Margin of Safety กับ การตกรถ
- sayokung
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety กับ การตกรถ
โพสต์ที่ 1
ในการซื้อหุ้นแต่ละตัว ผมจะดูที่ Margin of Safety ประกอบ
- แต่ในบางทีหุ้นบางตัวที่เราเพิ่งจะมาสนใจ ราคา ก็เกิน Margin of Safety
ไปพอควร (แต่ไม่มาก) อย่างนี้ เราควรจะเข้าซื้อ หรือ รอให้ ราคามี Margin of Safety ที่เราพอใจก่อนดีครับ
- หุ้นที่เราเล็ง ๆ ไว้ เกิดราคาร่วงลง จนเกือบ ๆ Margin of Safety ที่ตั้งใจไว้แต่ ยังไม่ถึง เช่น หุ้นปกติ ราคา 100 บาท ตั้ง Margin of Safety สัก 30 เปอร์เซ็นต์ พอดีมีเหตุการณ์ที่ทำให้ราคาร่วงลง มาอยู่สัก 75 บาท อีกนิดนึง ก็จะถึงระดับราคาที่ตั้งใจะซื้อแล้ว (ที่ 70 บาท) แต่ไม่ถึงสักที ราคาขยับขึ้นไปเป็น 80 บาท ก็เลยไม่ได้ซื้อ (ตก รถ ซะแล้ว)
ไม่ทราบว่าเคยเจอประสบการณ์แบบนี้กันบ้างหรือเปล่าครับ แล้วมีแนวคิด หรือวิธีแก้ไข ยังไงครับ
ช่วยแนะนำด้วยนะครับ พอดีเพิ่งศึกษาแนว VI ครับผม
- แต่ในบางทีหุ้นบางตัวที่เราเพิ่งจะมาสนใจ ราคา ก็เกิน Margin of Safety
ไปพอควร (แต่ไม่มาก) อย่างนี้ เราควรจะเข้าซื้อ หรือ รอให้ ราคามี Margin of Safety ที่เราพอใจก่อนดีครับ
- หุ้นที่เราเล็ง ๆ ไว้ เกิดราคาร่วงลง จนเกือบ ๆ Margin of Safety ที่ตั้งใจไว้แต่ ยังไม่ถึง เช่น หุ้นปกติ ราคา 100 บาท ตั้ง Margin of Safety สัก 30 เปอร์เซ็นต์ พอดีมีเหตุการณ์ที่ทำให้ราคาร่วงลง มาอยู่สัก 75 บาท อีกนิดนึง ก็จะถึงระดับราคาที่ตั้งใจะซื้อแล้ว (ที่ 70 บาท) แต่ไม่ถึงสักที ราคาขยับขึ้นไปเป็น 80 บาท ก็เลยไม่ได้ซื้อ (ตก รถ ซะแล้ว)
ไม่ทราบว่าเคยเจอประสบการณ์แบบนี้กันบ้างหรือเปล่าครับ แล้วมีแนวคิด หรือวิธีแก้ไข ยังไงครับ
ช่วยแนะนำด้วยนะครับ พอดีเพิ่งศึกษาแนว VI ครับผม
+Analysis +Margin of Safety +Focus -Mr.Market
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety กับ การตกรถ
โพสต์ที่ 2
ถ้าผมสนใจหุ้นตัวนั้นจริงๆ ก็ทยอยซื้อครับ
สมมุติตั้งไว้ที่ 70 ลงมา ที่ 75 ก็อาจจะซื้อซัก 10% ของที่ตั้งใจไว้
ถ้าลงมา 70 ก็อัดเต็มๆ เลย
สมมุติตั้งไว้ที่ 70 ลงมา ที่ 75 ก็อาจจะซื้อซัก 10% ของที่ตั้งใจไว้
ถ้าลงมา 70 ก็อัดเต็มๆ เลย
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1495
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety กับ การตกรถ
โพสต์ที่ 3
Margin of Safety นี่เขาเทียบกับ Intrinsic Value ของหุ้นนะครับหุ้นปกติ ราคา 100 บาท ตั้ง Margin of Safety สัก 30 เปอร์เซ็นต์ พอดีมีเหตุการณ์ที่ทำให้ราคาร่วงลง มาอยู่สัก 75 บาท อีกนิดนึง ก็จะถึงระดับราคาที่ตั้งใจะซื้อแล้ว (ที่ 70 บาท) แต่ไม่ถึงสักที ราคาขยับขึ้นไปเป็น 80 บาท ก็เลยไม่ได้ซื้อ (ตก รถ ซะแล้ว)
ไม่ได้วัดจากราคาหุ้นปัจจุบัน
ถ้าไม่รู้ intrinsic value ก็ ประเมิน MOS ไมได้
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety กับ การตกรถ
โพสต์ที่ 4
เวลาซื้อหุ้นหลายตัวๆ บัฟเฟตให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดนะครับ กรณีล่าสุดที่ซื้อหุ้นรถไฟ ก็ซื้อในราคาแพงกว่าในตลาดถึง 30% ถ้าเป็นบ้านเราก็เรียกว่าซื้อที่ซีลลิ่งเลย
บัฟเฟตทำแบบนี้เพราะอะไรครับ ทำไมไม่ซื้อในตลาดในขณะหุ้นตก?
บัฟเฟตทำแบบนี้เพราะอะไรครับ ทำไมไม่ซื้อในตลาดในขณะหุ้นตก?
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร
- BeSmile
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1178
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety กับ การตกรถ
โพสต์ที่ 5
นักดูดาว เขียน:เวลาซื้อหุ้นหลายตัวๆ บัฟเฟตให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดนะครับ กรณีล่าสุดที่ซื้อหุ้นรถไฟ ก็ซื้อในราคาแพงกว่าในตลาดถึง 30% ถ้าเป็นบ้านเราก็เรียกว่าซื้อที่ซีลลิ่งเลย
บัฟเฟตทำแบบนี้เพราะอะไรครับ ทำไมไม่ซื้อในตลาดในขณะหุ้นตก?
การ Take over กิจการ นั้นต้องเป็นราคา ที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ พอใจจะขายด้วยนะครับ
การเข้าไล่ซื้อ ในตลาด อาจจะไม่สามารถควบคุม ราคาได้ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการควบคุมราคาเฉลี่ย การเข้าซื้อ
เช่นกรณี มติชน ที่ เคยถูกไล่ซื้อแล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่ ฮึดสู้
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety กับ การตกรถ
โพสต์ที่ 7
ผมคิดว่าหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุนแนววีไอหลายๆเรื่องเคยพูดถึงการตีลูกเบสบอลของเทด วิลเลี่ยม ซึ่งได้พูดถึงว่า ในรอบครึ่งศตวรรษมานี้ มีนักเบสบอลที่ตีได้ 0.4 แค่คนเดียวคือ เทด วิลเลี่ยม ซึ่งเค้าได้บอกเคล็ดลับการตีว่า เค้าจะรอให้ลูกเข้ามาอยู่ในโซนที่เค้ามีโอกาสตีได้ดีเท่านั้น ถ้าลูกไม่อยู่ในโซนตีลูกของเค้า เค้าจะยอมให้มันผ่านไป โดยยอมให้โดนเรียกออก ในการลงทุนนั้นเราโชคดีกว่านั้น เพราะจะไม่มีใครเรียกให้เราออก เพียงเพราะเราไม่หวดไม้ครับ
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
circle of competence
waiting for the perfect pitch
- sathaporne
- Verified User
- โพสต์: 1657
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety กับ การตกรถ
โพสต์ที่ 8
อย่างนี้เขาเรียกว่า "waiting for the perfect pitch"worapong เขียน:ผมคิดว่าหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุนแนววีไอหลายๆเรื่องเคยพูดถึงการตีลูกเบสบอลของเทด วิลเลี่ยม ซึ่งได้พูดถึงว่า ในรอบครึ่งศตวรรษมานี้ มีนักเบสบอลที่ตีได้ 0.4 แค่คนเดียวคือ เทด วิลเลี่ยม ซึ่งเค้าได้บอกเคล็ดลับการตีว่า เค้าจะรอให้ลูกเข้ามาอยู่ในโซนที่เค้ามีโอกาสตีได้ดีเท่านั้น ถ้าลูกไม่อยู่ในโซนตีลูกของเค้า เค้าจะยอมให้มันผ่านไป โดยยอมให้โดนเรียกออก ในการลงทุนนั้นเราโชคดีกว่านั้น เพราะจะไม่มีใครเรียกให้เราออก เพียงเพราะเราไม่หวดไม้ครับ
ใช่ไหม ท่านอาจารย์โอบีวัน
_________________
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety กับ การตกรถ
โพสต์ที่ 9
Margin of Safety กับ การตกรถ
ผมเคยตกรถบ่อยๆ
พอเคยตกรถเลยเคาะขวาซะเลย ปรากฏว่า มันร่วงไปอีก
ถูกแล้วยังมีถูกกว่าให้เจ็บใจเล่นๆ
พอเจ็บใจแล้ว เราก็ระวังมากขึ้น รอดูมันหน่อย ยึดหลักว่า เสียใจดีกว่าเสียเงิน
อ้าวคราวนี้กลายเป็นตกรถอีกล่ะ หุ้นที่เล็งไว้เกือบสองปีวิ่งกระฉูดโดยเรายังไม่ทันได้ซื้อซักหุ้นเดียว กำ.... ต้องรออีกกี่ปีเนี่ย
คราวนี้เอาใหม่ ต้องยึดหลัก ซื้อแพงขึ้นนิดๆหน่อยๆก็ยอม ดีกว่าเสียเวลาเป็นปีๆ เคาะขวาซะเลย ช่วงนี้แหละเพราะราคายังกะอยู่ในนรกแล้ว
อ้าว ร่วงอีกล่ะ โห ในนรกยังมีนรก ไอ้เราก็นึกว่าสุดๆ แล้ว
เอาใหม่......ไปฝึกอารมณ์ซะหน่อย
เย็นไว้โยม ๆ ไม่ต้องรีบไปไหน ตลาดยังไม่ปิดหรอกน่า ยังอยู่คู่เมืองไทยไปอีกนาน
อ้าว......คงเดาออกนะครับว่าผลเป็นยังไง
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงครับ
เมื่อตอนเล่นหุ้นใหม่ๆผมเป็นยังงั้นเลย
ถึงตอนนี้ เล่นมานานแล้วก็ยังเป็นนะ
และผมเดาว่า มันจะเป็นอย่างนี้ไปตลอดชีวิต
เพราะในระยะสั้นๆ การเดานั้น ให้ความแม่นแค่ 50/50
ถ้าเจอหุ้นที่คิดว่าถูกใจแล้ว undervalue แล้ว
ก็จัดการซะเลย
ต่อให้ราคามันร่วงไปอีกก็ไม่เป็นไร
ถ้าเราวิเคราะห์ถูก เดี๋ยวมันก็ขึ้น
ถ้าวิเคราะห์ผิด ก็ตัวใครตัวมัน :lol:
ผมเคยตกรถบ่อยๆ
พอเคยตกรถเลยเคาะขวาซะเลย ปรากฏว่า มันร่วงไปอีก
ถูกแล้วยังมีถูกกว่าให้เจ็บใจเล่นๆ
พอเจ็บใจแล้ว เราก็ระวังมากขึ้น รอดูมันหน่อย ยึดหลักว่า เสียใจดีกว่าเสียเงิน
อ้าวคราวนี้กลายเป็นตกรถอีกล่ะ หุ้นที่เล็งไว้เกือบสองปีวิ่งกระฉูดโดยเรายังไม่ทันได้ซื้อซักหุ้นเดียว กำ.... ต้องรออีกกี่ปีเนี่ย
คราวนี้เอาใหม่ ต้องยึดหลัก ซื้อแพงขึ้นนิดๆหน่อยๆก็ยอม ดีกว่าเสียเวลาเป็นปีๆ เคาะขวาซะเลย ช่วงนี้แหละเพราะราคายังกะอยู่ในนรกแล้ว
อ้าว ร่วงอีกล่ะ โห ในนรกยังมีนรก ไอ้เราก็นึกว่าสุดๆ แล้ว
เอาใหม่......ไปฝึกอารมณ์ซะหน่อย
เย็นไว้โยม ๆ ไม่ต้องรีบไปไหน ตลาดยังไม่ปิดหรอกน่า ยังอยู่คู่เมืองไทยไปอีกนาน
อ้าว......คงเดาออกนะครับว่าผลเป็นยังไง
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงครับ
เมื่อตอนเล่นหุ้นใหม่ๆผมเป็นยังงั้นเลย
ถึงตอนนี้ เล่นมานานแล้วก็ยังเป็นนะ
และผมเดาว่า มันจะเป็นอย่างนี้ไปตลอดชีวิต
เพราะในระยะสั้นๆ การเดานั้น ให้ความแม่นแค่ 50/50
ถ้าเจอหุ้นที่คิดว่าถูกใจแล้ว undervalue แล้ว
ก็จัดการซะเลย
ต่อให้ราคามันร่วงไปอีกก็ไม่เป็นไร
ถ้าเราวิเคราะห์ถูก เดี๋ยวมันก็ขึ้น
ถ้าวิเคราะห์ผิด ก็ตัวใครตัวมัน :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety กับ การตกรถ
โพสต์ที่ 10
ดูหุ้นให้เยอะตัวขึ้นช่วยแก้ปัญหานี้ได้
แต่ถ้าเจอแล้ว เคาะขวาเลยครับ :D
แต่ถ้าเจอแล้ว เคาะขวาเลยครับ :D
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- newbie_12
- Verified User
- โพสต์: 2904
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety กับ การตกรถ
โพสต์ที่ 11
ผมเคาะเละเทะเลยครับ
ก็เลยเจอแต่ติดดอย
ตกรถไม่ค่อยเคยครับ เคยแต่ตกจรวด (KYE) แต่ไม่ใช่เพราะตั้ง bid แต่เป็นเพราะไม่กล้าซื้อเพราะยังอ่านไม่ครบ และยังไม่เข้าใจมากกว่า
ก็เลยเจอแต่ติดดอย
ตกรถไม่ค่อยเคยครับ เคยแต่ตกจรวด (KYE) แต่ไม่ใช่เพราะตั้ง bid แต่เป็นเพราะไม่กล้าซื้อเพราะยังอ่านไม่ครบ และยังไม่เข้าใจมากกว่า
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- kurapica
- Verified User
- โพสต์: 587
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety กับ การตกรถ
โพสต์ที่ 12
เมื่อก่อนผมก็ชอบตั้ง bid ทิ้งไว้ต่ำๆหน่อย ตอนหัวค่ำ แล้วมาดูผลงานตอนหัวค่ำอีกวัน
เพราะตอนเช้าออกไปทำงาน ผลคือมีทั้งซื้อได้และไม่ได้ (ซื้อ cpf ไม่ได้เพราะตั้งต่ำไป)
ที่ซื้อได้ก็มี csl กับ kye ตอนก่อนจะ xd 9.7 บาทต่อหุ้น
ในใจคิดว่าซื้อได้ก็ดี ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะผมไม่รู้จักหุ้นตัวนั้นมากนัก อาศัยดูแค่ตัวเลขคร่าวๆ ให้พอเห็นแวว ก็เอาเลย (มาแนวเวนเกอร์ชอบซื้อตอนเป็นดาวรุ่ง)
พอมีหุ้นปุ๊บจิตใจร้อนรน ต้องศึกษาเกี่ยวกับมันให้มาก จนรู้ว่ามันดีพอที่จะถือต่อไปก็เล่นมวยวัดกับมันต่อเลย
ทีนี้หละถ้าขายพลาด คือขายแล้วมันขึ้นต่อ ผมก็เคาะเอาคืนอย่างเดียวเลย
แต่เดี๋ยวนี้จะศึกษาให้พอแน่ใจก่อน ให้มีความมั่นใจในหุ้นมากพอที่จะไม่ร้อนรนเวลาถือมัน
ก็จะเคาะซื้อเลย ไม่ตั้ง bid แล้ว
เพราะตอนเช้าออกไปทำงาน ผลคือมีทั้งซื้อได้และไม่ได้ (ซื้อ cpf ไม่ได้เพราะตั้งต่ำไป)
ที่ซื้อได้ก็มี csl กับ kye ตอนก่อนจะ xd 9.7 บาทต่อหุ้น
ในใจคิดว่าซื้อได้ก็ดี ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะผมไม่รู้จักหุ้นตัวนั้นมากนัก อาศัยดูแค่ตัวเลขคร่าวๆ ให้พอเห็นแวว ก็เอาเลย (มาแนวเวนเกอร์ชอบซื้อตอนเป็นดาวรุ่ง)
พอมีหุ้นปุ๊บจิตใจร้อนรน ต้องศึกษาเกี่ยวกับมันให้มาก จนรู้ว่ามันดีพอที่จะถือต่อไปก็เล่นมวยวัดกับมันต่อเลย
ทีนี้หละถ้าขายพลาด คือขายแล้วมันขึ้นต่อ ผมก็เคาะเอาคืนอย่างเดียวเลย
แต่เดี๋ยวนี้จะศึกษาให้พอแน่ใจก่อน ให้มีความมั่นใจในหุ้นมากพอที่จะไม่ร้อนรนเวลาถือมัน
ก็จะเคาะซื้อเลย ไม่ตั้ง bid แล้ว