เนื่องจากปี 2551 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตการลงทุนของผม กำไรที่ทำได้ในปี 2550 ได้คืนไปจนหมดในปี 2551 นี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าถึงเวลาทบทวนแนวทางการลงทุนของตัวเองอย่างจริงจังสักที
ผมคิดว่าน่าจะแบ่งวิวัฒนาการการลงทุนของผมในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาได้เป็น 2 ช่วง
ช่วงแรกคือ 2 ปีแรก (2544-2545) ตอนนั้นกำลังหาอะไรทำที่รวยง่ายๆตามประสาเด็กจบใหม่ ที่เข้ามาเล่นเพราะอ่านหนังสือว่าสามารถเล่นหุ้นทางอินเตอร์เน็ตได้ และพอดีผมเป็นคนขี้เกียจก็นึกเอาเองว่า โห .. ถ้าสามารถทำเงินได้จากที่บ้านหรือแม้กระทั่งบนเตียงนอนเลยคงจะดีไม่น้อย

ช่วงที่สองคือ 5-6 ปีหลังที่เข้ามาลงทุนในตลาดผมเริ่มอ่านหนังสือการลงทุนเกี่ยวกับหุ้นทุกเล่มที่หาได้ (แน่นอนที่เป็นภาษาไทยครับ

ในช่วงหลังๆผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าที่เราลงทุนอยู่และมีกำไรอยุ่ทุกวันนี้เป็นเพราะอะไร ที่ผมคิดได้คือ
1. ตลาดไม่มีประสิทธิภาพพอ ทำให้ข้อมูลที่ผมใช้ในการประเมินมูลค่า ซึ่งเป็นข้อมูลสาธารณะ ไม่ได้ถูกสะท้อนเข้าไปในราคาหุ้นอย่างสมเหตุสมผลและรวดเร็วพอ
2. ในช่วงที่ผ่านมาตลาดมองสั้นๆเหมือนกับวิธีที่ผมใช้คือ 1-2 ปี ไม่เกินนี้ ทำให้ถ้าแนวโน้ม 1-2 ปีข้างหน้านี้จะดี ถ้าหุ้นถูกพอราคาหุ้นก็จะไปตาม ถึงแม้ว่าหลังจาก 2 ปีนี้จะไม่รู้อนาคตว่าจะเป็นยังไงก็ตาม
3. ฟลุค ไม่ว่าจะด้วยอะไรที่ทำให้ผมทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง อาจจะเป็นการทายถูกติดต่อกัน 6-7 ปีก็ได้ ซึ่งเอาจริงๆผมก็ซื้อหุ้นไม่กี่ตัวในช่วงที่ผ่านมาตัวที่กำไรหนักๆนับได้ไม่ถึง 5 ตัว โอกาสฟลุคก็เป็นไปได้
4. อื่นๆที่ผมยังนึกไม่ออก
มาถึงปี 2551 ผมก็ขาดทุนมากและพบปัญหาสำคัญๆคือ
1. สภาพคล่อง สำคัญมากจริงๆ ผมจะเจ็บตัวน้อยกว่านี้อีกมากถ้าออกได้เมื่ออยากออก
2. มาร์จิ้น อันนี้ไม่ต้องพูดถึง เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันในทางลบอันนี้ทำให้เจ๊งได้จริงๆ
3. คุณภาพของบริษัทที่เลือก เมื่อก่อนผมลงทุนหุ้นเกรดประมาณ B-C โดยเน้นความคุ้มค่าด้านราคาเหนือคุณภาพ ทำให้เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายๆ บริษัทเกรดรองๆอาจจะต้านทานได้น้อย ไม่เหมือนบริษัทใหญ่ๆ
4. การทุ่มซื้อตัวเดียว เมื่อรวมกับข้อ 1และ2 ด้วย หายนะที่ผมมองข้ามไปตลอด ด้วยคิดว่าตัวเองเก่งและควบคุมความเสี่ยงได้ก็บังเกิด
จากปัญหาในปีที่ผ่านมาทำให้ผมคิดว่าผมควรจะต้องปรับปรุงวิธีการบริหารความเสี่ยงของตัวเองอย่างเร่งด่วน เพื่อให้พอร์ตผมทนทานต่อเหตุการณ์พิเศษได้มากกว่านี้
แนวทางที่ผมอยากเดินไปต่อจากนี้ซึ่งคงจะเรียกว่าเป็นช่วงที่สามของชีวิตการลงทุนของผมคือ
1. เลือกหุ้นโดยเน้นคุณภาพมากกว่าการคาดการณ์กำไรแค่ช่วงสั้นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทนั้นจะอยู่ไปอีกนานที่สุดหรือแพ้เป็นบริษัทท้ายๆในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
2. สภาพคล่องในการซื้อขายต้องมากพอให้เข้าออกได้อย่างรวดเร็ว
3. มีจุด cut loss ที่ชัดเจน ไม่ต้องกลัวเรื่องมูลค่า ถ้าลงจนเปลี่ยนเทรนก็ต้อง cut ไปก่อน แล้วถ้า cut แล้วผิดทางไม่ว่าโดนหลอกหรือตลาดเปลี่ยนค่อยซื้อคืนใหม่ โดยใช้ technical เข้าช่วย
4. ปัจจัยเรื่องการกระจายความเสี่ยงจำนวนหุ้นไม่สำคัญเท่าไหร่ ถ้าผมมีข้อ 2-3 แล้วผมจึงคิดว่าการกระจายตัวหุ้นยังไม่สำคัญมากสำหรับผมจึงยังคงลงทุนแบบ 1-2 ตัวไปก่อน ถ้าพอร์ตใหญ่กว่านี้ค่อยว่ากัน

ขอคำแนะนำด้วยครับ
