VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 7
ผมว่าศึกษาไว้บ้างก็ไม่เสียหายนาครับ จะได้Cutlossได้ทันถ้าข่าวที่จะออกมันเป็นข่าววงในที่เรารู้ไม่ทัน เช่น EGCO ตอนก่อน MSCI จะเทขายเป็นต้น จะได้มีห้องใหม่ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นแบบวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน ช่วยกันส่งสัญญาณเตือนภัย แต่หลักการซื้อก็ให้ใช้ หลัก VI เหมือนเดิม
- sisacorn
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 8
ตอนแรกก็คิดว่าจะศึกษาครับ รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม
แต่มาคิดอีกทีไม่รู้จะรู้ไปทำไม เพราะถ้าเป็นข่าววงใน
แล้วใช้สัญญาณเตือน จากแท่งเทียน ถ้ายึดตามแนวทางผม
ก็ยังไม่น่าจะขายเพราะยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงในการลง
อาจเป็นตลาดอารมย์ไม่ดี หรือ พื้นฐานเปลี่ยนก็ต้องกลับมาวิเคราะห์อีก
อยู่ดี แล้วพื้นฐานมันไม่ได้เปลี่ยนกันในเวลาอันสั้น เพียงแต่บางครั้ง
มีปัจจัยบางอย่างมากระทบบ้าง แต่ในระยะยาวยังคงดีเหมือนเดิม
ดังนั้น ดู ๆ แล้ว ผมเอาไปหาข้อมูล พื้นฐานธุรกิจ ดีกว่า
แต่มาคิดอีกทีไม่รู้จะรู้ไปทำไม เพราะถ้าเป็นข่าววงใน
แล้วใช้สัญญาณเตือน จากแท่งเทียน ถ้ายึดตามแนวทางผม
ก็ยังไม่น่าจะขายเพราะยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงในการลง
อาจเป็นตลาดอารมย์ไม่ดี หรือ พื้นฐานเปลี่ยนก็ต้องกลับมาวิเคราะห์อีก
อยู่ดี แล้วพื้นฐานมันไม่ได้เปลี่ยนกันในเวลาอันสั้น เพียงแต่บางครั้ง
มีปัจจัยบางอย่างมากระทบบ้าง แต่ในระยะยาวยังคงดีเหมือนเดิม
ดังนั้น ดู ๆ แล้ว ผมเอาไปหาข้อมูล พื้นฐานธุรกิจ ดีกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1558
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 9
แต่ผมว่าเหตุผลที่นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าขายหุ้นออกไปมันต่างกันมากเลยนะครับ กับเหตุผลของกราฟที่บอกสัญญานขายkk-rich เขียน:ผมว่าศึกษาไว้บ้างก็ไม่เสียหายนาครับ จะได้Cutlossได้ทันถ้าข่าวที่จะออกมันเป็นข่าววงในที่เรารู้ไม่ทัน เช่น EGCO ตอนก่อน MSCI จะเทขายเป็นต้น จะได้มีห้องใหม่ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นแบบวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน ช่วยกันส่งสัญญาณเตือนภัย แต่หลักการซื้อก็ให้ใช้ หลัก VI เหมือนเดิม
ผมเคยมีหุ้นที่ติดลบ 30% แล้วจากนั้นมันขึ้นไปสองเท่าตัวกว่า รวมผลตอบแทนจากปันผลด้วย ผมคิดว่าถ้าเอาเหตุที่ว่าขายเพราะมีสัญญาณขายทางเทคนิค นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าหลายคนอาจจะพลาดโอกาสหลายเด้งได้ เพราะบ่อยครั้งที่หุ้นที่เราซื้อนั้นราคาลงมาหลายสิบเปอร์เซ็นต์ ก่อนที่จะขึ้นไปหลายเท่าตัว เป็นเรื่องปกติ เหตุผลที่เราไม่ขายเพราะเรามั่นใจในตัวธุรกิจ เราคิดว่าราคาที่ซื้อในครั้งแรกเป็นราคาที่มีส่วนลดแล้ว และถ้าราคาลดลงมาอีกโดยพื้นฐานธุรกิจยังไม่เปลี่ยนจากเดิม นั้นแหละเป็นโอกาสของเราที่จะลงทุนในหุ้นพื้นฐานที่ราคาถูกเพิ่ม และเราก็ซื้อเพิ่มอย่างมั่นใจ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 12
นึกถีง อ.นิเวศน์ ที่เคยบอกว่าสไตล์ก็เปรียบเหมือนกะเมีย เอ้ย... มวย :lol: ครับ
บางทีถ้าเราต่อยสไตล์ Boxer ได้ดี เราก็ควรซ้อม Boxer ให้เยอะๆ
และไม่ควรไขว้เขวไปเสียเวลาซ้อม Fighter ที่ไม่ค่อยถนัด
แต่คิดว่าเผื่อไว้ดีกว่าแก้ และอาจได้ใช้วิชา Fighter เวลาฉุกเฉิน
ซึ่งอาจจมองในมุมกลับได้ว่าคุณอาจจะยังต่อย Boxer ได้ไม่ดีพอ
ก็เลยไขว้เขวว่า Fighter อาจเป็นทางรอดสำหรับ Fight ถัดไป
ทั้งๆ สิ่งที่คุณควรทำก็คือ ซ้อม Boxer ต่อไปให้คุ้นเคย และช่ำชอง ...
บางทีถ้าเราต่อยสไตล์ Boxer ได้ดี เราก็ควรซ้อม Boxer ให้เยอะๆ
และไม่ควรไขว้เขวไปเสียเวลาซ้อม Fighter ที่ไม่ค่อยถนัด
แต่คิดว่าเผื่อไว้ดีกว่าแก้ และอาจได้ใช้วิชา Fighter เวลาฉุกเฉิน
ซึ่งอาจจมองในมุมกลับได้ว่าคุณอาจจะยังต่อย Boxer ได้ไม่ดีพอ
ก็เลยไขว้เขวว่า Fighter อาจเป็นทางรอดสำหรับ Fight ถัดไป
ทั้งๆ สิ่งที่คุณควรทำก็คือ ซ้อม Boxer ต่อไปให้คุ้นเคย และช่ำชอง ...
- gradius173
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 13
อย่างอ่านเป็นไว้เป็นความรู้ครับ แต่พยายามเท่าไหรก็ไม่รู้เรื่องครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 15
โชคดีที่ผมไม่ใช่ VI ... เพราะถ้าเป็น VI แล้วคงต้องมานั่งปวดหัวกับคำถามที่ว่า อย่างไรถึงเรียกว่า VI :twisted:
แต่ที่แน่ๆ ผมก็ศึกษาหาความรู้ในหลายๆ ด้าน ซึ่งอาจไม่เชี่ยวชาญ แต่ก็ไม่เคยดูแคลนองค์ความรู้นั้นๆ
...สิ่งที่นักลงทุนจะต้องเตือนตัวเองไว้อยู่ตลอดก็คือ การรักษาเงินลงทุนเริ่มต้นไว้ให้ได้...ที่ต้องกล่าวอย่างนี้ก็เพราะว่า ถ้าราคาตลาดที่คุณซื้อต่ำลงไป -30% และคุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าในอีก x ปี ราคาจะกลับขึ้นไปจนทำให้คุณกำไร, คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้บริษัทตกต่ำอย่างยาวนาน (ซึ่งมีผลต่อราคาตลาด)
...แต่ถ้ามีใครสามารถล่วงรู้อนาคตได้ ก็คงต้องเป็นข้อยกเว้นสำหรับกรณีด้านบนครับ
แต่ที่แน่ๆ ผมก็ศึกษาหาความรู้ในหลายๆ ด้าน ซึ่งอาจไม่เชี่ยวชาญ แต่ก็ไม่เคยดูแคลนองค์ความรู้นั้นๆ
...สิ่งที่นักลงทุนจะต้องเตือนตัวเองไว้อยู่ตลอดก็คือ การรักษาเงินลงทุนเริ่มต้นไว้ให้ได้...ที่ต้องกล่าวอย่างนี้ก็เพราะว่า ถ้าราคาตลาดที่คุณซื้อต่ำลงไป -30% และคุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าในอีก x ปี ราคาจะกลับขึ้นไปจนทำให้คุณกำไร, คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้บริษัทตกต่ำอย่างยาวนาน (ซึ่งมีผลต่อราคาตลาด)
...แต่ถ้ามีใครสามารถล่วงรู้อนาคตได้ ก็คงต้องเป็นข้อยกเว้นสำหรับกรณีด้านบนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 160
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 16
NA NA JIT TUNG
-
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 17
อืมครับ ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก ก็เหมือนกับบอกว่าคนกินมังสวิรัตจะอายุยืนกว่าคนกินเนื้อ ถ้าเป็นไปตามหลักมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นแต่ในชีวิตจริงอาจจะไม่ โอกาสทองจากวิกฤติต่างๆแล้วฟื้นคืนเช่นในปี40 อาจจะไม่มีแล้วเพราะโครงสร้างอุตสาหกรรมของโลกนั้นเริ่มเปลี่ยน ยุครุ่งเรืองของอุตฯในหลายๆประเภทอาจจบลงเพราะต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้นแบบไม่มีวันหวนกลับ ส่วนกราฟแท่งเทียนนั้นใช้ได้ไม่เต็มที่นักเพราะมีเจ้ามือคอยป่วน
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 19
อืม...ก็ยังงงๆ นิ๊ดหน่อยอะครับ เพราะว่าสินค้านั้นแตกต่างกัน ไม่น่าจะออกมาง่ายแบบนั้น (หรือว่าผมคิดมากไป)ส.สลึง เขียน:ความจริงหลักการ VI นี่สุดแสนจะธรรมดามากครับ เหมือนเดินไปซื้อเสื้อสวยๆ สักตัวในห้างสรรพสินค้า
คุณก็แค่ดูว่าคุ้ม ไม่คุ้ม กับเงินที่เราจ่าย แทนที่จะคิดว่าต้องซื้อเดี๋ยวนี้ เพราะพรุ่งนี้เสื้อตัวนั้นจะขายแพงกว่าวันนี้
โดยสินค้าตัวแรก (หุ้นหรือการลงทุนอื่นๆ) เป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้
แต่สินค้าที่ยกตัวอย่าง (เสื้อ) เป็นสินค้าที่ซื้อมาแล้ว ใช้ไป หมดไป ไม่ได้สร้างผลตอบแทน ไม่ได้สร้างทรัพย์สินให้งอกเงยเพิ่มเติมได้ ดังนั้นผมจริงมองว่า มูลค่า ณ ขณะนั้นเหมาะสม คุ้มค่ากับประโยชน์ในตัวมันเอง
ดังนั้นผมจริงคิดว่า ไม่น่าจะออกมาง่ายแบบนั้นอะครับ :roll:
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 21
อย่าไปใส่ใจว่า Value จะต้องมีค่าเป็นเงิน หรือสินทรัพย์เสมอไปสิครับ ...
ขอวกกลับเข้าไปเรื่องเสื้อ ซึ่งความจริงตัวผมเองเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ซื้อเสื้อผ้าสักเท่าไหร่
ประเด็นก็คือผมคิดว่าผมมีพอใส่ ทั้งเสื้อที่ไว้ใส่ตอนอยู่บ้าน ใส่ไปทำงาน ใส่ข้างนอก หรือว่าใส่ตอนอาบน้ำ :lol: ...
ประสบการณ์ของผมครั้งนึงในต่างประเทศ ณ เมืองแฟชั่นแห่งนึง
เพื่อนๆ ของผมต่างก็สนุกกับการช็อปปิ้งเสื้อผ้ากันสนุกมือ
ผิดกับผมที่ไม่รู้ว่าจะซื้อเสื้อผ้าไปทำไม หรือซื้อให้ใคร สาเหตุก็เพราะ
ผมคิดว่าเสื้อผ้าที่นี่แพง ที่เมืองไทยถูกกว่า และที่สำคัญ คุณภาพแทบจะไม่แตกต่างกันเลย
ผมถามเพื่อนของผมหลายคนต่างก็ตอบเป็นเสียงพ้องกันว่า "เสื้อยี่ห้อ XXX ของที่นี่ ถูกกว่าที่เมืองไทย"
แล้วก็ล้วงถุงเอาเสื้อกันหนาวแบบที่เรียกว่าเอสกีโมใช้ขึ้นมาอวด (สงสัยไปซื้อร้านเดียวกันมา)
ตามความเห็นของผมต่อให้มีคนเอาเสื้อเหมือนกันมาขายในราคาที่ผมยินดีจ่าย ยังไงผมก็ไม่ซื้อแน่นอนครับ
สาเหตุก็เพราะผมมีช่วงชีวิตถึง 99.99999999999% ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทยครับ
และไม่คิดว่าเมื่องไทยจะหนาวขนาดนั้น
ที่สำคัญ ราคาแบบเมืองนอกที่เพื่อนผมซื้อมา ยังไงมันก็แพงเกินไปสำหรับผมครับ
ปล.
Undervalue ของคนอื่น อาจจะ Overvalue ของตัวเราก็ได้ครับ
และที่ผมทำตัวหนาๆ ในประโยคคำพูด ก็เพราะเพื่อนของผมมีมุมมองใน Value แต่ต่างจากผมครับ
(จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมไม่แน่ใจว่าเพื่อนของผมจะเคยหยิบเสื้อตัวนั้นมาลองใส่บ้างแล้วหรือยัง)
ขอวกกลับเข้าไปเรื่องเสื้อ ซึ่งความจริงตัวผมเองเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ซื้อเสื้อผ้าสักเท่าไหร่
ประเด็นก็คือผมคิดว่าผมมีพอใส่ ทั้งเสื้อที่ไว้ใส่ตอนอยู่บ้าน ใส่ไปทำงาน ใส่ข้างนอก หรือว่าใส่ตอนอาบน้ำ :lol: ...
ประสบการณ์ของผมครั้งนึงในต่างประเทศ ณ เมืองแฟชั่นแห่งนึง
เพื่อนๆ ของผมต่างก็สนุกกับการช็อปปิ้งเสื้อผ้ากันสนุกมือ
ผิดกับผมที่ไม่รู้ว่าจะซื้อเสื้อผ้าไปทำไม หรือซื้อให้ใคร สาเหตุก็เพราะ
ผมคิดว่าเสื้อผ้าที่นี่แพง ที่เมืองไทยถูกกว่า และที่สำคัญ คุณภาพแทบจะไม่แตกต่างกันเลย
ผมถามเพื่อนของผมหลายคนต่างก็ตอบเป็นเสียงพ้องกันว่า "เสื้อยี่ห้อ XXX ของที่นี่ ถูกกว่าที่เมืองไทย"
แล้วก็ล้วงถุงเอาเสื้อกันหนาวแบบที่เรียกว่าเอสกีโมใช้ขึ้นมาอวด (สงสัยไปซื้อร้านเดียวกันมา)
ตามความเห็นของผมต่อให้มีคนเอาเสื้อเหมือนกันมาขายในราคาที่ผมยินดีจ่าย ยังไงผมก็ไม่ซื้อแน่นอนครับ
สาเหตุก็เพราะผมมีช่วงชีวิตถึง 99.99999999999% ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทยครับ
และไม่คิดว่าเมื่องไทยจะหนาวขนาดนั้น
ที่สำคัญ ราคาแบบเมืองนอกที่เพื่อนผมซื้อมา ยังไงมันก็แพงเกินไปสำหรับผมครับ
ปล.
Undervalue ของคนอื่น อาจจะ Overvalue ของตัวเราก็ได้ครับ
และที่ผมทำตัวหนาๆ ในประโยคคำพูด ก็เพราะเพื่อนของผมมีมุมมองใน Value แต่ต่างจากผมครับ
(จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมไม่แน่ใจว่าเพื่อนของผมจะเคยหยิบเสื้อตัวนั้นมาลองใส่บ้างแล้วหรือยัง)
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 22
ถ้าเป็นในมุมมองของ value ผมมีความคิดเห็นเดียวกันครับ (กับสินค้าที่กำลังพูดถึงอยู่) เพราะจุดประสงค์ของการซื้อมา เพื่อการใช้งาน ไม่ได้คิดว่าสินค้านั้นจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ได้ส.สลึง เขียน:อย่าไปใส่ใจว่า Value จะต้องมีค่าเป็นเงิน หรือสินทรัพย์เสมอไปสิครับ ...
แต่ถ้าเป็น value investment ผมมีความคิดเห็นแตกต่างกันครับ เพราะสินค้าที่กล่าวถึง เป็นสินค้าเพื่อการลงทุน...ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้
ดังนั้นผมจึงคิดว่า หลักคิด ไม่น่าจะเหมือนกันหรือไม่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ ในการตัดสินใจในเป้าหมายที่แตกต่างกันครับ
ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านครับ
และขอบคุณท่าน จขกท ด้วยครับ...เกรงใจมั๊กๆ เพราะชัดเริ่มออกนอกประเด็นที่ได้ตั้งไว้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 23
แต่ในมุมมองของผมมันเป็นเรื่องเดียวกันครับ และกิจการที่ Value ไม่เพิ่ม ก็อาจเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจก็ได้Penguins เขียน:แต่ถ้าเป็น value investment ผมมีความคิดเห็นแตกต่างกันครับ เพราะสินค้าที่กล่าวถึง เป็นสินค้าเพื่อการลงทุน...ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้
ถ้าเราซื้อมาในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่ามากพอ คล้ายๆ การลงทุนสไตล์ก้นบุหรี่ไงครับ (ซึ่งผมไม่ถนัดเลย )
ปล.
ดีใจที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดกันนะครับคุณ Penguins ...
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 24
ถ้าศึกษากราฟ CandleStick กับหุ้นที่เราคิดว่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
อย่างตอนนี้ผมไม่เห็นจะน่าซื้อซักตัวครับ พูดจริงๆ ทางเทคนิคเน่าเกือบทุกตัว
เอาเวลาไปคิดว่ามี ส่วนเผื่อ แค่ไหน ดีกว่าครับ
ถ้ามีมาก ก้อซื้อเพิ่ม
ถ้ามันลงต่อ จะกลัวอะไร วิเคราะห์ดีแล้ว+ลงทุนระยะยาว
ซื้อเพิ่มดิครับ ไม่มีเงินก้อรอเงินเดือนออก หรือทำงานพิเศษ
อย่าเพิ่มความเครียดให้กับตัวเองจ้า ทุกวันเรามีเรื่องให้ปวดหัวอยู่แล้ว
แค่กราฟหุ้นอย่าทำให้ชีวิตเราเสียเวลาเลยครับ :8) ...
อย่างตอนนี้ผมไม่เห็นจะน่าซื้อซักตัวครับ พูดจริงๆ ทางเทคนิคเน่าเกือบทุกตัว
เอาเวลาไปคิดว่ามี ส่วนเผื่อ แค่ไหน ดีกว่าครับ
ถ้ามีมาก ก้อซื้อเพิ่ม
ถ้ามันลงต่อ จะกลัวอะไร วิเคราะห์ดีแล้ว+ลงทุนระยะยาว
ซื้อเพิ่มดิครับ ไม่มีเงินก้อรอเงินเดือนออก หรือทำงานพิเศษ
อย่าเพิ่มความเครียดให้กับตัวเองจ้า ทุกวันเรามีเรื่องให้ปวดหัวอยู่แล้ว
แค่กราฟหุ้นอย่าทำให้ชีวิตเราเสียเวลาเลยครับ :8) ...
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 25
แสดงว่าอย่างนี้ต้องรอให้เทคนิคดีก่อนใช่หรือเปล่าครับ...แล้วค่อยซื้อตอนนั้นก็ยังทัน >>> ในราคาหุ้นที่มีส่วนลดbeammy เขียน:ถ้าศึกษากราฟ CandleStick กับหุ้นที่เราคิดว่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
อย่างตอนนี้ผมไม่เห็นจะน่าซื้อซักตัวครับ พูดจริงๆ ทางเทคนิคเน่าเกือบทุกตัว
ขอบคุณครับ...
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 26
รอให้ทางเทคนิคดีก่อน ราคามันก้อขึ้นมาแล้วดิครับพี่Penguins เขียน: แสดงว่าอย่างนี้ต้องรอให้เทคนิคดีก่อนใช่หรือเปล่าครับ...แล้วค่อยซื้อตอนนั้นก็ยังทัน >>> ในราคาหุ้นที่มีส่วนลด
ขอบคุณครับ...
ซื้อก้อยังทัน ผมว่ามันเหมือนเก็งกำไรไปหน่อย
ex หุ้น a ราคา 10 บาท ราคาที่เหมาะสม 12 บาท เราซื้อไว้ 10 บาท มีส่วนลด 20%
ต่อมาผ่านไป 2 เดือน ราคารูดเหลือ 7 บาท ทางเทคนิคเน่ามาก พี่ไม่กล้าซื้อ
พอสัญญาณทางเทคนิคกลับมาดี พี่อาจต้องจ่ายมากกว่า 8 บาทแล้ว เพราะมาซื้อตอนเทคนิคกลับมาดีนี่แหละ เห็นแท่งเขียวหลายแท่งเลยอุ่นใจ :roll:
หากราคากลับไปที่ 10 บาทเหมือนเดิม คนที่ซื้อไว้ตอน 7 บาท ผลตอบแทนย่อมดีกว่าคนที่ซื้อ 8 บาทแน่นอน ครับ
ลองพิจารณาดู :8) ...
-
- Verified User
- โพสต์: 160
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 27
ตัวใคร ตัวมัน ก็แล้วกันนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1296
- ผู้ติดตาม: 1
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 28
ผมว่าราคาหุ้นจะขึ้นลงมีสองส่วนที่เกี่ยวข้องคือ พื้นฐานและจิตวิทยามวลชน
ซึ่งจิตวิทยามวลชนจะแสดงออกมาในรูปของกราฟ หลายๆครั้งที่เรายังไม่
ทราบข่าวร้ายแต่เผอิญคนอื่นหรือวงในทราบแล้ว มันจะเริ่มแสดงออกมาทาง
กราฟ การที่เรามีความรู้ทางกราฟไว้บ้างก็มีประโยชน์ หุ้นบางตัวถึงแม้ราคา
จะลงมาจนถึงจุดที่เราคิดว่ามี Safety margin เพียงพอ ผมก็ยังไม่ซื้อ
เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะลงต่อหรือไม่ ผมไม่ต้องการซื้อได้จุดที่ราคาต่ำสุด
(ซึ่งเป็นไปได้ยาก) แต่ต้องการซื้อได้จุดที่ใกล้ต่ำสุดซึ่งแพงหน่อยก็ไม่เป็นไร
เปรียบเหมือนคนตีกอล์ฟ ตี Hole in one ถือว่าฟลุค แต่ถ้าตีตกใกล้หลุมมากๆ
บ่อยๆนั่นคือฝีมือ
หลายครั้งที่กราฟช่วยผมให้ Cut loss ได้ทัน เช่นเมื่อเร็วๆนี้ TTA ผมซื้อ
48.25 ขึ้นไปถึง 49.25 จากนั้นราคาก็ลง ผม Cut loss ที่ 46 ตอนนี้ต่ำกว่า
40 แล้ว
มีนัก Technical เก่งๆหลายคนที่วิเคราะห์ได้แม่นยำเพียงแต่เขาไม่สามารถ
อธิบายว่าเขาวิเคราะห์อย่างไร เขาประสบความสำเร็จแต่ไม่มีใครเอาเขา
ออก TV
ผม Post มาอย่างนี้สงสัยคงถูกโต้แย้งแน่
ซึ่งจิตวิทยามวลชนจะแสดงออกมาในรูปของกราฟ หลายๆครั้งที่เรายังไม่
ทราบข่าวร้ายแต่เผอิญคนอื่นหรือวงในทราบแล้ว มันจะเริ่มแสดงออกมาทาง
กราฟ การที่เรามีความรู้ทางกราฟไว้บ้างก็มีประโยชน์ หุ้นบางตัวถึงแม้ราคา
จะลงมาจนถึงจุดที่เราคิดว่ามี Safety margin เพียงพอ ผมก็ยังไม่ซื้อ
เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะลงต่อหรือไม่ ผมไม่ต้องการซื้อได้จุดที่ราคาต่ำสุด
(ซึ่งเป็นไปได้ยาก) แต่ต้องการซื้อได้จุดที่ใกล้ต่ำสุดซึ่งแพงหน่อยก็ไม่เป็นไร
เปรียบเหมือนคนตีกอล์ฟ ตี Hole in one ถือว่าฟลุค แต่ถ้าตีตกใกล้หลุมมากๆ
บ่อยๆนั่นคือฝีมือ
หลายครั้งที่กราฟช่วยผมให้ Cut loss ได้ทัน เช่นเมื่อเร็วๆนี้ TTA ผมซื้อ
48.25 ขึ้นไปถึง 49.25 จากนั้นราคาก็ลง ผม Cut loss ที่ 46 ตอนนี้ต่ำกว่า
40 แล้ว
มีนัก Technical เก่งๆหลายคนที่วิเคราะห์ได้แม่นยำเพียงแต่เขาไม่สามารถ
อธิบายว่าเขาวิเคราะห์อย่างไร เขาประสบความสำเร็จแต่ไม่มีใครเอาเขา
ออก TV
ผม Post มาอย่างนี้สงสัยคงถูกโต้แย้งแน่
- หมีบึงกุ่ม
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ
โพสต์ที่ 29
เห็นด้วที่ว่าการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยทางเทคนิคเป็นองค์ความรู้ที่มีประโยชน์ทั้งสองแนว ไม่ควรไปดูแคลนแนวทางใดแนวทางหนึ่ง และเชื่อว่าผู้ที่ศึกษาแตกฉานเชี่ยวชาญทางใดทางหนึ่งนั้น (หรือทั้งสองทาง) ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ลงทุนให้ประสบความสำเร็จได้
ไม่เคยทราบว่าท่านดร.นิเวศน์พูดถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิคว่าอย่างไร แต่ดูจากที่คุณ ส.สลึงอ้างที่ท่านพูดเกี่ยวกับ boxer และ fighter นั้นเชื่อว่าท่านก็คงไม่ไปดูแคลนทางเทคนิคเช่นกัน
อีกประการผมไม่เชื่อว่าคำพูดเหล่านี้ถูกต้อง
"ไม่มีนักลงทุนคนไหนที่ใช้ปัจจัยทางเทคนิค (หรือเฉพาะเจาะจงกราฟแท่งเทียน) ลงทุนจนประสบความสำเร็จ"
"ไม่มีนักลงทุนคนไหนที่ใช้ชอฟแวร์วิเคราะห์หุ้น ลงทนจนประสบความสำเร็จ"
"ไม่มีชอฟแวร์อะไรสามารถใช้เป็นสูตรสำเร็จในการลงทุนให้ประสบผลสำเร็จได้"
ต่อให้หย่อนลงมาหน่อยโดยเปลี่ยนคำว่า "ไม่มี" เป็น "มีจำนวนน้อยกว่านักวิเคราะห์ที่ใช้ปัจจัยพื้นฐาน" ผมก็ยังไม่เชื่อ (หรือยังไม่ถูกทำให้เห็นชัดเจน) ว่าจะถูกต้องครับ
สำหรับผมเห็นว่าทำนายแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นโดยใช้ปัจจัยทางเทคนิคนั้นมีความแม่นยำเหมือนกับการพยากรณ์อากาศครับ ยิ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงรายนาที รายชั่วโมง หรือแม้แต่รายวัน ก็ทำนายออกมาได้แม่นยำน้อยกว่ารายสัปดาห์ รายเดือน หรือเป็นฤดูกาล แต่ด้วยความเคารพแห่งศาสตร์ของมันผมเชื่อว่าหากวัดกันดูเชิงสถิติแล้วเขาคงถูกมากกว่าผิด หรือกำไรมากกว่าขาดทุน
ส่วนตัวผมเองคิดว่าเลือกตัวหุ้นโดยใช้ปัจจัยพื้นฐานแนว vi และว่าจะเข้าซื้อหรือขายโดยใช้ปัจจัยทางเทคนิคเพื่อให้ได้ราคาที่ดี แต่จนแล้วจนรอดศึกษาเรื่องทางเทคนิคไม่รู้เรื่องสักที (พยายามหลายทีแล้วครับ) ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะไม่ศรัทธาความแม่นยำระดับพยากรณ์อากาศครับ อ่านทีไรคิดแย้งทุกทีว่ามันจะจริงเหรอ รู้ได้ไง จะเป็นไปได้เหรอ แม่นทีหลังล่ะมากกว่ามั้ง และผมก็ไม่ได้อยากเข้าซื้อๆ ขายๆ บ่อยเพื่อหวังให้ค่าทางสถิติออกมาถูกมากกว่าผิดครับอย่างที่เข้าทำกันทางเทคนิค เลือกหุ้นแนว vi กว่าจะเจอกว่าจะมั่นใจ กว่าจะเกิดราคาที่มี MOS ที่อยากได้เนียะ ไม่ได้เกิดบ่อยๆ ครับ
สรุปคือผมไม่ค่อยชอบแย็บตอดบ่อยๆ เหนื่อยและเห็นผมไม่คุ้ม ขอตูมเดียวหนักๆ แบบตีแตกไปเลยครับ ไม่หน้าแหก ก็ เท่ห์+รวย
โพสต์นี้ซิครับคุณ radio ที่จะโดนแย้งแน่ :D
ไม่เคยทราบว่าท่านดร.นิเวศน์พูดถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิคว่าอย่างไร แต่ดูจากที่คุณ ส.สลึงอ้างที่ท่านพูดเกี่ยวกับ boxer และ fighter นั้นเชื่อว่าท่านก็คงไม่ไปดูแคลนทางเทคนิคเช่นกัน
อีกประการผมไม่เชื่อว่าคำพูดเหล่านี้ถูกต้อง
"ไม่มีนักลงทุนคนไหนที่ใช้ปัจจัยทางเทคนิค (หรือเฉพาะเจาะจงกราฟแท่งเทียน) ลงทุนจนประสบความสำเร็จ"
"ไม่มีนักลงทุนคนไหนที่ใช้ชอฟแวร์วิเคราะห์หุ้น ลงทนจนประสบความสำเร็จ"
"ไม่มีชอฟแวร์อะไรสามารถใช้เป็นสูตรสำเร็จในการลงทุนให้ประสบผลสำเร็จได้"
ต่อให้หย่อนลงมาหน่อยโดยเปลี่ยนคำว่า "ไม่มี" เป็น "มีจำนวนน้อยกว่านักวิเคราะห์ที่ใช้ปัจจัยพื้นฐาน" ผมก็ยังไม่เชื่อ (หรือยังไม่ถูกทำให้เห็นชัดเจน) ว่าจะถูกต้องครับ
สำหรับผมเห็นว่าทำนายแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นโดยใช้ปัจจัยทางเทคนิคนั้นมีความแม่นยำเหมือนกับการพยากรณ์อากาศครับ ยิ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงรายนาที รายชั่วโมง หรือแม้แต่รายวัน ก็ทำนายออกมาได้แม่นยำน้อยกว่ารายสัปดาห์ รายเดือน หรือเป็นฤดูกาล แต่ด้วยความเคารพแห่งศาสตร์ของมันผมเชื่อว่าหากวัดกันดูเชิงสถิติแล้วเขาคงถูกมากกว่าผิด หรือกำไรมากกว่าขาดทุน
ส่วนตัวผมเองคิดว่าเลือกตัวหุ้นโดยใช้ปัจจัยพื้นฐานแนว vi และว่าจะเข้าซื้อหรือขายโดยใช้ปัจจัยทางเทคนิคเพื่อให้ได้ราคาที่ดี แต่จนแล้วจนรอดศึกษาเรื่องทางเทคนิคไม่รู้เรื่องสักที (พยายามหลายทีแล้วครับ) ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะไม่ศรัทธาความแม่นยำระดับพยากรณ์อากาศครับ อ่านทีไรคิดแย้งทุกทีว่ามันจะจริงเหรอ รู้ได้ไง จะเป็นไปได้เหรอ แม่นทีหลังล่ะมากกว่ามั้ง และผมก็ไม่ได้อยากเข้าซื้อๆ ขายๆ บ่อยเพื่อหวังให้ค่าทางสถิติออกมาถูกมากกว่าผิดครับอย่างที่เข้าทำกันทางเทคนิค เลือกหุ้นแนว vi กว่าจะเจอกว่าจะมั่นใจ กว่าจะเกิดราคาที่มี MOS ที่อยากได้เนียะ ไม่ได้เกิดบ่อยๆ ครับ
สรุปคือผมไม่ค่อยชอบแย็บตอดบ่อยๆ เหนื่อยและเห็นผมไม่คุ้ม ขอตูมเดียวหนักๆ แบบตีแตกไปเลยครับ ไม่หน้าแหก ก็ เท่ห์+รวย
โพสต์นี้ซิครับคุณ radio ที่จะโดนแย้งแน่ :D
-
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0