อย่าตื่นเต้น by ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 9 กันยายน 2551
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
อย่าตื่นเต้น by ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 9 กันยายน 2551
โพสต์ที่ 1
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งของ Value Investor ในความคิดผมก็คือ ต้องเป็นคนที่ไม่ตื่นเต้นกับข่าวหรือข้อมูลที่ได้รับมาง่าย พูดในอีกแบบหนึ่งก็คือ ต้องเป็นคนที่มีจิตใจสงบนิ่งและวิเคราะห์ข่าวสารข้อมูลด้วยเหตุผล เป็นกลาง และไม่ใช้อารมณ์ เพราะในฐานะที่เป็นนักลงทุนนั้น เรามักจะเปิดรับและเสาะแสวงหาข่าวสารเพื่อหาหุ้นและตัดสินใจลงทุน แต่ข่าวสารจำนวนมากในตลาดหุ้นโดยเฉพาะข่าวสารหรือข้อมูลที่สำคัญนั้น เรากลับมักจะได้รับจากแหล่งข่าวที่มี Conflict Of Interest หรือมีผลประโยชน์ที่ขัดกันหรือมีผลประโยชน์แอบแฝง ดังนั้น ข้อมูลที่เราได้รับจึงอาจจะไม่เที่ยงตรงและถ้าเราตัดสินใจลงทุนหรือขายหุ้นไปเพราะได้รับข้อมูลนั้นเราก็อาจจะพลาดได้ ข้อแนะนำของผมก็คือ เมื่อได้รับข่าวสารข้อมูลอะไรก็ตาม “อย่าตื่นเต้น” ค่อย ๆ คิดพิจารณาโดยเฉพาะถ้าแหล่งของข้อมูลนั้นมีผลประโยชน์ขัดแย้งอย่างชัดเจน
ข้อมูลกลุ่มแรกที่ผมคิดว่าเราต้องฟังอย่างระมัดระวังมากที่สุดก็คือ ข้อมูลจากผู้บริหารบริษัท เฉพาะอย่างยิ่ง การที่ผู้บริหารออกมาให้ข่าวว่าบริษัทกำลังจะมีข่าวดีและเป็นข่าวใหญ่ที่จะทำให้บริษัทมีกำไรและเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะนี่จะเป็นข่าวที่ทำให้เราตื่นเต้นได้มาก แต่ประเด็นก็คือ ผู้บริหาร โดยเฉพาะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทขนาดเล็กนั้น มักจะมีแรงจูงใจที่จะแจ้งข่าวดีและปิดข่าวร้าย เขาต้องการให้หุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น ยิ่งสูงยิ่งดี ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พูดให้ขาวเป็นดำหรือพูดผิดจากความเป็นจริง แต่เขาก็มักจะพูดสิ่งที่ดีให้ดีเป็นพิเศษ และไม่พูดหรือพูดข่าวร้ายให้น้อยที่สุด และถ้าจำเป็นต้องพูดก็พูดให้ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ร้ายจนเกินไป ด้วยเหตุดังกล่าว เวลาฟังผู้บริหารพูดว่าดีมาก เราอย่าตื่นเต้น เพราะมันอาจจะเป็นกับดักที่ทำให้เราเข้าไปติดกับได้ พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงความคิดของ เบน เกรแฮม บิดาของการลงทุนแบบ Value Investment ที่บอกว่าเราไม่ควรไปฟังผู้บริหารบริษัท เพราะมันจะทำให้เราสับสนและอาจถูกหลอก เราควรจะดูจากข้อมูลตัวเลขและการวิเคราะห์ของเราเป็นหลัก
ข้อมูลกลุ่มที่สองที่เราต้องเอามา “หาร” หรือลดระดับความน่าสนใจหรือความโดดเด่นลงและเมื่อฟังแล้วอย่าตื่นเต้นเกินไปก็คือข้อมูลที่มาจาก “ขาใหญ่” หรือ “เซียนหุ้น” ทั้งที่เป็นนักเก็งกำไรหรือ Value Investor เหตุผลก็คือ ส่วนใหญ่แล้ว ก่อนที่เขาจะบอกข้อมูลว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นที่ดีเยี่ยมน่าลงทุน เขาก็มักจะซื้อหุ้นตัวนั้นไปก่อนแล้วและบ่อยครั้งซื้อในราคาที่ต่ำกว่าตอนที่บอก บางที การที่เขาบอกนั้นก็เพื่อที่จะได้ “ปล่อยของ” หรือขายหุ้นที่เขาซื้อมาได้ในราคาที่สูงกว่าที่ซื้อมา และนี่คือผลประโยชน์ของคนบอกที่อาจจะไม่ใช่ผลประโยชน์ของคนที่รับข้อมูล ดังนั้น เมื่อฟังข้อมูลเหล่านี้ เราจะต้องเข้าใจแรงจูงใจว่าเขาอาจจะพูดให้ดูดีเกินกว่าปกติ เราต้องอย่า “ตื่นเต้น” ฟังแล้วก็ต้องกลับไปคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ
ข้อมูลอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจจะไม่ใคร่เกิดขึ้นบ่อยนักแต่ผมคิดว่าน่าจะสร้างความ “ตื่นเต้น” ได้สูงสุดก็คือ “ข้อมูลภายใน” หรือที่เรียกว่า ข้อมูล Insider นี่คือข้อมูลที่ไม่เปิดเผยหรือยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนแต่มีความสำคัญเพราะมันอาจจะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นมหาศาลและทำให้หุ้นวิ่งขึ้นไปได้มากในเวลาอันสั้น บ่อยครั้ง “ข้อมูลภายใน” ที่ว่านี้ เรามักจะไม่ได้รับฟังมาจากผู้บริหารของบริษัทเอง แต่ได้รับฟังมาจากเพื่อนนักลงทุนที่สนิทอีกต่อหนึ่ง บางทีเราฟังครั้งแรกแล้วก็อาจจะไม่ใคร่เชื่อเนื่องจากคนพูดอาจจะไม่ใช่คนภายในโดยตรง แต่เราก็มักจะสนใจและเฝ้าตามดูราคาหุ้นตัวนั้น และแล้ว หลังจากระยะเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ปริมาณการซื้อขายและราคาหุ้นของบริษัทเล็ก ๆ ตัวนั้นก็เริ่มขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราเริ่มสนใจมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไร ไม่กี่วันต่อมา ปริมาณและราคาปรับขึ้นไปอีก ข่าว Insider เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ถึงจุดนี้เราค่อนข้างมั่นใจว่าราคาจะต้องขึ้นต่อไปเมื่อ “ข่าวจริง” ออกมา เราเข้าไปซื้อหุ้นอย่างมั่นใจแต่ก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าราคาหุ้นกลับไม่วิ่งต่อและบางครั้งกลับลดลงทั้งที่ข่าวจริงออกมาตรงกับข่าวลือที่เป็น “ข้อมูลภายใน” ที่น่าจะรู้กันเพียงไม่กี่คน เพราะฉะนั้น อย่าตื่นเต้นเมื่อได้รับฟัง “ข้อมูลภายใน” แม้จะดูว่ามัน “น่าเชื่อถือมาก” อย่าลืมว่า คนภายในใจจริง ๆ นั้นเขาอาจจะต้องการบอก “ข้อมูลภายใน” เพื่อผลประโยชน์ของเขามากกว่าที่จะต้องการให้เรารวยจากการซื้อหุ้นตัวนั้น
ข้อมูลกลุ่มสุดท้ายที่มักทำให้เราตื่นเต้น แต่อาจจะเป็นความตื่นเต้นทางด้านร้ายมากกว่าดีก็คือ ข้อมูลเศรษฐกิจการเมืองที่ปรากฏในสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะในหน้าหนังสือพิมพ์และการรับรู้จากคำบอกเล่าของ “นัก กิจกรรมการเมือง” เพราะเหล่านี้คือผู้ที่ชอบบอกข่าวร้ายมากกว่าข่าวดีมากเนื่องจาก “ข่าวร้ายขายได้ ข่าวดีขายไม่ได้” ดังนั้น เมื่อเราฟังจากแหล่งข่าวเหล่านี้มาก ๆ และไม่ได้พิจารณาอย่างใจเป็นกลาง เราก็จะรู้สึก “ตื่นเต้น” หรือในบางครั้ง “ตื่นตูม” ขายหุ้นดี ๆ ทิ้ง ทั้งที่พื้นฐานของบริษัทไม่ได้ถูกกระทบอะไรเลย บางครั้งดีขึ้นด้วยซ้ำ และราคาหุ้นก็ไม่ได้ตกลงไปทั้งที่ราคาหุ้นโดยทั่วไปหรือดัชนีตลาดหุ้นอาจจะลดลงไปจริง ๆ เพราะฉะนั้น เวลาอ่านหนังสือพิมพ์หรือฟังข่าวเรื่องการเมืองที่ดูเลวร้ายไม่มีทางออก “อย่าตื่นเต้น” เพราะประเทศไทยก็เป็นแบบนี้มาแทบจะตลอดเวลา แต่เศรษฐกิจและการเมืองก็ยังไปได้เรื่อย ๆ ถ้าเรามีหุ้นที่ดีแล้ว มันก็มักจะดูแลตัวมันเองได้
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงตัวอย่างของข่าวสารข้อมูลที่เราต้องระวังว่าอย่าให้มันมาสร้างความตื่นเต้นให้กับเรา ความตื่นเต้นที่จะทำให้เราตัดสินใจแสดงออกอย่างรวดเร็วทั้งการซื้อและขายหุ้นนั้น ผลดีที่จะได้รับในเรื่องของการลงทุนมีเพียงเล็กน้อย แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นจะมีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มันจะทำให้เราละเลยเหตุผลและการพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนั้น การฝึกหัดที่สำคัญสำหรับการเป็น Value Investor ที่ดีก็คือ ฝึกความใจเย็นและไม่ตื่นเต้นโดยเฉพาะกับข่าวที่ออกมาจากแหล่งข้อมูลที่อาจจะมี Conflict Of Interest ทั้งหลาย
ข้อมูลกลุ่มแรกที่ผมคิดว่าเราต้องฟังอย่างระมัดระวังมากที่สุดก็คือ ข้อมูลจากผู้บริหารบริษัท เฉพาะอย่างยิ่ง การที่ผู้บริหารออกมาให้ข่าวว่าบริษัทกำลังจะมีข่าวดีและเป็นข่าวใหญ่ที่จะทำให้บริษัทมีกำไรและเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะนี่จะเป็นข่าวที่ทำให้เราตื่นเต้นได้มาก แต่ประเด็นก็คือ ผู้บริหาร โดยเฉพาะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทขนาดเล็กนั้น มักจะมีแรงจูงใจที่จะแจ้งข่าวดีและปิดข่าวร้าย เขาต้องการให้หุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น ยิ่งสูงยิ่งดี ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พูดให้ขาวเป็นดำหรือพูดผิดจากความเป็นจริง แต่เขาก็มักจะพูดสิ่งที่ดีให้ดีเป็นพิเศษ และไม่พูดหรือพูดข่าวร้ายให้น้อยที่สุด และถ้าจำเป็นต้องพูดก็พูดให้ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ร้ายจนเกินไป ด้วยเหตุดังกล่าว เวลาฟังผู้บริหารพูดว่าดีมาก เราอย่าตื่นเต้น เพราะมันอาจจะเป็นกับดักที่ทำให้เราเข้าไปติดกับได้ พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงความคิดของ เบน เกรแฮม บิดาของการลงทุนแบบ Value Investment ที่บอกว่าเราไม่ควรไปฟังผู้บริหารบริษัท เพราะมันจะทำให้เราสับสนและอาจถูกหลอก เราควรจะดูจากข้อมูลตัวเลขและการวิเคราะห์ของเราเป็นหลัก
ข้อมูลกลุ่มที่สองที่เราต้องเอามา “หาร” หรือลดระดับความน่าสนใจหรือความโดดเด่นลงและเมื่อฟังแล้วอย่าตื่นเต้นเกินไปก็คือข้อมูลที่มาจาก “ขาใหญ่” หรือ “เซียนหุ้น” ทั้งที่เป็นนักเก็งกำไรหรือ Value Investor เหตุผลก็คือ ส่วนใหญ่แล้ว ก่อนที่เขาจะบอกข้อมูลว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นที่ดีเยี่ยมน่าลงทุน เขาก็มักจะซื้อหุ้นตัวนั้นไปก่อนแล้วและบ่อยครั้งซื้อในราคาที่ต่ำกว่าตอนที่บอก บางที การที่เขาบอกนั้นก็เพื่อที่จะได้ “ปล่อยของ” หรือขายหุ้นที่เขาซื้อมาได้ในราคาที่สูงกว่าที่ซื้อมา และนี่คือผลประโยชน์ของคนบอกที่อาจจะไม่ใช่ผลประโยชน์ของคนที่รับข้อมูล ดังนั้น เมื่อฟังข้อมูลเหล่านี้ เราจะต้องเข้าใจแรงจูงใจว่าเขาอาจจะพูดให้ดูดีเกินกว่าปกติ เราต้องอย่า “ตื่นเต้น” ฟังแล้วก็ต้องกลับไปคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ
ข้อมูลอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจจะไม่ใคร่เกิดขึ้นบ่อยนักแต่ผมคิดว่าน่าจะสร้างความ “ตื่นเต้น” ได้สูงสุดก็คือ “ข้อมูลภายใน” หรือที่เรียกว่า ข้อมูล Insider นี่คือข้อมูลที่ไม่เปิดเผยหรือยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนแต่มีความสำคัญเพราะมันอาจจะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นมหาศาลและทำให้หุ้นวิ่งขึ้นไปได้มากในเวลาอันสั้น บ่อยครั้ง “ข้อมูลภายใน” ที่ว่านี้ เรามักจะไม่ได้รับฟังมาจากผู้บริหารของบริษัทเอง แต่ได้รับฟังมาจากเพื่อนนักลงทุนที่สนิทอีกต่อหนึ่ง บางทีเราฟังครั้งแรกแล้วก็อาจจะไม่ใคร่เชื่อเนื่องจากคนพูดอาจจะไม่ใช่คนภายในโดยตรง แต่เราก็มักจะสนใจและเฝ้าตามดูราคาหุ้นตัวนั้น และแล้ว หลังจากระยะเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ปริมาณการซื้อขายและราคาหุ้นของบริษัทเล็ก ๆ ตัวนั้นก็เริ่มขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราเริ่มสนใจมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไร ไม่กี่วันต่อมา ปริมาณและราคาปรับขึ้นไปอีก ข่าว Insider เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ถึงจุดนี้เราค่อนข้างมั่นใจว่าราคาจะต้องขึ้นต่อไปเมื่อ “ข่าวจริง” ออกมา เราเข้าไปซื้อหุ้นอย่างมั่นใจแต่ก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าราคาหุ้นกลับไม่วิ่งต่อและบางครั้งกลับลดลงทั้งที่ข่าวจริงออกมาตรงกับข่าวลือที่เป็น “ข้อมูลภายใน” ที่น่าจะรู้กันเพียงไม่กี่คน เพราะฉะนั้น อย่าตื่นเต้นเมื่อได้รับฟัง “ข้อมูลภายใน” แม้จะดูว่ามัน “น่าเชื่อถือมาก” อย่าลืมว่า คนภายในใจจริง ๆ นั้นเขาอาจจะต้องการบอก “ข้อมูลภายใน” เพื่อผลประโยชน์ของเขามากกว่าที่จะต้องการให้เรารวยจากการซื้อหุ้นตัวนั้น
ข้อมูลกลุ่มสุดท้ายที่มักทำให้เราตื่นเต้น แต่อาจจะเป็นความตื่นเต้นทางด้านร้ายมากกว่าดีก็คือ ข้อมูลเศรษฐกิจการเมืองที่ปรากฏในสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะในหน้าหนังสือพิมพ์และการรับรู้จากคำบอกเล่าของ “นัก กิจกรรมการเมือง” เพราะเหล่านี้คือผู้ที่ชอบบอกข่าวร้ายมากกว่าข่าวดีมากเนื่องจาก “ข่าวร้ายขายได้ ข่าวดีขายไม่ได้” ดังนั้น เมื่อเราฟังจากแหล่งข่าวเหล่านี้มาก ๆ และไม่ได้พิจารณาอย่างใจเป็นกลาง เราก็จะรู้สึก “ตื่นเต้น” หรือในบางครั้ง “ตื่นตูม” ขายหุ้นดี ๆ ทิ้ง ทั้งที่พื้นฐานของบริษัทไม่ได้ถูกกระทบอะไรเลย บางครั้งดีขึ้นด้วยซ้ำ และราคาหุ้นก็ไม่ได้ตกลงไปทั้งที่ราคาหุ้นโดยทั่วไปหรือดัชนีตลาดหุ้นอาจจะลดลงไปจริง ๆ เพราะฉะนั้น เวลาอ่านหนังสือพิมพ์หรือฟังข่าวเรื่องการเมืองที่ดูเลวร้ายไม่มีทางออก “อย่าตื่นเต้น” เพราะประเทศไทยก็เป็นแบบนี้มาแทบจะตลอดเวลา แต่เศรษฐกิจและการเมืองก็ยังไปได้เรื่อย ๆ ถ้าเรามีหุ้นที่ดีแล้ว มันก็มักจะดูแลตัวมันเองได้
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงตัวอย่างของข่าวสารข้อมูลที่เราต้องระวังว่าอย่าให้มันมาสร้างความตื่นเต้นให้กับเรา ความตื่นเต้นที่จะทำให้เราตัดสินใจแสดงออกอย่างรวดเร็วทั้งการซื้อและขายหุ้นนั้น ผลดีที่จะได้รับในเรื่องของการลงทุนมีเพียงเล็กน้อย แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นจะมีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มันจะทำให้เราละเลยเหตุผลและการพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนั้น การฝึกหัดที่สำคัญสำหรับการเป็น Value Investor ที่ดีก็คือ ฝึกความใจเย็นและไม่ตื่นเต้นโดยเฉพาะกับข่าวที่ออกมาจากแหล่งข้อมูลที่อาจจะมี Conflict Of Interest ทั้งหลาย
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
อย่าตื่นเต้น by ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 9 กันยายน 2551
โพสต์ที่ 2
แหม โดนดักคอเลย
ผม ตื่นเต้นมากเลยช่วงนี้ ของถูกเต็มไปหมด
ไม่รู้ว่าเป็นข่าวลวงรึเปล่า
เดี๋ยวลองไปเช็คก่อน
ผม ตื่นเต้นมากเลยช่วงนี้ ของถูกเต็มไปหมด
ไม่รู้ว่าเป็นข่าวลวงรึเปล่า
เดี๋ยวลองไปเช็คก่อน
-
- Verified User
- โพสต์: 155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อย่าตื่นเต้น by ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 9 กันยายน 2551
โพสต์ที่ 3
[quote]
ข้อมูลกลุ่มที่สองที่เราต้องเอามา
ข้อมูลกลุ่มที่สองที่เราต้องเอามา
-
- Verified User
- โพสต์: 260
- ผู้ติดตาม: 0
อย่าตื่นเต้น by ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 9 กันยายน 2551
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับ