ลงทุนมากี่ปี่ครับ
- leaderinshadow
- Verified User
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนมากี่ปี่ครับ
โพสต์ที่ 35
ปีนี้ ครบ 5 ขวบครับ :D
2 ปีแรก ลองผิดลองถูก ขาดทุนบานๆๆๆๆๆๆๆๆ :lol:
2 ปีต่อมา เริ่มมาถูกทาง แล้วก็ถอนทุนคืนจนหมด :)
ตอนนี้ คือช่วงเวลาแห่งเก็บเกี่ยว
2 ปีแรก ลองผิดลองถูก ขาดทุนบานๆๆๆๆๆๆๆๆ :lol:
2 ปีต่อมา เริ่มมาถูกทาง แล้วก็ถอนทุนคืนจนหมด :)
ตอนนี้ คือช่วงเวลาแห่งเก็บเกี่ยว
-
- Verified User
- โพสต์: 341
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนมากี่ปี่ครับ
โพสต์ที่ 37
เดือนหน้าก็จะครบ 1 ปีแล้วครับ :cheers:
-
- Verified User
- โพสต์: 24
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนมากี่ปี่ครับ
โพสต์ที่ 41
รู้จักว่ามีตลาดหุ้นมาตั้งแต่สมัยประถม (สมัยสงครามอ่าวเปอร์เซีย ถ้าจำไม่ผิดนะคะ)จากที่คุณพ่อ เล่นหุ้น แต่ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะว่าคุณแม่จะพูดเสมอว่าไม่ดี แต่ประมาณ 5 เดือนก่อนเพื่อนได้แนะนำให้รู้จักเวบนี้ค่ะ ทำให้รู้ว่าจริง ๆ การเล่นหุ้น ต่างกับ การลงทุนในหุ้น ตอนนี้มีปอดเล็กจิ๋ว เป็นของตัวเองอยู่ค่ะ กำลังค่อย ๆ ตกแต่งดูแล เพื่อที่จะให้เป็นปอดใหญ่ ๆ ต่อไป
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนมากี่ปี่ครับ
โพสต์ที่ 43
โค้ด: เลือกทั้งหมด
รู้จักว่ามีตลาดหุ้นมาตั้งแต่สมัยประถม (สมัยสงครามอ่าวเปอร์เซีย ถ้าจำไม่ผิดนะคะ)จากที่คุณพ่อ เล่นหุ้น แต่ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะว่าคุณแม่จะพูดเสมอว่าไม่ดี แต่ประมาณ 5 เดือนก่อนเพื่อนได้แนะนำให้รู้จักเวบนี้ค่ะ ทำให้รู้ว่าจริง ๆ การเล่นหุ้น ต่างกับ การลงทุนในหุ้น ตอนนี้มีปอดเล็กจิ๋ว เป็นของตัวเองอยู่ค่ะ กำลังค่อย ๆ ตกแต่งดูแล เพื่อที่จะให้เป็นปอดใหญ่ ๆ ต่อไป
ประถม 6 อายุ 12 ตอนปี 2532 ปัจจุบันก็อายุ 30
น้อง orrashon22 ก็ต้องมีอายุอยู่ระหว่าง 24 - 30
อืม ทำเราแก่เร็วขึ้นจัง ยังจำได้เลย ว่าหลังอ่าวเปอร์เซีย 1 ปี ก็เข้าเล่นหุ้นเหมือนกัน
กลายเป็นรุ่นเพื่อนคุณพ่อ ไปซะงั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 149
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนมากี่ปี่ครับ
โพสต์ที่ 44
หัดเล่นตั้งแต่เพลงรุ้งตัวอ้วนดัง
เริ่มด้วยกองทุนสินภิญโญ 4 มั้งครับ
จนยุคชาติชาย ชวลิต ก็ยังเล่นหุ้น
ทุ่มเข้าไปช่วงดัชนีร่วงจาก 1700 มาเหลือ 6-7 ร้อย
ที่ไหนได้ มันพาดำดิ่งต่อลงไปถึง 200 กว่าจุด
เลยหันมาลงทุน แทน เล่น (ตีแตกของดร.บันดาลใจ)
หอบกำไรจากช่วงมันดีดกลับไปลงทุนอสังหา (คิโยซากิแล้วทีนี้)
หอบกำไรอสังหาไปเปิดธุรกิจ เจ๊ง 2 รุ่ง 2 เหนื่อยจัง
ตอนนี้กลับมาเรียนรู้จากที่นี่เพื่อลงทุนหุ้นเป็นการสันทนาการต่อไปตลอดกาล
เริ่มด้วยกองทุนสินภิญโญ 4 มั้งครับ
จนยุคชาติชาย ชวลิต ก็ยังเล่นหุ้น
ทุ่มเข้าไปช่วงดัชนีร่วงจาก 1700 มาเหลือ 6-7 ร้อย
ที่ไหนได้ มันพาดำดิ่งต่อลงไปถึง 200 กว่าจุด
เลยหันมาลงทุน แทน เล่น (ตีแตกของดร.บันดาลใจ)
หอบกำไรจากช่วงมันดีดกลับไปลงทุนอสังหา (คิโยซากิแล้วทีนี้)
หอบกำไรอสังหาไปเปิดธุรกิจ เจ๊ง 2 รุ่ง 2 เหนื่อยจัง
ตอนนี้กลับมาเรียนรู้จากที่นี่เพื่อลงทุนหุ้นเป็นการสันทนาการต่อไปตลอดกาล
-
- Verified User
- โพสต์: 40
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนมากี่ปี่ครับ
โพสต์ที่ 45
ไม่ถึงปีคร๊าบ
- pavilion
- Verified User
- โพสต์: 1766
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนมากี่ปี่ครับ
โพสต์ที่ 48
เริ่มเล่นหุ้นครั้งแรกเมื่อประมาณ 3 ปีกว่าก็กะว่าจะเล่นแบบลงทุน เล่นไปเล่นมาใจตัวเองทนไม่ไหวอยากรู้ว่าถ้าเก็งกำไรเป็นยังไงก็เลยลองเล่นเก็งกำไรได้
ประมาณครึ่งปีก็เท่าทุนไม่ได้ไม่เสียตังค์แต่เสียสุขภาพจิตก็เลยหันมาในแนวทาง VI เต็มตัว
ประมาณครึ่งปีก็เท่าทุนไม่ได้ไม่เสียตังค์แต่เสียสุขภาพจิตก็เลยหันมาในแนวทาง VI เต็มตัว
-
- Verified User
- โพสต์: 61
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนมากี่ปี่ครับ
โพสต์ที่ 49
เริ่มลงทุนมาประมาณ 6 เดือนครับ ช่วงนี้ SET ลง capital gain ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ dividen ชื่นใจกว่าฝากแบงค์มากมายนัก
ศึกษาเริ่องหุ้นมานาน พอเริ่มทำงานเก็บตังค์ก็ลงทุนเลยครับ ได้เวบนี้แหละครับเป็นที่พึ่ง อ่านมาตลอดแต่ไม่เคยโพสต์ ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากครับ
ศึกษาเริ่องหุ้นมานาน พอเริ่มทำงานเก็บตังค์ก็ลงทุนเลยครับ ได้เวบนี้แหละครับเป็นที่พึ่ง อ่านมาตลอดแต่ไม่เคยโพสต์ ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 193
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนมากี่ปี่ครับ
โพสต์ที่ 52
ลงทุนมาได้ 6 วันแล้วครับ แต่ได้ศึกษาแนวทางvi จากรายการ money talk daily และ เวปthaivi มา 6 เดือนแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนมากี่ปี่ครับ
โพสต์ที่ 56
ลงทุนมาตั้งแต่ปี 2528 สมัย SET อยู่ที่ 150 กว่าๆ ซื้อหุ้นตัวแรกคือ TFB (KBANK ปัจจุบัน) ที่ราคา 220 มีปันผลประมาณ 7% ที่ซื้อเพราะปันผล รู้สึกตอนนั้นจะเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากแบงค์ และคิดเองว่าเป็นบริษัทที่มั่นคงไม่เจ๊งดูจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (ล่ำซำ)ต่อมาไม่นานปรากฎว่าที่คิดนะถูกต้องคือกิจการไม่เจ๊งแต่นักลงทุนอย่างเราเจ๊งเพราะราคาลงไปที่ 180 บาท เลยทำตามหนังสือที่อ่านมาคือ Cut loss แล้วมาซื้อหุ้นกองทุนสินภิณโญ3 แถวๆ 16 บาท ผลคืออีกแล้วครับท่านเจ๊ง ต่อมาประมาณกลางปี 2529 อ่านบทความของ ดร ไพบูลย์ในหนังสือพิมพ์ ดร ว่าหุ้นน่าลงทุนแล้ว เพราะตั้งแตปี 2528 ถึง 2529 ดอกเบี้ยได้ลดลงมาตลอดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากบทความนั้น ก็ซื้อหุ้นอีก แต่ตัวไหนจำไม่ได้แล้ว จากนั้นไม่ถึงเดือนมหกรรมบันเทิงครั้งยิ่งใหญ่ก็ได้เริ่มขึ้น SET วิ่งจาก 130กว่าๆ ไป 470 ม้วนเดียวจบเมื่อไปเจอ Black monday ระหว่างทางขึ้นนั้น ผมก็ซื้อๆขายๆแต่มีหุ้นที่ถือไว้คือphatra, Suc, Uaf (ร่วมเสริมกิจ ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว) , Nfs ผมจำได้แต่ราคา NFS คือขึ้นมาจาก 30 กว่า ไปที่ 500 กว่าๆในช่วงเวลานั้น ส่นตัวอื่นก็ขึ้นในระดับที่น้อยกว่า NFS ไม่มากโดยเฉพาะพวกสิ่งทอ AFC UT รวมทั้ง SUC ตอนนั้นผมซื้อหุ้นประมาณ 7-80,000บาท ได้กลับมาทั้งหมด ล้านเศษๆในช่วง 1 ปี พอเจอ Black Monday หุ้นเราก็ลงจาก 470 มาที่ 250 NFS ลงจาก 500 มาที่ 100ต้นๆ ทุกคนบอกว่าเศรษฐกิจเรายังดี ดร มารวยเป็นผจก ตลาดก็ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจเรายังดี อย่าตกใจ แล้วในที่สุดก็เป็นจริงคือหุ้นเราตีกลับจาก 240-250 ไปที่เดิมคือ 470 NFS ก็วิ่งจาก 100ต้นๆไปที่ 500กว่าที่เดิม ตอนนั้นผมก็ไม่รู้อะไรเลยรู้แต่ว่ากิจการทำอะไรแค่นี้ ไม่รู้ว่ากำไรเป็นไง แนวโน้มธุรกิจเป็นไง รู้อย่างเดียวกรูซื้อแล้วถือไปมันลงมาเดี่ยวก็ขึ้นไปแล้วพยายามอย่าขาย ในระหว่างนั้นก็ได้ไปอ่านตำราที่ห้องสมุดตลาดหลักทรัพย์ได้ไปอบรมการวิเคราะห์หุ้นที่ตลาดเป็นผู้จัด ยังได้รับใบประกาศการผ่านการอบรมจาก ดร มารวยเลย ตอนนั้นรู้สึกว่าจะเด็กที่สุดในผู้ที่เข้าอบรม ในช่วงที่อ่านตำราในห้องสมุดตลาดส่วนใหญ่จะเป็นตำรานอกเปิดดิกแทบจะคำต่อคำ แต่ที่ชอบคือ Technical analysis ของ Magee ก็เลยไปหาที่ Asia book แต่หาเจอของ John Murphy (Technical analysis of the futures market) หลังจากอ่านจบหมดหลายๆรอบ ก็มานั่งเขียนกราฟหุ้นเองด้วยมือ บางทีพวกกราฟก็ใช้ได้ดี แค่บางทีเท่านั้น ทีไหนก็ไม่รู้จะรู้เมื่อผ่านไปแล้ว
ต้องขอตัวไปทำธุระก่อน เขียนมาตั้งยาวเป็นแค่ประสบการณ์ที่ผ่านมากับตัว
ต้องขอตัวไปทำธุระก่อน เขียนมาตั้งยาวเป็นแค่ประสบการณ์ที่ผ่านมากับตัว
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนมากี่ปี่ครับ
โพสต์ที่ 57
หลังจากนั้นก็นั่งเขียนกราฟด้วยมือ แล้วซื้อขายตามกราฟโดยเขียนเฉพาะกราฟดัชนีและหุ้นตัวใหญ่อีก 10กว่าตัวเพราะเขียนทั้งหมดไม่ไหวเวลาตลาดปิดก็ต้องรอจนกว่าหัวม่วง(สรุปราคาซื้อขายประจำวัน)จะออกประมาณบ่ายสองบ่ายสาม ถึงนำเอาราคามาเขียนกราฟ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเราชะลอตัวประมาณปี 2531 ตอนนั้นก็ได้นิดเสียหน่อย มองจากตอนนี้ย้อนไปที่เสียดายคือตอนที่ราคาลงแล้วเราดันไปขายทิ้ง เพราะตอนที่ซื้ออีกทีราคาก็สูงกว่าที่เราขายไปทั้งนั้น ช่วงนั้นเองก็เริ่มสงสัยในการเทรด(การซื้อๆขายๆระยะสั้น) เพราะถ้าได้ก็ได้หน่อยถ้าเสียก็เสียนิด(อาศัย Cut loss ไว) แต่ผมกะจะฟาดทั้งนิดทั้งหน่อย ทำไปทำมาก็เสมอตัว ประจวบกับได้เวลาไปเรียนต่อเมืองนอกเลยพักเรื่องหาวิธีลงทุนที่ได้เยอะๆไว้แต่ถึงแม้ไปเรียนต่อก็ยังติดตามหุ้นไทยตลอดระยะเวลาก่อนไปก็คิดว่าซื้อหุ้นที่ดีทิ้งไว้ หุ้นตัวนั้นก็คือ IFCT ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เรียนจนจบโท หุ้นที่ดีนี่ก็ไม่ไปไหนขณะที่ตัวอื่นขึ้นกันวินาศสันตโร ช่วงนั้นปี 2532-2534 ระหว่างที่เรียนอยู่เมืองนอกก็ได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนหลายๆเล่มแต่มีที่ชอบมากอยู่ 3 เล่ม The intelligent investor (Benjamin Graham) , How to make money in stocks (William O'neil), Reminiscences of a stock operator (Edwin Lefevre ) - เรื่องนี่เค้าว่าเป็นเรื่องจริงของ Jesse Livermore (The greatest speculator) แต่สุดท้ายตัว Jesse เองก็หมดตัวและยิ่งตัวตายในโรงแรมเล็กๆ บทที่ชอบของหนังสือทั้ง 3เล่มนี้คือ The investor and market fluctuations , Margin of safety (มาจาก The intelligent investor) , CANSLIM เฉพาะตัว C & N (current earning up & Stock price new high & new product) จากหนังสือของ O'neil สำหรับ Jesse ชอบที่เค้าว่า Buy only leader not leggard และ It's always my sitting that make me big money not my thinking - ปัจจุบันนี้เข้าใจความหมายของประโยคนี้เข้าไปในกระดูกเลย. โชคดีที่ผมเก็บใบคอนเฟิร์มไว้หมดเลยช่วงนั้นหลังจากเรียนจบกลับมาเลยเอาที่เราเคยซื้อขายทั้งหมดมานั่งวิเคราะห์ดู ความผิดพลาดทั้งหมดก็จะวนอยู่ใน5-6ข้อ ของบทความในหนังสือ ตอนช่วงที่ได้มาก็วนอยู่ในข้อที่เราทำถูกแต่ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าต้องทำยังไงจะเรียกว่าโชคดีก็ได้ถ้าผมมาเริ่มซื้อขายหุ้นก่อน Black Monday สัก1-2เดือนก็คงเจ๊งเรียบอาจเลิกไปแล้วก็ได้ ย้อนกลับไปตอนที่เรียนอยู่ก็ได้มีโอกาสไปฝึกการใช้โปรแกรม Computrac (เป็นโปรแกรม Technical analysis) ในการวิเคราะห์หุ้นพอเรียนจบกลับมาเมืองไทยก็ไปสมัครงานในบริษัทนายหน้าตอนที่เค้ารับเค้าให้เลือกว่าจะเป็นมาร์หรือนักวิเคราะห์ ผมเลือกเป็นมาร์เพราะผมชอบการซื้อขายหุ้นและอยากจะรู้ว่าคนที่ลงทุนแล้วได้กำไรเค้ามีวิธีอย่างไร การเป็นมาร์ทำให้มีโอกาสเจอมากกว่า แค่โอกาสแต่เจอหรือป่าวไม่รู้
-
- Verified User
- โพสต์: 1289
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนมากี่ปี่ครับ
โพสต์ที่ 58
[quote="makhorse"]ลงทุนมาตั้งแต่ปี 2528 สมัย SET อยู่ที่ 150 กว่าๆ ซื้อหุ้นตัวแรกคือ TFB (KBANK ปัจจุบัน) ที่ราคา 220 มีปันผลประมาณ 7% ที่ซื้อเพราะปันผล รู้สึกตอนนั้นจะเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากแบงค์ และคิดเองว่าเป็นบริษัทที่มั่นคงไม่เจ๊งดูจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (ล่ำซำ)ต่อมาไม่นานปรากฎว่าที่คิดนะถูกต้องคือกิจการไม่เจ๊งแต่นักลงทุนอย่างเราเจ๊งเพราะราคาลงไปที่ 180 บาท เลยทำตามหนังสือที่อ่านมาคือ Cut loss
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง