บทสัมภาษณ์ Warren Buffett และ Munger
-
- ผู้ติดตาม: 0
บทสัมภาษณ์ Warren Buffett และ Munger
โพสต์ที่ 61
ขอด้วยคนครับ แฮะๆ
[email protected]
[email protected]
-
- ผู้ติดตาม: 0
บทสัมภาษณ์ Warren Buffett และ Munger
โพสต์ที่ 62
ยังไม่ได้ครับ รบกวนส่งใหม่ครับ ขอบคุณครับ
[email protected]
[email protected]
-
- ผู้ติดตาม: 0
บทสัมภาษณ์ Warren Buffett และ Munger
โพสต์ที่ 63
-
- Verified User
- โพสต์: 777
- ผู้ติดตาม: 0
บทสัมภาษณ์ Warren Buffett และ Munger
โพสต์ที่ 64
[email protected]
รบกวนช่วยส่งมาให้อ่านเป็นวิทยาทาน (ภาษาไทย) บ้างครับ....ขอบคุณมาก 8)
รบกวนช่วยส่งมาให้อ่านเป็นวิทยาทาน (ภาษาไทย) บ้างครับ....ขอบคุณมาก 8)
-
- Verified User
- โพสต์: 627
- ผู้ติดตาม: 0
บทสัมภาษณ์ Warren Buffett และ Munger
โพสต์ที่ 65
-
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 61
- ผู้ติดตาม: 0
-
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 107
- ผู้ติดตาม: 0
บทสัมภาษณ์ Warren Buffett และ Munger
โพสต์ที่ 72
แย่งอ. Mon แปลนะครับ ผมแปลจากท้ายมา (บทความเป็นคำถามตอบ อ่านไม่เรียงก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่) มีหน้าประกอบเพื่อเทียบเคียง อันที่ไม่ค่อยแน่ใจจะ้ข้ามไปครับ ผิดตรงไหนก็ท้วงด้วยครับ อ่านแก้ขัด รอฉบับจริงจาก อ.Mon
บทสนทนาระหว่าง Warren Buffett และ Charlie Munger
ถ. = คำถาม
บ. = buffett
ม. = Munger
________________________________________________________หน้า XIV
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณเคยกล่าวว่าผู้จัดการกองทุนมีความความหวังที่สูงเกินจริงกับผลกำไรที่ได้จากตลาด และตัวเลขคาดการณ์ 9-12% มันสูงเกินไปเมื่อเทียบกับตัวเลขการประเมินของคุณที่ 6%
- ขอข้าม -
________________________________________________________หน้า XV
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. ปีที่แล้วมีคนเรียกคุณว่า 'คนหลังเขา' คุณช่วยอธิบายหน่อยสิครับว่าอะไรทำให้คุณไม่เข้าไปอยู่ในสังคม Internet และไม่ยอมลงทุนในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี
บ. ง่ายมาก ไม่มีใครไล่เราออกได้และเราไม่ต้องการเงิน เราไม่ได้ทำงานให้กับใครที่คาดหวังผลกำไรที่จับต้องไม่ได้ในช่วงบูม และผมไม่ได้ทำงานเพื่อรับค่าตอบแทนในการซื้อขายดังนั้นผมจึงไม่ต้องซื้อขายถ้าไม่จำเป็น
(บัฟเฟท์เคยกล่าวว่า "เรารอในสิ่งที่เห็นได้ชัด แต่กลไกลของ Wall Street เคี่ยวเข็นให้เราทำอะไรอยู่ตลอด การมีกิจกรรม(ซื้อขาย-ผู้แปล)เป็นสิ่งที่ Wall Street ต้องการ")
หลายปีที่ผ่านมา เราไม่เข้าใจความสามารถในการแข่งขันจะเป็นอย่างไรในบริษัทเหล่านี้ เทคโนโลยีมีตัวอย่างให้เห็นอยู่มาก มันเหมือนช่วงบูมของที่ดิตที่ Nebraska ในช่วงปี 1970 ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสามเท่า แต่เมื่อความจริงปรากฎ มันทำให้ธนาคารเจ๊งไปหายที่ ที่นี่เราไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับที่ดินและไม่รู้สึกเสียใจอะไรที่ไม่ได้สนใจมัน เราจะไม่สนใจในสิ่งที่คนส่วนใหญ่แห่กันทำ แต่เราสนใจในสิ่งที่เราทำได้ดี และจะไม่เสียเวลาไปกับสิ่งอื่นๆอีก
ม. เราทั้งคู่จะไม่ทำตามในสิ่งที่คนส่วนใหญ่แห่กันทำ จริงๆแล้วเราจะทำตรงข้ามและมีความสงสัยในสิ่งที่คนส่วนใหญ่แห่กันทำด้วยซ้ำ วอเรนมีความรับผิดชอบต่อผู้ลงทุนมาก เขาจะรู้สึกแย่ถ้ามีอะไรร้ายเกิดขึ้นหรือมูลค่าหุ้นลดลง เกิดกับเงินลงของผู้ที่ไว้วางใจเขาตลอดสี่สิบปีที่ผ่านมา มันสำคัญอย่างมากที่ จะคิดเหมือนกับคุณเป็นเจ้าของธุรกิจเพื่อจะทำในสิ่งที่สมเหตุสมผล ความอ่อ่นไหวมีความสำคัญต่อการลงทุนในธุรกิจมากกว่าความฉลาด โชคดีมากที่วอเรนมีทั้งสองอย่าง
(เกี่ยวกับเรื่องนี้ บัฟเฟท์เคยกล่าวว่า "คำแนะนำที่ผมจำไว้อยู่เสมอจาก Ben Graham ที่ Columbia คือ 'เธอไม่อาจถูกหรือผิดเพียงเพราะคนอื่นเห็นด้วยกับเธอ เธอถูกเพราะความจริงได้พิสูจน์แล้วและเหตุผลของเธอนั้นถูกต้อง นั่นเป็นสิ่งเดียวที่บอกได้ว่าเธอถูก'")
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณพูดในการประชุมปีที่แล้วว่าคุณได้ทำผิดพลาดที่ไม่ซื้อหุ้นในกลุ่มธุรกิจยาในปี 1993 เมื่อบริษัทเหล่านี้บูม คุณคิดว่ามันจะเป็นแบบเดียวกันหรือไม่กับหุ้นในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีในปัจจุบัน
ม. ผมคิดว่ามันเป็นคนละแบบ อนาคตของกลุ่มธุรกิจยาคาดการณ์ได้ง่ายกว่ากลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีมาก ทุกบริษัทในกลุ่มธุรกิจยามีผลประกอบการที่ดีและบางบริษัทดีมาก ในขณะที่บริษัทในกลุ่มเทคโลยีไม่เป็นเช่นนั้น กลุ่มธุรกิจยามีผลกำไรต่อทุนสูงกว่าบริษัทในกลุ่มเทคโลยีมาก
________________________________________________________หน้า XVI
บ. การไม่ลงทุนในกลุ่มธุรกิจยาเป็นความผิดพลาดแต่เราไม่คิดเช่นเดียวกันกับบริษัทในกลุ่มเทคโลยี
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณ Munger คุณมีสนใจในเรื่องของบุคคล กรุณาช่วยอธิบายในความผิดพลาดที่คุณทำเร็วๆนี้ และสาเหตุของมัน
ม. ความผิดพลาด ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เป็นผลมาจาก "การละเลยในความผิดพลาด" ซึ่งควรจะเป็น "การยอมรับในความผิดพลาด" ความผิดพลาดต่างๆไม่ได้แสดงออกมาในตัวเลข แต่มันส่งผลสูงในการสูญเสียโอกาส ผู้บริหารส่วนน้อยสนใจในสิ่งที่ตอนเอง "ละเลย" เงินจำนวนมากได้สูญเสียไปจากผลของการ "ละเลย"
===> อ่านตัวอย่างแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ... ใครช่วยอธิบายเพิ่มเติม
ครั้งหนึ่งผมเคยซื้อหุ้นของบริษัท Belleridge Oil 300 หุ้น และทางโบรคได้มีการโทรมาชักชวนให้ผมซื้อเพิ่มอีก 1500 หุ้น เนื่องจากผมไม่มีเงินเหลือ จึงต้องขายบางอย่างออกไป ถ้าเราวิเคราะห์ย้อนกลับไปณ.วันนี้ การตัดสินใจครั้งนั้นมีมูลค่าถึง 200 ล้านเหรียญ ความผิดพลาดใหญ่หลวงคือเมื่อเราเข้าใจในธุรกิจดีแล้วในเวลาต่อมาแต่ไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรกับมัน เราติดดอยทั้งๆที่มันเป็นธุรกิจที่ดี และมันก็ทำให้เราสูญเงินมากมายกับการ "
===>
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. ค่า P/E นั่นก็สำคัญแต่ไม่ได้มีองค์ประกอบของเงินสดและหนี้อยู่ การประเมินคุณค่าต้องมีการปรับเปลี่ยน คุณคิดว่าการมีเงินสดจำนวนมากเป็นการเสียเปล่าหรือไม่
บ. บางเวลาเราก็มีเงินสดมากจนล้นในขณะที่บางเวลาเราก็ขาดมัน เราไม่เคยดูว่าจะต้องมีเงินสดกี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะเหมาะสม การจัดสรรทุนตามที่ Wall Street แนะนำเป็นเรื่องเหลวไหล เราต้องการเงินสดในการลงทุน แต่เราก็ไม่ต้องการเป็นหนี้เช่นกันเพราะค่าใช้จ่ายจะสูงและอันตรายมาก ในปีที่ผ่านมา เรามีเงินสดเพราะการลงทุนเป็นไปได้ยาก แต่คุณจะพบว่าเราไม่สบายใจเมื่อเงินสดเพิ่มสูงขึ้น
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
________________________________________________________หน้า XVII
ถ. ปีที่แล้วคุณได้พูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมูลค่ากับการเติบโต คุณยังคิดว่าทั้งสอง เป็นสิ่งเดียวกันแต่มองคนละมุม
บ. จริงๆแล้วการเติบโตและมูลค่าแยกกันไม่ออก ทั้งสองเป็นส่วนในสมการเดียวกัน และ Wall Street ก็จะพยามยามอย่างผิดๆที่จะตีค่าของหุ้นโดยใช้การเติบโตหรือมูลค่าอย่างใดอย่างหนึ่ง การเติบโตมีผลบวกต่อมูลค่า คุณมีธุรกิจที่มีมูลค่าดีก็เพราะมันมีโอกาสที่จะเติบโตสูง ในขณะที่คุณเพิ่มทุน(มูลค่า)เข้าไปในธุกิจคุณจะได้ผลตอบแทน(เติบโต)ที่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น บ.Flight Safety จะลงทุนเงิน 200 ล้านใน simulators ซึ่งมีค่าเสื่อม 70 ล้าน ดังนั้นบริษัทจึงมีภาระอยู่อีก 130 ล้านที่ต้องทำให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่ามาตราฐาน เราคิดว่านั่นจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันโอกาสในเติบโตก็เป็นสิ่งเลวร้ายได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่นอุตสาหกรรมการบิน บ.Huge ได้มีการเติบโตติดต่อกันหลายปี ซึ่งเป็นผลดีต่อคนทั่วไป แต่เป็นผลเสียกับบริษัท (เมื่อบ.เติบโตมาก การลงทุนมากขึ้น และส่งผลร้ายในเวลาต่อมา เนื่องจากขนาดที่ใหญ่เกินจำเป็น - ผู้แปล) เมื่อเทียบกับ บ.See's Candy มีธุรกิจที่ไปได้สวย มีการเติบโตที่สม่ำเสมอ โดยที่ไม่ได้ใช้ทุนเพิ่ม
ม. Berkshire มีพนักงานหยิบมือที่สำนักงานใหญ่ ดังนั้นเราจึงได้ลงทุนเงินจำนวนมากในบริษัทที่ดีเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องใช้ความสามารถอีก เรามองหาธุรกิจดีๆในราคาที่เหมาะสม นั่นแหละคือการลงทุนที่งอกเงย (growth investing) จริงๆ
บ. ถูกต้อง i cringe when i hear people say they're moving from being 'a value investor' to 'a growth investor'
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Internet และ บริษัทที่ขายผ่านเน็ต อย่างไร
บ. สำหรับร้านขายทั่วไปมองการขายผ่านเน็ตเป็นคู่แข่งมาขึ้นกว่าแต่ก่อน ตัวอย่างเช่น การขายเครื่องประดับและเครื่องแต่งบ้านทางเน็ตได้เพิ่มสูงขึ้นมากแต่แล้วก็ตายจากไป มันเป็นการยากสำหรับเราที่จะเห็นโอกาสในการใช้เน็ตกับบ.Berkshire อย่างไรก็ตาม ระบบขายทางเน็ตของบ.See's Candy ทำให้ยอดขายโตขึ้น 40% ในปี นี้ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วมาก แต่มันก็เป็นตัวๆไป เราไม่สามารถคาดหวังได้ว่าการยกบริษัทขึ้นเน็ตแล้วจะได้รับความสำเร็จเสมอไป ธุรกิจบนเน็ตได้สร้างความหวังในการทำเงินกับคนมากมาย ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีบริษัทใดร่ำรวยได้จากการขายผ่านเน็ต ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผลงานของผู้สนับสนุน(promoter)และคนกลาง(intermediaries)มากกว่า
________________________________________________________หน้า XIX
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. วิธีการลงทุนของคุณมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อ 30 ปีที่แล้ว คุณเปลี่ยนจากการซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าพื้นฐานในอดีต มาเป็นการซื้อบริษัทที่ยอดเยี่ยม คุณคิดว่าคุณจะลงทุนต่างไปหรือไม่ถ้ามีเงินทุนน้อยกว่านี้
บ. เมื่อ 30 ปีที่แล้วผมรับผิดชอบเงินลงทุนที่น้อยกว่านี้มาก และหุ้นที่น่าสนใจก็มีมากในอดีต นั่นเป็นสิ่งที่แตกต่าง ผมไม่มีปัญหากับการลงทุนเป็นก้อนเล็กๆ แต่เมื่อคุณมีเงินลงทุนเป็นหลายล้านเหรียญ ผลตอบแทนที่ได้จะต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ผลตอบแทนที่ผมทำได้ระหว่างปี 1958-1969 โดยรวมประมาณ 26% (ดีที่สุดของผม) อย่างไรก็ตามในระหว่างปี 1950-1960 ผมมีได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 50% ซึ่งสูงกว่า DOW 37 จุด
(ในระหว่างปี 1950-1960 บัฟเฟท์ได้ลงทุนเป็นก้อนเล็กๆ บางครั้งเพียงแค่ 10000 เหรียญต่อการลงทุน)
ปัจจุบัน คุณควรมองถึงการซื้อบริษัทที่มีราคาต่ำกว่า discounted future cash flows มากๆ อย่าได้ไปสนใจค่าอื่นๆ แต่การทำเงินจำนวนมากใน Wall Street ขณะนี้ไม่ใช่เกิดจากบริษัทที่มีผลประกอบการดี แต่เป็นบริษัทที่ได้รับการเชียร์ที่ดี เป็นที่น่าประหลาดใจมากที่เห็นคนยอมโยนเงินเข้าไปในตลาดกระทิง
--> อะไรคือ discounted future cash flows
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. ช่วยให้ความเห็นในเรื่องของมาตราฐานทางบัญชีเของบริษัทที่มีการพิจาณาการแจกสิทธิในการซื้อหุ้น(stock options)
ม. เราไม่ชอบระบบบัญชีของบริษัทที่การแจกสิทธิในการซื้อหุ้น มันเป็นการทุจริต ทางเดียวที่จะเปลี่ยนถ้ามี 15 หรือ 20 สถาบันพร้อมใจกันต่อต้าน แต่พวกเขาได้รับเงินนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นมันยังคงจะมีอยู่ต่อไป
(ในการประชุมปี 1998 บัฟเฟท์กล่าวว่า "ให้ระวังบริษัทที่มีการแจกสิทธิในการซื้อหุ้นจำนวนมากในแต่ละปี มันสามารถทำให้ตัวเลขผลกำไรเกินจริง
ไปปีละ 10% ผลกำไรของบริษัทที่แจกสิทธิในการซื้อหุ้นทุกปีจะแย่กว่าบริษัทที่ไม่ได้แจกและมีการซื้อหุ้นคืนที่ราคาที่เหมาะสม ผมเกลียดที่เห็นบริษัทที่แจกสิทธิในการซื้อหุ้นในราคาถูกให้กับผู้บริหารแล้วทำการซื้อหุ้นคืน มันเป็นการขายถูกซื้อแพงดีๆนี่เอง" เรา(ผู้ลงทุน)เห็นด้วยกับความคิดนี้ และเรารักผู้บริหารของเราที่มีความสนใจตรงกับเรา เราคิดว่าการให้สิทธิในการซื้อหุ้นฟรีๆในราคาซื้อที่ไม่ถูกมากนัก ก็ยังไม่ใช่ทางเลือกที่ดี)
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คำถามเกี่ยวกับ Gillette คุณคิดว่าเป้าหมายของการเติบโตของผลกำไรที่มากกว่า 15% ต่อปีนั้นเป็นไปได้หรือไม่
บ. ผมคิดว่ามันเป็นความผิดพลาดที่จะคาดหมายการเติบโตที่มากกว่า 15% ต่อปี โดยเฉพาะกับบริษัทขนาดใหญ่ น้อยบริษัท(ขนาดใหญ่)นักที่จะมีการเติบโตได้ขนาดนั้นยกเว้นถ้า GDP มีการเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อที่จะได้ตัวเลขการเติบโตขนาดนั้นหลายบริษัทได้หย่อนในหลักของบัญชีและในด้านอื่นๆ
________________________________________________________หน้า XXI
(Gillette - ต่อ)
ม. เราเห็นการคาดหมายที่มากกว่านี้ มันเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์ต้องการได้ยิน
บ. ผมเคยแสดงตัวอย่างให้ดู ถ้าคุณมีบริษัทที่มีมูลค่าทางตลาด 5 แสนล้านเหรียญ และคุณต้องการ การเติบโต 15% คุณต้องหาเงินเพิ่ม 75 พันล้านเหรียญในปีแรก และถ้าคุณพลาดในปีแรกคุณจะต้องหาเงินเพิ่ม 86.25 พันล้านในปีที่สอง(เพื่อชดเชยปีแรก) และ 100 พันล้านในปีที่สาม ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่เป็นไปได้ยาก (ความเห็นคล้ายกันนี้ Warren ได้ให้กับการประเมินมูลค่าของบริษัท CISCO ในปีที่แล้ว)
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. ROE ของบริษัทในอเมริกาค่อนข้างสูง คุณคิดว่ามันถูกต้องหรือไม่
บ. เป็นความจริงที่ว่าเรามีผลกำไรที่สูงกว่าประเทศอื่น และมันไม่ใช่แค่เป็นการเล่นตัวเลขทางบัญชี อเมริกาใช้ระบบทำดีได้ดี คนดีๆได้รับตำแหน่งที่ดีในบริษัท ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทและเศรษฐกิจที่หลายประเทศไม่มี การซื้อหุ้นคืนก็มีส่วนช่วย อย่างไรก็ตาม คุณควรจะระวังในความแตกต่างระหว่าง ROE ก่อนและหลัง "special charges" ที่รายงานโดยบริษัท S&P
--> อะไรคือ "special charges" ?
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. ผมสงสัยเมื่อเห็นคุณขาย Freddie MAC and Fannie MAE ที่คุณถือมายาวนาน กรุณาอธิบายเหตุผลของการขายด้วยครับ
บ. การดำเนินงานในบางแง่ของบริษัททำให้เราไม่พอใจนัก ความเสี่ยงเริ่มเปลี่ยนไป เราค่อนข้างให้ความสำคัญกับฐานะทางการเงินของบริษัทที่ลงทุน พวกคุณมักจะเห็นปัญหาทางการเงินกันค่อนข้างช้า
-> หุ้นอะไรคือ Freddie MAC and Fannie MAE ?
-> ปัญหาการเงินอะไรหนอ ?
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณคิดอย่างไรกับ porter model of busineess? คุณคิดว่าเหมือนกับความคิดของคุณหรือไม่? ในระบบเศรษฐกิจที่ซับซ้อน จะเป็นการยากหรือไม่ที่จะหา "คูคลองป้อมค่าย - moat"
บ. เราแค่พูดว่าเราพยามหาคูคลองป้อมค่าย ในขณะที่เขาเขียนหนังสือหนึ่งเล่มเกี่ยวกับมัน จริงๆแล้วความคิดก็คล้ายๆกัน คุณต้องแน่ใจในความคงทนและความกว้างของคูคลองป้อมค่าย และมันจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักใน 30 ปีที่ผ่านมา
ม. ในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มันเป็นการยากที่จะประเมินค่าด้วยคูคลองป้อมค่าย และจะยากยิ่งขั้นเมื่อคูคลองป้อมค่ายเก่าๆได้ถูกแทนที่
________________________________________________________หน้า XXII
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณคิดอย่างไรกับหุ้นที่มีการสภาะคล่อง
บ. ผมคิดว่าการใช้สภาพคล่องของหุ้นเป็นเครื่องวัดความเสี่ยงเป็นสิ่งที่เหลวไหล คุณควรจะพยายามศึกษาให้เข้าใจในธุรกิจ และสภาพคล่องในธุรกิจนั้น ความเสี่ยงควรจะวัดโดยใช้คุณภาพของธุรกิจและความเสี่ยงของการสูญเสียเงินทุนอย่างถาวร มันดูเข้าท่ามากกว่ามานั่งสนใจสภาพคล่องของหุ้น ดังนั้นถ้าใครมาพูดถึงค่า beta กับคุณละก้อ กอดกระเป๋าคุณไว้แน่นๆเลย
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. Does the concept of cost of capital make sense?
- ขอข้าม
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณจะบอกได้เมื่อไหร่ว่าคุณมีได้มีความคิดเยี่ยมยอดแล้ว
บ. ความคิดที่เยี่ยมยอด? ที่ผ่านมาผมมีแค่ 15-20 ความคิดที่เยี่ยมยอด ราวๆปีละหน
ม. กุญแจที่ไปสู่ความคิดที่เยี่ยมยอดเกิดขึ้นในยามที่คุณคิดไม่ถึง โอกาสจะเป็นของคนที่เตรียมพร้อม คุณต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา สิ่งที่เราเรียนรู้เมื่อ 40 ปีก่อนยังคงแจ่มชัดสำหรับเราในวันนี้
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณคิดอย่างไรกับการเล่นสั้น (short-sell)
บ. การเล่นสั้นน่าสนใจอย่างยิ่ง มันทำลายคนจำนวนไม่น้อย คุณจะเห็นหุ้นที่ราคาสูงกว่าพื้นฐาน มากกว่าหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าพื้นฐานในสัดส่วนที่สูงมาก มันเป็นเรื่องที่ยากและคุณสามารถขาดทุนได้ไม่จำกัด และต้องจังหวะเวลาที่ถูกต้อง (บัฟเฟท์ ได้เล่าเรื่องของ Robert Wilson ในการเล่นสั้นในช่วงปี 1970 และขาดทุนจำนวนมาก)
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. ขอให้คุณช่วยอธิบายแผนการในอนาคตสำหรับคนที่รับช่วงต่อจากคุณ
บ. ผมเขียนคำสั่งไว้ในจดหมาย คำสั่งแรกคือ ให้กลับไปตรวจชีพจรของผมอีกครั้งให้แน่ใจ ผมเลือกคนสองคนเพื่อสานต่องานด้านการบริหารและการลงทุนในหลักทรัพย์ แต่สิ่งต่างๆอาจเปลี่ยนแปลงไปใน 10-15 ปีข้างหน้า เราต้องรักษาวัฒนธรรมที่เราสร้างไว้คือเราจะต้องมีทรัพย์สินที่สามารถดูแลตัวมันเองได้
บทสนทนาระหว่าง Warren Buffett และ Charlie Munger
ถ. = คำถาม
บ. = buffett
ม. = Munger
________________________________________________________หน้า XIV
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณเคยกล่าวว่าผู้จัดการกองทุนมีความความหวังที่สูงเกินจริงกับผลกำไรที่ได้จากตลาด และตัวเลขคาดการณ์ 9-12% มันสูงเกินไปเมื่อเทียบกับตัวเลขการประเมินของคุณที่ 6%
- ขอข้าม -
________________________________________________________หน้า XV
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. ปีที่แล้วมีคนเรียกคุณว่า 'คนหลังเขา' คุณช่วยอธิบายหน่อยสิครับว่าอะไรทำให้คุณไม่เข้าไปอยู่ในสังคม Internet และไม่ยอมลงทุนในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี
บ. ง่ายมาก ไม่มีใครไล่เราออกได้และเราไม่ต้องการเงิน เราไม่ได้ทำงานให้กับใครที่คาดหวังผลกำไรที่จับต้องไม่ได้ในช่วงบูม และผมไม่ได้ทำงานเพื่อรับค่าตอบแทนในการซื้อขายดังนั้นผมจึงไม่ต้องซื้อขายถ้าไม่จำเป็น
(บัฟเฟท์เคยกล่าวว่า "เรารอในสิ่งที่เห็นได้ชัด แต่กลไกลของ Wall Street เคี่ยวเข็นให้เราทำอะไรอยู่ตลอด การมีกิจกรรม(ซื้อขาย-ผู้แปล)เป็นสิ่งที่ Wall Street ต้องการ")
หลายปีที่ผ่านมา เราไม่เข้าใจความสามารถในการแข่งขันจะเป็นอย่างไรในบริษัทเหล่านี้ เทคโนโลยีมีตัวอย่างให้เห็นอยู่มาก มันเหมือนช่วงบูมของที่ดิตที่ Nebraska ในช่วงปี 1970 ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสามเท่า แต่เมื่อความจริงปรากฎ มันทำให้ธนาคารเจ๊งไปหายที่ ที่นี่เราไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับที่ดินและไม่รู้สึกเสียใจอะไรที่ไม่ได้สนใจมัน เราจะไม่สนใจในสิ่งที่คนส่วนใหญ่แห่กันทำ แต่เราสนใจในสิ่งที่เราทำได้ดี และจะไม่เสียเวลาไปกับสิ่งอื่นๆอีก
ม. เราทั้งคู่จะไม่ทำตามในสิ่งที่คนส่วนใหญ่แห่กันทำ จริงๆแล้วเราจะทำตรงข้ามและมีความสงสัยในสิ่งที่คนส่วนใหญ่แห่กันทำด้วยซ้ำ วอเรนมีความรับผิดชอบต่อผู้ลงทุนมาก เขาจะรู้สึกแย่ถ้ามีอะไรร้ายเกิดขึ้นหรือมูลค่าหุ้นลดลง เกิดกับเงินลงของผู้ที่ไว้วางใจเขาตลอดสี่สิบปีที่ผ่านมา มันสำคัญอย่างมากที่ จะคิดเหมือนกับคุณเป็นเจ้าของธุรกิจเพื่อจะทำในสิ่งที่สมเหตุสมผล ความอ่อ่นไหวมีความสำคัญต่อการลงทุนในธุรกิจมากกว่าความฉลาด โชคดีมากที่วอเรนมีทั้งสองอย่าง
(เกี่ยวกับเรื่องนี้ บัฟเฟท์เคยกล่าวว่า "คำแนะนำที่ผมจำไว้อยู่เสมอจาก Ben Graham ที่ Columbia คือ 'เธอไม่อาจถูกหรือผิดเพียงเพราะคนอื่นเห็นด้วยกับเธอ เธอถูกเพราะความจริงได้พิสูจน์แล้วและเหตุผลของเธอนั้นถูกต้อง นั่นเป็นสิ่งเดียวที่บอกได้ว่าเธอถูก'")
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณพูดในการประชุมปีที่แล้วว่าคุณได้ทำผิดพลาดที่ไม่ซื้อหุ้นในกลุ่มธุรกิจยาในปี 1993 เมื่อบริษัทเหล่านี้บูม คุณคิดว่ามันจะเป็นแบบเดียวกันหรือไม่กับหุ้นในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีในปัจจุบัน
ม. ผมคิดว่ามันเป็นคนละแบบ อนาคตของกลุ่มธุรกิจยาคาดการณ์ได้ง่ายกว่ากลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีมาก ทุกบริษัทในกลุ่มธุรกิจยามีผลประกอบการที่ดีและบางบริษัทดีมาก ในขณะที่บริษัทในกลุ่มเทคโลยีไม่เป็นเช่นนั้น กลุ่มธุรกิจยามีผลกำไรต่อทุนสูงกว่าบริษัทในกลุ่มเทคโลยีมาก
________________________________________________________หน้า XVI
บ. การไม่ลงทุนในกลุ่มธุรกิจยาเป็นความผิดพลาดแต่เราไม่คิดเช่นเดียวกันกับบริษัทในกลุ่มเทคโลยี
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณ Munger คุณมีสนใจในเรื่องของบุคคล กรุณาช่วยอธิบายในความผิดพลาดที่คุณทำเร็วๆนี้ และสาเหตุของมัน
ม. ความผิดพลาด ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เป็นผลมาจาก "การละเลยในความผิดพลาด" ซึ่งควรจะเป็น "การยอมรับในความผิดพลาด" ความผิดพลาดต่างๆไม่ได้แสดงออกมาในตัวเลข แต่มันส่งผลสูงในการสูญเสียโอกาส ผู้บริหารส่วนน้อยสนใจในสิ่งที่ตอนเอง "ละเลย" เงินจำนวนมากได้สูญเสียไปจากผลของการ "ละเลย"
===> อ่านตัวอย่างแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ... ใครช่วยอธิบายเพิ่มเติม
ครั้งหนึ่งผมเคยซื้อหุ้นของบริษัท Belleridge Oil 300 หุ้น และทางโบรคได้มีการโทรมาชักชวนให้ผมซื้อเพิ่มอีก 1500 หุ้น เนื่องจากผมไม่มีเงินเหลือ จึงต้องขายบางอย่างออกไป ถ้าเราวิเคราะห์ย้อนกลับไปณ.วันนี้ การตัดสินใจครั้งนั้นมีมูลค่าถึง 200 ล้านเหรียญ ความผิดพลาดใหญ่หลวงคือเมื่อเราเข้าใจในธุรกิจดีแล้วในเวลาต่อมาแต่ไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรกับมัน เราติดดอยทั้งๆที่มันเป็นธุรกิจที่ดี และมันก็ทำให้เราสูญเงินมากมายกับการ "
===>
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. ค่า P/E นั่นก็สำคัญแต่ไม่ได้มีองค์ประกอบของเงินสดและหนี้อยู่ การประเมินคุณค่าต้องมีการปรับเปลี่ยน คุณคิดว่าการมีเงินสดจำนวนมากเป็นการเสียเปล่าหรือไม่
บ. บางเวลาเราก็มีเงินสดมากจนล้นในขณะที่บางเวลาเราก็ขาดมัน เราไม่เคยดูว่าจะต้องมีเงินสดกี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะเหมาะสม การจัดสรรทุนตามที่ Wall Street แนะนำเป็นเรื่องเหลวไหล เราต้องการเงินสดในการลงทุน แต่เราก็ไม่ต้องการเป็นหนี้เช่นกันเพราะค่าใช้จ่ายจะสูงและอันตรายมาก ในปีที่ผ่านมา เรามีเงินสดเพราะการลงทุนเป็นไปได้ยาก แต่คุณจะพบว่าเราไม่สบายใจเมื่อเงินสดเพิ่มสูงขึ้น
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
________________________________________________________หน้า XVII
ถ. ปีที่แล้วคุณได้พูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมูลค่ากับการเติบโต คุณยังคิดว่าทั้งสอง เป็นสิ่งเดียวกันแต่มองคนละมุม
บ. จริงๆแล้วการเติบโตและมูลค่าแยกกันไม่ออก ทั้งสองเป็นส่วนในสมการเดียวกัน และ Wall Street ก็จะพยามยามอย่างผิดๆที่จะตีค่าของหุ้นโดยใช้การเติบโตหรือมูลค่าอย่างใดอย่างหนึ่ง การเติบโตมีผลบวกต่อมูลค่า คุณมีธุรกิจที่มีมูลค่าดีก็เพราะมันมีโอกาสที่จะเติบโตสูง ในขณะที่คุณเพิ่มทุน(มูลค่า)เข้าไปในธุกิจคุณจะได้ผลตอบแทน(เติบโต)ที่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น บ.Flight Safety จะลงทุนเงิน 200 ล้านใน simulators ซึ่งมีค่าเสื่อม 70 ล้าน ดังนั้นบริษัทจึงมีภาระอยู่อีก 130 ล้านที่ต้องทำให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่ามาตราฐาน เราคิดว่านั่นจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันโอกาสในเติบโตก็เป็นสิ่งเลวร้ายได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่นอุตสาหกรรมการบิน บ.Huge ได้มีการเติบโตติดต่อกันหลายปี ซึ่งเป็นผลดีต่อคนทั่วไป แต่เป็นผลเสียกับบริษัท (เมื่อบ.เติบโตมาก การลงทุนมากขึ้น และส่งผลร้ายในเวลาต่อมา เนื่องจากขนาดที่ใหญ่เกินจำเป็น - ผู้แปล) เมื่อเทียบกับ บ.See's Candy มีธุรกิจที่ไปได้สวย มีการเติบโตที่สม่ำเสมอ โดยที่ไม่ได้ใช้ทุนเพิ่ม
ม. Berkshire มีพนักงานหยิบมือที่สำนักงานใหญ่ ดังนั้นเราจึงได้ลงทุนเงินจำนวนมากในบริษัทที่ดีเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องใช้ความสามารถอีก เรามองหาธุรกิจดีๆในราคาที่เหมาะสม นั่นแหละคือการลงทุนที่งอกเงย (growth investing) จริงๆ
บ. ถูกต้อง i cringe when i hear people say they're moving from being 'a value investor' to 'a growth investor'
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Internet และ บริษัทที่ขายผ่านเน็ต อย่างไร
บ. สำหรับร้านขายทั่วไปมองการขายผ่านเน็ตเป็นคู่แข่งมาขึ้นกว่าแต่ก่อน ตัวอย่างเช่น การขายเครื่องประดับและเครื่องแต่งบ้านทางเน็ตได้เพิ่มสูงขึ้นมากแต่แล้วก็ตายจากไป มันเป็นการยากสำหรับเราที่จะเห็นโอกาสในการใช้เน็ตกับบ.Berkshire อย่างไรก็ตาม ระบบขายทางเน็ตของบ.See's Candy ทำให้ยอดขายโตขึ้น 40% ในปี นี้ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วมาก แต่มันก็เป็นตัวๆไป เราไม่สามารถคาดหวังได้ว่าการยกบริษัทขึ้นเน็ตแล้วจะได้รับความสำเร็จเสมอไป ธุรกิจบนเน็ตได้สร้างความหวังในการทำเงินกับคนมากมาย ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีบริษัทใดร่ำรวยได้จากการขายผ่านเน็ต ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผลงานของผู้สนับสนุน(promoter)และคนกลาง(intermediaries)มากกว่า
________________________________________________________หน้า XIX
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. วิธีการลงทุนของคุณมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อ 30 ปีที่แล้ว คุณเปลี่ยนจากการซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าพื้นฐานในอดีต มาเป็นการซื้อบริษัทที่ยอดเยี่ยม คุณคิดว่าคุณจะลงทุนต่างไปหรือไม่ถ้ามีเงินทุนน้อยกว่านี้
บ. เมื่อ 30 ปีที่แล้วผมรับผิดชอบเงินลงทุนที่น้อยกว่านี้มาก และหุ้นที่น่าสนใจก็มีมากในอดีต นั่นเป็นสิ่งที่แตกต่าง ผมไม่มีปัญหากับการลงทุนเป็นก้อนเล็กๆ แต่เมื่อคุณมีเงินลงทุนเป็นหลายล้านเหรียญ ผลตอบแทนที่ได้จะต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ผลตอบแทนที่ผมทำได้ระหว่างปี 1958-1969 โดยรวมประมาณ 26% (ดีที่สุดของผม) อย่างไรก็ตามในระหว่างปี 1950-1960 ผมมีได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 50% ซึ่งสูงกว่า DOW 37 จุด
(ในระหว่างปี 1950-1960 บัฟเฟท์ได้ลงทุนเป็นก้อนเล็กๆ บางครั้งเพียงแค่ 10000 เหรียญต่อการลงทุน)
ปัจจุบัน คุณควรมองถึงการซื้อบริษัทที่มีราคาต่ำกว่า discounted future cash flows มากๆ อย่าได้ไปสนใจค่าอื่นๆ แต่การทำเงินจำนวนมากใน Wall Street ขณะนี้ไม่ใช่เกิดจากบริษัทที่มีผลประกอบการดี แต่เป็นบริษัทที่ได้รับการเชียร์ที่ดี เป็นที่น่าประหลาดใจมากที่เห็นคนยอมโยนเงินเข้าไปในตลาดกระทิง
--> อะไรคือ discounted future cash flows
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. ช่วยให้ความเห็นในเรื่องของมาตราฐานทางบัญชีเของบริษัทที่มีการพิจาณาการแจกสิทธิในการซื้อหุ้น(stock options)
ม. เราไม่ชอบระบบบัญชีของบริษัทที่การแจกสิทธิในการซื้อหุ้น มันเป็นการทุจริต ทางเดียวที่จะเปลี่ยนถ้ามี 15 หรือ 20 สถาบันพร้อมใจกันต่อต้าน แต่พวกเขาได้รับเงินนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นมันยังคงจะมีอยู่ต่อไป
(ในการประชุมปี 1998 บัฟเฟท์กล่าวว่า "ให้ระวังบริษัทที่มีการแจกสิทธิในการซื้อหุ้นจำนวนมากในแต่ละปี มันสามารถทำให้ตัวเลขผลกำไรเกินจริง
ไปปีละ 10% ผลกำไรของบริษัทที่แจกสิทธิในการซื้อหุ้นทุกปีจะแย่กว่าบริษัทที่ไม่ได้แจกและมีการซื้อหุ้นคืนที่ราคาที่เหมาะสม ผมเกลียดที่เห็นบริษัทที่แจกสิทธิในการซื้อหุ้นในราคาถูกให้กับผู้บริหารแล้วทำการซื้อหุ้นคืน มันเป็นการขายถูกซื้อแพงดีๆนี่เอง" เรา(ผู้ลงทุน)เห็นด้วยกับความคิดนี้ และเรารักผู้บริหารของเราที่มีความสนใจตรงกับเรา เราคิดว่าการให้สิทธิในการซื้อหุ้นฟรีๆในราคาซื้อที่ไม่ถูกมากนัก ก็ยังไม่ใช่ทางเลือกที่ดี)
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คำถามเกี่ยวกับ Gillette คุณคิดว่าเป้าหมายของการเติบโตของผลกำไรที่มากกว่า 15% ต่อปีนั้นเป็นไปได้หรือไม่
บ. ผมคิดว่ามันเป็นความผิดพลาดที่จะคาดหมายการเติบโตที่มากกว่า 15% ต่อปี โดยเฉพาะกับบริษัทขนาดใหญ่ น้อยบริษัท(ขนาดใหญ่)นักที่จะมีการเติบโตได้ขนาดนั้นยกเว้นถ้า GDP มีการเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อที่จะได้ตัวเลขการเติบโตขนาดนั้นหลายบริษัทได้หย่อนในหลักของบัญชีและในด้านอื่นๆ
________________________________________________________หน้า XXI
(Gillette - ต่อ)
ม. เราเห็นการคาดหมายที่มากกว่านี้ มันเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์ต้องการได้ยิน
บ. ผมเคยแสดงตัวอย่างให้ดู ถ้าคุณมีบริษัทที่มีมูลค่าทางตลาด 5 แสนล้านเหรียญ และคุณต้องการ การเติบโต 15% คุณต้องหาเงินเพิ่ม 75 พันล้านเหรียญในปีแรก และถ้าคุณพลาดในปีแรกคุณจะต้องหาเงินเพิ่ม 86.25 พันล้านในปีที่สอง(เพื่อชดเชยปีแรก) และ 100 พันล้านในปีที่สาม ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่เป็นไปได้ยาก (ความเห็นคล้ายกันนี้ Warren ได้ให้กับการประเมินมูลค่าของบริษัท CISCO ในปีที่แล้ว)
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. ROE ของบริษัทในอเมริกาค่อนข้างสูง คุณคิดว่ามันถูกต้องหรือไม่
บ. เป็นความจริงที่ว่าเรามีผลกำไรที่สูงกว่าประเทศอื่น และมันไม่ใช่แค่เป็นการเล่นตัวเลขทางบัญชี อเมริกาใช้ระบบทำดีได้ดี คนดีๆได้รับตำแหน่งที่ดีในบริษัท ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทและเศรษฐกิจที่หลายประเทศไม่มี การซื้อหุ้นคืนก็มีส่วนช่วย อย่างไรก็ตาม คุณควรจะระวังในความแตกต่างระหว่าง ROE ก่อนและหลัง "special charges" ที่รายงานโดยบริษัท S&P
--> อะไรคือ "special charges" ?
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. ผมสงสัยเมื่อเห็นคุณขาย Freddie MAC and Fannie MAE ที่คุณถือมายาวนาน กรุณาอธิบายเหตุผลของการขายด้วยครับ
บ. การดำเนินงานในบางแง่ของบริษัททำให้เราไม่พอใจนัก ความเสี่ยงเริ่มเปลี่ยนไป เราค่อนข้างให้ความสำคัญกับฐานะทางการเงินของบริษัทที่ลงทุน พวกคุณมักจะเห็นปัญหาทางการเงินกันค่อนข้างช้า
-> หุ้นอะไรคือ Freddie MAC and Fannie MAE ?
-> ปัญหาการเงินอะไรหนอ ?
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณคิดอย่างไรกับ porter model of busineess? คุณคิดว่าเหมือนกับความคิดของคุณหรือไม่? ในระบบเศรษฐกิจที่ซับซ้อน จะเป็นการยากหรือไม่ที่จะหา "คูคลองป้อมค่าย - moat"
บ. เราแค่พูดว่าเราพยามหาคูคลองป้อมค่าย ในขณะที่เขาเขียนหนังสือหนึ่งเล่มเกี่ยวกับมัน จริงๆแล้วความคิดก็คล้ายๆกัน คุณต้องแน่ใจในความคงทนและความกว้างของคูคลองป้อมค่าย และมันจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักใน 30 ปีที่ผ่านมา
ม. ในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มันเป็นการยากที่จะประเมินค่าด้วยคูคลองป้อมค่าย และจะยากยิ่งขั้นเมื่อคูคลองป้อมค่ายเก่าๆได้ถูกแทนที่
________________________________________________________หน้า XXII
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณคิดอย่างไรกับหุ้นที่มีการสภาะคล่อง
บ. ผมคิดว่าการใช้สภาพคล่องของหุ้นเป็นเครื่องวัดความเสี่ยงเป็นสิ่งที่เหลวไหล คุณควรจะพยายามศึกษาให้เข้าใจในธุรกิจ และสภาพคล่องในธุรกิจนั้น ความเสี่ยงควรจะวัดโดยใช้คุณภาพของธุรกิจและความเสี่ยงของการสูญเสียเงินทุนอย่างถาวร มันดูเข้าท่ามากกว่ามานั่งสนใจสภาพคล่องของหุ้น ดังนั้นถ้าใครมาพูดถึงค่า beta กับคุณละก้อ กอดกระเป๋าคุณไว้แน่นๆเลย
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. Does the concept of cost of capital make sense?
- ขอข้าม
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณจะบอกได้เมื่อไหร่ว่าคุณมีได้มีความคิดเยี่ยมยอดแล้ว
บ. ความคิดที่เยี่ยมยอด? ที่ผ่านมาผมมีแค่ 15-20 ความคิดที่เยี่ยมยอด ราวๆปีละหน
ม. กุญแจที่ไปสู่ความคิดที่เยี่ยมยอดเกิดขึ้นในยามที่คุณคิดไม่ถึง โอกาสจะเป็นของคนที่เตรียมพร้อม คุณต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา สิ่งที่เราเรียนรู้เมื่อ 40 ปีก่อนยังคงแจ่มชัดสำหรับเราในวันนี้
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. คุณคิดอย่างไรกับการเล่นสั้น (short-sell)
บ. การเล่นสั้นน่าสนใจอย่างยิ่ง มันทำลายคนจำนวนไม่น้อย คุณจะเห็นหุ้นที่ราคาสูงกว่าพื้นฐาน มากกว่าหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าพื้นฐานในสัดส่วนที่สูงมาก มันเป็นเรื่องที่ยากและคุณสามารถขาดทุนได้ไม่จำกัด และต้องจังหวะเวลาที่ถูกต้อง (บัฟเฟท์ ได้เล่าเรื่องของ Robert Wilson ในการเล่นสั้นในช่วงปี 1970 และขาดทุนจำนวนมาก)
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ถ. ขอให้คุณช่วยอธิบายแผนการในอนาคตสำหรับคนที่รับช่วงต่อจากคุณ
บ. ผมเขียนคำสั่งไว้ในจดหมาย คำสั่งแรกคือ ให้กลับไปตรวจชีพจรของผมอีกครั้งให้แน่ใจ ผมเลือกคนสองคนเพื่อสานต่องานด้านการบริหารและการลงทุนในหลักทรัพย์ แต่สิ่งต่างๆอาจเปลี่ยนแปลงไปใน 10-15 ปีข้างหน้า เราต้องรักษาวัฒนธรรมที่เราสร้างไว้คือเราจะต้องมีทรัพย์สินที่สามารถดูแลตัวมันเองได้
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
บทสัมภาษณ์ Warren Buffett และ Munger
โพสต์ที่ 73
ช่วยผมได้มากทีเดียว ผมยังเขียนไม่ถึงตรงนั้นเลยครับ ช่วยส่งfileมารวมกับของผมจะได้ไหม ที่
[email protected]
จะรวมมาลงที่ web หน้าแรกครับ
[email protected]
จะรวมมาลงที่ web หน้าแรกครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
-
- ผู้ติดตาม: 0
-
- ผู้ติดตาม: 0
-
- ผู้ติดตาม: 0
บทสัมภาษณ์ Warren Buffett และ Munger
โพสต์ที่ 77
[email protected]
และ
[email protected]
ครับ ขอบคุณมากครับ ภาษาอังกฤษได้ส่งมาเลยครับ
ขอบคุณมาก ๆ ครับ
และ
[email protected]
ครับ ขอบคุณมากครับ ภาษาอังกฤษได้ส่งมาเลยครับ
ขอบคุณมาก ๆ ครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
-
- ผู้ติดตาม: 0
-
- ผู้ติดตาม: 0
-
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 135
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทสัมภาษณ์ Warren Buffett และ Munger
โพสต์ที่ 82
8)Mon money เขียน:ผมมีบทสัมภาษณ์ที่ว่านี้ เป็นการสัมภาษณ์เมื่อสองปีมาแล้ว แต่ผมว่ายังคงเป็นประโยชน์ที่ดีอยู่ ผมอ่านแล้วดีมากอยากจะให้เพื่อนพองน้องพี่ได้รับสิ่งดีๆนี้ด้วย แต่เป็นภาษาอังกฤษนะครับ มีประมาณ 13หน้า อ่านไปเปิดDictไปคงไม่ลำบากมากนัก หากใครทนรอได้ผมกำลังแปลอยู่ครับ น่าจะเอาฉบับภาคไทยสำเนียงทะแม่งๆมาให้อ่านกันได้ในอาทิตหน้าครับ
ใครสนใจทิ้ง E-mail ไว้ไดเลยครับ จะส่งไปให้อ่านทันที
8) ขอด้วยคนครับพี่
[email protected]
-
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
-
- ผู้ติดตาม: 0
- 2nd wind
- Verified User
- โพสต์: 594
- ผู้ติดตาม: 0
-
- ผู้ติดตาม: 0
บทสัมภาษณ์ Warren Buffett และ Munger
โพสต์ที่ 86
ได้รับfile แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ
juthanee
juthanee
-
- ผู้ติดตาม: 0
-
- ผู้ติดตาม: 0
บทสัมภาษณ์ Warren Buffett และ Munger
โพสต์ที่ 89
ผมขอด้วยคนนะครับ [email protected] ขอบคุณมากครับ คุณ Mon money
-
- Verified User
- โพสต์: 59
- ผู้ติดตาม: 0