|0 คอมเมนต์
จบแต่ละปีเรานักลงทุนหรืออีกนัยนักลงทุนในธุรกิจ(ทางอ้อมผ่านตลาดหุ้น) ก็ต้องดูผลตอบแทนการลงทุนสักหน่อย คงจะดีหากลงทุนแล้วรู้ว่าตัวเองกำไรหรือขาดทุนเป็นตัวเลขเท่าไหร่ เริ่มต้นปีที่ผ่านมา เริ่มจากความกลัว จบสิ้นปีด้วยความยินดี เพราะตลาดให้ผลตอบแทนถึง
66.95% รวมเงินปันผล นักลงทุนส่วนใหญ่จะกำไรมากน้อยต่างกันไปขึ้นอยู่กับการเลือกหุ้น การจัดพอร์ต
พอร์ตผมทำผลตอบแทนได้ 161.82% สูงกว่าตลาด 94.87% ซึ่งผมพอใจมาก

เป็นปีที่ลงทุนแบบ VI ครบ 10 ปีพอดี สิบปีที่ผ่านมาทำผลตอบแทนได้ 85 เท่าหรือเฉลี่ยทบต้นต่อปี 55.9% (แต่ตัวเงินจริงๆไม่ได้เพิ่ม 85 เท่านะครับเพราะถอนไปใช้ซะเยอะ) ตลอดปีที่ผ่านมาผมถือสัดส่วนหุ้นประมาณ 85-90% ที่เหลือเป็นเงินสดประมาณ 12-15% เพราะยังเข็ดขยาดกับปีก่อนหน้านั้น และยังมีผลต่อการจัดพอร์ตด้วยด้วย ความกลัวทำให้ผมกระจายการถือหุ้นประมาณ 20-25 ตัว หุ้นส่วนใหญ่จะกำไรตามภาวะตลาด มีขาดทุนบ้างเช่น
trc akr ส่วนหุ้นที่ทำกำไรได้มากๆมีหลายตัว มีหุ้นฟื้นตัวเช่น
inet bata kye thcom scsmg หุ้นเติบโตเช่น
spali htech qlt sgp ssf hmpro ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดเล็กเช่นเดิม เพราะเป็นกลุ่มที่ผมถนัดที่สุด คิดว่าในปีต่อๆไปก็คงจัดพอร์ตเหมือนเดิม หุ้นแบบเดิม แต่อาจจะลดจำนวนหุ้นที่ถือบ้างเพราะถือหลายตัวดูแลไม่ทั่วถึงและกระจายผลตอบแทนด้วย
บทเรียนในปีที่ผ่านไปนะครับ..
1.การคาดเดาตลาดเป็นศัตรูของการลงทุน อ่านหนังสือมาก็เยอะ แต่ผมได้รับบทเรียนจริงๆก็ครั้งนี้ เริ่มต้นปีเค้าว่าเป็นปีเผาจริง นักลงทุนมีความกลัวมากกว่าความกล้า นักวิเคราะห์ก็ทำนายดัชนีจะลงไปเท่าโน้นเท่านี้ จะมีวิกฤตรอบสอง มี double dip เป็น w-shape ว่ากันไป สุดท้ายผมก็ยังเห็นพอร์ตโตได้ทุกเดือน ดีที่ไม่เชื่อมากยังถือหุ้นค่อนข้างเยอะ เงินสดที่ถือก็ถือว่าเป็นต้นทุนความสบายใจหากตลาดแย่อย่างที่คาดก็ยังมีกระสุนไว้ยิงบ้างครับ
2.ความสำคัญของ P/B แต่ก่อนแต่ไรผมไม่ค่อยเห็นความสำคัญของตัวเลขทางการเงินตัวนี้ครับ แต่พอเจอวิกฤิตเศรษกิจ กิจการเจอกับความผันผวนของกำไร อัตราส่วน P/B กลับมีประโยชน์ต่อเรามากด้วยความไม่ผันผวนของมัน เป็นอินดิเคเตอร์ที่ดีในการหาจังหวะลงทุนได้ครับ
3.เพื่อนนั้นสำคัญต่อการลงทุน เพราะหลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว คงไม่มีใครติดตามหุ้นทุกตัวในตลาดได้ แต่เมื่อถึงเวลาตัดสินใจเราก็ต้องมีความคิดของเราเอง เพื่อนแค่เป็นคนชี้ทาง เราจะไปทางนั้นหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับเรา และอย่าลืมเพื่อนจะมีประโยชน์กับเราเมื่อเรามีประโยชน์กับเพื่อนนะครับ
การลงทุนแบบ vi 10 ปีที่ผ่านมาให้อะไรกับผมเยอะมาก ทั้งฐานะการเงิน มุมมองการใช้ชีวิต ได้เพื่อน ได้สังคม มองกลับไป 10 ปีที่แล้วผมเริ่มลงทุนแบบ vi โดยมองไม่เห็นฝั่ง โชคดีที่ได้อาจารย์นิเวศน์เป็นคนชี้แนวทางผ่านงานเขียนหนังสือ ให้สติ ให้ผมอยู่ในกรอบในเส้นทางในยามที่ไขว้เขวครับ ตอบแทนระดับนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดว่าจะทำได้จริง แม้จะยังไม่รวย แต่ก็พออยู่พอกิน ไม่ต้องดิ้นรน ไม่เครียดกับค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเครียดกับชีวิตการทำงานเป็นลูกจ้าง และมีเวลาให้ครอบครัวแบบเต็มที่ครับ ไม่รู้ว่าผมโชคดีหรือโชคร้ายที่เป็นนักลงทุนต้นทุนต่ำ มีใบปริญญา 2 ใบ ใบนึงไม่ได้ใช้ประโยชน์ อีกใบจบจากรามคำแหง กับเงินลงทุนอันน้อยนิดหลักแสน แต่มีความตั้งใจเต็มร้อย มีความหวังส่องทาง และแน่นอนมีต้องมีโชคอีกหน่อย ชีวิตลงทุนผมมาอย่างนั้น ถ้าผมทำได้ คิดว่าหลายคนก็น่าจะทำได้เช่นกัน
การลงทุนแบบ vi นั้นไม่ใช่เรื่องเฟ้อฝัน ไม่ใช่เป็นเรื่องวิชาการอยู่ในตำรา ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จก็เห็นกันมากมาย อย่าลังเลครับ เส้นทางนี้ถึงเป้าหมายแน่ๆ แต่ต้องอดทนรอหน่อย ไม่ต้องทำผลตอบแทนสูงๆแบบเซียนๆ ทำได้แค่ครึ่งเซียนเราก็อยู่ได้แล้ว สละเวลาศึกษาการลงทุนวันละนิด แล้วจะเปลี่ยนทั้งชีวิตให้สดใสครับ
ปี 2553 คงต้องเน้น stock selective มากขึ้นเพราะไม่มีตัวช่วยแล้ว และจากประวัติศาสตร์ปี 53 คงเป็นปีที่ท้าทายและไม่ง่ายอย่างแน่นอน ขอให้พอร์ตโตกันทุกคน และตั้งอยู่ในความไม่ประมาทครับ
ผลตอบแทนการลงทุน 12 ปีที่ผ่านมาและ 10 ปีของการลงทุนแบบ vi เทียบกับผลตอบแทนตลาดและปรมาจารย์ท่านอื่นๆ ดูไว้เพื่อเป็นข้อมูลเท่านั้น วัดอะไรกันไม่ได้เพราะฐานเงินต่างกันมาก
ข้อมูลเปอร์เซนต์การเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์ สมมุติว่าเราเริ่มต้นเงินลงทุนที่ 100 บาท สังเกตนะครับว่าระยะยาวตลาดจะให้ผลตอบแทนใกล้เคียง 10% และในปีหลังๆ มหัศจรรย์ทบต้นจะเริ่มมีผลแล้ว
ดูเป็นกราฟเพื่อให้เห็นชัดเจนของมหัศจรรย์การทบต้น
การคิดผลตอบแทนเผื่อใครยังไม่ทราบวิธี ผมคำนวณอย่างนี้ครับ
สูตรหลักคือ กำไร/เงินลงทุน
แต่หลายคนมีเงินเพิ่มหรือถอนออก
ดังนั้นสูตรจะเปลี่ยนเป็น
กำไร/เงินลงทุนเฉลี่ย
เงินลงทุนเฉลี่ยหาได้อย่างนี้กรณีที่เงินเพิ่มหรือการถอนเงินมีความสม่ำเสมอตลอดปี
เงินลงทุนเฉลี่ย=เงินต้นงวด+(เงินเพิ่มสุทธิ/2) หรือถ้าถอนเงินสุทธิจะเป็น เงินต้นงวด-(เงินถอนสุทธิ/2)
กรณีผมมีฐานะเป็น
ถอนเงินสุทธิทุกปี
สูตรผลตอบแทนจะเป็นอย่างนี้ครับ = [เงินปลายงวด+เงินถอนสุทธิ-เงินต้นงวด]/[เงินต้นงวด-(เงินถอนสุทธิ/2)]
เป็นวิธีที่มีความถูกต้องพอสมควรน่าจะเกิน 99% แต่ถ้าอยากให้ถูกต้องเป๊ะๆต้องใช้วิธี NAV ที่ต้องคำนวณหากมีการถอนหรือเพิ่มเงินทุกครั้ง แต่ผมถอนเงินบ่อยๆด้วยความขี้เกียจเลยใช้วิธีหาค่าเฉลี่ยโดยการหาร 2 สะดวกกว่าครับ หรือถ้าเป็นวิธีที่ดร.นิเวศน์เคยเขียนบทความ จะไม่มีการนำมาหาร 2 ให้ใช้ตัวเลขเงินถอนหรือเพิ่มเงินสุทธิไปเลย วิธีนี้ความคลาดเคลื่อนจะสูงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ง่ายในการคำนวณครับ..
