เป็นไปได้ไหมว่า ต่อไปจะไม่มีหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นไปได้ไหมว่า ต่อไปจะไม่มีหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 32
กรประเมินมูลค่าหุ้นผมว่ามีความเป็นอัตวิสัยสูงนะครับ เพราะหุ้นจะมีมูลค่าได้ก็เมื่อเราไปมองและตัดสินมัน จึงเป็นเหตุให้มูลค่าหุ้นตัวเดียวกันในสายตาของแต่ละคนไม่เท่ากัน ณราคาตลาดราคาหนึ่งอาจเต็มมูลค่าสำหรับเราแต่อาจต่ำกว่ามูลค่าสำหรับคนอืนก็ได้ตามเหตุปัจจัยของแต่ละคน ง่ายแค่บทวิเคราะห์ราคาที่เหมาะสมของแต่ละโบรกยังไม่เท่ากันเลย
ให้เข้าใจมากขึ้นตัวอย่างมีหุ้น 1 ตัวปันผลทุกปีปีละ 10 บาท ราคาตลาดอยู่ที่ 120บาท
นาย ก ลงทุนด้วยเงินฝากประจำมาตลอดชีวิตได้ดอกไม่เคยเกินร้อยละ 3 ถ้าอะไรให้ผลตอบแทนเกิน 5% ก็ดีใจแทบคลั่งแล้ว(ใหผลตอบแทนที่คาดหวัง(k)=5%)
ดังนั้นมูลค่าหุ้นที่ควรจะเป็นของนาย ก คือ 10/0.05 เท่ากับ 200 บาท
นาย ก รีบซื้อทันที
นาย ข เป็นนักลงทุนตัวยง ผลตอบแทนต่อไปไม่ต่ำกว่า20% ถ้าลงทุนอะไรที่ผลตอบแทนต่ำกว่าร้อยละ 20 เขาก็ไม่เอา(ใหผลตอบแทนที่คาดหวัง(k)=20%)
ดังนั้นมูลค่าหุ้นที่ควรจะเป็นของนาย ข คือ 10/0.2 เท่ากับ 50 บาท
นาย ข รีบซื้อทันที
นี่แค่ 2 คน แล้วในตลาดมีคนเป็นล้าน ราคาในใจไม่เท่ากันซักคน
ให้เข้าใจมากขึ้นตัวอย่างมีหุ้น 1 ตัวปันผลทุกปีปีละ 10 บาท ราคาตลาดอยู่ที่ 120บาท
นาย ก ลงทุนด้วยเงินฝากประจำมาตลอดชีวิตได้ดอกไม่เคยเกินร้อยละ 3 ถ้าอะไรให้ผลตอบแทนเกิน 5% ก็ดีใจแทบคลั่งแล้ว(ใหผลตอบแทนที่คาดหวัง(k)=5%)
ดังนั้นมูลค่าหุ้นที่ควรจะเป็นของนาย ก คือ 10/0.05 เท่ากับ 200 บาท
นาย ก รีบซื้อทันที
นาย ข เป็นนักลงทุนตัวยง ผลตอบแทนต่อไปไม่ต่ำกว่า20% ถ้าลงทุนอะไรที่ผลตอบแทนต่ำกว่าร้อยละ 20 เขาก็ไม่เอา(ใหผลตอบแทนที่คาดหวัง(k)=20%)
ดังนั้นมูลค่าหุ้นที่ควรจะเป็นของนาย ข คือ 10/0.2 เท่ากับ 50 บาท
นาย ข รีบซื้อทันที
นี่แค่ 2 คน แล้วในตลาดมีคนเป็นล้าน ราคาในใจไม่เท่ากันซักคน
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
- McDull
- Verified User
- โพสต์: 313
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นไปได้ไหมว่า ต่อไปจะไม่มีหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 34
ขอแจมหน่อยละกันนะครับ ไม่ว่ากันนะ ไหนๆ ก็มีคนแซวว่าผมไปป่วนหลายกระทู้แล้ว :oops: อยากคุยแลกเปลี่ยนมากๆ ครับ จะได้ทำให้ตัวเองฉลาดขึ้น
ความคิดเห็นผม ผมว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากครับ ด้วยเหตุผลคือ
- ความโลภกับความกลัวอย่างที่พี่ๆ บอกมาแหละครับ ผมขอปรับนิดนึงไปใช้คำว่า ความกล้ารับความเสี่ยง (ฟังดูดีขึ้นมั้ยเอ่ย?) ผมเป็นประเภทกว่าจะเก็บหุ้นครบต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 3 เดือนครับ ดูโมเดลธุรกิจ ดูงบ ฯลฯ แล้วก็แค่เก็บส่วนหนึ่ง ได้ mos มากหน่อย พอถึง Q ถัดมา เห็นผลแล้วว่าเวิร์คจริง ถึงจะกล้าเก็บเต็มๆ ตอนนี้ ราคาก็วิ่งบ้างแล้ว mos ก็น้อยลง ถ้าเป็นคนที่เก่งๆ อ่านสถานการณ์ขาด แล้วมีความกล้า รอบแรกก็เก็บได้เต็มแล้ว
- ผมเชื่อตามที่ดร. ท่านพูดว่า ราคาเหมาะสมมันเป็นกรอบครับ กรอบกว้างหรือแคบก็ขึ้นกับลักษณะธุรกิจ และการตอบสนองต่อปัจจัยทางบวกและลบ ราคาหุ้นที่เรียกว่าเต็มมูลค่าอาจเป็นเพราะมันได้เข้าไปอยู่ในกรอบ แต่จะอยู่เฉียดกรอบล่างหรือบนก็ไม่อาจรู้ได้ แค่ในกรอบนี้ก็มี mos แล้ว
- เทคโนโลยีและความรู้ที่จะพัฒนาขึ้นครับ ทุกๆปี ผู้บริหารที่เก่งและดีก็จะพยายามหาวิธีทำให้บริษัทโต (พยายามให้ราคาเหมาะสมวิ่งหนีราคาปัจจุบันไปเรื่อยๆ) เพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน ปรับโมเดลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลองนึกถึงธุรกิจการแข่งขันสูงที่มี NPM ต่ำๆ นะครับ การเอาระบบ computer มาใช้ที่ทำให้ลดต้นทุนได้แค่ 2-3% อาจทำให้กำไรเพิ่ม 50-100% แล้วราคาหุ้นก็ควรเป็นไปตามนั้น
คิดประมาณนี้ครับ ขอบคุณครับผม
ความคิดเห็นผม ผมว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากครับ ด้วยเหตุผลคือ
- ความโลภกับความกลัวอย่างที่พี่ๆ บอกมาแหละครับ ผมขอปรับนิดนึงไปใช้คำว่า ความกล้ารับความเสี่ยง (ฟังดูดีขึ้นมั้ยเอ่ย?) ผมเป็นประเภทกว่าจะเก็บหุ้นครบต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 3 เดือนครับ ดูโมเดลธุรกิจ ดูงบ ฯลฯ แล้วก็แค่เก็บส่วนหนึ่ง ได้ mos มากหน่อย พอถึง Q ถัดมา เห็นผลแล้วว่าเวิร์คจริง ถึงจะกล้าเก็บเต็มๆ ตอนนี้ ราคาก็วิ่งบ้างแล้ว mos ก็น้อยลง ถ้าเป็นคนที่เก่งๆ อ่านสถานการณ์ขาด แล้วมีความกล้า รอบแรกก็เก็บได้เต็มแล้ว
- ผมเชื่อตามที่ดร. ท่านพูดว่า ราคาเหมาะสมมันเป็นกรอบครับ กรอบกว้างหรือแคบก็ขึ้นกับลักษณะธุรกิจ และการตอบสนองต่อปัจจัยทางบวกและลบ ราคาหุ้นที่เรียกว่าเต็มมูลค่าอาจเป็นเพราะมันได้เข้าไปอยู่ในกรอบ แต่จะอยู่เฉียดกรอบล่างหรือบนก็ไม่อาจรู้ได้ แค่ในกรอบนี้ก็มี mos แล้ว
- เทคโนโลยีและความรู้ที่จะพัฒนาขึ้นครับ ทุกๆปี ผู้บริหารที่เก่งและดีก็จะพยายามหาวิธีทำให้บริษัทโต (พยายามให้ราคาเหมาะสมวิ่งหนีราคาปัจจุบันไปเรื่อยๆ) เพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน ปรับโมเดลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลองนึกถึงธุรกิจการแข่งขันสูงที่มี NPM ต่ำๆ นะครับ การเอาระบบ computer มาใช้ที่ทำให้ลดต้นทุนได้แค่ 2-3% อาจทำให้กำไรเพิ่ม 50-100% แล้วราคาหุ้นก็ควรเป็นไปตามนั้น
คิดประมาณนี้ครับ ขอบคุณครับผม
- K o S o L
- Verified User
- โพสต์: 451
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นไปได้ไหมว่า ต่อไปจะไม่มีหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 35
ผมคิดว่าถึงแม้ในตลาดจะมีแต่ VI
แต่ตราบใดที่เรายังไม่สามารถคาดเดาผลประกอบการในอนาคตได้ถูกต้อง 100% และยังไม่มีวิธีการประเมินมูลค่าที่ชัดเจน
ก็คงมีหุ้นที่ under-over value อยู่ตลอดแหละครับ
แต่ตราบใดที่เรายังไม่สามารถคาดเดาผลประกอบการในอนาคตได้ถูกต้อง 100% และยังไม่มีวิธีการประเมินมูลค่าที่ชัดเจน
ก็คงมีหุ้นที่ under-over value อยู่ตลอดแหละครับ
ผมมือใหม่ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 455
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นไปได้ไหมว่า ต่อไปจะไม่มีหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
โพสต์ที่ 36
McDull เขียน: - ผมเชื่อตามที่ดร. ท่านพูดว่า ราคาเหมาะสมมันเป็นกรอบครับ กรอบกว้างหรือแคบก็ขึ้นกับลักษณะธุรกิจ และการตอบสนองต่อปัจจัยทางบวกและลบ ราคาหุ้นที่เรียกว่าเต็มมูลค่าอาจเป็นเพราะมันได้เข้าไปอยู่ในกรอบ แต่จะอยู่เฉียดกรอบล่างหรือบนก็ไม่อาจรู้ได้ แค่ในกรอบนี้ก็มี mos แล้ว
- เทคโนโลยีและความรู้ที่จะพัฒนาขึ้นครับ ทุกๆปี ผู้บริหารที่เก่งและดีก็จะพยายามหาวิธีทำให้บริษัทโต (พยายามให้ราคาเหมาะสมวิ่งหนีราคาปัจจุบันไปเรื่อยๆ) เพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน ปรับโมเดลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลองนึกถึงธุรกิจการแข่งขันสูงที่มี NPM ต่ำๆ นะครับ การเอาระบบ computer มาใช้ที่ทำให้ลดต้นทุนได้แค่ 2-3% อาจทำให้กำไรเพิ่ม 50-100% แล้วราคาหุ้นก็ควรเป็นไปตามนั้น
เด็กฝึกงาน...