มาถึงปี 2551 ผมก็ขาดทุนมากและพบปัญหาสำคัญๆคือ
1. สภาพคล่อง สำคัญมากจริงๆ ผมจะเจ็บตัวน้อยกว่านี้อีกมากถ้าออกได้เมื่ออยากออก
พี่ว่าแก้ปัญหาได้โดยการกระจายความเสี่ยงหลายตัว และถือตัวที่แข็งแกร่ง สภาพคล่องไม่น่าจะใช่ปัญหา เหมือนกับท่านปีเตอร์ ลินซ์ ได้กล่าวไว้ว่า "อย่าใช้เหตุผลในการแต่งงาน เพราะคิดว่าหย่าได้ง่าย แต่เรารู้นิสัยใจคอ คนที่เราจะแต่งงานดีพอแล้วหรือยัง"
2. มาร์จิ้น อันนี้ไม่ต้องพูดถึง เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันในทางลบอันนี้ทำให้เจ๊งได้จริงๆ
พี่ว่า มีไว้บ้าง แต่อย่าโลภเกินไป เพราะขาขึ้นจะมีโอกาสมากกว่าคนที่ไม่มี แต่ต้องเผื่อว่าถ้าเราหุ้นที่เราถือเราลงไปสักครึ่ง เราจะทำอย่างไร ทำให้การกระจายพอร์ต คือทางแก้ปัญหาอีกทางหนึ่ง
3. คุณภาพของบริษัทที่เลือก เมื่อก่อนผมลงทุนหุ้นเกรดประมาณ B-C โดยเน้นความคุ้มค่าด้านราคาเหนือคุณภาพ ทำให้เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายๆ บริษัทเกรดรองๆอาจจะต้านทานได้น้อย ไม่เหมือนบริษัทใหญ่ๆ
พี่ว่าถ้าเลือกหุ้น A ความคาดหวังนักลงทุนมีมากแล้ว มีโอกาสลงเป็นBหรือเสมอตัว เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้ผลตอบแทนสูงๆในระยะยาวพยายามหาหุ้น B C ที่จะกลายเป็นA จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่า แต่เรารู้จริงหรือยัง นี่คือปัญหา
4. การทุ่มซื้อตัวเดียว เมื่อรวมกับข้อ 1และ2 ด้วย หายนะที่ผมมองข้ามไปตลอด ด้วยคิดว่าตัวเองเก่งและควบคุมความเสี่ยงได้ก็บังเกิด
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
จากปัญหาในปีที่ผ่านมาทำให้ผมคิดว่าผมควรจะต้องปรับปรุงวิธีการบริหารความเสี่ยงของตัวเองอย่างเร่งด่วน เพื่อให้พอร์ตผมทนทานต่อเหตุการณ์พิเศษได้มากกว่านี้
แนวทางที่ผมอยากเดินไปต่อจากนี้ซึ่งคงจะเรียกว่าเป็นช่วงที่สามของชีวิตการลงทุนของผมคือ
1. เลือกหุ้นโดยเน้นคุณภาพมากกว่าการคาดการณ์กำไรแค่ช่วงสั้นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทนั้นจะอยู่ไปอีกนานที่สุดหรือแพ้เป็นบริษัทท้ายๆในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เห็นด้วยครับ
