Panic sell เป็นอย่างไร ในที่สุดก็ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว (สารภาพด้วยว่าหลวมตัวเป็นไปกับเขาด้วย )
ตลาดหุ้น เป็นตลาดที่อ่อนไหว เล่นอยู่บนพื้นฐานของจิตใจคน ใครใจไม่แข็ง ไม่มีจุดยืน
เจออย่างสองวันนี้เข้าไป อาจมีสิทธิ์ล้มทั้งยืนก็เป็นได้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำหรับผู้อยู่รอดได้มากทีเดียว
ในสิ่งที่เลวร้าย หากปล่อยให้มันเกิดขึ้น แล้วก็ปล่อยผ่านไป โดยให้เหตุผลว่า "มันได้ผ่านไปแล้ว"
มันจะฟังดูแย่มากๆ หากเราไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลยในภาวะวิกฤตเช่นนั้น สิ่งที่ควรได้รับกลับมานั่นคือ "บทเรียน"
1. ผมลงทุนในแนว VI ผมซื้อหุ้นเมื่อเห็นว่าราคามันถูก (นัยหนึ่งคือมันต่ำกว่ามูลค่าความเป็นจริง)
แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมต้องขายหุ้นที่ผมอุตส่าห์เลือกสรรมาอย่างดีไปสองตัว
เหตุผลที่ขายมันคือ "อารมณ์" ซึ่งขัดแย้งกับเหตุผลที่ผมเลือกซื้อหุ้นนั้นอย่างสิ้นเชิง ! เสียดายจริงๆครับ

2. ในความผิดหวังก็ยังคงมีเรื่องที่ดีหลงเหลืออยู่ อย่างน้อยที่สุด ผมก็ไม่ได้ "ตกใจ" ขายหุ้นที่ผมรักมากอีกสองตัวไป
เมื่อมานั่งคิดทบทวนดูแล้ว พบว่าอะไรที่ทำให้ผมไม่ได้ตกใจขายหุ้นสองตัวนั้นไป
คำตอบก็คือ หุ้นสองตัวนั้นมี Margin of safety มากเพียงพอ
ในที่สุด ผมก็ได้เห็นถึงความสำคัญของค่า MOS ว่ามันมีความสำคัญมากขนาดไหน เพราะเหตุใด นักลงทุนแนว VI
ถึงให้ความสำคัญกับการพิจารณาค่า MOS ก่อนตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนั้นๆ ... ตอนนี้ผมได้คำตอบจากบทเรียนจริงแล้ว

3. ซื้อหุ้นเฉลี่ยในขาขึ้น อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป ถึงแม้บางครั้งเราอาจคิดว่า "ต้นทุนของหุ้น มันน้อยเกินไป"
ข้อนี้ผมยังทำไม่ค่อยได้ เวลาที่ผมตัดสินใจจะซื้อหุ้นตัวใดๆครั้งแรก ผมมักไม่กล้าทุ่มอย่างสุดตัว เพราะผมกลัวพลาด
ผมมักจะกล้าตัดสินใจทยอยซื้ออีกครั้ง เมื่อราคาหุ้นมันได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว
เหตุผลที่ผมต้องซื้ออีก เพราะผมยังไม่ได้จำนวนหุ้นครบตามที่ต้องการ ...
ด้วยวิธีดังกล่าวนี้ มันจะเป็นการดึงค่าเฉลี่ยของหุ้นของผมให้สูงขึ้นไป ซึ่งจะทำให้ค่า MOS มีค่าลดลงตามไปด้วย

4. ผมซื้อหุ้น ผมไม่ได้ซื้อ set index แต่ทำไมผมถึงชอบมองภาพรวมของ set มากกว่าที่ผมจะเจาะลึกไปมองที่ตัวธุรกิจหุ้นของผม
มันเป็นความโง่เขลงของผมเอง ตัวธุรกิจมันยังคงดำเนินกิจการต่อไป ผลประกอบการกำลังไปได้สวย กำไรเติบโตขึ้นทุกวัน
เหตุผลเพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอเพื่อการันตีว่า ราคาหุ้นมันต้องไปได้มากกว่านี้
แต่ผมกลับเอา "อารมณ์" ของผมมาตัดสิน เพียงเพราะผมยึดภาพหลักของดัชนี set อีกแล้ว ทั้งๆที่กิจการมันก็ยังคงดำเนินต่อไป

5. แปลกแต่จริง เมื่อใดที่ราคาหุ้นลดต่ำลงมากๆ บางครั้งเกือบจะใกล้ราคาเฉลี่ยนของหุ้นที่เรามี ทำไมในใจผมคิดแต่อยากจะขาย
ผมกลัวขาดทุน แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป ผมกลับมานั่งคิด หากเราแน่ใจแล้วว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นที่ดี กิจการมันไม่ได้เจ๊ง
การที่ราคาปรับตัวลงอย่างไม่มีนัยยะสำคัญ ทำไมเราถึงไม่ "กล้า" ที่จะซื้อหุ้นนั้นเพิ่ม เพราะราคาที่มันตกต่ำลงมานั้น
หากเราตั้งตัวไปตอนที่ยังไม่ได้ถือหุ้นตัวนั้นอยู่ แน่นอนว่าเราต้องซื้อ แต่ ณ ตอนนั้น ทำไมถึงมีแต่ความคิดว่าอยากจะขาย ?

6. สุดท้าย ... หุ้นมีขึ้น และก็มีลง จริงๆครับ

------------------------------------------------------------------------------------------


ผมกำลังมองว่า คนที่โชคดีในเหตุการณ์ใดๆ ก็จะกล้าเปิดเผยตนเพื่อบอกในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปแล้วได้ผลดีกลับมา
ในขณะที่อีกหลายๆคน ต้องหลบหายไป เพราะดูเหมือนว่าเขาได้ "ตัดสินใจพลาด" ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ผมขอเป็นกำลังใจให้บุคคลกลุ่มหลังนะครับ สู้ๆนะครับ เราจะสู้ไปด้วยกัน