cpall
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
cpall
โพสต์ที่ 3
เจ้าสัวเปลี่ยนตัวเล่นรึเปล่าครับ :lol: :lol: :lol: :lol:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "
-
- Verified User
- โพสต์: 100
- ผู้ติดตาม: 0
cpall
โพสต์ที่ 8
ผมรออยู่แถวๆ 4 บาทเลยนะนี่ :cheers: แต่ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นป่าว สงสัย set ต้องเหลืออยู่แถวๆ 300 จุด แต่กลัวอย่างเดียว ว่ากว่าจะถึงตอนนั้นกระสุนจะหมดก่อน ของ ถูกเต็มตลาดไปหมดsai เขียน:กลัวโดนคนที่ถืออยู่ด่า ความจริงมองแถว 5 บาท ถ้าไม่ถึงไม่เป็นไร มีตัวอื่นรอมองอยู่เหมือนกันครับ
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
cpall
โพสต์ที่ 19
หลุดทุกเส้น month week day แถมโวลุ่มท่วมท้น
สงสัยโดนฤทธิ์เจ้าสัวแล้วนะเนี้ย
ขอบคุณครับ
สงสัยโดนฤทธิ์เจ้าสัวแล้วนะเนี้ย
ขอบคุณครับ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2455
- ผู้ติดตาม: 1
cpall
โพสต์ที่ 23
จริงๆผมก็ชอบ CPALL แถมได้ยินว่า ดร. ก็ยังถือ
แต่พอเห็น P/E (ตอนนั้น) แล้วซื้อไม่ลงครับ
ตอนหุ้นใหญ่ๆตัวอื่นๆลง CPALL ก็ยังยืนหยัดอยู่ได้
ก็คิดอยู่ในใจว่าเราคิดอะไรผิดหรือเปล่า มันมีอะไรดี ถึง P/E สูงขนาดนี้ยังอยู่ได้
มาถึงตอนนี้รู้สึกโชคดีที่ไม่ทะลึ่งเปลี่ยนตัวไปถือ CPALL
ไม่งั้นลง 2 เด้ง
แต่พอเห็น P/E (ตอนนั้น) แล้วซื้อไม่ลงครับ
ตอนหุ้นใหญ่ๆตัวอื่นๆลง CPALL ก็ยังยืนหยัดอยู่ได้
ก็คิดอยู่ในใจว่าเราคิดอะไรผิดหรือเปล่า มันมีอะไรดี ถึง P/E สูงขนาดนี้ยังอยู่ได้
มาถึงตอนนี้รู้สึกโชคดีที่ไม่ทะลึ่งเปลี่ยนตัวไปถือ CPALL
ไม่งั้นลง 2 เด้ง
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 413
- ผู้ติดตาม: 0
cpall
โพสต์ที่ 24
ทำไมถึงคิดว่าดร.หรือท่านเจ้าสัวขายละครับ...(ระดับนั้นถ้าขายผมว่าขายหมดแถว11บาทนานแล้ว) ขายทุกราคาแบบนี้เหมือนฝรั่งมากกว่านาาา
Even Sir Isaac Newton loss in stock market
"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."
ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่ นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."
ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่ นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 54
- ผู้ติดตาม: 0
cpall
โพสต์ที่ 25
กลุมค้าปลีกอาจไม่ใช่ที่กำบังของนักลงทุนก็ได้หรือไม่? บางสำนักก็ว่ายอดการว่างงานจะเป็น 2 ล้านคนปีหน้า ราคาสินค้าเกษตรก็อยู่ในช่วงขาลง หรือว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่ราคาหุ้นกลุมนี้ปรับตัวลงมา?
ส.อ.ท.เตือนส่งออกปีหน้า เจอศึกหนักแน่ ชี้ 5 กลุ่มเสี่ยง สิ่งทอ เครื่องประดับ อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า เริ่มลดการผลิต-ลดโอที เตรียมจ่อคิวปิดกิจการเพียบ คาดตกงานอีก 7 แสนอัตรา และอาจทะลุถึง 1 ล้านคนในปีหน้า เผยราคาสินค้าเกษตรแนวโน้มจะปรับลดลงต่อเนื่องอีก ได้แก่ ข้าว แป้ง น้ำตาล ยางพารา กระทุ้งก้นรัฐบาลชาย หยุดสร้างภาพการเมือง-เร่งแก้ปัญหาโดยด่วน
วันนี้ ( 27 ต.ค.) นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ตามที่เศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นชะลอตัวลง ทำให้การส่งออกสินค้าไทยปีหน้าจะต้องเผชิญการแข่งขันสูงและรุนแรง โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายนี้เป็นต้นไป ผลพวงจากกำลังซื้อประเทศใหญ่อย่างสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ลดลงมาก ทำให้ทุกประเทศที่ส่งออกสินค้าพยายามแข่งขันด้านราคา เนื่องจากคุณภาพสินค้าเป็นที่ทราบอยู่แล้ว
ดังนั้น ภาครัฐควรเอาใจใส่อย่างจริงจัง และตั้งเป้าหมายไว้ในใจว่าเงินบาทต้องอ่อนค่าลงอาจเป็น 5-10% เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก เพราะหากสินค้าส่งออกได้ก็จะส่งผลดีต่อประเทศ การจะหาตลาดใหม่ไม่ใช่ทำได้ง่ายต้องใช้เวลา ส่วนการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทำเต็มที่แล้ว ขณะที่ภาครัฐควรออกมาประกาศการประกันเงินฝากให้กับประชาชน แม้สถาบันการเงินไทยจะมีความแข็งแกร่งเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น ผู้ฝากเงินสบายใจ
นายธนิต โสรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ในปี 2552 ภาคเอกชนมีความเป็นห่วงในเรื่องปัญหาแรงงานไทยที่จะมีการตกงานเพิ่มขึ้น จากที่มีการประเมินอย่างคร่าวๆ ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. 2552 จะมีแรงงานไทยตกงานประมาณ 6-7 แสนคน เบื้องต้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะส่งผลทำให้แรงงานตกงานเพิ่มขึ้นนั้น ประกอบด้วย อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องประดับ อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า การ์เม็ก เป็นต้น
โดยจากการตรวจสอบข้อมูลทั่วประเทศพบว่าบางอุตสาหกรรรม เช่น เสื้อผ้า ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ เซรามิก ลดกำลังการผลิตลง 20-30% จากปัญหาคำสั่งซื้อที่ลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อการจ้างงานในปีหน้าที่คาดว่าจะลดลง 1 ล้านคน รวมทั้งกระทบแรงงานใหม่ที่จะจบการศึกษาเดือนมีนาคมประมาณ 700,000 คน ทำให้หางานทำยากขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบปัญหาเงินตึงตัวในต่างจังหวัด เนื่องจากธนาคารไม่ยอมปล่อยสินเชื่อให้ภาคธุรกิจที่ไม่มีคำสั่งซื้อ ทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกในปี 2552 จะชะลอตามเศรษฐกิจโลกและปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2552 อาจจะอยู่ที่ 3.8-4% ส่วนปีนี้คาดว่าจะอยู่ 4.5%
"สาเหตุหลักที่ทำให้อุตสาหกรรมดังกล่าวต้องมีการปิดกิจการ เนื่องจากกลุ่มเหล่านี้แหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นนายทุนรายใหญ่ที่จะลงทุนในประเทศไทย หลังจากที่เกิดวิกฤติสถาบันการเงินของประเทศดังกล่าวเกิดไม่มั่นคง รับสถานการณ์ไม่ไหวจำเป็นต้องล้มละลายตัวไป"
ดังนั้นภาพรวมเศรษฐกิจของไทยจะส่งผลกระทบไม่รุนแรงมากนัก แต่จะเห็นภาพที่ชัดเจนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 เชื่อว่าปีหน้าอัตราการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือจีดีพี จะไม่ปรับเพิ่มขึ้นกว่าปี 2551 มากนัก หรืออาจแย่ลงได้ เพราะนับตั้งแต่ 3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้เจอปัญหาหลายอย่าง และมีการรับมือต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง จึงทำให้อัตราการเติบโตของจีดีพีปรับลดลงต่อเนื่อง อยู่ที่ 4.5% ถือว่าอัตราเติบโตไม่ขยับไปมากกว่านี้แล้ว เมื่อเทียบจากภูมิภาคเอเชีย อัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 7%
นายธนิต กล่าวต่อว่า ทิศทางปีหน้า จะมี 3 ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อาทิ 1.ผลกระทบการเงินของโลกที่ชะลอตัวลง 2.สถานการณ์ปัญหาการเมืองที่มีความแตกแยก และไม่มีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนภายในประเทศ 3.ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นต้น ขณะที่ตนเชื่อว่าปัจจัยภายนอกคงไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่เป็นห่วงปัจจัยภายในประเทศมากกว่าที่ลุกลามก่อให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้
ทั้งนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีก 1-2 เรื่องในปีหน้า น่าจะเป็นภาคการท่องเที่ยว มาจากการชะลอตัวการบริโภคของประชาชนเอง และวิกฤติเศรษฐกิจโลกชะลอตัวต่อเนื่อง และจะลุกลามไปแถบยุโรปต่อไป ล่าสุดปริมาณนักท่องเที่ยวทั่วโลกปรับลดลงประมาณ 5-10% แต่เมื่อเทียบของประเทศไทยเองปีนี้ปรับลดลงประมาณ 15-20% ถือได้ว่ายอดต่ำสุดในรอบ 20 ปี และคาดว่าปีหน้าน่าจะปรับลดลงอีกแน่ ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรแนวโน้มจะปรับลดลงต่อเนื่องอีก ได้แก่ ข้าว แป้ง น้ำตาล ยางพารา เป็นต้น ดังนั้นต้องการให้รัฐบาลควรเร่งแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว
สำหรับข้อมูลล่าสุดของตัวเลขจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่ามีผู้ว่างงาน 4.5 แสนคนหรือคิดเป็น 1.2% ของกำลังแรงงานทั่วประเทศ โดยกรุงเทพมหานครมีอัตราการว่างงานสูงสุด 1.9% รองลงมาคือภาคกลาง 1.4% ภาคใต้ 1.2% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1% ภาคเหนือ 0.9% ทั้งนี้ตัวเลขว่างงาน 4.5 แสนคน แบ่งเป็นผู้ที่ไม่เคยทำงานมาก่อน 1.9 แสนคน และเป็นผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 2.6 แสนคน ประกอบด้วยว่างงานจากภาคการบริการ 1.3 แสนคน ภาคการผลิต 9 หมื่นคน และภาคเกษตรกร 4 หมื่นคน
หากแบ่งเป็นระดับการศึกษาพบว่าระดับอุดมศึกษาว่างงานสูงสุด 1.3 แสนคน รองลงมาเป็นผู้มีการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 1.2 แสนคน มัธยมศึกษาตอนต้น 1.1 แสนคน ประถมศึกษา 6 หมื่นคน และผู้ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 3 หมื่นคน
ปัจจุบันผู้มีงานทำมีจำนวน 37.89 ล้านคน แบ่งเป็น ภาคเกษตรกรรม 15.49 ล้านคน และนอกภาคเกษตรกรรม 22.40 ล้านคน ซึ่งเป็นห่วงภาคการผลิตมีจำนวน 5.54 ล้านคน ลดลง 2.9 แสนคน
นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธาน ส.อ.ท. สายงานแรงงาน กล่าวว่า ขณะนี้ทาง ส.อ.ท.กำลังรวบรวมข้อมูลจากสมาชิกว่าแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินครั้งนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งล่าสุดบางอุตสาหกรรมต้องปรับตัวด้วยการให้พนักงานหยุดเสาร์-อาทิตย์ และไม่มีค่าล่วงเวลา (โอที) เหมือนที่ผ่านมา เพื่อให้สอดรับกับการผลิตที่ลดลงไป 50-60% และจะเริ่มเห็นชัดในปีหน้า โดยคาดว่าปีหน้าอาจจะต้องมีการปรับลดจำนวนพนักงานลงไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน จากจำนวนแรงงานที่เป็นสมาชิกทั้งหมด 6-7 ล้านคน และหากตลาดหดตัวหนักและมีผลกระทบต่อการส่งออกที่ลดลงก็น่าเป็นห่วงแรงงานใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาด
"ขณะนี้มีบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่แจ้งการส่งออกขยายตัวลดลงในปี 2552 เช่น กลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และเซรามิกที่ยอดส่งออกลดลงไปแล้ว 50% กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ลดไปแล้ว 80% เมื่อเทียบกับต้นปี คงต้องรอดูว่ายอดส่งออกที่ลดลงจะไปหยุดอยู่ที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่จะได้รับผลกระทบหนัก เพราะขณะนี้เริ่มมีการชะลอการผลิตไปบ้างแล้ว" นายทวีกิจกล่าว
ทั้งนี้ แรงซื้อในช่วงไตรมาส 4 ปกติจะมีมากเพื่อรับเทศกาลปีใหม่ แต่จากการสอบถามห้างสรรพสินค้าต่างๆ พบว่าแรงซื้อช่วงนี้ยังไม่เพิ่มขึ้น โดยยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง แต่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงขณะนี้คาดว่าจะช่วยทำให้แรงซื้อของประชาชนไม่ลดต่ำลงไปมากกว่านี้อีก และยังมีส่วนกดดันให้ราคาสินค้าหลายรายการอาจต้องปรับลดราคาลง รวมถึงมีส่วนทำให้เกิดการแข่งขันกันเพื่อแย่งแรงซื้อที่มีอยู่จำกัด
ก่อนหน้านี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) หน่วยงานในสังกัดองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า วิกฤติการเงินโลกที่เกิดขึ้นจะทำให้มีคนตกงานทั่วโลกเพิ่มขึ้นภายในสิ้นปี 2552 เป็นจำนวนทั้งสิ้นราว 210 ล้านคน นับเป็นอัตราการว่างงานทั่วโลกสูงที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งนี้ อัตราการว่างงานทั่วโลกดังกล่าวเป็นการรวมเอาตัวเลขคนตกงานในขณะนี้จนถึงสิ้นปีหน้า ซึ่งจะมีจำนวนอย่างน้อยกว่า 20 ล้านคน เอาไว้ด้วย ทำให้อัตรารวมการว่างงานทั่วโลกมีอัตราพุ่งสูงกว่าระดับ 200 ล้านคน เป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ
ส.อ.ท.เตือนส่งออกปีหน้า เจอศึกหนักแน่ ชี้ 5 กลุ่มเสี่ยง สิ่งทอ เครื่องประดับ อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า เริ่มลดการผลิต-ลดโอที เตรียมจ่อคิวปิดกิจการเพียบ คาดตกงานอีก 7 แสนอัตรา และอาจทะลุถึง 1 ล้านคนในปีหน้า เผยราคาสินค้าเกษตรแนวโน้มจะปรับลดลงต่อเนื่องอีก ได้แก่ ข้าว แป้ง น้ำตาล ยางพารา กระทุ้งก้นรัฐบาลชาย หยุดสร้างภาพการเมือง-เร่งแก้ปัญหาโดยด่วน
วันนี้ ( 27 ต.ค.) นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ตามที่เศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นชะลอตัวลง ทำให้การส่งออกสินค้าไทยปีหน้าจะต้องเผชิญการแข่งขันสูงและรุนแรง โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายนี้เป็นต้นไป ผลพวงจากกำลังซื้อประเทศใหญ่อย่างสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ลดลงมาก ทำให้ทุกประเทศที่ส่งออกสินค้าพยายามแข่งขันด้านราคา เนื่องจากคุณภาพสินค้าเป็นที่ทราบอยู่แล้ว
ดังนั้น ภาครัฐควรเอาใจใส่อย่างจริงจัง และตั้งเป้าหมายไว้ในใจว่าเงินบาทต้องอ่อนค่าลงอาจเป็น 5-10% เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก เพราะหากสินค้าส่งออกได้ก็จะส่งผลดีต่อประเทศ การจะหาตลาดใหม่ไม่ใช่ทำได้ง่ายต้องใช้เวลา ส่วนการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทำเต็มที่แล้ว ขณะที่ภาครัฐควรออกมาประกาศการประกันเงินฝากให้กับประชาชน แม้สถาบันการเงินไทยจะมีความแข็งแกร่งเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น ผู้ฝากเงินสบายใจ
นายธนิต โสรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ในปี 2552 ภาคเอกชนมีความเป็นห่วงในเรื่องปัญหาแรงงานไทยที่จะมีการตกงานเพิ่มขึ้น จากที่มีการประเมินอย่างคร่าวๆ ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. 2552 จะมีแรงงานไทยตกงานประมาณ 6-7 แสนคน เบื้องต้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะส่งผลทำให้แรงงานตกงานเพิ่มขึ้นนั้น ประกอบด้วย อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องประดับ อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า การ์เม็ก เป็นต้น
โดยจากการตรวจสอบข้อมูลทั่วประเทศพบว่าบางอุตสาหกรรรม เช่น เสื้อผ้า ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ เซรามิก ลดกำลังการผลิตลง 20-30% จากปัญหาคำสั่งซื้อที่ลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อการจ้างงานในปีหน้าที่คาดว่าจะลดลง 1 ล้านคน รวมทั้งกระทบแรงงานใหม่ที่จะจบการศึกษาเดือนมีนาคมประมาณ 700,000 คน ทำให้หางานทำยากขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบปัญหาเงินตึงตัวในต่างจังหวัด เนื่องจากธนาคารไม่ยอมปล่อยสินเชื่อให้ภาคธุรกิจที่ไม่มีคำสั่งซื้อ ทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกในปี 2552 จะชะลอตามเศรษฐกิจโลกและปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2552 อาจจะอยู่ที่ 3.8-4% ส่วนปีนี้คาดว่าจะอยู่ 4.5%
"สาเหตุหลักที่ทำให้อุตสาหกรรมดังกล่าวต้องมีการปิดกิจการ เนื่องจากกลุ่มเหล่านี้แหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นนายทุนรายใหญ่ที่จะลงทุนในประเทศไทย หลังจากที่เกิดวิกฤติสถาบันการเงินของประเทศดังกล่าวเกิดไม่มั่นคง รับสถานการณ์ไม่ไหวจำเป็นต้องล้มละลายตัวไป"
ดังนั้นภาพรวมเศรษฐกิจของไทยจะส่งผลกระทบไม่รุนแรงมากนัก แต่จะเห็นภาพที่ชัดเจนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 เชื่อว่าปีหน้าอัตราการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือจีดีพี จะไม่ปรับเพิ่มขึ้นกว่าปี 2551 มากนัก หรืออาจแย่ลงได้ เพราะนับตั้งแต่ 3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้เจอปัญหาหลายอย่าง และมีการรับมือต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง จึงทำให้อัตราการเติบโตของจีดีพีปรับลดลงต่อเนื่อง อยู่ที่ 4.5% ถือว่าอัตราเติบโตไม่ขยับไปมากกว่านี้แล้ว เมื่อเทียบจากภูมิภาคเอเชีย อัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 7%
นายธนิต กล่าวต่อว่า ทิศทางปีหน้า จะมี 3 ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อาทิ 1.ผลกระทบการเงินของโลกที่ชะลอตัวลง 2.สถานการณ์ปัญหาการเมืองที่มีความแตกแยก และไม่มีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนภายในประเทศ 3.ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นต้น ขณะที่ตนเชื่อว่าปัจจัยภายนอกคงไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่เป็นห่วงปัจจัยภายในประเทศมากกว่าที่ลุกลามก่อให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้
ทั้งนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีก 1-2 เรื่องในปีหน้า น่าจะเป็นภาคการท่องเที่ยว มาจากการชะลอตัวการบริโภคของประชาชนเอง และวิกฤติเศรษฐกิจโลกชะลอตัวต่อเนื่อง และจะลุกลามไปแถบยุโรปต่อไป ล่าสุดปริมาณนักท่องเที่ยวทั่วโลกปรับลดลงประมาณ 5-10% แต่เมื่อเทียบของประเทศไทยเองปีนี้ปรับลดลงประมาณ 15-20% ถือได้ว่ายอดต่ำสุดในรอบ 20 ปี และคาดว่าปีหน้าน่าจะปรับลดลงอีกแน่ ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรแนวโน้มจะปรับลดลงต่อเนื่องอีก ได้แก่ ข้าว แป้ง น้ำตาล ยางพารา เป็นต้น ดังนั้นต้องการให้รัฐบาลควรเร่งแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว
สำหรับข้อมูลล่าสุดของตัวเลขจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่ามีผู้ว่างงาน 4.5 แสนคนหรือคิดเป็น 1.2% ของกำลังแรงงานทั่วประเทศ โดยกรุงเทพมหานครมีอัตราการว่างงานสูงสุด 1.9% รองลงมาคือภาคกลาง 1.4% ภาคใต้ 1.2% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1% ภาคเหนือ 0.9% ทั้งนี้ตัวเลขว่างงาน 4.5 แสนคน แบ่งเป็นผู้ที่ไม่เคยทำงานมาก่อน 1.9 แสนคน และเป็นผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 2.6 แสนคน ประกอบด้วยว่างงานจากภาคการบริการ 1.3 แสนคน ภาคการผลิต 9 หมื่นคน และภาคเกษตรกร 4 หมื่นคน
หากแบ่งเป็นระดับการศึกษาพบว่าระดับอุดมศึกษาว่างงานสูงสุด 1.3 แสนคน รองลงมาเป็นผู้มีการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 1.2 แสนคน มัธยมศึกษาตอนต้น 1.1 แสนคน ประถมศึกษา 6 หมื่นคน และผู้ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 3 หมื่นคน
ปัจจุบันผู้มีงานทำมีจำนวน 37.89 ล้านคน แบ่งเป็น ภาคเกษตรกรรม 15.49 ล้านคน และนอกภาคเกษตรกรรม 22.40 ล้านคน ซึ่งเป็นห่วงภาคการผลิตมีจำนวน 5.54 ล้านคน ลดลง 2.9 แสนคน
นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธาน ส.อ.ท. สายงานแรงงาน กล่าวว่า ขณะนี้ทาง ส.อ.ท.กำลังรวบรวมข้อมูลจากสมาชิกว่าแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินครั้งนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งล่าสุดบางอุตสาหกรรมต้องปรับตัวด้วยการให้พนักงานหยุดเสาร์-อาทิตย์ และไม่มีค่าล่วงเวลา (โอที) เหมือนที่ผ่านมา เพื่อให้สอดรับกับการผลิตที่ลดลงไป 50-60% และจะเริ่มเห็นชัดในปีหน้า โดยคาดว่าปีหน้าอาจจะต้องมีการปรับลดจำนวนพนักงานลงไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน จากจำนวนแรงงานที่เป็นสมาชิกทั้งหมด 6-7 ล้านคน และหากตลาดหดตัวหนักและมีผลกระทบต่อการส่งออกที่ลดลงก็น่าเป็นห่วงแรงงานใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาด
"ขณะนี้มีบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่แจ้งการส่งออกขยายตัวลดลงในปี 2552 เช่น กลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และเซรามิกที่ยอดส่งออกลดลงไปแล้ว 50% กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ลดไปแล้ว 80% เมื่อเทียบกับต้นปี คงต้องรอดูว่ายอดส่งออกที่ลดลงจะไปหยุดอยู่ที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่จะได้รับผลกระทบหนัก เพราะขณะนี้เริ่มมีการชะลอการผลิตไปบ้างแล้ว" นายทวีกิจกล่าว
ทั้งนี้ แรงซื้อในช่วงไตรมาส 4 ปกติจะมีมากเพื่อรับเทศกาลปีใหม่ แต่จากการสอบถามห้างสรรพสินค้าต่างๆ พบว่าแรงซื้อช่วงนี้ยังไม่เพิ่มขึ้น โดยยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง แต่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงขณะนี้คาดว่าจะช่วยทำให้แรงซื้อของประชาชนไม่ลดต่ำลงไปมากกว่านี้อีก และยังมีส่วนกดดันให้ราคาสินค้าหลายรายการอาจต้องปรับลดราคาลง รวมถึงมีส่วนทำให้เกิดการแข่งขันกันเพื่อแย่งแรงซื้อที่มีอยู่จำกัด
ก่อนหน้านี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) หน่วยงานในสังกัดองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า วิกฤติการเงินโลกที่เกิดขึ้นจะทำให้มีคนตกงานทั่วโลกเพิ่มขึ้นภายในสิ้นปี 2552 เป็นจำนวนทั้งสิ้นราว 210 ล้านคน นับเป็นอัตราการว่างงานทั่วโลกสูงที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งนี้ อัตราการว่างงานทั่วโลกดังกล่าวเป็นการรวมเอาตัวเลขคนตกงานในขณะนี้จนถึงสิ้นปีหน้า ซึ่งจะมีจำนวนอย่างน้อยกว่า 20 ล้านคน เอาไว้ด้วย ทำให้อัตรารวมการว่างงานทั่วโลกมีอัตราพุ่งสูงกว่าระดับ 200 ล้านคน เป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ
- Juninho
- Verified User
- โพสต์: 1050
- ผู้ติดตาม: 0
cpall
โพสต์ที่ 26
ระวังนะครับ cpall เริ่มเป็นเป้าหมายในการ short แล้ว
http://www.set.or.th/set/shortsales.do? ... country=TH
แข็งมานาน ยืนตัวตรงมานาน ทั้งที่คนอื่นล้มไปแล้ว พอเริ่มหมดแรงยืนมั่ง
ดูท่าจะมีคนมาคอยรุมกินโต๊ะอีกเยอะ
http://www.set.or.th/set/shortsales.do? ... country=TH
แข็งมานาน ยืนตัวตรงมานาน ทั้งที่คนอื่นล้มไปแล้ว พอเริ่มหมดแรงยืนมั่ง
ดูท่าจะมีคนมาคอยรุมกินโต๊ะอีกเยอะ
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
cpall
โพสต์ที่ 28
จะมาตอบแบบนี้เหมือนกันครับ คิดแล้วก็เหมือนตอนต้มยำกุ้งเลยfrog2 เขียน:ระวังนะครับ cpall เริ่มเป็นเป้าหมายในการ short แล้ว
http://www.set.or.th/set/shortsales.do? ... country=TH
แข็งมานาน ยืนตัวตรงมานาน ทั้งที่คนอื่นล้มไปแล้ว พอเริ่มหมดแรงยืนมั่ง
ดูท่าจะมีคนมาคอยรุมกินโต๊ะอีกเยอะ
ที่ประเทศไทยโดนยำจากทุกสารทิศ
และเป็นเหยื่อเพราะดูดีเกินเหตุ (ในแง่เปรียบเทียบ)
จริง ๆ แล้วมีอะไรซุกอยู่ข้างในเยอะแยะ
ใครจะเข้าระวังนิดนึงแล้วกันครับ
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
cpall
โพสต์ที่ 29
ปิด 7 บาทถ้วน แท่งแดงมิดด้าม ขังทุกคนที่เทรดทั้งวันเลย
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "