ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
DevilCupid
Verified User
โพสต์: 248
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 1

โพสต์

คือเป็นมือใหม่มากๆเลยครับ อ่านแนวคิดของการลงทุนแบบ VI มาบ้างแต่เพิ่งลงมือจริงๆเมื่อไม่นานมานี้
เท่าที่ผมเข้าใจ การลงทุนในหุ้นคุณค่าจำเป็นจะต้องศึกษากิจการของบริษัท

หลังจากที่ดูงบการเงินคร่าวๆของ TTA พบว่าบริษัทมีการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
มี ROA และ ROE อยู่ในระดับที่สูง
มี PE, PBV อยู่ระดับที่ต่ำ แต่ให้ปันผลสูงพอสมควร
ซึ่งผมมองว่าถ้าซื้อตอนนี้ น่าจะเป็นหุ้นคุณค่า หรืออย่างน้อยก็เก็บเอาเงินปันผลก็ยังดี
แต่คนส่วนมากกลับมองว่าหุ้น TTA ขึ้นลงตามตลาด เป็นหุ้นเก็งกำไร

จุดนี้เองทำให้ผมสงสัยครับ ว่ามีจุดไหนที่ผมไม่ได้มองหรือมองพลาดไปรึเปล่าครับ
ทำให้เข้าใจผิด มองหุ้น TTA เป็นหุ้น VI ได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
zesar
Verified User
โพสต์: 390
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 2

โพสต์

คุณมองย้อนหลังไปกี่ปีล่ะครับ  :8)
DevilCupid
Verified User
โพสต์: 248
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ดูย้อนกลับไป 4-5 ปีครับ เท่าที่แสดงใน set อะครับ
เมื่อกี้กลับไปดูที่ร้อยคนร้อยหุ้น เห็นว่าเมื่อก่อนขาดทุน จนประมาณปี 01 ถึงจะเริ่มกำไร
พอปี 04 กำไรเพิ่มขึ้นเยอะมากอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนี้กำลังหาอยู่ครับว่ากำไรที่เพิ่มขึ้นนี้เนื่องจากสาเหตุอะไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
kmphol
Verified User
โพสต์: 417
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 4

โพสต์

หุ้นที่ขายสินค้าโภคภัณ เป็นหุ้นเก็งกำไรเกือบทุกตัวครับ ไม่ว่า น้ำมัน ถ่านหิน โรงกลั่น เดินเรือ ราคาหุ้นจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาสินค้าโภคภัณ

งบการเงินเป็นเพียงข้อมูล laggard ล้าหลัง ไม่สามารถใช้ในการตัดสินใจเข้าออกหุ้นพวกนี้ได้

เราคงเคยเห็นบ่อยบ่อย ว่าหุ้นพวกนี้ งบประกาศออกมาดี กำไรเพิ่ม แต่หุ้นกลับตก ก็เพราะราคาโภคภัณตัวนั้นอยู่ในขาลง ราคาหุ้นจึงลงไปพร้อมกับราคาโภคภัณ

ลงทุนในหุ้นพวกนี้จึงเป็นการเก็งกำไรดีดีนี่เอง

เมื่อก่อนผมเคยเข้าใจว่าหุ้นเก็งกำไรคือหุ้นปั่น
แต่จริงจริงแล้วหุ้นปั่นคือหุ้นที่มีเจ้ามือ ปั่นราคาไปตามเจ้ามือ
ส่วนหุ้นเก็งกำไรคือหุ้นที่ผันผวนไปตามราคาโภคภัณ
ถ้าคุณคิดจะซื้อหุ้นเพื่อลงทุนจริงจริง ก็ควรเลือกหุ้นแบบ ดร นิเวศน์ ครับ
DevilCupid
Verified User
โพสต์: 248
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 5

โพสต์

งั้นขอสอบถามเพิ่มเติมครับ

แล้วอย่างหุ้นน้ำมันปาล์ม ราคาก็น่าจะขึ้นลงตามราคาปาล์ม
หุ้นยางรถยนต์ ต้นทุนหลักคือยาง ก็น่าจะขึ้นกับยางพารา
แบบนี้ถือว่าเป็นโภคภัณฑ์ด้วยมั้ยครับ

ขอบคุณครับผม
Pallas
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ทั้งน้ำมันปาล์มกับยางรถยนต์ ก็เป็นหุ้นโภคภัณฑ์ทั้งหมดครับ

สำหรับเรื่อง TTA จะเป็นหุ้น Value หรือเปล่า ต้องมองไปในอนาคตครับว่า ปีนี้และปีต่อไป กำไร, ROE, เงินปันผล มีทิศทางอย่างไร ไม่ใช่ใช้ตัวเลขในอดีตมาเป็นตัวตัดสินใจ
"As Above, So Below"
ภาพประจำตัวสมาชิก
kmphol
Verified User
โพสต์: 417
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมไม่รู้ว่ายางรถยนต์มีต้นทุนเป็นยางพาราอยู่กี๋% ถ้าเกิน 80% และ ถ้าราคายางพาราเพิ่มลด ราคายางรถยนต์สามารถ ปรับราคาได้ตามต้นทุนยาง ได้มาก น้อย ช้า เร็ว ขนาดไหน ถ้าปรับได้น้อยและช้า ก็น่าจะเป็นโภคภัณครับ
:lol: ไม่ฟันธงนะครับ เพราะขึ้นกับมุมมอง และวิจารณญาณของแต่ละคน

น้ำมันปาลม ถ้าไม่มียี่ห้อก็ถือว่าเป็นโภคภัณอยู่แล้วครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
K o S o L
Verified User
โพสต์: 451
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ผมคิดว่าจะ VI หรือเปล่ามันอยู่ที่เหตุผลในการซื้อหุ้นตัวนั้นๆ อะครับ ไม่ได้อยู่ที่ตัวหุ้น คือ ถ้าเราซื้อเพราะว่าหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น นั้นอะคือ VI

แต่จุดยากคือว่า จะประเมินมูลค่ายังไง เพราะการประเมินมูลค่าให้แม่นๆ นั้น อาจจะต้องใช้ประสบการณ์ + ความเข้าใจในตัวธุรกิจนั้นๆ ด้วย
ผมมือใหม่ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Amadeus
Verified User
โพสต์: 372
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ควรมองไปข้างหน้ามากกว่านะครับ

ศึกษากิจการว่าเค้าทำมาหากินอะไร
มองไปข้างหน้าว่า 5-10 ปี เค้ารักษาการเติบโตได้ไหม
(เราดูย้อนหลังเพื่อให้ทราบความสม่ำเสมอของกำไร หรือการเติบโต
ดูค่าต่างๆ เช่น ROE ROA แต่เราต้องไม่ลืมว่า ผลประกอบการที่ผ่านมา
สะท้อนออกมาในราคาหุ้นไปหมดแล้ว ย้ำว่าเราประเมินอดีตเพื่อทำนาย
อนาคตนะครับ)

คิดว่าเราจะมีการขนส่งสินค้าไปมาระหว่างประเทศกันอย่างคึกคักไหม
ในอีกห้าปีข้างหน้า(เทียบกับห้าปีที่ผ่านมา)

ต้องจำกัดความคำว่าหุ้นคุณค่าก่อนไหม ว่าอะไรคือหุ้นคุณค่า
ผมว่ามันก็มีคุณค่าทุกตัวนะหุ้นหน่ะ เพราะถ้าใครให้ฟรีผมก็เอาทั้งนั้นแหละ 555  :lol:
เตือนตัวเอง
1.ลดต้นทุน 2.ขึ้นราคา 3.ขยายตลาด
4.เพิ่ม same store sale  5.ขาย บ.เน่าๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ไม่รู้จัก tta รู้จักแต่ toa สีทาบ้าน

มันใช่ตัวเดียวกันหรือป่าวครับ :lol:
Calcio 8
Verified User
โพสต์: 144
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 11

โพสต์

Pallas เขียน:ทั้งน้ำมันปาล์มกับยางรถยนต์ ก็เป็นหุ้นโภคภัณฑ์ทั้งหมดครับ
สำหรับเรื่อง TTA จะเป็นหุ้น Value หรือเปล่า ต้องมองไปในอนาคตครับว่า ปีนี้และปีต่อไป กำไร, ROE, เงินปันผล มีทิศทางอย่างไร ไม่ใช่ใช้ตัวเลขในอดีตมาเป็นตัวตัดสินใจ
แล้วหุ้นยางรถยนต์อย่าง IRC ที่ดร.นิเวศน์ ถืออยู่ถือเป็นโภคภัณฑ์หรือป่าวครับ  :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Alastor
Verified User
โพสต์: 2590
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 12

โพสต์

จะหุ้น commodity หรือไม่ก็ไม่เกี่ยวว่าเป็นเก็งกำไรหรือลงทุนครับ ถ้าเราประเมินมูลค่าของหุ้นได้ แล้วเลือกลงทุนที่ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นก็สามารถเป็นการลงทุนที่ดีได้

ถ้าพบว่าหุ้นตัวนึงขายสินค้า commodity แล้วคิดว่าเป็นหุ้นเก็งกำไร หรือเห็นหุ้นนี้มี vi ชื่อดังซื้อก็เป็นหุ้น VI ผมว่าออกจะเหมาโหลง่ายๆไปนิดนึงครับ

ส่วนเรื่อง tta นี่ ต้องดู cycle ของอุตสาหกรรมให้ดีครับเพราะถ้าเป็นขาลงแล้วรายได้จะหายไปเร็วมาก แถมค่าใช้จ่าย fixed cost มีเยอะ กำไรจะลดเร็วกว่ายอดขายลดอีก
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
ภาพประจำตัวสมาชิก
py106
Verified User
โพสต์: 296
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 13

โพสต์

hongvalue เขียน:ไม่รู้จัก tta รู้จักแต่ toa สีทาบ้าน

มันใช่ตัวเดียวกันหรือป่าวครับ :lol:
จะเอาฮาไปไหนครับ  :lol:  :lol:
แวะไปเยี่ยมเยียนกันได้ครับ ^^
http://py106travel.blogspot.com
Quadrifoglio Verde
Verified User
โพสต์: 112
ผู้ติดตาม: 0

VI คืออะไรหว่า????

โพสต์ที่ 14

โพสต์

K o S o L เขียน:ผมคิดว่าจะ VI หรือเปล่ามันอยู่ที่เหตุผลในการซื้อหุ้นตัวนั้นๆ อะครับ ไม่ได้อยู่ที่ตัวหุ้น คือ ถ้าเราซื้อเพราะว่าหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น นั้นอะคือ VI

แต่จุดยากคือว่า จะประเมินมูลค่ายังไง เพราะการประเมินมูลค่าให้แม่นๆ นั้น อาจจะต้องใช้ประสบการณ์ + ความเข้าใจในตัวธุรกิจนั้นๆ ด้วย
ผมขอแย้งครับ

ถ้าคุณค่าคือเหตุผลในการซื้อหุ้นของคุณโดยที่ไม่ได้อยู่ที่ตัวหุ้น แล้วถ้าเหตุผลของคุณมันพลาดขึ้นมาล่ะครับ คุณจะยึดถือแค่ราคาหุ้นต่ำกว่าพื้นฐานแค่นั้นมันถูกแล้วเหรอครับ

จริงๆ อยากจะให้ไปอ่าน essential buffet ที่ อ.นิเวศน์ แปล จะเข้าใจ

สรุปง่ายๆว่า Vi หรือไม่มันแล้วแต่ๆละคนจะแปลความหมายครับ วอร์เรน, ฟิลลิป ฟิชเชอร์, เบน เกรแฮม ยังให้ความหมายของหุ้น, การลงทุนไปคนละแบบเลย

แต่หลักการที่เป็นที่นิยม และเป็นหลักปฎิบัติของวอร์เรนที่สำคัญก็คือ

" ซื้อหุ้นคุณภาพดี ในราคาที่เหมาะสม"

นั่นหมายถึงคุณจะต้องมีองค์ประกอบทั้ง ตัวหุ้น และ ราคาที่ไม่แพง หรือเรียกว่ามี Margin of safty สูง แบบที่คุณๆข้างบนพูดกันนั่นแหละ

คราวนี้มาพูดถึงเรื่องตัวหุ้น ว่าหุ้นอย่างไรที่เป็น "หุ้นดี" หรือ "หุ้นคุณค่า" แล้ว TTA เป็น "หุ้นคุณค่า" หรือไม่

ท่านทั้งหลายข้างบนนี้น่าจะเคยอ่านบทความของ ดร. หรือ อ่านหนังสือของวอร์เรน หรือไม่ก็ได้ยินหลักการในการเลือกหุ้น ไม่มากก็น้อย

หุ้นที่ดี คือหุ้นที่สามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องกันเป็นเวลาที่ทำให้เรามั่นใจได้ว่า มันน่าจะทำกำไรได้ต่อไป รวมถึงทำให้กำไร สามารถที่จะพัฒนาบริษัทให้สามารถทำกำไร ให้ปันผล พัฒนาบริษัทให้ดีขึ้น รวมถึงให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นอยู่ในฐานะทีดีสม่ำเสมอ....บลาๆๆๆ

ถามว่าหุ้นที่คุณถือธงอยู่...มีคุณสมบัติเหล่านี้หรือไม่ และคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคุณสมบัติเหล่านี้จะยั่งยืน..... นั่นคือนิยามของ "หุ้นคุณค่า"

ทำไม pepsi , KFC, STANLY, มาม่า ไวๆ หรือพวกหุ้นขายของมียี่ห้อคนนิยมทั้งหลาย ถึงมักจะมีคนเรียกว่าเป็นหุ้นคุณค่า และสามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอถึงแม้เศรษฐกิจอาจถดถอย

และทำไม พวกที่ขายสินค้าโภคภัณท์ เช่น น้ำมัน ถั่วเหลือง ข้าว ยาง เดินเรือ ... นักลงทุนที่เรียกตัวเองว่า "vi" ถึงได้ส่ายหน้า

ให้คำตอบผมได้มั้ยครับ.......  :D
" บทเรียนที่สำคัญที่สุดในการลงทุนก็คือการมองหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีราคาขึ้นๆ ลงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2455
ผู้ติดตาม: 1

Re: VI คืออะไรหว่า????

โพสต์ที่ 15

โพสต์

[quote="Quadrifoglio Verde"]ทำไม pepsi , KFC, STANLY, มาม่า ไวๆ หรือพวกหุ้นขายของมียี่ห้อคนนิยมทั้งหลาย ถึงมักจะมีคนเรียกว่าเป็นหุ้นคุณค่า และสามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอถึงแม้เศรษฐกิจอาจถดถอย

และทำไม พวกที่ขายสินค้าโภคภัณท์ เช่น น้ำมัน ถั่วเหลือง ข้าว ยาง เดินเรือ ... นักลงทุนที่เรียกตัวเองว่า "vi" ถึงได้ส่ายหน้า

ให้คำตอบผมได้มั้ยครับ.......
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sumotin
Verified User
โพสต์: 1131
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 16

โพสต์

Value หรือเปล่านั้นอยู่ที่ เรามองครับแต่หละคนมองไม่เหมือนกันเห็นไม่เหมือนกัน ครับ

อย่างผมถ้ามอง TTA เป็น Value ก็ต้องมองว่าราคานั้นต่ำถึงระดับหรือยัง แล้วต้องมองไปในอนาคตอีกว่า บริษัทจะเป็นอย่างไรครับ

Value หรือเปล่า สรุปไม่มีสูตรตายตัว ครับ
Timing is everything, no matter what you do.

CAGR of 34% in the past 15 years of investment
AuI_a VI
Verified User
โพสต์: 413
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ผมก็ตอบไม่ได้หรอกครับว่ามันควรจะเก็งกำไรหรือลงทุนระยะยาวดี ....เห็นพี่ devil cupid  พูดถึงตั้งหลายค่า...ว่าแต่พี่รู้จัก คำว่า BDI ไหมครับ....ไม่รู้จัก หรือว่า รู้จักแต่ไม่เห็นว่ามันสำคัญยังงัยกับพื้นฐานหุ้น  

:8)
Even Sir Isaac Newton loss in stock market

"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."

ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่  นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
Quadrifoglio Verde
Verified User
โพสต์: 112
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเห็นนะครับ โดยเฉพาะคุณ sorawut อยากคุยด้วยมานานแล้ว  :lol: ติดตามมาตั้งแต่กระทู้แนะนำ

ใช่ครับ สิ่งที่ผมอยากจะสื่อก็คือ เจ้า Durable competitive adventage ของบริษัทเป็นเรื่องที่ผมคิดว่า "ค่อนข้าง" จะสำคัญสำหรับหุ้นที่จะมี value ที่ดี

โดยส่วนตัวมองว่าบริษัทที่ขายสินค้าโภคภัณท์ทั้งหลาย มันมีเจ้า Durable competitive adventage ค่อนข้างต่ำ

ทำไมถึงต่ำเหรอครับ เพราะว่าบริษัทพวกนี้ไม่สามารถที่จะกำหนดราคาขายของสินค้าตัวเองได้น่ะซิครับ น้ำมันก็ต้องอิงตลาดโลก ค่าการกลั่น ข้าวสาร ถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม ราคาค่าขนส่ง มันต้องอิงราคาตลาด ซึ่งขึ้นๆ ลงๆ ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับ demand , supply โดยรวมเป็นหลัก

แย่ไปกว่านั้น สินค้าที่บริษัทพวกนี้ขาย ก็แทบจะไม่แตกต่างกันมากมายอะไรนัก อย่างน้ำมัน ข้าว การกลั่น หรือต้องการขนสินค้าทางเรือไปอลาสก้า  :lol:  ถามว่าถ้าจะเลือกซื้อของ หรือใช้บริการ บริษัทพวกนี้เราจะเลือกบริษัทไหน.....................ถ ถะ...ถูกต้องครับ ก็ต้อง weight ให้กับบริษัทที่ขายถูกที่สุดสิ

และสุดท้ายก็คือการแข่งขันกันทางราคา ยิ่งถูก ลูกค้ายิ่งชอบ

กลับกันลองดู swensen, ร้านอาหาร fuji , mama, coke ดูสิครับว่าพวกนี้เค้าต้องลดราคาลงมาแข่งกับคนอื่นหรือเปล่า...

และดังนั้นบริษัทขายสินค้าโภคภัณท์ จึงสามารถกำหนดราคาได้น้อย บางครั้งถูกรัฐควบคุมด้วยซ้ำ  :(

ดูอย่างหุ้นเด็ด ที่หลายๆคนเมื่อก่อนว่าเป็น "หุ้นพื้นฐาน" อย่าง UMS สิครับ ว่าตอนนี้เดี้ยงขนาดไหน ยังไงก็หนีความจริง หรือกฎแห่งกรรมไม่พ้นดอกครับ..

ที่เขียนยาวเหยียดนี่ ผมรู้ครับว่าหลายๆท่านในนี้ทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่ผมแค่อยากเขียนให้ จขกท. หรืออีกหลายคนที่ยังไม่ clear กับบริษัทที่มี Durable competitive adventage

เพราะหากไม่มองให้ละเอียด เอาแต่มองงบการเงินย้อนหลัง ยังไม่เข้าใจแก่นของบริษัทที่มีคุณค่า....อาจทำให้เข้าใจการลงทุนแบบ Vi ผิดไปแบบที่ผมเคยเป็น....

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้ว่า TTA เป็นหุ้นห่วย ไม่ใช่หุ้นคุณค่านะครับ...
" บทเรียนที่สำคัญที่สุดในการลงทุนก็คือการมองหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีราคาขึ้นๆ ลงๆ
Quadrifoglio Verde
Verified User
โพสต์: 112
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ในทางกลับกัน ผมกลับมองว่า TTA นั้นมี exceptional factor เหมือนกัน

สิ่งที่ TTA ทำคือรับจ้างขนสินค้าระดับประเทศ มีกองเรือใหญ่โตหลายกอง และกำไรหลักๆ ของ TTA ก็คือค่าขนส่งสินค้าไปส่งถึงที่หมายนั่น...

และค่าขนส่งนั้นก็ผูกติดอยู่กับราคาอ้างอิงของโลกหรือ BDI ที่รู้ๆกัน

ซึ่ง BDI นั้น พูดกันแบบไม่อ้อมค้อม มันก็เหมือนกันกับ ปตท.ขายน้ำมัน,ก๊าซ สฝ.ขุดเจาะ ต้องคอยมานั่งดูราคาตลาดโลก หรือ demand supply แต่ละวันๆ กำไรจึงขึ้นอยู่กับราคาตลาด.....ราคาสูงก็ได้กำไรเยอะ , ราคาต่ำก็ได้กำไรน้อยจนอาจถึงกับขาดทุน

นอกจากนั้น การขนส่งก็ต้องใช้เชื้อเพลิง คือน้ำมันอีก ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการทำกำไร ซึ่งน้ำมันก็เปลี่ยนแปลงตามราคาโลกอีก สรุปว่าควบคุมอะไรแทบไม่ได้เลยทั้ง ราคาขาย และราคาวัตถุดิบ

แต่หาก TTA สามารถทำให้บริการหรือสินค้าของตัวเอง แตกต่างจากคนอื่น คือสรุป "มีบริการที่มีคุณภาพ และสร้างความแตกต่าง" ให้กับบริษัทตัวเองได้ อันนี้ก็คือ Durable competitive adventage เหมือนกัน...

แต่ในที่สุดแล้ว ปัจจัยหลักที่สร้างกำไรให้กับบริษัทก็ยังไม่หนี "การแข่งขันกันทางราคา" เหมือนเดิม

ปล. ธุรกิจแบบนี้ เท่าที่ผมสังเกตุ บริษัทที่ใหญ่กว่าจะได้เปรียบ เพราะมักจะสามารถทำให้ต้นทุนของตัวเองต่ำกว่า และสามารถทำให้ราคาขายหรือบริการของตัวเองต่ำกว่าคู่แข่งได้

หรือดูอย่าง ปตท. ที่ถึงแม้จะขายแต่สินค้าโภคภัณท์ แต่ก็สามารถมีกำไรค่อนข้างสม่ำเสมอ แถมเยอะอีกต่างหาก เพราะพี่แกผูกขาดขนาดไหนก็ดูเอาสิฮะ ....มันไม่ตายตัวหรอก

อันนี้เป็นแค่ความคิดของผมที่ได้มาจากการอ่านหนังสือหลายๆเล่มของ ดร. ส่วนท่านอื่นคิดว่าไงก็เชิญครับ......ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นครับ
" บทเรียนที่สำคัญที่สุดในการลงทุนก็คือการมองหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีราคาขึ้นๆ ลงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
K o S o L
Verified User
โพสต์: 451
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ถ้าคุณ Quadrifoglio Verde ยึด Warren Buffett เป็น model ลองอ่านนี่ดูครับ
Value Way ฉบับวันที่ 15 กันยายน 2551
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ

สัมภาษณ์วอร์เรน บัฟเฟต

มีบทสัมภาษณ์วอร์เรน บัฟเฟตที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุนของเขาโดยเฉพาะการขายหุ้นปิโตรไชน่า ที่เขาบอกว่าขายเร็วเกินไป นักลงทุนสามารถได้ข้อคิดและหลักการลงทุนที่ดีจากบทสัมภาษณ์นี้ได้ การสัมภาษณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2550

ถาม: อยากทราบเกี่ยวกับหุ้นปิโตรไชน่าที่มีเรื่องมีราวในการประชุมประจำปีของบริษัทเบิร์คไชน์ มีผู้ถือหุ้นจำนวนหนึ่งร้องเรียนว่าหุ้นปิโตรไชน่าถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลจีนซึ่งหนุนหลังรัฐบาลซูดานที่ทำผิดมนุษยธรรม และเรียกร้องให้คุณขายหุ้นปิโตรไชน่าออกไปซะ แต่คุณบอกว่าคุณไม่ขาย นั่นเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม แต่สี่เดือนผ่านมาเมื่อเดือนกันยายน คุณกลับขายหุ้นปิโตรไชน่า อยากทราบว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้คุณขายหุ้นออกไป

บัฟเฟต:  เราขายหุ้นปิโตรไชน่าออกไปด้วยเรื่องของ”ราคา”ล้วนๆ  การตัดสินใจของเราอยู่บนพื้นฐานของ”การคำนวณหามูลค่า (Valuation)” 100% ตอนที่เราซื้อหุ้นปิโตรไชน่า บริษัทนี้มีมาร์เกตแคป 2 หมื่นล้านเหรียญ มาร์เกตแคปบริษัทปิโตรไชน่าอยู่ที่่ประมาณ 1.1 แสนล้านเหรียญในช่วงงานประชุมประจำปี เราขายหุ้นออกไปประมาณ 8 เท่าของต้นทุน ตอนที่เราขายบริษัทมีราคาราวๆ 1.6-2 แสนล้านเหรียญ แต่เราคิดว่าเราขายเร็วเกินไป

ถาม: คงได้กำไรเยอะเลย

บัฟเฟต:  เราทำเงินประมาณ 3.5 พันล้านเหรียญ และเราคิดว่าเราขายเร็วเกินไป เพราะหลังจากที่เราขายหุ้นออกไปแล้ว ราคากลับเพิ่มสูงขึ้นมาก เราก็คงต้องปล่อยให้มันขึ้นต่อไป คงทำอะไรมากไม่ได้ เราทิ้งเงินไปเยอะเลยทีเดียว ชาร์ลีบอกผมว่าเราขายเร็วเกินไปอีกแล้ว

ถาม: คุณจะมีคำแนะนำอย่างไรสำหรับนักลงทุนบ้างในกรณีเช่นนี้

บัฟเฟต:  เราคงต้องดูว่าเราขายหุ้นไปราคาเท่าไหร่ และเราคิดว่าบริษัทนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่ ตอนที่เราซื้อหุ้นปิโตรไชน่าที่ราคา 2 หมื่นล้านเหรียญ เราคิดว่าบริษัทนี้มี”มูลค่า” 1 แสนล้านเหรียญ

ถาม: คุณค้นพบบริษัทอย่างปิโตรไชน่าได้อย่างไร

บัฟเฟต:  ผมนั่งอยู่ที่ออฟฟิศ อ่านสมุดรายงานประจำปีของบริษัทนี้ โชคดีที่มันเป็นภาษาอังกฤษ และผมพบว่ามันเป็นบริษัทที่ดีมาก ในรายงานประจำปีพูดถึงธุรกิจต่างๆของบริษัททั้งปิโตรเคมี น้ำมัน และผมคิดว่าบริษัทมี”มูลค่า”ประมาณ 1 แสนล้านเหรียญ ผมไม่ได้ดูที่”ราคาหุ้น”ก่อน แต่ผมจะดูที่”ธุรกิจ”เป็นหลัก ถ้า”ราคา”หุ้นมีราคาต่ำกว่า”มูลค่า”ของบริษัท ผมก็แค่ซื้อมัน

ถาม: คุณมีวิธีการหา”มูลค่าบริษัท”อย่างไร

บัฟเฟต:  (ยิ้ม) มันเป็น”ลูกเล่น”เล็กๆน้อยๆนะ ผมคิดอยู่เสมอว่าผมจะจ่ายเงินซื้อทั้งบริษัทเท่าไหร่ ตอนที่เราขายหุ้นปิโตรไชน่า บริษัทมีราคาประมาณ 2 แสนล้านเหรียญซึ่งเราคิดว่ามันเป็นราคาที่เหมาะสม (Fair-price) และเมื่อวานนี้ปิโตรไชน่าเป็นบริษัทที่มีมาร์เกตแคปแทบจะสูงที่สุดในโลก สูงกว่าบริษัทเอกซอนโมบิลเสียอีก

ถาม: คุณขายหุ้นปิโตรไชน่าทั้งหมดที่มีอยู่เลยใช่ไหม

บัฟเฟต:  ใช่ ขายหมดเลย แต่ถ้าราคาลดลงมากๆ เราอาจพิจารณาซื้อหุ้นกลับมาใหม่ก็ได้

ถาม: คุณเคยขายหุ้นเพราะแรงกัดดันทางการเมืองหรือไม่

บัฟเฟต:  ไม่ ไม่เคยเลย

ถาม: คุณจะลงทุนในบริษัทจีนอีกไหม

บัฟเฟต:  อยากจะบอกว่าไม่ แต่ผมจะหาหุ้นที่ราคาไม่แพงอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นบริษัทในประเทศไหนก็ตาม

ถาม: จะหาบริษัทอย่างปิโตรไชน่าพบได้อย่างไร คุณมีคำแนะนำอย่างไรบ้าง

บัฟเฟต:  ในเวลาว่าง พวกผู้ชายคนอื่นๆอ่านหนังสือเพล์บอย แต่ผมอ่านสมุดรายงานประจำปี แค่นั้นหละ (หัวเราะ)
ผมมือใหม่ครับ
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1254
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 21

โพสต์

TTA ส่วนตัวผมมองเป็นหุ้นวัฏจักรครับ แต่ขณะนี้อาจเหมือนหุ้นโคม่าแล้วฟื้นก็เป็นได้ครับถ้ามองจากราคาหุ้นในจุดต่ำสุด

TOA เป็นหุ้นนอกตลาดชัวร์  :lol:

หุ้นเก็งกำไรที่เห็นได้ชัดเพราะวอลุ่มหนาแน่นมากน่าจะเป็น  YNP  :8)
Quadrifoglio Verde
Verified User
โพสต์: 112
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 22

โพสต์

บทสัมภาษณ์นี่ผมเคยอ่านแล้วครับ... :8)

ผมก็บอกแล้วไงครับ ว่า exceptional case มันเกิดขึ้นได้ ....

petrochina เป็นบริษัทที่ใหญ่มาก ถ้าเปรียบเทียบมันก็เหมือน ปตท. เมืองไทย ที่กำไรเอาๆ ทั้งๆที่เป็นบริษัทที่ขายโภคภัณท์  บริษัทที่ยิ่งใหญ่ สามารถตีกินได้กว้าง ก็ยิ่งได้เปรียบ มันก็เหมือนเป็นจุดขายอย่างนึง

จะว่าไปแล้ว ก็มีคนวิพากษ์กันพอสมควรเหมือนกัน กับเรื่องที่ warren ไปซื้อ petrochina ในครั้งนั้น เพราะถือว่าค่อนข้างฉีกแนวจากที่เคยทำในสมัยก่อน

ในครานั้นเศรษฐกิจจีนกำลัง peak สุดๆ ช่วงกราฟมันกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ,กำลังจะมีโอลิมปิก  ความต้องการพลังงานมันมากมายขนาดที่ทำให้โลกยังสะเทือน.... น้ำมันผลิตขึ้นมายังไงๆ ก็ขายได้  :8)

และหากเราเจอบริษัทขายน้ำมันที่มูลค่ายังถูก บริษัทมีความได้เปรียบ มีความต้องการสินค้าในระดับสูงในระยะเวลาหนึ่ง แล้วทำไมจะต้องกีดกันตัวเอง เพียงแค่หลักการดูพื้นฐานของธุรกิจอย่างเดียวด้วยล่ะครับ....

เพราะในอดีต warren ก่อนที่จะประสบความสำเร็จก็ ลงทุนเกือบหมดเนื้อหมดตัวกับบริษัทประกันเล็กๆ ในเมกาที่มีแต่ข่าวร้าย เพียงแต่เป็นบริษัทประกันที่มี "จุดแข็ง" นั่นเอง

petrochina ก็อาจจะมี "จุดแข็ง" ที่ warren เห็น แต่พวกเราไม่รู้ก็ได้นะครับ

เพราะยังไงๆ ในเนื้อความก็บอกอยู่แล้วว่า

" ผมจะดูที่ธุรกิจเป็นหลัก ถ้าราคาหุ้นมีราคาต่ำกว่ามูลค่าของบริษัท ผมก็แค่ซื้อมัน "

ชัดเจนนะครับ ว่าเค้าไม่ได้มองแค่ราคาหรือมูลค่าต่ำกว่าที่ประเมิณอย่างเดียว เพราะหากใช้ราคาต่ำกว่ามูลค่าอย่างเดียว ไม่ดูเนื้อแท้ของกิจการให้ละเอียด หายนะก็อาจมาเยือนครับ
" บทเรียนที่สำคัญที่สุดในการลงทุนก็คือการมองหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีราคาขึ้นๆ ลงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
K o S o L
Verified User
โพสต์: 451
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI คืออะไรหว่า????

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ก็ตอนแรกเห็นบอกว่า

[quote="Quadrifoglio Verde"]
และทำไม พวกที่ขายสินค้าโภคภัณท์ เช่น น้ำมัน ถั่วเหลือง ข้าว ยาง เดินเรือ ... นักลงทุนที่เรียกตัวเองว่า "vi" ถึงได้ส่ายหน้า
ให้คำตอบผมได้มั้ยครับ.......
ผมมือใหม่ครับ
DevilCupid
Verified User
โพสต์: 248
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 24

โพสต์

โดยส่วนตัวตอนแรกซื้อไว้เพราะดูจากสารพัดค่าที่บอกไปตอนตั้งกระทู้ครับ
อย่าง ROE, ROA, PE, PBV, YIELD เป็นต้น
คือดูย้อนหลังสักสามสี่ปีมันดูสวยงาม เลยซื้อไปนิดๆหน่อยๆ

แต่สุดท้ายขายไปเรียบร้อยหมดแล้ว ด้วยเหตุผลง่ายๆครับ
ผมไม่รู้ว่า BDI คืออะไร และดำเนินธุรกิจอย่างไร

เลยคิดว่านี่คือข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผมที่ซื้อ (ถึงแม้ขายจะกำไรก็เหอะ)
เพราะลืมกฏข้อแรกไปเลยว่าต้องเข้าใจธุรกิจที่จะลงทุน
ถือไว้แล้วก็มึนๆ รอลุ้นให้ราคามันขึ้นโดยไม่รู้กลไกของมัน
เก็บไว้กลัวจะเสียนิสัยครับ เลยขายทิ้งซะเลย
Quadrifoglio Verde
Verified User
โพสต์: 112
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI คืออะไรหว่า????

โพสต์ที่ 25

โพสต์

[quote="K o S o L"]ก็ตอนแรกเห็นบอกว่า

[quote="Quadrifoglio Verde"]
และทำไม พวกที่ขายสินค้าโภคภัณท์ เช่น น้ำมัน ถั่วเหลือง ข้าว ยาง เดินเรือ ... นักลงทุนที่เรียกตัวเองว่า "vi" ถึงได้ส่ายหน้า
ให้คำตอบผมได้มั้ยครับ.......
" บทเรียนที่สำคัญที่สุดในการลงทุนก็คือการมองหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีราคาขึ้นๆ ลงๆ
Quadrifoglio Verde
Verified User
โพสต์: 112
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 26

โพสต์

DevilCupid เขียน:โดยส่วนตัวตอนแรกซื้อไว้เพราะดูจากสารพัดค่าที่บอกไปตอนตั้งกระทู้ครับ
อย่าง ROE, ROA, PE, PBV, YIELD เป็นต้น
คือดูย้อนหลังสักสามสี่ปีมันดูสวยงาม เลยซื้อไปนิดๆหน่อยๆ

แต่สุดท้ายขายไปเรียบร้อยหมดแล้ว ด้วยเหตุผลง่ายๆครับ
ผมไม่รู้ว่า BDI คืออะไร และดำเนินธุรกิจอย่างไร

เลยคิดว่านี่คือข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผมที่ซื้อ (ถึงแม้ขายจะกำไรก็เหอะ)
เพราะลืมกฏข้อแรกไปเลยว่าต้องเข้าใจธุรกิจที่จะลงทุน
ถือไว้แล้วก็มึนๆ รอลุ้นให้ราคามันขึ้นโดยไม่รู้กลไกของมัน
เก็บไว้กลัวจะเสียนิสัยครับ เลยขายทิ้งซะเลย
:bow:
" บทเรียนที่สำคัญที่สุดในการลงทุนก็คือการมองหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีราคาขึ้นๆ ลงๆ
DevilCupid
Verified User
โพสต์: 248
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ตอนขายไปเมื่อวาน มานั่งดูวันนี้ยังเสียดายอยู่นิดๆ
แต่ต้องของคุณรีพลายคุณ AuI_a VI กับคำถามที่ว่ารู้จัก BDI มั้ย

พอตอบว่า ไม่รู้จัก ก็ไม่เสียดายที่ขายทิ้งละครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2455
ผู้ติดตาม: 1

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 28

โพสต์

DevilCupid เขียน:ตอนขายไปเมื่อวาน มานั่งดูวันนี้ยังเสียดายอยู่นิดๆ
แต่ต้องของคุณรีพลายคุณ AuI_a VI กับคำถามที่ว่ารู้จัก BDI มั้ย

พอตอบว่า ไม่รู้จัก ก็ไม่เสียดายที่ขายทิ้งละครับ
:cool: :cool: :cool: ถึอว่าเก็บที่คนอื่นทำหล่นได้ก็แล้วกันครับ (แต่ไม่ต้องคิดเอาไปคืนนะ :lol:)

ตอนผมเล่นไพ่แรกๆก็อย่างนี้แหละครับ เกมส์แรกๆเล่นไม่ค่อยเป็นดันชนะ

พอเราคิดว่าหมูนี่หว่า เกิดพนันขันต่อขึ้นมา ดันโดนกินซะส่วนใหญ่ :twisted:

ปัจจุบันผมมักจะไม่ยอมทำอะไรที่ใช้ดวง(ซะส่วนมาก)แล้วได้เสีย(เงิน)ครับ :8)
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2455
ผู้ติดตาม: 1

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 29

โพสต์

Quadrifoglio Verde เขียน:ดูอย่างหุ้นเด็ด ที่หลายๆคนเมื่อก่อนว่าเป็น "หุ้นพื้นฐาน" อย่าง UMS สิครับ ว่าตอนนี้เดี้ยงขนาดไหน ยังไงก็หนีความจริง หรือกฎแห่งกรรมไม่พ้นดอกครับ..
แทงข้างหลัง ทะลุไปถึงหัวจายย... :vm:  :vm:  :vm:

ผมพลาดตรงที่ไม่ได้หาสาเหตุที่ Gross Margin ของ UMS เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากตั้งแต่ Q3 2007
แล้วไปหามูลค่าที่แท้จริงของมันตอนที่ Gross Margin สูงลิบ ซึ่งผิดธรรมชาติของธุรกิจซื้อมาขายไป

ในใจตอนนั้นคิดว่าโห MOS ตั้ง 20 ซื้อๆ

ต่อมาราคามันลง (ทั้งที่ผลประกอบการยังดีอยู่มาก) ก็คิดว่า Mr.Market โง่จริงๆ MOS ตั้ง 50% แล้วยังขายอีก ซื้อๆ

ต่อมาราคามันลงอีก ทำให้ MOS เกือบ 100% ก็ยังคิดว่า เอาแล้วโว้ย 1 เด้งๆ ซื้ออีก

พองบ Q4 ออกเท่านั้นแหละ ตาสว่างเลย... บริษัทไม่ได้แน่อย่างที่คิด

Mr.Market ไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งที่ Broker ต่างๆก็เชียร์ให้ซื้อ แต่ก็ยังขาย กลายเป็นเราที่โง่เอง :vm:  :vm:  :vm:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
Quadrifoglio Verde
Verified User
โพสต์: 112
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนอื่นมอง TTA เป็นหุ้นเก็งกำไร แต่ผมกลับมองเป็น VI

โพสต์ที่ 30

โพสต์

^
ไม่ใช่แค่คุณ sorawut คนเดียวหรอกครับที่รากเลือด ผมเองก็ติดร่างแหเหมือนกัน จะว่าโง่กว่าคุณก็ได้ด้วยซ้ำ เพราะฟังแต่คนอื่นแล้วคิดเอาเอง เห็นบริษัทได้รางวัลหน่อยก็คิดว่านั่นคือ margin of safty  ไม่ได้คำนวนอะไรเลยทั้งสิ้น.....

ผมก็ได้แค่คิดว่ามันเป็นบทเรียนหน้าสำคัญที่ไม่มีเขียนไว้ในหนังสือเล่มไหนเท่านั้นล่ะครับ ..อย่าคิดมาก  :lol:

ก็เลยต้องปรับขบวนใหม่ มานั่งอ่านหนังสือใหม่ทั้งหมดนี่หละครับ

ปล.อยากถามมานานแล้ว ทำไมรูป avartar ของคุณ sorawut ถึงได้ใหญ่กว่าชาวบ้านหละครับ (อยากทำบ้าง...) แล้วคนในรูปคือ โซระ...ใช่ไหมเอ่ย  :8)
" บทเรียนที่สำคัญที่สุดในการลงทุนก็คือการมองหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีราคาขึ้นๆ ลงๆ
โพสต์โพสต์