งง
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
งง
โพสต์ที่ 32
[quote="ปรัชญา"]as of 27/02/2009
-
- Verified User
- โพสต์: 1734
- ผู้ติดตาม: 0
งง
โพสต์ที่ 34
[quote="น้ำครึ่งแก้ว"]อย่างน้อยผมว่า เฮีย คค
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
งง
โพสต์ที่ 36
อีกครึ่งฟลอร์ :8)
bid please!!
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
งง
โพสต์ที่ 38
พึ่งกลับไปดูกราฟ บ้านนรก ที่เคยโดนตบลงจาก 8บาท ติดๆหลายๆฟลอร์
ครั้งนั้นเขาเล่นเด้ง 3.0นิดๆ ไป3.7กว่าๆ หันกลับมาอีกที ไม่ทันซะแล้วครับ
3.7 แล้วSST รู้งี้ๆๆๆๆ :lol:
ครั้งนั้นเขาเล่นเด้ง 3.0นิดๆ ไป3.7กว่าๆ หันกลับมาอีกที ไม่ทันซะแล้วครับ
3.7 แล้วSST รู้งี้ๆๆๆๆ :lol:
bid please!!
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
งง
โพสต์ที่ 39
ใครป่วนทรัพย์ศรีไทย (SST)
วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2552
เหตุการณ์ความหวือหวาที่เกิดกับหุ้นบริษัท ทรัพย์ศรีไทยคลังสินค้า (SST) ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาจากข่าวลือ ปิดดีลเจรจาพันธมิตรต่างชาติ คงเป็น ปริศนาคาใจใครหลายคน
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ถือหุ้น 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มสุขะนินทร์ กลุ่มชินธรรมมิตร์ และกลุ่มนายกมล เอี้ยวศิวิกูล+นายฉาย บุนนาค ใครป่วนหุ้น??????
หุ้น SST มีแรงซื้อเก็บมาตั้งแต่ต้นปี จากราคา 7.35 บาท ซึ่งเก็บมาตลอดต่อเนื่อง ก่อนจะมีสตอรีออกมาต้นสัปดาห์ที่แล้ว กระชากราคาวิ่งไป 15.80 บาท (24 ก.พ.) แล้วทุบไม่เลี้ยงทุกราคาลงมาติดฟลอร์ถึง 3 ฟลอร์ ปิดล่าสุดวันศุกร์ที่แล้ว 4.52 บาท
การสวิงขึ้น-ลงอย่างรุนแรงของ SST รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ (SST - W 1) ไม่อาจจะทวนกระแสสังคมชาวหุ้นไปได้ ถึงพฤติกรรมการไล่และทุบที่เหี้ยมโหด ในภาวะตลาดหุ้นขาลง ซ้ำเติมรายย่อย
ความจริงบางส่วนจากปาก ศุภสิทธิ์ สุขะนินทร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 สัดส่วน 20% ที่ยอมรับว่า มีต่างชาติหลายรายเคยเข้ามาติดต่อขอซื้อหุ้น แต่การเจรจาไม่สามารถปิดดีล หรือจบลงตรงที่การซื้อขายหุ้นได้ และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเดินเข้ามาสานต่อ
ขณะที่ฟากของนายกมล เอี้ยวศิวิกูล ได้ระบุว่า ขายหุ้นออกไปหมดคงเหลือหุ้นในมือ 100 หุ้น เพราะสไตล์การลงทุนของนายกมลกับหุ้น SST ไปด้วยกันไม่ได้ ที่สำคัญนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่เริ่มลดลง แต่กมลยังคงสถานะการเป็นกรรมการใน SST ไว้
ปรากฏการณ์ไล่ราคาหุ้นไม่เคยเกิดขึ้นกับหุ้น SST และ SST-W 1 มาก่อน เพราะที่ผ่านมา หุ้นตัวนี้ไม่ได้อยู่ในสายตานักเก็งกำไร รวมทั้งผู้ถือหุ้นหลักใหญ่ 2 กลุ่ม สุขะนินทร์กับชินธรรมมิตร์ ที่เป็นญาติกัน ถึงกับงงหาเหตุไม่เจอใครไล่-ทุบหุ้นเละเทะขนาดนี้
มีเพียง ศุภสิทธิ์ ที่ขาย SST-W 1 ออกมา 6.22 ล้านหน่วย ก่อนหน้าราคาพุ่งแรงๆ ไป 5.15 บาท (24 ก.พ.) ซึ่งมีการแจ้งผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกรณีมีการขาย SST ออกมา ต้องรายงานการขายในฐานะเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แต่ยืนยันไม่ได้เข้าไปซื้อขาย SST ในช่วงนี้เลย
ที่สำคัญคนที่เข้ามาไล่หุ้นตัวนี้ ต้องรู้มาอย่างดีว่า ผู้ถือหุ้น 2 ตระกูล ดังนี้ ไม่ได้นั่งจับจ้องเกาะติดกับหุ้นมากนัก เกมทำหุ้นรอบนี้จึงต้องทำให้จบเร็วที่สุด ไม่ลากยาวเพื่อให้ใครทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
หรือถ้ามีใครคิดจะฉกหุ้นเพื่อเทกโอเวอร์จากเกมล่อราคาให้คายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ เหมือนที่เคยเกิดกับหุ้นตัวหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ ที่เจ้าของถูกจับขายหุ้นออกมา (ฟอร์ซเซล) ต้องสูญเสียบริษัทราคาถูกๆ ให้กับทุนใหม่ที่แกร่งกว่า
ชลัช ชินธรรมมิตร์ ผู้ถือหุ้น SST ทายาทตระกูลน้ำตาลขอนแก่น กล่าวว่า นโยบายครอบครัวไม่ได้แสวงหากำไรจากการทำอย่างนี้ ซึ่งตระกูลมีหุ้นบริษัทจดทะเบียนหลายตัว และจากประวัติศาสตร์ไม่เคยเห็นคนในครอบครัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหุ้น ซึ่งช่วงที่หุ้นน้ำตาลขอนแก่น (KSL) เข้าตลาดราคาขึ้นไป 15-16 บาท ไม่เคยขายออก ยังเข้าไปซื้อ และบริษัทเล็กๆ อย่าง SST ทำไปทำไม ได้เงินไม่คุ้ม ถ้าทำ KSL ไม่ได้มากกว่านี้หรือ และท้าให้ตรวจสอบจะได้สบายใจใครขายหุ้น
อาชีพหรือแหล่งรายได้ของผมไม่ใช่แบบนี้ สตางค์ยังอยู่ครบ หนี้เสียไม่มี พวกผมจะทำไปทำไม สงสารรายย่อย ผมไม่มีกิเลส อยากใช้เงินมากกว่านี้ และยืนยันไม่เคยมีกลุ่มทำหุ้นมาคุยกับผม ถ้ามาคุยทำไมต้องช่วยกันทำหุ้น ช่วยได้กำไรแบ่งกันไม่คุ้ม เพราะพวกผมแบ่งหุ้นกันไปถือในชื่อตัวเองหมดแล้ว ทำครั้งเดียวชื่อเสียงเน่า โปรเจกต์ของกลุ่มมีอีกเยอะที่ต้องทำให้ลูกหลาน
ชลัช ทิ้งท้ายว่า ใครก็ตามที่เข้ามาป่วน SST คิดผิดตรงที่ไม่ควรเข้ามายุ่งกับหุ้นของครอบครัวนี้ และอ่านนโยบายของครอบครัวนี้ผิด เพราะชลัชคิดว่าชื่อเสียงที่สร้างมานานสำคัญกว่าเงิน
หรือเกมนี้จะเป็นแค่เคสคลาสสิกปกติของนักแสวงหากำไรจากหุ้น ที่มาแล้วจากไป ทิ้งรอยแผลไว้กับรายย่อย เหมือนกับหุ้นตัวอื่นๆ ในตลาด?????
วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2552
เหตุการณ์ความหวือหวาที่เกิดกับหุ้นบริษัท ทรัพย์ศรีไทยคลังสินค้า (SST) ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาจากข่าวลือ ปิดดีลเจรจาพันธมิตรต่างชาติ คงเป็น ปริศนาคาใจใครหลายคน
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ถือหุ้น 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มสุขะนินทร์ กลุ่มชินธรรมมิตร์ และกลุ่มนายกมล เอี้ยวศิวิกูล+นายฉาย บุนนาค ใครป่วนหุ้น??????
หุ้น SST มีแรงซื้อเก็บมาตั้งแต่ต้นปี จากราคา 7.35 บาท ซึ่งเก็บมาตลอดต่อเนื่อง ก่อนจะมีสตอรีออกมาต้นสัปดาห์ที่แล้ว กระชากราคาวิ่งไป 15.80 บาท (24 ก.พ.) แล้วทุบไม่เลี้ยงทุกราคาลงมาติดฟลอร์ถึง 3 ฟลอร์ ปิดล่าสุดวันศุกร์ที่แล้ว 4.52 บาท
การสวิงขึ้น-ลงอย่างรุนแรงของ SST รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ (SST - W 1) ไม่อาจจะทวนกระแสสังคมชาวหุ้นไปได้ ถึงพฤติกรรมการไล่และทุบที่เหี้ยมโหด ในภาวะตลาดหุ้นขาลง ซ้ำเติมรายย่อย
ความจริงบางส่วนจากปาก ศุภสิทธิ์ สุขะนินทร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 สัดส่วน 20% ที่ยอมรับว่า มีต่างชาติหลายรายเคยเข้ามาติดต่อขอซื้อหุ้น แต่การเจรจาไม่สามารถปิดดีล หรือจบลงตรงที่การซื้อขายหุ้นได้ และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเดินเข้ามาสานต่อ
ขณะที่ฟากของนายกมล เอี้ยวศิวิกูล ได้ระบุว่า ขายหุ้นออกไปหมดคงเหลือหุ้นในมือ 100 หุ้น เพราะสไตล์การลงทุนของนายกมลกับหุ้น SST ไปด้วยกันไม่ได้ ที่สำคัญนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่เริ่มลดลง แต่กมลยังคงสถานะการเป็นกรรมการใน SST ไว้
ปรากฏการณ์ไล่ราคาหุ้นไม่เคยเกิดขึ้นกับหุ้น SST และ SST-W 1 มาก่อน เพราะที่ผ่านมา หุ้นตัวนี้ไม่ได้อยู่ในสายตานักเก็งกำไร รวมทั้งผู้ถือหุ้นหลักใหญ่ 2 กลุ่ม สุขะนินทร์กับชินธรรมมิตร์ ที่เป็นญาติกัน ถึงกับงงหาเหตุไม่เจอใครไล่-ทุบหุ้นเละเทะขนาดนี้
มีเพียง ศุภสิทธิ์ ที่ขาย SST-W 1 ออกมา 6.22 ล้านหน่วย ก่อนหน้าราคาพุ่งแรงๆ ไป 5.15 บาท (24 ก.พ.) ซึ่งมีการแจ้งผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกรณีมีการขาย SST ออกมา ต้องรายงานการขายในฐานะเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แต่ยืนยันไม่ได้เข้าไปซื้อขาย SST ในช่วงนี้เลย
ที่สำคัญคนที่เข้ามาไล่หุ้นตัวนี้ ต้องรู้มาอย่างดีว่า ผู้ถือหุ้น 2 ตระกูล ดังนี้ ไม่ได้นั่งจับจ้องเกาะติดกับหุ้นมากนัก เกมทำหุ้นรอบนี้จึงต้องทำให้จบเร็วที่สุด ไม่ลากยาวเพื่อให้ใครทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
หรือถ้ามีใครคิดจะฉกหุ้นเพื่อเทกโอเวอร์จากเกมล่อราคาให้คายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ เหมือนที่เคยเกิดกับหุ้นตัวหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ ที่เจ้าของถูกจับขายหุ้นออกมา (ฟอร์ซเซล) ต้องสูญเสียบริษัทราคาถูกๆ ให้กับทุนใหม่ที่แกร่งกว่า
ชลัช ชินธรรมมิตร์ ผู้ถือหุ้น SST ทายาทตระกูลน้ำตาลขอนแก่น กล่าวว่า นโยบายครอบครัวไม่ได้แสวงหากำไรจากการทำอย่างนี้ ซึ่งตระกูลมีหุ้นบริษัทจดทะเบียนหลายตัว และจากประวัติศาสตร์ไม่เคยเห็นคนในครอบครัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหุ้น ซึ่งช่วงที่หุ้นน้ำตาลขอนแก่น (KSL) เข้าตลาดราคาขึ้นไป 15-16 บาท ไม่เคยขายออก ยังเข้าไปซื้อ และบริษัทเล็กๆ อย่าง SST ทำไปทำไม ได้เงินไม่คุ้ม ถ้าทำ KSL ไม่ได้มากกว่านี้หรือ และท้าให้ตรวจสอบจะได้สบายใจใครขายหุ้น
อาชีพหรือแหล่งรายได้ของผมไม่ใช่แบบนี้ สตางค์ยังอยู่ครบ หนี้เสียไม่มี พวกผมจะทำไปทำไม สงสารรายย่อย ผมไม่มีกิเลส อยากใช้เงินมากกว่านี้ และยืนยันไม่เคยมีกลุ่มทำหุ้นมาคุยกับผม ถ้ามาคุยทำไมต้องช่วยกันทำหุ้น ช่วยได้กำไรแบ่งกันไม่คุ้ม เพราะพวกผมแบ่งหุ้นกันไปถือในชื่อตัวเองหมดแล้ว ทำครั้งเดียวชื่อเสียงเน่า โปรเจกต์ของกลุ่มมีอีกเยอะที่ต้องทำให้ลูกหลาน
ชลัช ทิ้งท้ายว่า ใครก็ตามที่เข้ามาป่วน SST คิดผิดตรงที่ไม่ควรเข้ามายุ่งกับหุ้นของครอบครัวนี้ และอ่านนโยบายของครอบครัวนี้ผิด เพราะชลัชคิดว่าชื่อเสียงที่สร้างมานานสำคัญกว่าเงิน
หรือเกมนี้จะเป็นแค่เคสคลาสสิกปกติของนักแสวงหากำไรจากหุ้น ที่มาแล้วจากไป ทิ้งรอยแผลไว้กับรายย่อย เหมือนกับหุ้นตัวอื่นๆ ในตลาด?????
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- atsu
- Verified User
- โพสต์: 1218
- ผู้ติดตาม: 0
งง
โพสต์ที่ 41
เสี่ย ก แกคงขายไปจนเหลือร้อยหุ้นจริงๆแหละเพราะ
ปิดสมุดทะเบียนล่าสุด(รับสิทธิวอร์แร้นท์)ก็ไม่มีชื่อ เสี่ย ก. จริงๆ
แต่เปลี่ยนเป็นชื่อญาติ(ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นอะไรกัน)แทน :lol:
ปิดสมุดทะเบียนล่าสุด(รับสิทธิวอร์แร้นท์)ก็ไม่มีชื่อ เสี่ย ก. จริงๆ
แต่เปลี่ยนเป็นชื่อญาติ(ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นอะไรกัน)แทน :lol:
ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 23/01/2552 ประเภทการปิดสมุดทะเบียน : XR
จำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด 623
% การถือหุ้นแบบไร้ใบหุ้น 80.70
ลำดับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวนหุ้น (หุ้น) % หุ้น
1. นายศุภสิทธิ์ สุขะนินทร์ 24,894,620 20.57
2. นางอินทิรา สุขะนินทร์ 14,560,010 12.03
3. น.ส.ดวงแข ชินธรรมมิตร์ 6,830,000 5.64
4. น.ส.ดวงดาว ชินธรรมมิตร์ 6,830,000 5.64
5. น.ส.นฤมล แจ่มกระจ่าง 6,040,000 4.99
6. นายศุภสิทธิ์ สุขะนินทร์ 5,838,630 4.83
7. น.ส.จิตวดี เอี้ยวศิวิกูล 5,521,700 4.56
8. นายธราพงษ์ เชียงเถียร 5,268,400 4.35
9. น.ส.เพลินพิศ คณิตกาญจนกุล 4,910,900 4.06
10. นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ 4,880,000 4.03
11. นายสมชาย ชินธรรมมิตร์ 3,904,000 3.23
12. นางมนทนัฐ แต้มศิริชัย 3,340,000 2.76
13. นายศุภชัย สุขะนินทร์ 2,917,500 2.41
14. น.ส.กมลฤดี ปัจฉิมสวัสดิ์ 2,800,000 2.31
15. นายพรประสงค์ แต้มศิริชัย 1,520,000 1.26
16. นายวีระ ณัฐวุฒิ 1,430,100 1.18
17. นายสุคนธ์ กาญจนหัตถกิจ 1,363,700 1.13
18. นายฉาย บุนนาค 1,232,800 1.02
19. นายนิพนธ์ ณัฐวุฒิ 1,133,500 0.94
20. นางสุมิตรา ชุติมาวรพันธ์ 1,000,000 0.83
21. นายสมชาย ชินธรรมมิตร์ 976,000 0.81
22. นางนารีรัตน์ ชินธรรมมิตร์ 976,000 0.81
23. นายชลัช ชินธรรมมิตร์ 976,000 0.81
24. นายชาตรี ชินธรรมมิตร์ 976,000 0.81
25. น.ส.กรรณิกา ชินธรรมมิตร์ 976,000 0.81
26. นายชาลี ชินธรรมมิตร์ 976,000 0.81
-
- Verified User
- โพสต์: 1734
- ผู้ติดตาม: 0
งง
โพสต์ที่ 42
ผิดหรือถูกยากที่จะบอก
แต่ขอเดาว่า เจ้ามือกำลังปั่นเอง ติดหุ้นเองครับ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
แต่ขอเดาว่า เจ้ามือกำลังปั่นเอง ติดหุ้นเองครับ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: