เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
- Coca-Cola
- Verified User
- โพสต์: 326
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 1
ขออภัยถ้าจี้จุดใจดำเพื่อนๆ ฃ แต่อยากถามความคิดเห็น เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับปัจจุบันดูสักหน่อยครับ
ผมเองก็ดูทุกอย่างเพื่อจะใช้ในการคัดกรอง และก็เชื่อว่านี่เป็นหุ้นที่ดี ถึงแม้จะคาดว่าธุรกิจถ่านหินนี้จะไปผูกกับวัฏจักรเดียวกับน้ำมัน แต่ก็ยังมั่นใจ
โดยเฉพาะการเป็นเจ้าแห่งนวัตกรรม การมองหาน่านน้ำสีน้ำเงินใหม่ๆ การวางเป้าหมายที่ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น ผมมองว่านี่แหละเป็น GOOD WILL ที่ทำให้ผมเห็นโอกาสการลงทุนในบริษัทที่ดีนี้ แต่...
ถ้าผู้บริหารทำแบบนี้ จะให้คิดอยางไรหนอ ดูจำนวนหุ้นที่ขาย นี่ไม่ใช่การทุบราคาเพื่อซื้อของถูกนะครับ แต่คล้ายกำลังสละเรืออย่างไรอย่างนั้น ไททานิค(การลงทุนในUMS)นี้ ไม่หวานชื่นเหมือนเก่าเหรอครับพี่แจ๊ค(ชัยวัฒน์)
ผมเองก็ดูทุกอย่างเพื่อจะใช้ในการคัดกรอง และก็เชื่อว่านี่เป็นหุ้นที่ดี ถึงแม้จะคาดว่าธุรกิจถ่านหินนี้จะไปผูกกับวัฏจักรเดียวกับน้ำมัน แต่ก็ยังมั่นใจ
โดยเฉพาะการเป็นเจ้าแห่งนวัตกรรม การมองหาน่านน้ำสีน้ำเงินใหม่ๆ การวางเป้าหมายที่ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น ผมมองว่านี่แหละเป็น GOOD WILL ที่ทำให้ผมเห็นโอกาสการลงทุนในบริษัทที่ดีนี้ แต่...
ถ้าผู้บริหารทำแบบนี้ จะให้คิดอยางไรหนอ ดูจำนวนหุ้นที่ขาย นี่ไม่ใช่การทุบราคาเพื่อซื้อของถูกนะครับ แต่คล้ายกำลังสละเรืออย่างไรอย่างนั้น ไททานิค(การลงทุนในUMS)นี้ ไม่หวานชื่นเหมือนเก่าเหรอครับพี่แจ๊ค(ชัยวัฒน์)
CI(Celebrity Investment) <----- oh! My GOD ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 2
ผมตั้งข้อสังเกต...
ก่อนอื่นผมเห็นใจ value investors ทุกท่าน เปรียบเหมือนเพื่อนกันทั้งนั้น เห้น case UMS แล้ว เรื่องนี้ต้องแก้ที่กฎหมาย แก้ที่ กลต. และ ต้องแก้ที่ตัว value investors เอง ผมเห้นสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของ value investors บางท่าน นั้น คือ การรับความคิดของ Warren Buffett มาแล้วเชื่ออย่างสนิทใจมากเกินไป โดยไม่เคยตั้งคำถามว่าที่มาของความคิดเหล่านั้นมาได้อย่างไร ผมเคยโดนหลอกมาแล้ว พวกเรา trade fundamental เขาก็เอา fundamental มาล่อเรา เรามีหลักการสามข้อ สี่ข้อ เขาไปอ่านมาเหมือนกัน หนังสือมีเยอะ แล้วเขาก็มาอ่านเหมือนกัน กลายเป้นว่า เขาเอาไปใช้ซ้อนแผนการลงทุนของเรา เรา trade fundamental ของบริษัท แต่เขา trade value investors เขา trade expectation ของเรา
ผมอยากจะบอกว่า expectation ไม่เคยเป้น reality
ผมเคยสงสัย Warren Buffett ทำไมเน้น insurance business อย่างมาก ไปอ่าน Warren เล่มไหน ก็ไม่มีบอก ที่ไม่มีเพราะ Warren เป้นคนไม่บอก อะไรเขาใช้หากินเขาไม่บอกหมด มาอ่าน อ. มังกเอร์ถึงรู้ หัว Warren คิดเป้น Pascal คิดเป้น Fermat ตลอดเวลา มังเกอร์บอกแค่นี้ เขาก็ไมบอกมาก ต้องไปค้นหาเอง ฝรั่งเรียนตามคนคิดเรืองนั้น เขาให้เกียรติคนคิด เราเรียนตามวิชา ไม่เคยรู้จักคนคิด พวก Fermat Pascal เป็นชื่อคนครับ เราเรียนกันตอน ม.ปลาย เรือง probability ครับ ทั้งสองท่านเป้นคนคิด หัวของ Buffett คิดเป้น prob ตลอด คิดเป้น decision tree ตลอดเวลา ถึงตอนนี้ผมร้อง โห.....
เป้น value investors แบบเส้นตรงมานาน มิน่าเราแม่มขาดทุนอยู่เรื่อย
Warren เป้น Value invetsors แบบ decison tree คือ หัวเขามี prob เข้ามาเกี่ยวในความคิดเขาทุกอย่าง
แล้ว insurance นี้มันเกี่ยวกับ prob ที่สุดแล้ว
ผมเดินทางตามสาย value investor แบบรู้ไม่หมดครับ ผมไปจับหลักการมากเกินไป จนลืมดูที่คุณสมบัติของตัวคนใช้ คุณสมบัติของ Warren Buffett มันสำคัญกว่ามากครับ ผมไปใช้ value investing ลืมถามตัวเอง เรามีคุณสมบัติเหมือน Warren หรือปล่าว ให้ Warren ไปจับ reflexivity ไปจับ money flow มันก็ดีไปหมด เพราะมันไม่ได้อยู๋ที่หลักการคิดอย่างเดียว
มันอยู๋ที่หลักการใช้ด้วยครับ....
ก่อนอื่นผมเห็นใจ value investors ทุกท่าน เปรียบเหมือนเพื่อนกันทั้งนั้น เห้น case UMS แล้ว เรื่องนี้ต้องแก้ที่กฎหมาย แก้ที่ กลต. และ ต้องแก้ที่ตัว value investors เอง ผมเห้นสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของ value investors บางท่าน นั้น คือ การรับความคิดของ Warren Buffett มาแล้วเชื่ออย่างสนิทใจมากเกินไป โดยไม่เคยตั้งคำถามว่าที่มาของความคิดเหล่านั้นมาได้อย่างไร ผมเคยโดนหลอกมาแล้ว พวกเรา trade fundamental เขาก็เอา fundamental มาล่อเรา เรามีหลักการสามข้อ สี่ข้อ เขาไปอ่านมาเหมือนกัน หนังสือมีเยอะ แล้วเขาก็มาอ่านเหมือนกัน กลายเป้นว่า เขาเอาไปใช้ซ้อนแผนการลงทุนของเรา เรา trade fundamental ของบริษัท แต่เขา trade value investors เขา trade expectation ของเรา
ผมอยากจะบอกว่า expectation ไม่เคยเป้น reality
ผมเคยสงสัย Warren Buffett ทำไมเน้น insurance business อย่างมาก ไปอ่าน Warren เล่มไหน ก็ไม่มีบอก ที่ไม่มีเพราะ Warren เป้นคนไม่บอก อะไรเขาใช้หากินเขาไม่บอกหมด มาอ่าน อ. มังกเอร์ถึงรู้ หัว Warren คิดเป้น Pascal คิดเป้น Fermat ตลอดเวลา มังเกอร์บอกแค่นี้ เขาก็ไมบอกมาก ต้องไปค้นหาเอง ฝรั่งเรียนตามคนคิดเรืองนั้น เขาให้เกียรติคนคิด เราเรียนตามวิชา ไม่เคยรู้จักคนคิด พวก Fermat Pascal เป็นชื่อคนครับ เราเรียนกันตอน ม.ปลาย เรือง probability ครับ ทั้งสองท่านเป้นคนคิด หัวของ Buffett คิดเป้น prob ตลอด คิดเป้น decision tree ตลอดเวลา ถึงตอนนี้ผมร้อง โห.....
เป้น value investors แบบเส้นตรงมานาน มิน่าเราแม่มขาดทุนอยู่เรื่อย
Warren เป้น Value invetsors แบบ decison tree คือ หัวเขามี prob เข้ามาเกี่ยวในความคิดเขาทุกอย่าง
แล้ว insurance นี้มันเกี่ยวกับ prob ที่สุดแล้ว
ผมเดินทางตามสาย value investor แบบรู้ไม่หมดครับ ผมไปจับหลักการมากเกินไป จนลืมดูที่คุณสมบัติของตัวคนใช้ คุณสมบัติของ Warren Buffett มันสำคัญกว่ามากครับ ผมไปใช้ value investing ลืมถามตัวเอง เรามีคุณสมบัติเหมือน Warren หรือปล่าว ให้ Warren ไปจับ reflexivity ไปจับ money flow มันก็ดีไปหมด เพราะมันไม่ได้อยู๋ที่หลักการคิดอย่างเดียว
มันอยู๋ที่หลักการใช้ด้วยครับ....
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 3
ขอโทษด้วยครับ ผมขอต่ออีกนิดครับ...
รุปนี้วาดง่ายๆ แต่มองทีไร มองนาน ละสายตาไม่ค่อยง่ายเลย
รุปที่เป็น 4th dimension อย่างนี้ Picasso เป็นโคตรเซียน
เรื่องมิติที่ 4 น่าสนใจไม่น้อย ตาตนเห็น 3 มิติ
มิติที่ 4 มองไม่เห้น ยืนมือไปข้างหน้า หันหลังมือเข้าหาตัว
มิติที่ 4 อยู๋ที่ฝ่ามือแล้ว ท่านมองไม่เห้น ฝ่ามือ และหลังมือพร้อม ๆกัน
เรืองมิติที่ 4 เป้นโลกที่พ้นจากขอบเขตที่เรามองเห็น
วงการมายากล ใช้เยอะครับ
ในตลาดหุ้น มีให้เห้น UMS เมื่อเร็ว ๆ นี้
circle of competence มีจุดแข็ง แต่ก้มีจุดอ่อนเหมือนกัน
เราพบเรื่องยาก เราแก้ปัญหาตรงๆ เลือกเป้าหมายที่ง่าย
พอเราเจอมิติที่ 4 เราถอยกลับมาโลก 3 มิตืที่เราคุ้นเคย บางท่านถอยต่อไปพิจารณาโลกสองมิติ
การอุปมา ทำให้เข้าใจสิ่งต่างๆได้ดี ระดับความเข้าใจเปิดออก
มองสิ่งต่าง ๆ จากมุมที่ไม่ค้นเคย ก้าวออกไปที่มิติที่ 4 ออกจากชีวิตประจำวัน
ออกจากประเพณี ออกจากวัมนธรรมของปรัชญาการลงทุนต่างๆ
โลกการลงทุนเป้นโลกของ 4 มิติ
แล้วท่านจะจำกัดพื้นที่ของท่านอยู่ในโลก 3 มิติทำไม?
หรือว่า...
การกลับมาอยู่บนโลกที่เป้นพื้นผิวโต๊ะ 3 มิติ สบายใจจริงหริอครับ?
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 4
ด้วยความนับถือคุณโหน่ง ขออนุญาติมาแตะตัด คนกันเองสักหน่อย:mrgreen:
ผมว่าการดำรงชีวิตของเราทุกขณะนี้ จะมีการใช้probทุกขณะในการดำรงชีพ
ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ การเดินข้ามถนน ยัน ซื้อหุ้น
พี่โหน่งพูดไว้ผมเชื่อตามพี่ที่ว่า ทำไมคนถึงติดกับดักมองแค่เท่าที่ตนเห็น
ผมขอเฉลย จากคนที่เคยมองเรื่องหุ้น แค่2หรือ3มิติว่า
ตอนนั้น ผมมองเห็นแค่นั้น จริงๆ
และในตอนนี้ถึงผมจะเห็นมิติที่4แบบคุณโหน่งว่า ผมว่าบางครั้งมันต้องมีมิติแฝงที่เรายังมองไม่เห็นอีก
เพราะปัญญาผมยังไม่ถึง
สรุปว่า จะมองไม่มองอีกเรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องหนึ่งคือ มองแล้วจะเห็นเปล่าครับ ป๋า..........................
ผมว่าการดำรงชีวิตของเราทุกขณะนี้ จะมีการใช้probทุกขณะในการดำรงชีพ
ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ การเดินข้ามถนน ยัน ซื้อหุ้น
พี่โหน่งพูดไว้ผมเชื่อตามพี่ที่ว่า ทำไมคนถึงติดกับดักมองแค่เท่าที่ตนเห็น
ผมขอเฉลย จากคนที่เคยมองเรื่องหุ้น แค่2หรือ3มิติว่า
ตอนนั้น ผมมองเห็นแค่นั้น จริงๆ
และในตอนนี้ถึงผมจะเห็นมิติที่4แบบคุณโหน่งว่า ผมว่าบางครั้งมันต้องมีมิติแฝงที่เรายังมองไม่เห็นอีก
เพราะปัญญาผมยังไม่ถึง
สรุปว่า จะมองไม่มองอีกเรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องหนึ่งคือ มองแล้วจะเห็นเปล่าครับ ป๋า..........................
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 5
สวัสดีครับท่านนริศ
งูๆ ปลา ๆ ไปเรื่อยเปื่อย ๆ ครับ
ผมตั้งข้อสังเกตอีกอย่าง
เรือง MOS กับ Pascal เป็นเรื่องเดียวกันครับ
PASCAL's RULE : PROBABILITY ( MARGIN OF SAFETY)
God does exist God does not exist
Proability (p) p 1 - p
Believe Saved Inconvenience
Don't believe Damned Normal life
Expected value of believe = p (the value of being saved) + (1-p) (the cost of inconvenience)
Expected value of not believing = p (the cost of being damned) + (1-p) (the value of living a normal life)
งูๆ ปลา ๆ ไปเรื่อยเปื่อย ๆ ครับ
ผมตั้งข้อสังเกตอีกอย่าง
เรือง MOS กับ Pascal เป็นเรื่องเดียวกันครับ
PASCAL's RULE : PROBABILITY ( MARGIN OF SAFETY)
God does exist God does not exist
Proability (p) p 1 - p
Believe Saved Inconvenience
Don't believe Damned Normal life
Expected value of believe = p (the value of being saved) + (1-p) (the cost of inconvenience)
Expected value of not believing = p (the cost of being damned) + (1-p) (the value of living a normal life)
-
- Verified User
- โพสต์: 157
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 7
ผมว่ามันอยู่ที่เรารู้จักธุรกิจนั้นจริงๆหรือเปล่า (ก็อย่างที่พี่ๆบอกว่ามอง 4 มิติอะไรนี้) ไม่ใช่ไม่เคยศึกษา เอาแต่คิดเอาเองว่าธุรกิจนั้นเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ (ผมก็เคยพลาดมาหลายต่อหลายครั้งมาแล้ว) ดังนั้นผมว่า เราควรจะมองหาธุรกิจที่เราสามารถเข้าใจได้อย่างไม่โกหกตัวเองว่าเราเข้าใจดีกว่า ก็เหมือนที่ วอเรน ว่าให้เลือกหุ้นที่อยู่ในวงความรู้ของเราเท่านั้น circle of completion อะไรนี้แหละ :D
สุดท้ายก็ลองถามตัวเองว่ารู้จักบริษัทนี้จริงๆ หรือโกหกตัวเองว่ารู้
สุดท้ายก็ลองถามตัวเองว่ารู้จักบริษัทนี้จริงๆ หรือโกหกตัวเองว่ารู้
-
- Verified User
- โพสต์: 674
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 8
ก่อนหน้านี้พูดอะไรไว้ทำได้หมด ความเชื่อมั่นมันก็ต้องสูงเป็นธรรมดา
ปี 2006 ตั้งเป้ายอดขาย 1,300 ล้าน ทั้ง ๆ ที่2 ไตรมาส ทำได้ไม่ถึง 600 ล้าน
ผมยังว่าโม้แน่เลย แต่ก็ทำได้
ภายใต้ตัวแปรต่าง ๆ ก่อนที่งบจะออก คำนวณออกมาเป็น expected value แล้วได้ข้อสรุปออกมาว่า ซื้อ/ถือ ได้ครับ
ส่วนหลังงบกับปันผลออกแล้วก็ต้องมาคำนวณกันใหม่
ปี 2006 ตั้งเป้ายอดขาย 1,300 ล้าน ทั้ง ๆ ที่2 ไตรมาส ทำได้ไม่ถึง 600 ล้าน
ผมยังว่าโม้แน่เลย แต่ก็ทำได้
ภายใต้ตัวแปรต่าง ๆ ก่อนที่งบจะออก คำนวณออกมาเป็น expected value แล้วได้ข้อสรุปออกมาว่า ซื้อ/ถือ ได้ครับ
ส่วนหลังงบกับปันผลออกแล้วก็ต้องมาคำนวณกันใหม่
-
- Verified User
- โพสต์: 503
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 9
ผมขอตั้งคำถามครับ
เราลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทนั้น เพราะอะไร เพราะเจ้าของ หรือเพราะตัวธรุกิจ หรือมีใครมาคอมเมนต์ว่าดี
การที่เจ้าของขายออกมามากมาย ก่อนประกาศผลอะไรสักอย่างเป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยจริยธรรมเเน่นอน เเต่ถ้าธุรกิจนั้นดีจริง ก็ไม่น่าจะส่งผลเสียต่อบริษัทใช่หรือไม่
การที่เเนวโน้มธุรกิจมีความเป็นไปได้สูงๆที่จะได้ผลประกอบการที่เเย่ลง เป็นความผิดหรือไม่ถ้าเจ้าของจะทยอยขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมา
ปัณหาที่ใหญ่ที่สุดที่ผมคิดได้ในกรณีนี้คือ ผู้ลงทุนบ้างส่วนได้ลงทุนโดยไม่ค่อยได้ศึกษาตัวบริษัทมากนักพอมีคนคอมเมนต์มาว่าดี ดูงบเเล้วสวย เเล้วก็ลงทุนไปโดยไม่ได้ศึกษาปัจจัยความเสี่ยงที่มีผลกระทบอื่นๆเลย
เเละถ้าลงทุนเเบบนี้ผมคิดว่าความเสี่ยงที่เราได้รับมากพอๆกับการเล่นหุ้นปันเลย
ขอให้ความผิดเป็นครูครับ เเก้ไขข้อผิดพลาด เเล้วลงทุนอย่างพอเพียงเเละมีความสุขกับการลงทุนครับ
ไม่ทำอะไรเลยถึง ไม่เคยผิด
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 10
เวลาผมซื้อหุ้นนั้น ผมดูอุตสาหกรรม ความสามารถในการแข่งขัน และผู้บริหาร 3 อย่างหลักครับ...
การที่ผู้บริหารพูดแล้วทำได้ตามที่พูด คำพูดครั้งต่อไปก็มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น แต่ถ้าพูดแล้วทำไม่ได้ ก็ต้องมาดูเหตุผลกันว่าเพราะอะไร ถ้าเหตุผลฟังเข้าท่า คะแนนความซื่อสัตย์ของผู้บริหารก็อาจจะไม่ได้ลดลงเท่าไหร่ แต่คะแนนในเรื่องของการคาดคะเนอนาคตก็เสียไป ...
ไอ้ย่อหน้าข้างบนพูด In General
case ums นี้ยังไม่ comments ดีกว่า รอให้ได้ฟังเหตุผลก่อน แล้วค่อยว่ากันใหม่ :)
การที่ผู้บริหารพูดแล้วทำได้ตามที่พูด คำพูดครั้งต่อไปก็มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น แต่ถ้าพูดแล้วทำไม่ได้ ก็ต้องมาดูเหตุผลกันว่าเพราะอะไร ถ้าเหตุผลฟังเข้าท่า คะแนนความซื่อสัตย์ของผู้บริหารก็อาจจะไม่ได้ลดลงเท่าไหร่ แต่คะแนนในเรื่องของการคาดคะเนอนาคตก็เสียไป ...
ไอ้ย่อหน้าข้างบนพูด In General
case ums นี้ยังไม่ comments ดีกว่า รอให้ได้ฟังเหตุผลก่อน แล้วค่อยว่ากันใหม่ :)
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 96
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 11
กรณีนี้เลวร้ายกว่าตอนกลุ่มไทเก้นขาย TTA ครับ เพราะตอนนั้น
กลุ่มไทเก้นขายทั้งๆที่ค่าระวางเรือยังสูง แต่มองอนาคตขาด
แต่กรณีนี้ ขายเพราะรู้ว่างบออกมาไม่ดี แถมให้ข่าวในแง่ดีมาตลอด
กำไรมากที่สุดเป็นประวัติการณ์บ้างละ
มีแผนซื้อเหมืองบ้างละ
มีปันผล 1 บาท
ไม่กลัวรายใหม่
โอ้ สุดยอด........
แล้วข่าวไอ้โรงงานกำจัดขยะ มันไหงเงียบไปแล้ว
ไม่งามครับ
กลุ่มไทเก้นขายทั้งๆที่ค่าระวางเรือยังสูง แต่มองอนาคตขาด
แต่กรณีนี้ ขายเพราะรู้ว่างบออกมาไม่ดี แถมให้ข่าวในแง่ดีมาตลอด
กำไรมากที่สุดเป็นประวัติการณ์บ้างละ
มีแผนซื้อเหมืองบ้างละ
มีปันผล 1 บาท
ไม่กลัวรายใหม่
โอ้ สุดยอด........
แล้วข่าวไอ้โรงงานกำจัดขยะ มันไหงเงียบไปแล้ว
ไม่งามครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 24
- ผู้ติดตาม: 0
ผู้บริหารแบบนี้หลอกเราได้ครั้งเดียวหล่ะ
โพสต์ที่ 12
ผู้บริหารแบบนี้ก็หลอกเราได้แค่ครั้งเดียว แต่นึกแล้วเสียวจริง ๆๆ ไอ้ที่ผม ถืออยู่เนี่ย มันจะทำแบบนี้กับผมไม่น้อ
มิน่า ทำไมคนรวย ๆ ถึงสร้าง บริษัทให้คนมาซื้อหุ้นของมัน มันเพราะแบบนี้เอง
มิน่า ทำไมคนรวย ๆ ถึงสร้าง บริษัทให้คนมาซื้อหุ้นของมัน มันเพราะแบบนี้เอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 13
แล้วกรณี CFRESH ละครับ
ก่อนหน้านี้ซื้อขายวันละไม่เกินล้านหุ้น ราคาก็อยู่แถว 1.00 บาท
เมื่อวานซื้อขายกันมากถึง 17.89 ล้านหุ้น ราคาปิดที่ 1.09 บาท แต่ราคาสูงสุดที่ 1.20 บาท
วันนี้ ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.25 บาทต่อหุ้นเลยแฮะ
ราคาวันนี้เลยวิ่งไปปิดที่ 1.36 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 31.50 ล้านหุ้น
น่าคิดนะว่า ทำไมเมื่อวานถึงได้มีนักลงทุนไล่ซื้อหุ้น CFRESH กันมากมาย (ขอย้ำว่าเป็นการไล่ซื้อ) เขาผู้นั้นคิดอะไรอยู่ (หรือว่ารู้อะไรอยู่)
ก่อนหน้านี้ซื้อขายวันละไม่เกินล้านหุ้น ราคาก็อยู่แถว 1.00 บาท
เมื่อวานซื้อขายกันมากถึง 17.89 ล้านหุ้น ราคาปิดที่ 1.09 บาท แต่ราคาสูงสุดที่ 1.20 บาท
วันนี้ ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.25 บาทต่อหุ้นเลยแฮะ
ราคาวันนี้เลยวิ่งไปปิดที่ 1.36 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 31.50 ล้านหุ้น
น่าคิดนะว่า ทำไมเมื่อวานถึงได้มีนักลงทุนไล่ซื้อหุ้น CFRESH กันมากมาย (ขอย้ำว่าเป็นการไล่ซื้อ) เขาผู้นั้นคิดอะไรอยู่ (หรือว่ารู้อะไรอยู่)
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2455
- ผู้ติดตาม: 1
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 14
ได้บทเรียนว่าอย่าเพิ่งเชื่อลมปากจากผู้บริหาร
ให้คิดถึงเหตุและผลทางธุรกิจ เพื่อพิจารณาว่าสิ่งที่ผู้บริหารพูดเป็นไปได้ไหม
ตัวอย่างลมปาก: มาตรฐานบัญชีสำหรับการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือสำหรับถ่านหินยังไม่มีนะครับ เพราะไม่มีดัชนีหรือราคาอ้างอิงชัดเจนเหมือน ราคาน้ำมัน
บราๆๆ...
ดังนั้น การหามาตรฐานในการตีมูลค่าสินค้าจึงเป็นไปได้ยาก
จึงไม่มีการปรับมูลค่า ณ สิ้นงวดบัญชีเหมือนน้ำมันหรือเหล็ก
สิ่งที่เกิดขึ้นทางธุรกิจ: เนื่องจากราคาขายน้ำมันเตาที่ลดลงอย่างมาก ทำให้ราคาขายถ่านหินซึ่งเป็นสินค้าทดแทนต้องลดลงตามด้วย
ถึงจะไม่มีดัชนีหรือราคาอ้างอิงชัดเจน แต่ถ้าราคาขายมันต่ำกว่าต้นทุนแล้ว ยังไงก็ต้องปรับมูลค่าสินค้าคงเหลืออยู่ดี
ผมกำลังกลัวว่า Q1 จะมีอีกดอกหรือเปล่า เพราะตอนนี้บริษัทมี Average Days Sales = 115.45 วัน และไม่รู้ว่าที่ปรับมูลค่าลดลง 90 ล้านกว่านี่ปรับเผื่อราคาขายที่ต้องลดลงไว้ขนาดไหน
จะถือหรือจะถอยดีหนอ
ปล. เท่าที่ผมย้อนกลับอ่านข่าวดู ผู้บริหารคงไม่ได้เจตนาโกหกว่าจะปันผล 1 บาท
ผมเดาว่าพอเห็นงบที่ผ่านการตรวจทานของผู้ตรวจสอบบัญชีแล้วว่าต้องปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ เลยขายตั้งแต่วันที่อนุมัติงบ และดองงบไว้ถึง 2 สัปดาห์
ให้คิดถึงเหตุและผลทางธุรกิจ เพื่อพิจารณาว่าสิ่งที่ผู้บริหารพูดเป็นไปได้ไหม
ตัวอย่างลมปาก: มาตรฐานบัญชีสำหรับการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือสำหรับถ่านหินยังไม่มีนะครับ เพราะไม่มีดัชนีหรือราคาอ้างอิงชัดเจนเหมือน ราคาน้ำมัน
บราๆๆ...
ดังนั้น การหามาตรฐานในการตีมูลค่าสินค้าจึงเป็นไปได้ยาก
จึงไม่มีการปรับมูลค่า ณ สิ้นงวดบัญชีเหมือนน้ำมันหรือเหล็ก
สิ่งที่เกิดขึ้นทางธุรกิจ: เนื่องจากราคาขายน้ำมันเตาที่ลดลงอย่างมาก ทำให้ราคาขายถ่านหินซึ่งเป็นสินค้าทดแทนต้องลดลงตามด้วย
ถึงจะไม่มีดัชนีหรือราคาอ้างอิงชัดเจน แต่ถ้าราคาขายมันต่ำกว่าต้นทุนแล้ว ยังไงก็ต้องปรับมูลค่าสินค้าคงเหลืออยู่ดี
ผมกำลังกลัวว่า Q1 จะมีอีกดอกหรือเปล่า เพราะตอนนี้บริษัทมี Average Days Sales = 115.45 วัน และไม่รู้ว่าที่ปรับมูลค่าลดลง 90 ล้านกว่านี่ปรับเผื่อราคาขายที่ต้องลดลงไว้ขนาดไหน
จะถือหรือจะถอยดีหนอ
ปล. เท่าที่ผมย้อนกลับอ่านข่าวดู ผู้บริหารคงไม่ได้เจตนาโกหกว่าจะปันผล 1 บาท
ผมเดาว่าพอเห็นงบที่ผ่านการตรวจทานของผู้ตรวจสอบบัญชีแล้วว่าต้องปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ เลยขายตั้งแต่วันที่อนุมัติงบ และดองงบไว้ถึง 2 สัปดาห์
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
- atsu
- Verified User
- โพสต์: 1218
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 16
ผมอ่านที่เพื่อนๆในเวปเราบ่นกันมากเรื่องน้องอั้ม(จากห้องร้อยคนร้อยหุ้นด้วย)
ก็รู้สึกว่าจะเอาสองเรื่องมาบ่นปนๆกันไป
ซึ้งผมคิดว่าน่าจะเป็นคนละเรื่องกัน
1.เรื่องผลประกอบการไม่ดี
คงไม่สามารถไปโทษผู้บริหารอย่างเดียวครับ ต้องโทษตัวเราเองด้วยเพราะเราเชื่อเค้ามากไป
ผมเห็นก็เป็นกันเกือบทุกบริษัทจริงๆนะครับเรื่องผู้บริหารไม่ยอมรับว่าผลประกอบการจะแย่
ส่วนใหญ่ก็จะพูดให้บริษัทตัวเองดูดีกว่าที่เป็นไว้ก่อนอยู่แล้ว
2.เรื่องอินไซด์เทรด
เรื่องนี้ผิดเต็มๆครับ ผมว่าจะมีข้อแก้ตัวยังไงก็ฟังไม่ขึ้น(ถ้าดูจากจำนวนและช่วงเวลาในการเทรด)
บ้านเราไม่ค่อยเน้นเอาผิดเรื่องนี้กันจริงจังด้วย
ถ้าเป็นเมืองนอกโดนเล่นงานแน่ๆ ที่พอนึกออกก็มีเคส มาร์ธา สจ๊วต
ก็รู้สึกว่าจะเอาสองเรื่องมาบ่นปนๆกันไป
ซึ้งผมคิดว่าน่าจะเป็นคนละเรื่องกัน
1.เรื่องผลประกอบการไม่ดี
คงไม่สามารถไปโทษผู้บริหารอย่างเดียวครับ ต้องโทษตัวเราเองด้วยเพราะเราเชื่อเค้ามากไป
ผมเห็นก็เป็นกันเกือบทุกบริษัทจริงๆนะครับเรื่องผู้บริหารไม่ยอมรับว่าผลประกอบการจะแย่
ส่วนใหญ่ก็จะพูดให้บริษัทตัวเองดูดีกว่าที่เป็นไว้ก่อนอยู่แล้ว
2.เรื่องอินไซด์เทรด
เรื่องนี้ผิดเต็มๆครับ ผมว่าจะมีข้อแก้ตัวยังไงก็ฟังไม่ขึ้น(ถ้าดูจากจำนวนและช่วงเวลาในการเทรด)
บ้านเราไม่ค่อยเน้นเอาผิดเรื่องนี้กันจริงจังด้วย
ถ้าเป็นเมืองนอกโดนเล่นงานแน่ๆ ที่พอนึกออกก็มีเคส มาร์ธา สจ๊วต
-
- Verified User
- โพสต์: 870
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 17
เราใช้แนวความคิดจาก ผู้รู้ หลายๆท่าน ในเมืองนอก แต่อย่างลืมตัวแปรสำคัญว่า เราเล่นหุ้นในเมืองไทย ไม่ใช่ อเมริกา ซึ่งมีกฏหมายรัดกุมกว่าเรา ดูคดีเจ๊ คนนึงที่ดังๆ โดนคุกกี่เดือนผมลืมไปแล้ว
แต่บ้านเราล่ะ
แต่บ้านเราล่ะ
- กาวตราช้าง
- Verified User
- โพสต์: 179
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 18
เรื่องอินไซด์ผมว่ามีกันเกือบทุกบ. แหละ
แต่มันไม่โจ่งโคร่มแบบนี้ จะทำทั้งทีก็ไม่เนียนเลย โถปัญญา(workpoint)
หรือคิด2ชั้นอีกแง่ ทำไมจงใจทำให้เห็น :idea: ต้องการผลอะไร
ยิ่งคิดยิ่งงงไปดีกัว :lol:
แต่มันไม่โจ่งโคร่มแบบนี้ จะทำทั้งทีก็ไม่เนียนเลย โถปัญญา(workpoint)
หรือคิด2ชั้นอีกแง่ ทำไมจงใจทำให้เห็น :idea: ต้องการผลอะไร
ยิ่งคิดยิ่งงงไปดีกัว :lol:
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 19
ขาดทุนปีที่แล้วเยอะ จึงหาวิธีการ "เอาคืน" เหมือนนัการเมือง :twisted:
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- Coca-Cola
- Verified User
- โพสต์: 326
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 20
[quote="กาวตราช้าง"]เรื่องอินไซด์ผมว่ามีกันเกือบทุกบ. แหละ
แต่มันไม่โจ่งโคร่มแบบนี้ จะทำทั้งทีก็ไม่เนียนเลย โถปัญญา(workpoint)
หรือคิด2ชั้นอีกแง่
แต่มันไม่โจ่งโคร่มแบบนี้ จะทำทั้งทีก็ไม่เนียนเลย โถปัญญา(workpoint)
หรือคิด2ชั้นอีกแง่
CI(Celebrity Investment) <----- oh! My GOD ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 22
11.05 น. 9.50 บาท แล้วครับ เหอ ๆ ไม่มีหุ้น กำลังหาจังหวะซื้อ ถึงขั้นไม่กล้าเลยครับ เมื่อวันศุกร์ซื้อมา 11 บาท แต่ตอนปิดเห็นโยนทิ้งกันน่าเกลียดเลยตัดใจขายปิด 10.80 กำลังลุ้นอยู่แล้วว่า ตัดสินใจถูก หรือ ผิด ไม่กล้ายุ่งแล้วครับตัวนี้ น่ากลัวที่ซู๊ดดดดดดดดดดดด
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 24
เอาบทความเก่า ๆ มาให้อ่านกันแก้เซ็งครับ ...
ป.ล. ไม่มีหุ้นครับ :8)ข่าวจากหนังสือพิมพ์ทั่วไป, หนังสือพิมพ์ธุรกิจ หรือเวบไซท์ข่าวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียนและตลาดหลักทรัพย์มักจะหนีไม่พ้นการนำเสนอ ข่าวความเคลื่อนไหวของบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ และข่าวที่ดูน่าจะได้รับความนิยมของผู้อ่าน, ผู้สื่อข่าว (และคนให้ข่าว) มากที่สุดก็หนีไม่พ้น ข่าวเรื่องผลการดำเนินงานและผลกำไรของบริษัท
นักลงทุนเน้นคุณค่า อาศัยการประิเมินผลประกอบการของกิจการเป็นหลักในการเลือกลงทุนและคาดการณ์ผล ตอบแทนของการลงทุนเสมอ ข้อมูลนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการนำมาพิจารณเลือกซื้อหรือขายหุ้น
การให้ข่าว หรือแถลงการคาดการณ์ผลประกอบการ และผลกำไรของบริษัท โดยเฉพาะที่ออกจากปากผู้บริหาร ถือเป็นสิ่งดีหรือเชื่อถือได้หรือไม่ ?? จริง ๆ ผมไม่มีข้อมูลนี้ในมือ แต่ถ้าจะหาจริง ๆ คงไม่ยากนัก ความเห็นของผม การเอาข่าวที่มีการเผยแพร่มาเปรียบเทียบกับผลประกอบการและผลกำไรแท้จริงว่า แตกต่างกันมากแค่ไหน น่าจะเป็นดัชนีชี้วัดธรรมาภิบาลผู้บริหารได้ไม่เลว
ใน Essays of Warren Buffett นั้น Buffett เขียนถึงเรื่องธรรมภิบาลของบริษัท (Corporate Governance) เกี่ยวกับ Full and Fair Disclosure ไว้เมื่อปี 2002 ได้น่าสนใจมาก
Buffett เตือนนักลงทุนไว้ 3 ประการเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของบริษัท
1. ระวังบริษัทที่แสดงงบบัญชีที่อ่อน ไม่ละเอียด เช่นไม่ยอมลงบัญชีค่าใช้จ่ายบางอย่าง เช่น compensation ของผู้บริหาร หรือลงบัญชีไว้ด้วยตัวเลขดูดีกว่าที่ควรจะเป็น เช่นประเมินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (pension) ไว้น้อยกว่าความเป็นจริง หรือมีหัวข้อในบัญชีที่ประหลาด ไม่คุ้นเคยโผล่ออกมา เพราะอาจะเป็นที่มาของปัญหาบัญชีที่หลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่มากกว่าที่คิด (อย่าเหมาเอาว่าแมลงสาบที่เราเห็นเพียงตัวเดียว เป็นแมลงสาบตัวสุดท้ายในบ้าน เพราะความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น)
การออกข่าวตัวเลขกำไรโดยใช้ EBITDA ต้องระวังเสมอว่าผู้บริหารอาจจะปิดบัง D, A และ Capital Expenditure (CAPEX) ซึ่งทำให้กระแสเงินสดของกิจการไม่ได้สวยหรูตามตัวเลขที่ำนำเสนอ นอกจากนี้การประเมินผลกำไรโดย EBITDA ทำให้เราเข้าใจผิดคิดว่าค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (Depreciation และ Amortization) ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายจริง ทั้ง ๆ ที่กิจการจำเป็นต้องจ่ายเพื่อซื้อหาอุปกรณ์เหล่านี้มาใช้ในธุรกิจตั้งแต่ต้น และหากกิจการยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าเร็วหรือช้า ก็จะต้องควักกระเป๋าเพื่อซื้อเครื่องมืออุปกรณ์นี้มาทดแทนของเดิมที่หมดอายุ
2. เอาใจใส่หมายเหตุประกอบงบการเงินให้ดี ให้ความสำคัญกับจุดที่ชวนสงสัย เพราะถ้านักลงทุนไม่เข้าใจคำอธิบายในข้อมูลที่บริษัืทให้มาก็มักจะเป็นเพราะ ว่าผู้บริหารไม่อยากให้นักลงทุนเข้าใจนั่นแหละ (เพราะกลัวความแตก)
3. สำคัญที่สุด, ให้ระวังผู้บริหารที่คาดการณ์ผลประกอบการ และผลกำไรในอนาคต โดยเฉพาะการคาดการณ์ที่สวยหรูเป็นประจำ เพราะความไม่แน่นอนเป็นสัจจธรรมของการทำธุรกิจ มีกิจการน้อยมากที่ดำเนินงานในสภาวะที่เงียบสงบ ปราศจากภาวะคับขัน หรือเรื่องที่คาดไม่ถึง
"... We are suspicious of those CEOs who regularly claim they do know the future - and we become downright incredulous if they consistently reach their declared targets. Managers that always promise to 'make the numbers' will at some point be tempted to 'make up' the numbers..."
ดูเหมือนข้อ 3 จะเห็นบ่อยในตลาดหลักทรัพย์บ้านเรา...
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2455
- ผู้ติดตาม: 1
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 27
ผมได้เรียนรู้กลยุทธ์ขายก็คราวนี้แหละ (แต่ก่อนซื้อสะสมเป็นอย่างเดียว )
ถ้าความจริงผิดจากที่คาดเมื่อไร ให้หนีก่อน ค่อยมาพิจารณาเหตุผลทีหลัง
อันนี้กว่าจะพิจารณานั้น พิจารณานี่ ว่าจะถือดีหรือจะขายดี ราคาก็ไปไหนต่อไหนแล้วครับ
ถ้าความจริงผิดจากที่คาดเมื่อไร ให้หนีก่อน ค่อยมาพิจารณาเหตุผลทีหลัง
อันนี้กว่าจะพิจารณานั้น พิจารณานี่ ว่าจะถือดีหรือจะขายดี ราคาก็ไปไหนต่อไหนแล้วครับ
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 28
หลังจากผมได้ฟังผู้บริหารกล่าวทางช่องเงินแล้ว ปัญหาเรื่องขาดทุนจากสินค้าคงคลังมากๆน่าจะจบไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสงครามราคากำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้าเพื่อรักษาฐานลูกค้าหรือมาร์เก็ตแชร์เอาไว้ให้ได้มากที่สุดครับถ้ารักษายอดขายไว้ได้ใกล้เคียงกับปี้51ก็เก่งมากแล้วแต่มีความเป็นไปได้สูงที่กำไรน่าจะบางลงมาเพราะมาร์จินแคบลงเน๊อะ :)
- atsu
- Verified User
- โพสต์: 1218
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 29
[quote="ศิษย์เซียน007"]หลังจากผมได้ฟังผู้บริหารกล่าวทางช่องเงินแล้ว ปัญหาเรื่องขาดทุนจากสินค้าคงคลังมากๆน่าจะจบไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสงครามราคากำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้าเพื่อรักษาฐานลูกค้าหรือมาร์เก็ตแชร์เอาไว้ให้ได้มากที่สุดครับถ้ารักษายอดขายไว้ได้ใกล้เคียงกับปี้51ก็เก่งมากแล้วแต่มีความเป็นไปได้สูงที่กำไรน่าจะบางลงมาเพราะมาร์จินแคบลงเน๊อะ
-
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
เคยหลงรัก UMS เพราะเชื่อมั่นในอะไรครับ ^_^?..
โพสต์ที่ 30
ผมว่าเจ้าของรู้ว่าธุรกิจปีนี้แย่แน่เลยขายเอาเงินสดมาเก็บไว้ก่อน ถ้าเจ้าของเป็นคนดี เขาจะเอาเงินนั้นมาทำเป็นเงินยืมกรรมการเพื่อให้บริษัทอยู่รอด แต่ถ้าเจ้าของไม่รู้ว่าจะเลิกหรือจะทำดีก็ขายเพื่อเอาเงินไปซื้ออย่างอื่นแล้วว่างๆก็เอาเศษตังส์ที่เหลือมาช้อนครับหรือไม่มาเลยถ้าจะเลิก