07 พฤษจิกายน 2008
บลจ.ชี้ตลาดผ่านจุดบ็อททัม
--------------------------------------------------------------------------------
ต่างชาติกลับลำซื้อหุ้นไทย 6 วัน 6 พันล้านบาท บลจ.แมนูไลฟ์ประเมินหุ้นไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หนุนกองทุนหุ้นเริ่มฟื้นตัวจาก 10 เดือนแรกติดลบเกือบ 7% เล็งเก็บหุ้นพื้นฐานดีเข้าพอร์ตต่อเนื่อง แนะนักลงทุนซื้อเก็บระยะ 3 ปีขึ้นไป ด้านบลจ.วรรณ มองแรงซื้อหุ้นของกอง LTF และ RMFท้ายปีไม่สูง คาดกองทุนหุ้นฟื้นตัวครึ่งปีหลัง2552
นายชัยพฤกษ์ กุลกาญจนาธร ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้เริ่มปรับตัวขึ้นบ้างเนื่องจากปัจจัยลบภายนอกและการเมืองในประเทศเริ่มคลี่คลาย แต่ยังรอปัจจัยบวกที่จะเข้ามาสนับสนุน โดยคาดว่าปลายปีนี้อาจจะมีแรงซื้อจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) แต่คาดว่าจะมีมูลค่าลงทุนไม่สูงนัก
แม้ตลาดหุ้นเริ่มฟื้นตัว แต่ต้องใช้เวลา ซึ่งกองทุนหุ้นต้องใช้เวลาเช่นกัน โดยประเมินว่าอย่างเร็วสุดกองทุนจะฟื้นตัวเต็มที่ในครึ่งปีหลัง 2552 นายชัยพฤกษ์ กล่าว
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติได้กลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง โดยมียอดซื้อสุทธิติดต่อกัน 6 วันทำการทั้งสิ้นประมาณ 6.0-6.1 พันล้านบาท ซึ่งยังคงประเมินไม่ได้ว่าแรงซื้อดังกล่าวจะเป็นการลงทุนระยะยาวหรือจะเก็งกำไรระยะสั้น
ยอดซื้อสุทธิ 6 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดขายสุทธิ 1.3 แสนล้านบาทไม่มีนัยสำคัญนัก ซึ่งคาดว่ายอดซื้อส่วนหนึ่งจะมาจากนักลงทุนกลุ่มกองทุนเก็งกำไร ที่ได้ขายหุ้นไทยออกไปก่อนหน้า กลับเข้ามาซื้อหุ้นราคาถูก นายสุขวัฒน์ กล่าว
ส่วนทิศทางตลาดหุ้นไทยในขณะนี้มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาเนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยลบ ทั้งปัญหาวิกฤติการเงินในต่างประเทศเริ่มมีความชัดเจนแก้ไขปัญหามากขึ้น เช่น การใส่เงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน และการค้ำประกันเงินฝาก เป็นต้น ขณะที่ปัญหาความขัดแย้งการเมืองในประเทศนักลงทุนรับรู้ข่าวไปมากแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเชื่อมั่นและกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ยังขึ้นอยู่กับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศด้วย ซึ่งปัจจุบันมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว และคาดว่าจะใช้เวลาฟื้นตัวนานพอสมควร แต่ไม่เกิน 5 ปี ทั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ซึ่งจะต้องติดตามดูว่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงอย่างไร
ยังไม่สามารถคาดการดัชนีทั้งปีนี้ แต่มองว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่ยังคงต้องให้เวลาการฟื้นตัวมากพอสมควร ถึงจะกลับไปเติบโตได้เท่ากับที่ลดลงมากว่า 50% แล้ว นายสุขวัฒน์กล่าว
นายสุขวัฒน์กล่าวว่า หลังจากนี้ประเมินว่าอุตสาหกรรมกองทุนหุ้น จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ตามภาวะตลาดที่มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น แต่คงจะไม่ได้เป็นการปรับทันทีเช่นกัน โดยภายในปีนี้คาดว่าจะไม่ได้เห็นผลที่ชัดเจนมากนัก จากที่ช่วง 10 เดือนแรกปีนี้กองทุนหุ้นทั้งระบบติดลบ 6.61%
สำหรับการบริหารพอร์ตการกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.แมนูไลฟ์ ได้ทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นบ้างแล้ว โดยปัจจุบันให้น้ำหนัก 95-97%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และถือครองเงินสดในสัดส่วน 3-5%เพื่อหาจังหวะเข้าลงทุนเพิ่ม
ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นช่วงนี้ บลจ.แมนูไลฟ์จะพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)เป็นรายบริษัทแทนกลยุทธ์เดิมที่จะลงทุนตามภาคอุตสาหกรรม โดยพิจารณาแนวโน้มการเติบโตในอนาคตเป็นสำคัญ
นายสุขวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับนักลงทุนที่สนใจจะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ ควรลงทุนระยะยาว 3 ปีขึ้นไปจะเหมาะสมกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากตลาดหุ้นยังไม่มีความชัดเจนมากนัก ซึ่งส่งผลให้มีความเสี่ยงสูง
สัดส่วนการลงทุน จะไม่สามารถกำหนดได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยง เช่น ผู้มีอายุ 40 ปี ควรจะมีพอร์ตหุ้นประมาณ 30% เป็นต้น ซึ่งนักลงทุนจะต้องทยอยเข้าลงทุน นายสุขวัฒน์กล่าว
--------------------------------------------------------------------------------