFก็อยู่ในการวิเคราะห์ของดรหมดนะครับ ยกตัวอย่างคุณyoyoเข้าดูที่PEเป็นรูปธรรม แต่ก็ใช้หลักการของDCFช่วยในการิเคราะห์ด้วยเพียงแต่ไม่เขียนออกมาในรูปธรรมเท่านั้นครับเพราะว่าความรูเรื่องDCFของเขามันตกผลึกออกมาแล้วครับ

[winzer]

มาช่วยแจมอิอิ

ดรแกไม่เน้นก็จริง แต่ทุกสิ่งที่อยู่ในDCFก็อยู่ในการวิเคราะห์ของดรหมดนะครับ ยกตัวอย่างคุณyoyoเข้าดูที่PEเป็นรูปธรรม แต่ก็ใช้หลักการของDCFช่วยในการิเคราะห์ด้วยเพียงแต่ไม่เขียนออกมาในรูปธรรมเท่านั้นครับเพราะว่าความรูเรื่องDCFของเขามันตกผลึกออกมาแล้วครับ

คมมากครับพี่ปิ๊ก!!!  :lol:  :lol:

[Linzhi]

สมมุติว่าคนสองคน รู้จักวิธีการประเมินราคาหุ้นทุก ๆ แบบ

เวลาเจอหุ้นตัวเดียวกัน อาจจะใช้คนละวิธีในการประเมิน และผลลัพท์ก็อาจจะแตกต่างกันได้ครับ .. Substance Over Form

[chatchai]

สมมุติว่าคนสองคน รู้จักวิธีการประเมินราคาหุ้นทุก ๆ แบบ

เวลาเจอหุ้นตัวเดียวกัน อาจจะใช้คนละวิธีในการประเมิน และผลลัพท์ก็อาจจะแตกต่างกันได้ครับ .. Substance Over Form

ถึงจะใช้วิธีเดียวกัน  ราคาก็คงไม่เท่ากันครับ

[[v]]

อันนี้ใช้เทคนิค เจ้าของเดินสายขอโทษอ่ะครับ ว่าครบทั้งโลกยัง  
ไปร้องไห้ครั้งสุดท้ายที่ไหน หลังจากนั้นผมค่อยก็ซื้อ

[[v]]

คือข้างบนนี้ลึกๆเชื่อว่า ราคาหุ้นจะต้องตกๆมากๆกว่าความเป็นจริง แล้วช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ช่วงที่คนเริ่มลืมประมาณสี่เดือนนับจากต้นปี

หลังจากเจ้าของไปยืนร้องไห้แล้วก็เดินสายขอโทษ จนข่าวเริ่มไม่น่าสนใจ อ่านไปเริ่มเบื่อๆ

ขอโทษครั้งสุดท้ายราคาหุ้นก็เริ่มนิ่งๆ ผมก็ดูกราฟแล้วก็เก็บๆ เพราะเรียกรถคืนไม่ได้โรงงานระเบิด หรือว่ารถวิ่งๆไปแล้วแหกโค้ง แต่เค้าเรียกเก็บไปซ่อมก่อน

[ขงเบ้ง]

ของผมประเมินราคาอีกแบบครับ  :lol:  :lol:  :lol: :lol:  :lol:

[Hippocampus]

[quote="poohbands"]ในเรื่องการคิดราคาที่แท้จริงของหุ้นที่จะซื้อว่า ท่านทั้งสองคนมีวิธีคิดที่เหมือนกันรึป่าว เพราะตอนนี้ผมอ่านหนังสือของคุณ สุมาอี้

[pornchal]

ข้อสังเกต ถ้า ดร ดูพีอี คงไม่ซื้อ CPALL หรอก (บางทีแกอาจจะมองว่า พีอี ในอนาคตจะต่ำมาก เพราะกำไรจะโตมากขึ้นก้อได้ ) เหมือนตอนนี้ที่ หลาย ๆ คน เรื่อง GLOW แทนที่จะเป็น RATCH

[ประจวบ]

อจ.นิเวศน์ซื้อตอนราคาแค่6-7บาท
market capแค่20000+ล้าน(พอๆกับbh)
เพราะปัญหาเรื่องโลตัสที่จีนขาดทุนหนัก
ทำให้กำไรของ7-11ลดลงไปมาก
ซื้อเพราะคิดว่าปัญหาเรื่องนี้แก้ได้
เพราะถ้าหักขาดทุนของโลตัสออกแล้วpeแค่ไม่ถึง10
อจ.ยังสารภาพว่าแก้ได้เร็วเกินไป(ขายให้บริษัทเครือcp)
ยังซื้อไม่จุใจ  
ซื้อตอนนั้นmargin of safetyเพียบ