กรณี KTB

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

กรณี KTB

โพสต์ที่ 1

โพสต์

การพิจารณาการปล่อยสินเชื่อที่หละหลอมของธนาคารพาณิชย์ไทยนั้นเกิดขึ้นมานานมากแล้ว โดยในอดีตธนาคารแห่งประเทศไทยก็ไม่ได้สนใจที่จะเข้มงวดมากนัก (เหตุผลจะบอกภายหลัง)

ปัจจุบันการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้มงวดมากขึ้น ผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้ผู้บริหารธนาคารควรที่จะพิจารณาการปล่อยสินเชื่อให้เข้มงวดมากขึ้น คุณภาพสินเชื่อก็จะดีขึ้น งบการเงินของธนาคารก็จะสอดคล้องกับความจริงมากขึ้น

การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่พิจารณาในอดีตก็เนื่องจากเป็นการช่วยผ่อนปรนธนาคารพาณิชย์ที่ในช่วงนั้นฐานะการเงินยังไม่แข็งแกร่งมากนัก เหมือนช่วยธนาคารพาณิชย์แต่งงบการเงินหลอกนักลงทุน

นักลงทุนรายย่อยหรือนักวิเคราะห์ที่ไม่มีประสบการณ์ก็จะแนะนำไปตามตัวเลขในงบการเงิน ตั้งแต่ปลายปีก่อน นักวิเคราะห์ทั้งหลายก็ออกมาเชียร์ซื้อหุ้นธนาคารเพราะจะไถ่ถอนสลิปและแคป ทำให้กำไรจะเพิ่มมากขึ้น สุดท้ายก็แย่ครับ

สรุปการเข้มงวดครั้งนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นสิ่งที่ดี เพียงแต่มาตรฐานที่เป็นสากลนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยนำมาใช้กับธนาคารพาณิชย์หมดแล้วหรือยัง ถ้าฐานะทางการเงินของธนาคารแข็งแกร่งขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทยก็นำเกณฑ์ที่เข้มงวดใหม่มาใช้เพิ่ม ฐานะทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ก็จะเปรียบเสมือนกับถูกบ่อนไซตลอดเวลา คงไม่มีวันโตครับ
Mr.Sailom
ผู้ติดตาม: 0

กรณี KTB

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ฉะบิ๊กธปท.ป่วนแบงก์..เทียบกรุงไทยกับบีบีซี

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2547 11:50 น.



ผู้จัดการรายวัน - ชี้แบงก์ชาติ ทำธนาคารพาณิชย์ป่วน เหตุทั้งระบบตั้งสำรองเกินเกณฑ์อยู่แล้ว ระบุผู้บริหารธปท.ทำตัวเป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อก้าวก่ายดุลพินิจผู้บริหารธนาคาร ขณะที่คนกรุงไทยโต้กรณีปล่อยกู้ N-PARK ไม่ผิดเพราะมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเกินมูลหนี้ 100% แถมแผนลงทุน N-PARK ไม่เสียหาย จึงยกเรื่องภาวะตลาดหุ้นที่ตกต่ำชั่วคราวมาตัดสินไม่ได้ เผยไอ้โม่งธปท.มีผลประโยชน์ส่วนตัวจงใจทำลายคู่แข่งทางธุรกิจจนบานปลาย

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการเข้าไปตรวจสอบฐานะของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งระบบพบว่า ธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 13 แห่ง มีกำไรเพิ่มขึ้น โดยก่อนกันสำรองหนี้ ช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรทั้งสิ้น 55,092 ล้านบาท และหลังกันสำรองหนี้จำนวน 10,001 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 45,091 ล้านบาท
"การเพิ่มความเข้มงวดคุณภาพสินเชื่อ เพราะธปท.เห็นว่าขณะนี้ฐานะของธนาคารแข็งแกร่ง จึงควรตั้งสำรองเพิ่มได้โดยไม่กระทบกับฐานะนอกจากธนาคารกรุงไทยที่ได้สั่งให้กันสำรองเพิ่ม ขณะที่ 12 ธนาคารที่เหลือมีการตั้งสำรองเพิ่มด้วยตนเอง โดยที่ธปท.ไม่ได้สั่ง เพราะต้องการสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง"
ทั้งนี้ จำนวนเงินที่ต้องกันสำรองหนี้ 100% ตามเกณฑ์ของธปท. ระบบธนาคารพาณิชย์ต้องสำรอง 352,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันระบบธนาคารมีเงินสำรองรวม 475,000ล้านบาท เท่ากับว่ามีสำรองเกินอยู่ 123,000 ล้านบาท
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า เกณฑ์การสำรองที่เน้นคุณภาพของหนี้ เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2547 ซึ่งในกรณีของธนาคารกรุงไทยนั้นหลังจากตรวจสอบพบว่ามีหนี้ที่มีความเสี่ยงต้องกลับไปเป็นหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) 46,000 ล้านบาท ธปท.ได้หารือกับนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานกรรมการบริหาร มีความเห็นตรงกันว่าควรตั้งสำรองเพิ่มประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากธนาคารกรุงไทยได้ตั้งสำรองหนี้ส่วนนี้แล้ว 6,000 ล้านบาท ทำให้ต้องตั้งสำรองเพิ่ม 3,200 ล้านบาท ซึ่งสินเชื่อที่ ธปท.สั่งให้กลับมาเป็นเอ็นพีแอล มีทั้งสินเชื่อที่เพิ่งปล่อยกู้ใหม่และสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้
ผู้ว่าธปท.กล่าวว่า หนี้ของธนาคารกรุงไทยที่กลับมาเป็นหนี้เอ็นพีแอลมีทั้งหมด 14 โครงการใหญ่ ซึ่งจัดเป็นหนี้ชั้นสงสัยจะสูญ 50% และในจำนวนดังกล่าวมีหนี้อสังหาริมทรัพย์ประมาณ 6 โครงการ ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความเสียหายจากการปล่อยกู้ตามนโยบายรัฐ และเชื่อว่าหลังจากนี้ธนาคารกรุงไทยคงไม่มีความจำเป็นต้องกันสำรองหนี้ครั้งใหญ่เพิ่มเหมือนครั้งนี้อีกแล้ว
"การเข้าไปตรวจสอบอย่างใกล้ชิดครั้งนี้เพราะธปท.ไม่ต้องการให้เกิดการซ้ำรอยเหมือนเช่นกรณีบีบีซี (ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ)" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว

โต้ธปท.ก้าวก่ายแบงก์
ทำตัวเป็นจนท.สินเชื่อ
แหล่งข่าวธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ผู้บริหารธปท.กำลังก้าวก่ายดุลพินิจของผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากการวิเคราะห์โครงการและความเป็นไปได้ของสินเชื่อลูกหนี้เป็นหน้าที่ของธนาคาร แต่หากธปท.ยังยืนยันหน้าที่ดังกล่าวก็ควรจะเป็นผู้อนุมัติปล่อยกู้แทน ไม่ต้องให้ธนาคารเป็นผู้ดำเนินการอีกต่อไป
"หม่อมอุ๋ยกำลังทำตัวเป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อ เป็นเรื่องที่ผิดหลักปฏิบัติของธนาคารกลาง หม่อมอุ๋ยมีทัศนคติที่ผิดและไม่เข้าใจระบบธนาคาร เพราะหน้าที่ปล่อยกู้เป็นไปตามขั้นตอนทั่วไปคือเจ้าหน้าที่สินเชื่อและคณะกรรมการดำเนินการอยู่แล้ว"
แหล่งข่าวยังกล่าวว่า การนำบีบีซีมาเปรียบเทียบกับธนาคารพาณิชย์ไทยในปัจจุบัน ถือเป็นการเจตนาจะทำลายระบบ ที่สำคัญธนาคารกรุงไทยแตกต่างจากบีบีซีอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากสินเชื่อที่ปล่อยออกไป มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเกินมูลหนี้หลายเท่า ยกตัวอย่างกรณีปล่อยกู้บริษัทแนเชอรัลพาร์ค จำกัด (มหาชน) (N-PARK) วงเงิน1.9 พันล้านบาท มีหลักทรัพย์ค้ำประกันรวม 4.1 พันล้านบาท แบ่งเป็นหุ้น 3.7 พันล้านบาทและที่ดินอีก 400 ล้านบาท
"เหตุผลที่ธปท.ระบุว่าจำเป็นต้องสำรองหนี้ก้อนดังกล่าวเพราะ N-PARK ขาดความชัดเจนในการใช้เงินกู้ว่าจะใช้เพิ่มทุนหรือตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์กันแน่ แถมธปท.ยังบอกว่าเสี่ยงเพราะขณะนี้ตลาดหุ้นไม่ดีนั้น อยากถามว่าาตลาดหุ้นเมืองไทยจะตกลงโดยไม่มีวันฟื้นใช่หรือไม่"
แหล่งข่าวตั้งข้อสังเกตุด้วยว่า การออกมาเคลื่อนไหวของธปท.ในครั้งนี้ อาจเกิดจากผู้บริหารธปท.มีวาระซ่อนเร้นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวที่มีเงินลงทุนกับบริษัทเอกชนซึ่งเป็นคู่แข่งกับ N-PARK ในการซื้อบริษัทเงินทุนแห่งหนึ่งซึ่งตกลงขายให้กับกลุ่มฟินันซ่าซึ่งเป็นพันธมิตรกับ N-PARK
นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องการเมืองภายในธนาคารกรุงไทยซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาความขัดแย้งภายในระหว่างคณะกรรมการทั้งความขัดแย้งเดิมและล่าสุดมีความขัดแย้งรุนแรงขึ้นตั้งแต่เปลี่ยนตัวประธานกรรมการบริหารจากร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ เป็นนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์
"การที่ผู้บริหารระดับสูงของแบงก์ชาติมีหุ้นในบริษัทเอกชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับงานที่แบงก์ชาติดูแลทำให้ปัญหามีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องควบรวมกิจการทั้งแบงก์และไฟแนนซ์ เช่น การผลักดันให้ไทยธนาคารซึ่งบริษัทที่ตนลงทุนถือหุ้นใหญ่เป็นแกนนำควบรวมกับไอเอฟซีทีแต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งล่าสุดจะให้บริษัทที่ตัวเองถือหุ้นไปซื้อกิจการไฟแนนซ์แห่งหนึ่งที่กลุ่มฟินันซ่าซื้อตัดหน้าไปเมื่อไม่นานมานี้ และจากผลประโยชน์ส่วนตัวทำให้ผู้บริหารแบงก์ชาติคนนี้ทำหน้าที่บกพร่อง"

นายแบงก์ยันฐานะแกร่ง
นายธวัชชัย ยงกิตติกุล ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ความตื่นตระหนกตัวเลขเอ็นพีแอลและการตั้งสำรองของธนาคารกรุงไทยในช่วงที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด อาจเกิดจากการส่งสัญญาณหรือข่าวลือที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ไทยทุกแห่งได้สำรองเกินเกณฑ์มาตรฐานของธปท. โดยเริ่มปฏิบัติตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
"ผมคิดว่าสาเหตุที่แบงก์ชาติต้องคุมเข้มเพราะแนวโน้มดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แบงก์ชาติอาจจะเกรงว่าในอนาคตดอกเบี้ยสูงจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของลูกหนี้ จึงออกมาป้องกันไว้ก่อน ส่วนเรื่องตลาดหุ้นที่ลดลงเมื่อวันก่อน ตอนนี้คงเข้าใจแล้วเห็นได้จากหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว" นายธวัชชัยกล่าว
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวว่า หากธปท. จะออกมาตรการให้ธนาคารพาณิชย์ตั้งสำรองเพิ่มโดยมีการจัดชั้นหนี้สงสัยจะสูญ ถือว่าเป็นเรื่องของ ธปท. ที่จะต้องติดตาม เมื่อเห็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความเสี่ยง
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

กรณี KTB

โพสต์ที่ 3

โพสต์

อ่านข่าวจากผู้จัดการข้างบนแล้วก้รู้สึกสังเวชผู้บริหารธนาคาร

ถ้าเอกสารในการประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเผยแพร่ออกมา ประชาชนส่วนใหญ่จะได้รู้ว่าทำไมธนาคารพาณิชย์ของไทยถึงมี NPL สูงกว่า 50% ( ขนาดธปท.ช่วยทำเป็นไม่รู้ไม่ชึ้แล้วนะครับ)

ผู้บริหารธนาคารส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเป็นธนาคารของตนเอง ไม่เคยคิดว่าเป็นบริษัทมหาชน และต้องกู้ยืมเงินจากประชาชนมาเพื่อปล่อยกู้ต่อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sailom
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

กรณี KTB

โพสต์ที่ 4

โพสต์

คุณฉัตรชัยคิดว่างานนี้วงแชร์ N-Park มีสิทธิ์ม้วนเสื่อไหมครับ ใจผมอยากให้เช็คบิลล์ซะตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่ารอให้ล้มเองแบบ FIN-1 แค่นี้ก็ไม่รู้ว่ามีแมงเม่าหุ้น เสียเงินให้กับเจ้ามือไปเท่าไรแล้ว
mo101 ไม่ได้ login
ผู้ติดตาม: 0

กรณี KTB

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ลองดูชื่อผู้ถือหุ้นของ KTB ซิครับ กับ ธ.ประเทศไทย
เกี่ยวพันกันมากกกก

ผมว่าอาศัยจังหวะเปลี่ยนตัวผู้บริหาร โปรโมทแบงค์ครับ
ชื่อของ KTB ลงข่าว ติดกัน 4 วันคุ้มยิ่งกว่าคุ่ม
ภาพประจำตัวสมาชิก
sailom
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

กรณี KTB

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอตามเรื่องนี้ต่อหน่อยครับ สนุกกว่าดูหนังเจ้าพ่อ

ที่มา
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000029941

ผู้จัดการรายวัน - เผยสินเชื่อกรุงไทยที่ถูกแบงก์ชาติ จับตา "กฤษดานคร-เอ็นพาร์ค" อนุมัติโดย "สุชาย เชาว์วิศิษฐ" สมัยเป็นประธานบอร์ดบริหาร เป็นเหตุ ให้บิ๊กแบงก์ชาติอ้างเรื่องความเสี่ยงจับผิด หวังแก้แค้นอดีตขุนคลังพี่ชาย พร้อมทำลายคู่แข่งทางธุรกิจ อย่างกลุ่มแนเชอรัล พาร์ค ตลาดหุ้นวานนี้ หุ้นที่เกี่ยว พันกับข่าวกรุงไทย ร่วงระนาว เผยสาเหตุนอกจากปัจจัยร่วมเรื่องน้ำมันแพงแล้ว ยังเป็นเพราะคู่กรณีต่างเทขายหุ้นฝ่ายตรงข้ามเพื่อล้างแค้น
แหล่งข่าวระดับสูงจากธนาคารกรุงไทย เปิดเผยกรณีที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีความหละหลวม โดยมีลูกหนี้ 2-3 รายที่อาจมีความเสี่ยงเรื่องความสามารถในการชำระหนี้นั้น ลูกหนี้รายที่ว่านี้หมายถึงกลุ่ม บริษัทกฤษดามหานคร (KMC) และแนเชอรัล พาร์ค (N-PARK) ซึ่งได้รับการอนุมัติสินเชื่อโดย ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ สมัยที่ ร.ท.สุชาย เป็นประธานกรรมการบริหารของธนาคารกรุงไทย (ระหว่างเดือนเมษายน 2544-เมษายน 2546) เนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้ง 2 ราย โดยเฉพาะกับ บ.กฤษดามหานคร
"ตอนที่มีการประชุมบอร์ด คุณสุชายอ้างชื่อผู้บริหารบริษัทเทเลคอมที่ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีว่า โครงการนี้ได้คุยกันเรียบร้อยแล้ว จึง ให้ที่ประชุมอนุมัติให้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการวิเคราะห์รายละเอียดความเป็นไปได้ของโครงการ" แหล่งข่าวจากธนาคารกรุงไทยกล่าว
นอกจากนั้น การอนุมัติสินเชื่อดังกล่าว มีขึ้นในขณะที่นายวิโรจน์ นวลแข กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ในตอนนั้นไม่ได้ร่วมประชุม เพราะเดินทางไปต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม หนี้ 2 กลุ่มดังกล่าวยังไม่เป็นเอ็นพีแอลและมีความแตกต่างในการจัดชั้นหนี้ โดยบริษัทกฤษดามหานคร ซึ่งกู้เงินผ่านบริษัทโกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค อยู่ในชั้นหนี้สงสัยจะสูญ ทีมตรวจสอบของธปท. ระบุว่าไม่ได้มีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการและเงินกู้นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
ส่วนแนเชอรัล พาร์คเป็นหนี้ปกติ แต่ทีมตรวจสอบธปท.สั่งจับตาอย่างใกล้ชิดและกันสำรองเผื่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพราะไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับกระแสเงินสดจาก การดำเนินงานและแหล่งเงินที่จะนำมาชำระหนี้
"หนี้แนเชอรัล พาร์คยังไม่เป็นเอ็นพีแอล แต่ ได้เกิดความเสียหายจากการเปิดเผยข้อมูลของผู้ไม่หวังดี ทำให้บริษัทไม่สามารถนำหลักทรัพย์ไปขอกู้จากสถาบันการเงินอื่นอีก" แหล่งข่าวกล่าว

แก้แค้นสุชาติ-ทำลายคู่แข่ง
แหล่งข่าวธนาคารกรุงไทยตั้งข้อสังเกตกรณี ที่ผู้บริหารของธปท.ให้ข่าว ที่เป็นผลลบกับธนาคารกรุงไทยและลูกหนี้ 2 กลุ่มดังกล่าวไม่ได้ เป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ตามปกติ แต่มีวัตถุประสงค์ส่วนตัวที่ต้องการเล่นงาน ร.ท.สุชายน้องชายร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รองนายก รัฐมนตรี เนื่องจากสมัยที่ร.อ.สุชาติเป็นรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลังไม่สนองผลประโยชน์ เช่น การของานที่ปรึกษากองทุนรวมวายุภักษ์ กองทุนรวมที่มีมูลค่าหลายแสนล้านแต่ไม่ได้เพราะกระทรวง การคลังเลือกกลุ่มฟินันซ่าเป็นที่ปรึกษาแทน
"ตอนกระทรวงการคลังจะจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ก็ไปขอความช่วยเหลือจากเขา แต่พอเลือกที่ปรึกษากองทุนฯที่มีรายได้มหาศาล กลับไปเลือกฟินันซ่า ซึ่งกลุ่มแนเชอรัล พาร์ค เป็นพันธมิตรและถือหุ้น แทนที่จะเลือกบริษัททรีนีตี้ วัฒนา ซึ่งบริษัทคอมลิงค์ถือหุ้นอยู่ ทำให้เขาไม่พอใจมาก" แหล่งข่าวกล่าว
ต่อมาฟินันซ่าได้ขยายธุรกิจและขายหุ้นให้แนเชอรัล พาร์ค ขณะนี้กำลังยื่นขอเป็นธนาคาร พาณิชย์โดยควบรวมกับบริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทร (BFIT) ได้กลายเป็นคู่แข่งของกลุ่มคอม-ลิงค์เต็มตัว
ความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารธปท. และ ร.อ.สุชาติ อีกเรื่องหนึ่งคือ ความขัดแย้งเรื่องการ ควบรวมกิจการธนาคารที่กระทรวงการคลังนำบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ฐานะแข็งแกร่งไปควบรวมกับธนาคารทหารไทยแทนไทยธนาคารตามที่ธปท.เสนอ
"แบงก์ชาติเสนอให้ไอเอฟซีทีมาควบรวมกับไทยธนาคาร เพราะคอมลิงค์ถือหุ้นใหญ่ไทยธนาคาร โดยนับตั้งแต่คลังเลือกทหารไทย ม.ร.ว. ปรีดิยาธรออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับคลังเรื่องควบรวมแบงก์อีกต่อไป"
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เป็นผู้ร่วมก่อตั้งคอมลิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทที่รับสัมปทานองค์การโทรศัพท์แห่ง ประเทศไทยในการติดตั้งและบำรุงรักษาโครงข่าย เคเบิลใยแก้วนำแสง ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท คอมลิงค์ชนะคดีพิพาทในการฟ้องร้องเรียกค่าเช่าเคเบิลใยแก้วจากองค์การโทรศัพท์ฯเป็นเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ต่อมาคอมลิงค์ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่ปรึกษาการ เงินและธนาคาร โดยถือหุ้นใหญ่ในทรีนีตี้และธนาคารไทยธนาคาร
แหล่งข่าวจากธนาคารกรุงไทย เชื่อว่าการเปิดเผยรายงานการตรวจสอบคุณภาพหนี้ของธนาคารกรุงไทยโดยระบุชื่อลูกค้าสินเชื่ออย่างชัดเจนต่อสาธารณะ ซึ่งผิดพ.ร.บ.ธนาคารพาณิชย์ นั้น น่าจะมาจากฝ่ายตรวจสอบของธปท. โดยการ รู้เห็นเป็นใจของผู้บริหารระดับสูง

ทุบหุ้นกลุ่มโยงหนี้กรุงไทย
ราคาหุ้นของธนาคารกรุงไทย และบริษัทซึ่ง ตกเป็นข่าวว่าเป็นหนี้เอ็นพีแอลของธนาคารปรับ ตัวลดลงอย่างมาก อันเป็นผลมาจากข่าวการถูกจับตาจากธปท. นอกเหนือจากปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ทำให้ราคาหุ้นส่วนใหญ่ลดลง โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ผันผวน ลดลงเกือบหลุดระดับ 625 จุด ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ ก่อนดีดกลับมาปิดที่ 631.42 จุด มูลค่าการซื้อขายซบเซาเพียง 11,121.62 ล้านบาท โดยหุ้นกลุ่มแบงก์ร่วงทั้งกระดาน โดยเฉพาะหุ้น KTB ซึ่งได้รับแรงกดดัน เรื่องการให้ข่าว NPL ธปท.เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ได้ถูกแรงเทขายออกมาอีก จนราคาวูบไปต่ำสุด ที่ 8.50 บาท ซึ่งเท่ากับราคาขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชน เมื่อวันที่ 9 ต.ค.46 แต่มีแรงซื้อเข้าดีดกลับมาปิดตลาดที่ 8.65 บาท มูลค่าการซื้อ ขาย 820.5 ล้านบาท ทั้งๆ ที่นักวิเคราะห์หลายค่ายก็ยังมีมุมมองที่ดีต่อ KTB ในเรื่องของผลการดำเนินงานที่ดี
N-PARK ราคาทรุดลงไปลึกถึง 1.88 บาท ก่อนจะกลับมาปิดที่ 1.95 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 2.5% ด้วยจำนวนหุ้นที่ซื้อขายสูงถึง 48,381,400 หุ้น มูลค่า 94.311 ล้านบาท
KMC ราคาทรุดหนักกว่า N-PARK ลงไปต่ำสุดที่ 5.60 บาท แต่ดีดขึ้นมาปิดที่ 5.65 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือลดลง 4.24% มูลค่าการซื้อ ขาย 10.6 ล้านบาท
FNS ราคาได้ลดลงไปต่ำสุดที่ 34.25 บาท และปิดที่ 34.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 2.11% แต่มูลค่าการซื้อขายน้อยเพียง 3.533 ล้านบาท
ส่วนหุ้น TNITY ราคารูดหนักกว่าใคร โดยมีแรงขายออกมาจนทำให้ราคาทรุดติด 1 ใน 10 หุ้นที่ราคาตกมากที่สุด โดยราคาเปิดที่ 22 บาท จากนั้นลงไปต่ำสุดที่ 19.70 บาท และปิดที่ 20.10 บาท ลดลง 2.20 บาท หรือลดลง 9.87% มูลค่าการซื้อขาย 50.54 ล้านบาท
รายงานข่าวจากห้องค้าหลักทรัพย์ ระบุว่า วานนี้นับว่าเป็นวันแรกที่มีแรงเทขายออกมาในหุ้นที่เกี่ยวพันกับข่าว KTB พร้อมกันหมด ไม่ว่าจะ N-PARK KTB FNS ทั้งยังมี TNITY ที่มีกลุ่มคอมลิงค์ถือหุ้นใหญ่อยู่จนเป็นที่ร่ำลือกันในห้องค้าหุ้นว่า มีรายการถล่มหุ้นซึ่งกันและกันเกิดขึ้นระหว่างผู้ได้รับผลกระทบจากกรณี KTB
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยง นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ข่าวที่เกิดขึ้นกระทบกับบรรยากาศการลงทุน ต้องรอเวลาเพื่อ ให้นักลงทุนเข้าใจมากกว่านี้จึงจะมีแรงซื้อจริงกลับเข้ามาอีกครั้ง ด้านราคาของหุ้นในกลุ่มธนาคารตอนนี้ถือว่าลดลงมามากแล้ว KTB ลดลงไปมาก โดยราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานที่ บล.ฟิลลิปคาดไว้อยู่ที่ 12 บาท"
นายวิชัย ทองแตง นักลงทุนในตลาดหลัก- ทรัพย์ กล่าวว่า หุ้น KTB ถูกทุบด้วยข่าว และนักลงทุนรายใหญ่เทขายออกมามากด้วย ทำให้นักลงทุนทุกคนต้องขาย KTB เพื่อความปลอดภัย ประกอบกับ KTB มาร์เกตแคปใหญ่ด้วย
"สำหรับผม KTB ยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุนอยู่ และสถานะ KTB ก็แตกต่างจากในอดีตมาก" นายวิชัยกล่าว
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

กรณี KTB

โพสต์ที่ 7

โพสต์

จะแก้แค้นหรือไม่ ถ้าวิเคราะห์อย่างถูกต้อง ธนาคารกรุงไทยก็คงไม่ต้องเสียหาย เวลาเกิดความเสียหายมากขนาดนี้แล้วมีผู้บริหารที่เป็นคณะกรรมการอนุมัติสินเชื่อรับผิดชอบไหมครับ

ยิ่งวันนี้อ่านข่าวจากกรุงเทพธุรกิจแล้วก็สังเวชใจ ผู้บริหาร KMC ออกมาพูดว่าโครงการที่พระราม 5 ของบริษัทมีศักยภาพที่ดี แต่เนื่องจาก KMC มีฐานะทางการเงินไม่แข็งแกร่งจึงขอกู้เงินจากธนาคารไม่ได้ จึงได้จัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ (โดยให้ KMC เป็นผู้ถือหุ้น) เป็นเจ้าของโครงการดังกล่าวแทน และสามารถที่จะกู้ยืมเงินจากธนาคารได้
ล็อคหัวข้อ