เมื่อไรเราควรลดต้นทุน

[phanit]

ผมเพิ่งเข้าวงการการลงทุนเมื่อต้นปีนี้เองครับ
ได้ทำการศึกษาจากตำราและอ่านข้อมูลจาก Web นี้ด้วย

หลายๆตำราบอกกว้างๆ ทำให้มือใหม่อย่างผมไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ เช่น

ผมซื้อหุ้น A มาราคาตอนตกๆต้นปีที่ 24 บาท ปัจจุบัน ขึ้นมา ประมาณ 45% (ในอดีดก่อนวิกฤต ราคา วิ่งอยู่ที่ 2.5 - 3.5 เท่า ของ 24 บาท Divident ทั้งปีในอดีตอยู่ที่ 18% เมื่อเทียบกับราคา 24 บาท) ลักษณะเช่นนี้ เมื่อไรเราควรขายบางส่วนออกเพื่อลดต้นทุนตามตำราที่ว่าครับ

หรือไม่ควรขายออก ควรจะรอเมื่อราคาขึ้นมา 2.5 -3 เท่า ครับ

หรือไม่ควรขายออกเลย

และเมื่อไรควรทำ short against port หรือไม่ควรทำเพราะราคาที่ซื้อมันต่ำมากแล้ว โอกาส short against port มีน้อยครับ

รบกวนความรู้จากผู้รู้ที่มีประสบการณ์ด้วยครับ

Phanit

[Flashy]

ผมขอตอบนิดละกัน
ก่อนอื่น ขอบอกว่าผมก็มือใหม่เหมือนกัน เพิ่งเริ่มก่อนสงกรานต์ไม่กี่วัน
แทบไม่มีประสบการณ์ แต่พยายามมีวินัย

ราคาสูงๆอย่างนี้ ก็หวั่นไหวเหมือนกัน
จะขายหรือไม่ ผมว่าน่าจะดูที่ ราคาที่เราประเมินไว้น่ะครับ
อย่างผมที่ใช้วิธีประเมินมูลค่าแบบคิดลดกระแสเงินสด ก็คิดมาอยู่ที่ปลายปีนี้

ถ้าราคามันเกินกว่าที่เราประเมินไว้ ผมตั้งใจไว้ว่าจะทยอยขายที่ละครึ่งของที่มีอยู่เรื่อยๆอะครับ ถ้ามันยังคงสูงขึ้น

short against port ไม่รุแฮะ

[miracle]

หลักของผมง่ายๆ
เมื่อไร ราคาขึ้นแล้วอึดอัดหรือลงแล้วอึดอัด
ก็โกยเถอะโยม

แต่ห้ามคิดน่ะครับ หลักอันนี้หลายคนบอกว่า มันไม่ใช่หลัก
แต่ตัวของผมเอง หลักนี้ใช้งานได้ผลเลย เพราะ ว่า เหมือนใจมันกระวนกระวาย มันสะท้อนออกมาหลายหลากด้าน จนตัวเองกลุ้มใจ หรือวิตกไปอย่างมาก กลัวอย่างมาก

ลองไปใช้ดู แต่ว่า คนที่ใช้หลักนี้ได้ ต้องคิดรอบหลายเสร็จแล้ว
ให้ลืมสิ่งที่คิด จากนั้นก็ถามเข้าไปในใจของตัวเองว่า ซื้อหรือขาย
ดูอารมณ์เป็นหลัก

[phanit]

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำทั้ง K. Flashy และ K. Miracle ครับ

อันที่จริงผมคิดว่าน่าจะมีวิธีบางอย่างที่พอจะให้เราเป็นแนวทางได้

เช่น มีการทำ Scenario ต่างๆ และดูเป็นข้อมูลอ้างอิงได้

ถ้าผมมีข้อมูลเพิ่มเติม จะนำมา share ครับ

Phanit

[krisy]

จริงๆแล้ว ตอนซื้อเพราะอะไร ตอนขายหรือเอาทุนคืนก็คิดแบบเดียวกัน

krisy เคยทำเละมาแล้ว ตอนซื้อคิดอย่าง ตอนขายคิดอีกอย่าง ตอนนี้ได้บทเรียนมาพอควร แต่ก็ยังคิดอย่างนี้ไม่ได้ วินัยไม่มากพอค่ะ

ถ้าคุณซื้อเพราะ VI ราคายังไม่ถึงเป้า คุณจะขายลดทุนเพื่ออะไร ไม่เสียดายหรือ ถ้ามันไม่กลับมาให้ซื้อคืน หรือขายเสร็จ ราคาก็ขยับเอาๆ

ถ้าคุณซื้อเพราะอยากทำ short against port คุณต้องรู้นิสัยมันเอามากๆ กราฟต้องผันผวนให้เล่นรอบได้ ขึ้นอย่างเดียว ลงอย่างเดียว ก็มีแต่ตายกับตายค่ะ เมื่อไหร่ที่กราฟไม่ผันผวน ขายเหอะนะคะ เพราะตอนนั้นคุณจะเริ่มไม่รู้จักมันแล้ว

ถ้าคุณซื้อเพราะเก็งผลประกอบการ กิจการทำได้หรือไม่ได้ก็ตาม ต้องปล่อยทันที

ถ้าคุณซื้อเพราะกราฟบอก ก็ขายเมื่ออ่านผิด

ถ้าคุณซื้อเพราะมันเป็นก้นบุหรี่ สูดสักฟอก พอไฟที่ปลายแดงๆนิด ก็ปล่อยให้คนอื่นสูบต่อบ้าง เพราะคุณไม่รู้ว่ามันสูบได้อีกกี่ฟอด

ถ้าคุณซื้อเพราะบังเอิญโชคดี จับได้ราคาต่ำจริงๆ จะขายตอนไหนก็ขายเถอะค่ะ เพราะมันเป็นของขวัญของคุณ โชคจะหมดตอนไหนไม่รู้ ถ้าไม่สบายใจก็ขายดีกว่า ถ้าเราไม่ได้ทำการบ้านกับตัวหุ้นที่ถือเลย ก็ให้ระวังโชคหมด

โชคดีค่ะ

[phanit]

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ K. Krisy

ได้ภาพชัดขึ้นเลยครับ

Phanit

[chavanakorn]

ถามว่าถ้าเราได้ทำการประเมินกำไรในอนาคตอีกสัก 3 ปี ของหุ้น A ไว้ที่ 5 บาทต่อหุ้น และ คำนวณพีอีเฉลี่ยย้อนหลังจนได้พีอีที่เราคิดว่าเหมาะสมกับราคาหุ้นที่ 10 เท่า แสดงว่าราคาเป้าหมายที่คาดไว้เท่ากับ 50 บาท ถ้าเราซื้อได้ในปีนี้ที่ 20 บาท เท่ากับว่าถ้าเราถือมันจนราคาที่ 50 บาทในปีที่ 3 เราจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 35% ต่อปี (50 / 20 ยกกำลัง 1/3 = 35%) แต่แล้วกับมีคนมาเสนอซื้อหุ้นของเราที่ 30 บาท ถามว่าเหตุผลที่เราควรขายที่ราคา 30 บาทในปีนี้ แล้วทิ้งผลตอบแทนอีกปีละ 29% ต่อปี (50/30 ยกกำลัง 1/2 = 29%) อีกสองปีจะมีเหตุผลอะไรบ้าง สำหรับผมแล้วมีเหตุผลหลายประการดังนี้
1.รู้สึกว่าที่ประมาณการไว้บริษัทไม่น่าจะทำได้
2.พบเจอบริษัทที่ให้ผลตอบแทนต่อปีได้มากกว่า 29% ต่อปี
3.จำเป็นต้องใช้เงินอย่างรีบด่วน
แล้วคุณละมีเหตุผลอะไรบ้าง? ที่จะทิ้งหุ้นที่ให้ผลตอบแทนปีละ 35% ต่อปี ไป ขอให้โชคดีกับการลงทุนครับ