วิเคราะห์มูลค่าหุ้นคร่าว ๆ ตามแบบ มาร์ค โมเบียส

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
nemsdaddy
Verified User
โพสต์: 108
ผู้ติดตาม: 0

วิเคราะห์มูลค่าหุ้นคร่าว ๆ ตามแบบ มาร์ค โมเบียส

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผมได้อ่านบทความใน settrade.com เกี่ยวกับ มาร์ค โมเบียส เขียนโดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร (25 พ.ค. 2009) ในบทความสรุปแนวการลงทุนของ มาร์ค โมเบียส เป็นข้อ ๆ ทั้งหมด 47 ข้อ ผมจำไว้ใช้เพียงบางข้อเช่น

1. การอดทนรอคอยให้ผลตอบแทนคุ้มค่า (ระหว่างรอต้องมีเงินสดในมือเพื่อเข้าซื้อเมื่อโอกาสมาถึง อันนี้ผมเติมเอง)
2. มูลค่าหุ้นประมาณได้จากสินทรัพย์สุทธิ (หักหนี้สินแล้ว) หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด
3. ขณะใดเต็มไปด้วยข่าวร้าย หมดหวัง ขณะนั้นดีที่สุดที่จะซื้อ ขณะใดเต็มไปด้วยข่าวดี มีหวังรำไร ขณะนั้นดีที่สุดที่จะขาย พิจารณามูลค่าหุ้นในข้อ 2 ประกอบว่าหุ้นถูกน่าซื้อ หรือแพงเกินไปน่าขาย
4. ซื้อหุ้นตอนราคาตก รอให้เกิดการแตกตื่นก่อนจึงค่อย ๆ เข้าซื้ออย่างเยือกเย็น

เมื่อได้ข้อคิดตามนี้แล้วจึงลองสร้างตารางข้อมูลประมาณมูลค่าหุ้นดู โดยใช้ข้อมูล  4 ตัวคือ สินทรัพย์ หนี้สิน จำนวนหุ้นจดทะเบียน และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล ที่กดเอาจากเว็บ settrade.com ปรากฎว่าตาสว่างเลยครับ แต่ก่อนเราไม่รู้เลยว่าหุ้นถูกหรือแพง ได้แต่เชื่อนักวิเคราะห์ ซื้อหุ้นตามข่าวหรือตามที่คิดเอาเองว่ามันจะต้องขึ้น เพียงคำนวณง่าย ๆ เราก็สามารถประมาณมูลค่าพื้นฐานของหุ้นประกอบการตัดสินใจลงทุนได้เอง มิน่าล่ะเซียนระดับ มาร์ค โมเบียส ถึงมองหุ้นทะลุได้อย่างรวดเร็ว ท่านอื่น ๆ ลองดูบ้างก็ได้นะครับ สำหรับข้อมูลที่ผมทำเอาไว้ดูเอง ได้โพสต์เผื่อท่านอื่นไว้ด้วยแล้วที่ http://thailandstockinvestment.blogspot.com
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
Verified User
โพสต์: 2565
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิเคราะห์มูลค่าหุ้นคร่าว ๆ ตามแบบ มาร์ค โมเบียส

โพสต์ที่ 2

โพสต์

nemsdaddy เขียน: 1. การอดทนรอคอยให้ผลตอบแทนคุ้มค่า (ระหว่างรอต้องมีเงินสดในมือเพื่อเข้าซื้อเมื่อโอกาสมาถึง อันนี้ผมเติมเอง)
ระหว่างรอต้องมีเงินสดในมือ นี่ควรต้องมีอยู๋กี่%หรอครับ? เพราะถ้าน้อยไปก็ไม่มีประโยชน์ มากเกินไปก็เสียโอกาส

nemsdaddy เขียน: 2. มูลค่าหุ้นประมาณได้จากสินทรัพย์สุทธิ (หักหนี้สินแล้ว) หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด
:shock: อันนี้เพิ่งรู้ครับ....สินทรัพย์-หนี้ ไม่เท่ากับ BVหรอกหรอครับ????
ถามพี่ๆว่าเพราะอะไรครับ?
nemsdaddy เขียน: 3. ขณะใดเต็มไปด้วยข่าวร้าย หมดหวัง ขณะนั้นดีที่สุดที่จะซื้อ ขณะใดเต็มไปด้วยข่าวดี มีหวังรำไร ขณะนั้นดีที่สุดที่จะขาย พิจารณามูลค่าหุ้นในข้อ 2 ประกอบว่าหุ้นถูกน่าซื้อ หรือแพงเกินไปน่าขาย
แต่ก็ต้องดูด้วยใช่ไหมครับว่าข่าวร้ายใกล้หมดยัง โดยส่วนตัวเมื่อมีข่าวร้ายยังไม่กล้าช้อนนะซิครับ กลัวมีร้ายกว่านี้อีก จะกล้าช้อนก็ต่อเมื่อหลายๆอย่างกลับมาดีแล้ว....แต่ถ้าเป็นVIยิ่งร้ายน่าจะยิ่งชอบเพราะเราจะเห็นแต่ของถูกช่วงนั้นน่าจะชอบกันมันส์เลยครับ อิอิ
nemsdaddy เขียน: 4. ซื้อหุ้นตอนราคาตก รอให้เกิดการแตกตื่นก่อนจึงค่อย ๆ เข้าซื้ออย่างเยือกเย็น
VIซื้อหุ้นเพราะถูกเมื่อเห็นของถูกแล้วก็มันจะซื้อจนหมดเงินที่มี จะมีปัญหาจรงที่เมื่อเจอของที่ถูกกว่าจะทำอย่างไร?.....ผมว่าก็ทำใจครับอิอิ เพราะม่ายมีเงินไปซื้อ555+ ผมว่าแค่ไม่ขายในช่วงหุ้นลงก็เยี่ยมแล้วนะครับ ทนๆไว้เพราะหุ้นเราดีจริง.....แต่ถ้าอยากได้ผลประโยชน์จากตรงนี้ก็ซัดมาร์จิ้นในช่วงที่หุ้นถูกสุดๆๆๆ(อาจจะ5-10ปีซัดซักที).....หรือบางคนจะเน้นปลอดภัยหน่อยก็กระจายเงินลงทุนในส่วนอื่นๆ พอตลาดหุ้นลงมากๆๆๆถูกสุดๆๆๆก็ขายทั้งหมดแล้วเอามาซื้อหุ้นก็น่าจะดีนะครับ....


ผมว่าพูดง่าย...แต่ทำยากมากๆๆๆครับ โดยเฉพาะสำหรับมือละอ่อนอย่างผมT^T
peodpeod55
Verified User
โพสต์: 116
ผู้ติดตาม: 0

วิเคราะห์มูลค่าหุ้นคร่าว ๆ ตามแบบ มาร์ค โมเบียส

โพสต์ที่ 3

โพสต์

อยากสอบถามคุณ nemsdaddy ว่าการหามูลค่าหุ้นจากสินทรัพย์สุทธิ (หักหนี้สินแล้ว) หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด นั้นเพียงพอสำหรับการดูว่าบริษัทนั้นดี โดยส่วนตัวผมเองอาจจะดูว่าไม่เหมาะสมเท่าไหร่เนื่องจากยังมีเรื่องของคุณภาพของกิจการเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
1.ความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
2.ความสามารถในการแข่งขันด้านการทำธุรกิจว่าเป็นบริษัทที่ดี ไม่มีคู่แข่งหรือ ถ้ามีก็ถือได้ว่าได้เปรียบบริษัทคู่แข่งมากๆ
3.ธรรมาภิบาลของบริษัทอีก เพราะว่าถึงแม้  มูลค่าหุ้นจากสินทรัพย์สุทธิ (หักหนี้สินแล้ว) หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด จะต่ำกว่าราคาที่เราซื้อมาก แต่บริษัทไม่ยอมจ่ายปันผล หรือทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวบริษัทในระยะยาวได้
4. ในเรื่องของตัวอุตสาหกรรมของบริษัทที่เราลงทุนนั้นก็มีผลเช่นเดียวกันถ้าเราเลือกตัวธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มตะวันตกดินนั้นก็มีโอกาสที่จะทำให้เราไม่อาจได้เห็นแสงตะวันอีกเลยก็ได้
5. ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่เราต้องดูด้วย อันนี้ขออนุญาตให้เซียนทั้งหลายมาให้คำตอบอีกแล้วกัน
ปล. แค่ความคิดเห็นส่วนตัวของผมอย่างเดียวอาจไม่พอ อาจต้องให้ความคิดเห็นอื่นอีกมาร่วมแชร์ประสบการณ์ครับ
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิเคราะห์มูลค่าหุ้นคร่าว ๆ ตามแบบ มาร์ค โมเบียส

โพสต์ที่ 4

โพสต์

[quote="nemsdaddy"]เมื่อได้ข้อคิดตามนี้แล้วจึงลองสร้างตารางข้อมูลประมาณมูลค่าหุ้นดู โดยใช้ข้อมูล
bladew124
Verified User
โพสต์: 97
ผู้ติดตาม: 0

วิเคราะห์มูลค่าหุ้นคร่าว ๆ ตามแบบ มาร์ค โมเบียส

โพสต์ที่ 5

โพสต์

:D
จากตาราง
ตัวที่โอกาสกำไร จากราคาวิ่ง
บางตัว ก็น่าลุ้น เอาไว้ตีแตก
บางตัว คล้ายๆเทิร์นอะราวด์

ตัวที่ติดลบ  เสี่ยงราคาจะร่วง
ก็เป็นหุ้นดีๆ ที่คนคาดหวังอย่าง บ้านปู ปูนใหญ่ พฤกษา dcc  
โฮมโปร ซีเอ็ด ......

ดูแล้วเหมือนการวิเคราะห์เชิงราคา ดูโอกาสทำกำไร จากแคปปิตอลเกน
มากว่าการดูคุณภาพของกิจการ

แต่ก็น่าสนนะ บางส่วน(น้อยๆ)ของพอร์ท น่าจะมีหุ้นตีแตก ไว้บ้าง :wink:
nemsdaddy
Verified User
โพสต์: 108
ผู้ติดตาม: 0

วิเคราะห์มูลค่าหุ้นคร่าว ๆ ตามแบบ มาร์ค โมเบียส

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ระหว่างรอต้องมีเงินสดในมือ นี่ควรต้องมีอยู๋กี่%หรอครับ? เพราะถ้าน้อยไปก็ไม่มีประโยชน์ มากเกินไปก็เสียโอกาส

ตอบคุณ picklife: ผมเคยอ่านมาว่าเซียนบางคนถือเงินสดรอโอกาสประมาณ 40% ครับ ผมเองยังทำแบบนั้นไม่ได้ คือถืออยู่ 0% ทุกทีครับ แต่ถ้าทำตามสูตรพระพุทธเจ้า ท่านให้ลงทุน 50%ของเงินที่มี เอาไว้ใช้ประจำวัน สงเคราะห์ญาติ ทำบุญบริจาคทาน 25% อีก 25%กันสำรองฉุกเฉินครับ ใครทำได้ย่อมส่องสว่างเพียงกองไฟครับ รายละเอียด search คำว่า สิงคาลกสูตร อ่านดูได้ครับ

อันนี้เพิ่งรู้ครับ....สินทรัพย์-หนี้ ไม่เท่ากับ BVหรอกหรอครับ????
ถามพี่ๆว่าเพราะอะไรครับ?

ตอบคุณ picklife: มันก็อันเดียวกันนั่นแหละครับ บางคนเรียก NAV แต่ใช้ว่า สินทรัพย์-หนี้ หารด้วยจำนวนหุ้น เด็ก ม.ต้น ก็คำนวณต่อได้ครับ ทำอะไรให้ง่ายเข้าไว้ ทำนองเจ้าสัว ป. สี่ ดีที่สุดครับ ผมเห็นด้วยกับคำที่ว่า พูดง่ายแต่ทำยาก ถูกต้องที่สุดครับ ทำยากจริง ๆ ไม่งั้นมวลชนคงรวยกันเละแล้วครับ แต่โชคร้ายที่มวลชนจะขาดทุนเสมอ เพื่อให้ผู้ชนะส่วนน้อยกำไรไงครับ

อยากสอบถามคุณ nemsdaddy ว่าการหามูลค่าหุ้นจากสินทรัพย์สุทธิ (หักหนี้สินแล้ว) หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด นั้นเพียงพอสำหรับการดูว่าบริษัทนั้นดี โดยส่วนตัวผมเองอาจจะดูว่าไม่เหมาะสมเท่าไหร่เนื่องจากยังมีเรื่องของคุณภาพของกิจการเข้ามาเกี่ยวข้องอีก

ตอบคุณ peodpeod55: ถูกต้องครับ ต้องดูอะไรอีกหลายอย่างโดยเฉพาะคุณภาพของผู้บริหาร แต่ข้อมูลจากการคำนวณง่ายๆ ที่ผมลองทำดูจะให้ภาพหลังฉาก ตัดภาพลวงตาจากสื่อต่าง ๆ ออกไป ส่วนนักลงทุนจะมองข้อมูลและตัดสินใจไปทางใดขึ้นอยู่กับแต่ละคน จริงๆแล้วผมเชื่อว่าคนเรามองต่างมุม ตัดสินใจต่างกันเพราะกรรมให้ผลกับแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ เพราะฉะนั้นอย่าลืมทำบุญบ่อยๆ (อย่าอธิฐานขอโน่นนี่แบบค้ากำไรเกินควร แบบข้าวทัพพีเดียวแต่หวังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทำบุญเพื่อลดความเห็นแก่ตัวดีกว่าครับ) ยกตัวอย่างจากตาราง หุ้น PS พฤกษา มูลค่าตามงบการงิน (ซึงเป็นอันเดียวกันกับ BV อย่างที่คุณpicklife ว่านั้นแหละ) ประมาณ 5 บาท แต่ราคาปัจจุบันประมาณ 18 บาท นักลงทุนแบบ VI คนไหนกล้าบอกว่าหุ้นถูกบ้างครับ ผมดูกราฟแล้วยิ่งสูงยิ่งหนาว ราคาห่างจากเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแบบฟ้ากับเหว ยังไงก็ต้องปรับตัวลงมา แต่ถ้ามันยังขึ้นต่อเราจะไปเสียดายทำไม แต่ถ้าดูจากข่าวจะอดทนไม่ซื้อ PS ได้ยากจริง ๆ เพราะตอนนี้มีข่าวแทบทุกวัน กำไรแบบฟ้าถล่ม ไปเจาะตลาดอินเดีย มัลดีฟ น่าซื้อมาก แต่ช้าก่อน ตารางเตือนเราว่าอย่าประมาทเพราะหุ้นเกินมูลค่าไปแล้วเกินสามเท่า จะเสี่ยงอีกหรือ ถ้ามันขึ้นไปอีกแล้วเราไม่ได้ซื้อก็ไม่น่าต้องทุกข์ร้อนอะไร น่ายินดีกับคนที่เขามีหุ้นนี้อยู่เสียอีก

วิธีนี้ใช้ได้ ถ้าพื้นฐานกิจการในอนาคตยังไม่เปลี่ยน
ตอบคุณ Financial Engineer: ใช่ครับ เพราะเหตุนี้จึงต้องอัพเดทข้อมูลใหม่ทุกครั้งที่มีรายงานการดำเนินงานแต่ละไตรมาสออกมา โดยปรับตัวเลขเป็นแบบเต็มปี ซึ่งเว็บ settrade.com ทำไว้ให้อยู่แล้ว ใครเข้าเน็ตเป็นย่อมทำเองได้

จากตาราง  ตัวที่โอกาสกำไร จากราคาวิ่ง  บางตัว ก็น่าลุ้น เอาไว้ตีแตก
บางตัว คล้ายๆเทิร์นอะราวด์  ตัวที่ติดลบ  เสี่ยงราคาจะร่วง ก็เป็นหุ้นดีๆ ที่คนคาดหวังอย่าง บ้านปู ปูนใหญ่ พฤกษา dcc โฮมโปร ซีเอ็ด ......
ดูแล้วเหมือนการวิเคราะห์เชิงราคา ดูโอกาสทำกำไร จากแคปปิตอลเกน
มากว่าการดูคุณภาพของกิจการ

ตอบคุณ bladew124:
ครับ ข้อมูลส่วนแรกเป็นข้อมูลตามงบการเงิน เอามาสัมพัทธ์กับราคาปัจจุบัน ท่านต้องทำการบ้านต่อเองโดยใช้ตารางเป็นเครื่องเตือนใจไม่ให้หลงไปกับภาพลวงตาครับ บางท่านอาจจะใช้ข้อมูลในตารางมาใช้สังเกตพฤติกรรมของหุ้นที่ท่านสนใจอยู่ก็ได้ เช่นผมสนใจ CK อยู่ก็รู้ว่าตอนนี้หุ้นตกลงมาจากจุดสูงสุดก่อนปีใหม่ประมาณ 7 บาท มาเหลือประมาณ 5 บาทในตอนนี้ เมื่อดูตามมูลค่าจากงบการเงินในตาราง มูลค่ามีแค่ 3.75 บาท เราก็คอยสังเกตว่ามันจะลงต่อไปอีกหรือไม่ อย่างไร แต่ตอนนี้โบรกเกอร์บางแห่งประมาณเป้าหมายไว้ 8.90 บาท คำนวณโดยผลรวม DCF ของบริษัทย่อยทั้งหมด พอสังเกตไปนาน ๆ เราจะเริ่มรู้นิสัยหุ้น (นิสัยของคนที่ลงทุนใน CK) จะเริ่มรู้ว่าเมื่อไรควรเข้าซื้อ เมื่อไรควรแปลงเป็นเงินสด เป็นต้น ผมเองกำลังเริ่มพัฒนาทักษะพวกนี้อยู่ครับ

ผมจะคอยเพิ่มหุ้นไปเรื่อย ๆ จนครบทุกตัวในตลาด ตามแต่เวลาจะอำนวยครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อยครับ
โพสต์โพสต์