ขอคำแนะนำในหลักคิดเรื่องการปรับพอร์ทหุ้น มีหุ้นจริงให้ขบคิด
-
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำในหลักคิดเรื่องการปรับพอร์ทหุ้น มีหุ้นจริงให้ขบคิด
โพสต์ที่ 1
1.Background.
ผมบังเอิญไปเห็นกระดาษโน๊ตของคุณแม่ (อายุ 75 กำลังพักฟื้นอยู่บ้านญาติหลังจากหกล้ม ต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม) จึงทราบว่าท่านยังคงซื้อหุ้นอยู่ หลังจากที่เราขาดทุนมาเยอะและผมขอร้องให้เลิกเล่นนานแล้ว
ปรากฎว่ามีหุ้นอยู่เพียบเลย โดยที่ท่านก็ลืมไปแล้วว่ายังมีอยู่ จำได้ตัวเดียวคือ BBL แล้วเล่นหุ้นโดยดูจากตัววิ่งบนทีวี เมื่อเห็นมันลงก็ซื้อไว้แล้วสั่ง MKT ให้ตั้งขายไว้ห่างสัก 4-5 บาท ผมก็รอวันที่ 16 มกราคม 2551 ซึ่งผมคาดว่าเป็นจุดต่ำสุด เพราะวันรุ่งขึ้นจะมีการสรุปเรื่องใครจะตั้งรัฐบาลจึงเข้าไปที่โบรก แล้วให้ print สรุปหุ้นที่ถืออยู่ มีดังนี้
2.โจทย์
ต้นทุน ราคา ณ 16 มกรา 51
ASL 6บาท 0.76/5,000 หุ้น
BAY-W1 4.50 11/4,000
BBL 112.80 109/2,000
BLAND 2.86 0.72/50,000
GOLD 16.28 7.45/25,000
IRPC 7.58 5.20/38,000
KEST 48.37 21.60/6,000
KK 57.88 27/16,000
KMC 57 0.71/1,500
PDI 62.50 34/1,000
RS 6.29 2.88/62,000
SHIN 43.88 24.30/1,000
TC 39.88 13.40/4,000
THAI 37.35 32.25/500
TRUE 9.27 5.60/28,000
3. First Action.
ผมปรึกษา MKT ว่าผมอยากปรับพอร์ทใหม่ โดยขายทิ้งตัวที่ไม่มีอนาคต แล้วเปลี่ยนมาถือตัวที่ดีๆ โดยไม่ต้องมานั่งดูทุกวัน เขาแนะดังนี้
-ขาย ASL, KMC, BLAND เพราะคงขึ้นมาไม่ใกล้ต้นทุน และมีหุ้นไม่มาก
-ซื้อ EGCO, TRC, TRT โดยผมซื้อไม่มาก ตัวละ 50,000 บาท
ผมถามว่าถ้าขายวันนั้นหมด (ซึ่งผมคิดเอาเองว่าเป็นจุดต่ำสุด) ก็จะไม่ได้ราคาสิ เขาบอกว่าคิดอีกแง่นึง ก็จะสามารถซื้อตัวดีๆได้ในราคาที่ต่ำ
หลังจากนั้นสัก 2 weeks ผมก็ขาย GOLD, PDI, SHIN, TC, THAI
แล้วมาเจ็บกระดองใจตอน GOLD อยู่ดีๆก็ขึ้นจาก 7บาทเป็น 8บาท
(ตอนนั้นผมยังไม่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ว่าราคามันเคยสูงมาก่อน)
4.ยังมีหนทางอื่นๆอีกไหม
- short against port ผมได้ทดลองทำกับ KEST ดูแต่ก็ยังเสียวว่าจะซื้อคืนไม่ทัน
-ตัดใจไปเลย เช่น RS แล้วไปลงทุนกับตัวดีๆ เช่น PTL, TR
-รอจนมันขึ้น ไม่ว่าจะกี่ปี ซึ่งเคยทำมาแล้วกับหุ้นชุดก่อนในอดีต
บางตัวก็ขึ้นมา บางตัวก็ออกจากตลาดไปเลย
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
นายเก็งกำไรกลับใจ (เป็น vi)
ปล.ถ้ารอสัก 2 weeks แล้วไม่ค่อยมีคนสนใจ ผมขออนุญาตไปโพสในกระทู้ตะแกรงร่อนหุ้นจะผิดกติกาที่นี่ไหมครับ :D
ผมบังเอิญไปเห็นกระดาษโน๊ตของคุณแม่ (อายุ 75 กำลังพักฟื้นอยู่บ้านญาติหลังจากหกล้ม ต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม) จึงทราบว่าท่านยังคงซื้อหุ้นอยู่ หลังจากที่เราขาดทุนมาเยอะและผมขอร้องให้เลิกเล่นนานแล้ว
ปรากฎว่ามีหุ้นอยู่เพียบเลย โดยที่ท่านก็ลืมไปแล้วว่ายังมีอยู่ จำได้ตัวเดียวคือ BBL แล้วเล่นหุ้นโดยดูจากตัววิ่งบนทีวี เมื่อเห็นมันลงก็ซื้อไว้แล้วสั่ง MKT ให้ตั้งขายไว้ห่างสัก 4-5 บาท ผมก็รอวันที่ 16 มกราคม 2551 ซึ่งผมคาดว่าเป็นจุดต่ำสุด เพราะวันรุ่งขึ้นจะมีการสรุปเรื่องใครจะตั้งรัฐบาลจึงเข้าไปที่โบรก แล้วให้ print สรุปหุ้นที่ถืออยู่ มีดังนี้
2.โจทย์
ต้นทุน ราคา ณ 16 มกรา 51
ASL 6บาท 0.76/5,000 หุ้น
BAY-W1 4.50 11/4,000
BBL 112.80 109/2,000
BLAND 2.86 0.72/50,000
GOLD 16.28 7.45/25,000
IRPC 7.58 5.20/38,000
KEST 48.37 21.60/6,000
KK 57.88 27/16,000
KMC 57 0.71/1,500
PDI 62.50 34/1,000
RS 6.29 2.88/62,000
SHIN 43.88 24.30/1,000
TC 39.88 13.40/4,000
THAI 37.35 32.25/500
TRUE 9.27 5.60/28,000
3. First Action.
ผมปรึกษา MKT ว่าผมอยากปรับพอร์ทใหม่ โดยขายทิ้งตัวที่ไม่มีอนาคต แล้วเปลี่ยนมาถือตัวที่ดีๆ โดยไม่ต้องมานั่งดูทุกวัน เขาแนะดังนี้
-ขาย ASL, KMC, BLAND เพราะคงขึ้นมาไม่ใกล้ต้นทุน และมีหุ้นไม่มาก
-ซื้อ EGCO, TRC, TRT โดยผมซื้อไม่มาก ตัวละ 50,000 บาท
ผมถามว่าถ้าขายวันนั้นหมด (ซึ่งผมคิดเอาเองว่าเป็นจุดต่ำสุด) ก็จะไม่ได้ราคาสิ เขาบอกว่าคิดอีกแง่นึง ก็จะสามารถซื้อตัวดีๆได้ในราคาที่ต่ำ
หลังจากนั้นสัก 2 weeks ผมก็ขาย GOLD, PDI, SHIN, TC, THAI
แล้วมาเจ็บกระดองใจตอน GOLD อยู่ดีๆก็ขึ้นจาก 7บาทเป็น 8บาท
(ตอนนั้นผมยังไม่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ว่าราคามันเคยสูงมาก่อน)
4.ยังมีหนทางอื่นๆอีกไหม
- short against port ผมได้ทดลองทำกับ KEST ดูแต่ก็ยังเสียวว่าจะซื้อคืนไม่ทัน
-ตัดใจไปเลย เช่น RS แล้วไปลงทุนกับตัวดีๆ เช่น PTL, TR
-รอจนมันขึ้น ไม่ว่าจะกี่ปี ซึ่งเคยทำมาแล้วกับหุ้นชุดก่อนในอดีต
บางตัวก็ขึ้นมา บางตัวก็ออกจากตลาดไปเลย
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
นายเก็งกำไรกลับใจ (เป็น vi)
ปล.ถ้ารอสัก 2 weeks แล้วไม่ค่อยมีคนสนใจ ผมขออนุญาตไปโพสในกระทู้ตะแกรงร่อนหุ้นจะผิดกติกาที่นี่ไหมครับ :D
-
- Verified User
- โพสต์: 1289
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำในหลักคิดเรื่องการปรับพอร์ทหุ้น มีหุ้นจริงให้ขบ
โพสต์ที่ 2
ช่วยเท่าที่คิดว่าช่วยได้นะครับwison_a เขียน:1.Background.
ผมบังเอิญไปเห็นกระดาษโน๊ตของคุณแม่ (อายุ 75 กำลังพักฟื้นอยู่บ้านญาติหลังจากหกล้ม ต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม) จึงทราบว่าท่านยังคงซื้อหุ้นอยู่ หลังจากที่เราขาดทุนมาเยอะและผมขอร้องให้เลิกเล่นนานแล้ว
ปรากฎว่ามีหุ้นอยู่เพียบเลย โดยที่ท่านก็ลืมไปแล้วว่ายังมีอยู่ จำได้ตัวเดียวคือ BBL แล้วเล่นหุ้นโดยดูจากตัววิ่งบนทีวี เมื่อเห็นมันลงก็ซื้อไว้แล้วสั่ง MKT ให้ตั้งขายไว้ห่างสัก 4-5 บาท ผมก็รอวันที่ 16 มกราคม 2551 ซึ่งผมคาดว่าเป็นจุดต่ำสุด เพราะวันรุ่งขึ้นจะมีการสรุปเรื่องใครจะตั้งรัฐบาลจึงเข้าไปที่โบรก แล้วให้ print สรุปหุ้นที่ถืออยู่ มีดังนี้
2.โจทย์
ต้นทุน ราคา ณ 16 มกรา 51
ASL 6บาท 0.76/5,000 หุ้น
BAY-W1 4.50 11/4,000
BBL 112.80 109/2,000
BLAND 2.86 0.72/50,000
GOLD 16.28 7.45/25,000
IRPC 7.58 5.20/38,000
KEST 48.37 21.60/6,000
KK 57.88 27/16,000
KMC 57 0.71/1,500
PDI 62.50 34/1,000
RS 6.29 2.88/62,000
SHIN 43.88 24.30/1,000
TC 39.88 13.40/4,000
THAI 37.35 32.25/500
TRUE 9.27 5.60/28,000
3. First Action.
ผมปรึกษา MKT ว่าผมอยากปรับพอร์ทใหม่ โดยขายทิ้งตัวที่ไม่มีอนาคต แล้วเปลี่ยนมาถือตัวที่ดีๆ โดยไม่ต้องมานั่งดูทุกวัน เขาแนะดังนี้
-ขาย ASL, KMC, BLAND เพราะคงขึ้นมาไม่ใกล้ต้นทุน และมีหุ้นไม่มาก
-ซื้อ EGCO, TRC, TRT โดยผมซื้อไม่มาก ตัวละ 50,000 บาท
ผมถามว่าถ้าขายวันนั้นหมด (ซึ่งผมคิดเอาเองว่าเป็นจุดต่ำสุด) ก็จะไม่ได้ราคาสิ เขาบอกว่าคิดอีกแง่นึง ก็จะสามารถซื้อตัวดีๆได้ในราคาที่ต่ำ
หลังจากนั้นสัก 2 weeks ผมก็ขาย GOLD, PDI, SHIN, TC, THAI
แล้วมาเจ็บกระดองใจตอน GOLD อยู่ดีๆก็ขึ้นจาก 7บาทเป็น 8บาท
(ตอนนั้นผมยังไม่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ว่าราคามันเคยสูงมาก่อน)
4.ยังมีหนทางอื่นๆอีกไหม
- short against port ผมได้ทดลองทำกับ KEST ดูแต่ก็ยังเสียวว่าจะซื้อคืนไม่ทัน
-ตัดใจไปเลย เช่น RS แล้วไปลงทุนกับตัวดีๆ เช่น PTL, TR
-รอจนมันขึ้น ไม่ว่าจะกี่ปี ซึ่งเคยทำมาแล้วกับหุ้นชุดก่อนในอดีต
บางตัวก็ขึ้นมา บางตัวก็ออกจากตลาดไปเลย
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
นายเก็งกำไรกลับใจ (เป็น vi)
ปล.ถ้ารอสัก 2 weeks แล้วไม่ค่อยมีคนสนใจ ผมขออนุญาตไปโพสในกระทู้ตะแกรงร่อนหุ้นจะผิดกติกาที่นี่ไหมครับ :D
BAY-w1 /ถือไว้้/หาจังหวะดีๆ ค่อยขาย ก่อนหมดอายุ เดือน 9 ห้ามเกิน เดือน 6 มิย.
ASL /ถือรอ/รอวันไหน SETเขียวๆพร้อมซื้อขายเกิน 30000ล้านบาท ดูตอนสี่โมง บอกมาร์ ให้ขายไปเลย
KEST /แล้วแต่ /ถือได้ยาวๆ เกิน2ปีจะดี หรือ ถ้ามีตัวที่เรามั่นใจก็ เลือกตอนขายแบบ ASL...เอ มีหุ้นอยู๋ป่าวครับ ถ้าขายไปแล้ว ก็ปล่อยไปเลย
KK / เหมือนแบบ ASL
BBL /ถือ/รอขายปลายปียังได้ น่าเสียดาย มีน้อย รอวันแบบ ASL ก็ขายได้
ตัวอื่นๆ เว้นไว้ อาจขายทิ้งไปก็ได้
ถ้าศึกษาจนพร้อมแล้ว...ค่อยเข้าซื้อครับ
***เล่นแรกๆ ลงเงินน้อยๆ นะครับ***
จำไว้3อย่างครับ
1. หุ้นดี ซื้อตอนราคาแพงแล้ว ก็ขาดทุน ต้องซื้อหุ้นดี ในราคาถูกๆครับ
2. ตังเรา เสียก็ตังเรา อย่าตามมาร์
3. กลับไปดูข้อ1
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
-
- Verified User
- โพสต์: 17
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำในหลักคิดเรื่องการปรับพอร์ทหุ้น มีหุ้นจริงให้ขบคิด
โพสต์ที่ 3
ผมชอบ IRPC หลังโชว์กำไรโตมหาศาลครับ
KEST ก็น่าจะได้ผลประโยชน์จากค่าเฉลี่ยVolumeซื้อขายในตลาดดตขึ้นบ้างแล้ว
BBL กับ BAY-W1 ยังมีอนาคตไกลครับ โดยเฉพาะหลังมืออาชีพยักษ์ใหญ่อย่างGEเข้ามาถือนี่ดูดีมากเลยครับ
ที่ขายไปแล้วก็ดูมีแต่หุ้นที่พื้นฐานไม่ดีและแถมมีปัญหาเรื่อง Good Governance ทั้งนั้นถือว่าตัดสินใจถูกครับ (กรณีนี้ดูพื้นฐานนะครับไม่นับหุ้นมีจ้าว)
ส่วนหุ้นที่ซื้อมาก็ดูดีมีอนาคตครับ ลงทุนยาวๆเย็นใจได้ครับ เว้นแต่ตัวนั้นๆมีพื้นฐานที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นความเห็นของผมนะครับ แต่ผมก็เพิ่งเริ่มศึกษาหุ้นจริงๆจังๆแค่เกือบปีเอง ขอให้พี่ๆเพื่อนๆช่วยกันแนะนำด้วยครับ คุณWisonและผมจะได้ความรู้เพิ่มเติม ขอบคุณครับ
KEST ก็น่าจะได้ผลประโยชน์จากค่าเฉลี่ยVolumeซื้อขายในตลาดดตขึ้นบ้างแล้ว
BBL กับ BAY-W1 ยังมีอนาคตไกลครับ โดยเฉพาะหลังมืออาชีพยักษ์ใหญ่อย่างGEเข้ามาถือนี่ดูดีมากเลยครับ
ที่ขายไปแล้วก็ดูมีแต่หุ้นที่พื้นฐานไม่ดีและแถมมีปัญหาเรื่อง Good Governance ทั้งนั้นถือว่าตัดสินใจถูกครับ (กรณีนี้ดูพื้นฐานนะครับไม่นับหุ้นมีจ้าว)
ส่วนหุ้นที่ซื้อมาก็ดูดีมีอนาคตครับ ลงทุนยาวๆเย็นใจได้ครับ เว้นแต่ตัวนั้นๆมีพื้นฐานที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นความเห็นของผมนะครับ แต่ผมก็เพิ่งเริ่มศึกษาหุ้นจริงๆจังๆแค่เกือบปีเอง ขอให้พี่ๆเพื่อนๆช่วยกันแนะนำด้วยครับ คุณWisonและผมจะได้ความรู้เพิ่มเติม ขอบคุณครับ
Thank you for all of your information and suggestions
- krisy
- Verified User
- โพสต์: 736
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำในหลักคิดเรื่องการปรับพอร์ทหุ้น มีหุ้นจริงให้ขบคิด
โพสต์ที่ 5
เสนอว่า
- ตั้งเป้าก่อนไหมว่า อยากถือสักกี่ตัวที่คิดว่าจะดูแลได้ทั่วถึง
- กรองหุ้นจากผลประกอบการ ปันผล ย้อนหลังด้วย ถือหลายตัวแบบนี้ เอามูลค่าเงินลงทุนมากรองก่อนก็ได้ ว่าอยากดูตัวไหนก่อน
- เอาตัวเด่นๆมาศึกษาในห้องร้อยหุ้น + ติดตามข่าว
- รอจังหวะปล่อยตัวที่ไม่ชอบ ถ้าจะ short against port คิดว่าควรดูเทคนิคด้วย แต่ส่วนมาก ยังไงก็ต้องรับกลับให้ได้แม้ราคา ATC จะแพงกว่า (เรารู้ว่ามันยากค่ะ)
ที่ให้ศึกษาเองดูก่อน เพราะจะทำให้มั่นใจในการลงทุนมากกว่า เพราะเป็นเงินของเรา อย่างน้อยเวลาราคามันดิ่ง จะได้รู้ว่าต้องทำไง เพราะช่วงที่ต้องการใครสักคนจริงๆ ช่วงนั้นอาจไม่มีคนเข้ามาตอบกระทู้ค่ะ (เพราะเค้าก็ต้องปรับพอร์ทของตัวเอง :lol: )
เราให้ comment หุ้นไม่ได้เพราะตัวที่บอกมา ไม่เคยอ่านงบและ 56-1 สักตัว แต่เราดู shin มาบ้าง ก็ดูปลอดภัยดีค่ะ ทุนต่ำ advanc เราคิดว่าไม่โตเพิ่มเท่าไหร่แต่ไม่น่าลดลง (ใครบอกว่าโตเพิ่ม ไม่เคยเชื่อ :D ) เพราะงั้นปันผลของ shin ไม่น่าแย่ ปัจจัยบวกน่าจะเป็น sattel ที่เริ่มมีรายได้ อย่างไรก็ตาม อย่าเชื่อจนกว่าจะได้เห็นกับตานะคะ
- ตั้งเป้าก่อนไหมว่า อยากถือสักกี่ตัวที่คิดว่าจะดูแลได้ทั่วถึง
- กรองหุ้นจากผลประกอบการ ปันผล ย้อนหลังด้วย ถือหลายตัวแบบนี้ เอามูลค่าเงินลงทุนมากรองก่อนก็ได้ ว่าอยากดูตัวไหนก่อน
- เอาตัวเด่นๆมาศึกษาในห้องร้อยหุ้น + ติดตามข่าว
- รอจังหวะปล่อยตัวที่ไม่ชอบ ถ้าจะ short against port คิดว่าควรดูเทคนิคด้วย แต่ส่วนมาก ยังไงก็ต้องรับกลับให้ได้แม้ราคา ATC จะแพงกว่า (เรารู้ว่ามันยากค่ะ)
ที่ให้ศึกษาเองดูก่อน เพราะจะทำให้มั่นใจในการลงทุนมากกว่า เพราะเป็นเงินของเรา อย่างน้อยเวลาราคามันดิ่ง จะได้รู้ว่าต้องทำไง เพราะช่วงที่ต้องการใครสักคนจริงๆ ช่วงนั้นอาจไม่มีคนเข้ามาตอบกระทู้ค่ะ (เพราะเค้าก็ต้องปรับพอร์ทของตัวเอง :lol: )
เราให้ comment หุ้นไม่ได้เพราะตัวที่บอกมา ไม่เคยอ่านงบและ 56-1 สักตัว แต่เราดู shin มาบ้าง ก็ดูปลอดภัยดีค่ะ ทุนต่ำ advanc เราคิดว่าไม่โตเพิ่มเท่าไหร่แต่ไม่น่าลดลง (ใครบอกว่าโตเพิ่ม ไม่เคยเชื่อ :D ) เพราะงั้นปันผลของ shin ไม่น่าแย่ ปัจจัยบวกน่าจะเป็น sattel ที่เริ่มมีรายได้ อย่างไรก็ตาม อย่าเชื่อจนกว่าจะได้เห็นกับตานะคะ
.....Give Everything but not Give Up.....
-
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
ถามเพิ่มว่า "หุ้นและดัชนีมี product life cycle ไหมครับ&
โพสต์ที่ 6
1.ต้องขอขอบคุณ คุณMindTrick ที่แนะในเรื่อง timing ที่เหมาะสำหรับขาย คุณ yafayou, คุณ Chatchai, และคุณ Kristy มากครับ
2.ถ้าใช้เกณฑ์ vi แล้ว ดูเหมือนหุ้นที่แม่ถืออยู่ จะไม่ค่อยเข้าข่าย vi และต้นทุนก็ค่อนข้างสูง เช่นถ้าขาย KK วันนี้จะขาดทุนทันที 458,000 บาท โดยเป้าหมายคือปรับพอร์ทไปถือหุ้นดีๆมีอนาคต โดยพยายามใช้งบที่มีอยู่ หรือเติมเงินให้น้อยสุด (คุณแม่ใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการมาซื้อหุ้น โดยแอบไปนั่งคุยกับเพื่อนบ้านและฝากซื้อหุ้นในพอร์ทเขา)
3.ผมเชื่อว่านักเล่นหุ้นหลายคนที่เคยเล่นแบบเก็งกำไร น่าจะติดหุ้นแบบนี้อยู่หลายท่านครับ ก็เลยอาสาใช้ case ตัวเองมาเพื่อหา "หลักคิด" ในการปรับพอร์ทหุ้น (สำหรับคนที่เริ่มต้นเล่นหุ้นแบบ vi เลยน่าจะเยี่ยมมากเลยนะครับ) ใน case ของผมนั้นเริ่มจากติดลบครับ คือมีหุ้นติดดอยอยู่ และงบประมาณจำกัด ต้องสังเวยตัวใดตัวหนึ่งไป เพื่อหุ้นดีๆ
4.อยากถามเพิ่มว่า "หุ้นและดัชนีมี product life cycle ไหมครับ" เพราะดูเหมือนจะราคาสูงช่วง"รับรู้" ผลประกอบการ หรือไม่ก็ "รับรู้"ว่ามีโครงการเข้ามา แล้วของธุรกิจหละครับ คืออยากรู้ว่าตัวที่แม่ถืออยู่มี cycle ไหมครับ คือเป็น general guideline หนะครับ
5.หุ้นที่อยู่นอกตลาดแล้ว ควรทำยังไง (นอกจาก"ทำใจ")
(ผมไปศูนย์รับฝากให้เขา list ออกมา แม่ยังมีหุ้นที่ถืออยู่สมัยรสชโน่น)
เช่นของ STAR-O (สตาร์บล็อค)และ UCT (ยูนิคอร์ท)
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อดีตลูกนักเก็งกำไร
อนาคตขอเป็น vi
2.ถ้าใช้เกณฑ์ vi แล้ว ดูเหมือนหุ้นที่แม่ถืออยู่ จะไม่ค่อยเข้าข่าย vi และต้นทุนก็ค่อนข้างสูง เช่นถ้าขาย KK วันนี้จะขาดทุนทันที 458,000 บาท โดยเป้าหมายคือปรับพอร์ทไปถือหุ้นดีๆมีอนาคต โดยพยายามใช้งบที่มีอยู่ หรือเติมเงินให้น้อยสุด (คุณแม่ใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการมาซื้อหุ้น โดยแอบไปนั่งคุยกับเพื่อนบ้านและฝากซื้อหุ้นในพอร์ทเขา)
3.ผมเชื่อว่านักเล่นหุ้นหลายคนที่เคยเล่นแบบเก็งกำไร น่าจะติดหุ้นแบบนี้อยู่หลายท่านครับ ก็เลยอาสาใช้ case ตัวเองมาเพื่อหา "หลักคิด" ในการปรับพอร์ทหุ้น (สำหรับคนที่เริ่มต้นเล่นหุ้นแบบ vi เลยน่าจะเยี่ยมมากเลยนะครับ) ใน case ของผมนั้นเริ่มจากติดลบครับ คือมีหุ้นติดดอยอยู่ และงบประมาณจำกัด ต้องสังเวยตัวใดตัวหนึ่งไป เพื่อหุ้นดีๆ
4.อยากถามเพิ่มว่า "หุ้นและดัชนีมี product life cycle ไหมครับ" เพราะดูเหมือนจะราคาสูงช่วง"รับรู้" ผลประกอบการ หรือไม่ก็ "รับรู้"ว่ามีโครงการเข้ามา แล้วของธุรกิจหละครับ คืออยากรู้ว่าตัวที่แม่ถืออยู่มี cycle ไหมครับ คือเป็น general guideline หนะครับ
5.หุ้นที่อยู่นอกตลาดแล้ว ควรทำยังไง (นอกจาก"ทำใจ")
(ผมไปศูนย์รับฝากให้เขา list ออกมา แม่ยังมีหุ้นที่ถืออยู่สมัยรสชโน่น)
เช่นของ STAR-O (สตาร์บล็อค)และ UCT (ยูนิคอร์ท)
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อดีตลูกนักเก็งกำไร
อนาคตขอเป็น vi
- krisy
- Verified User
- โพสต์: 736
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำในหลักคิดเรื่องการปรับพอร์ทหุ้น มีหุ้นจริงให้ขบคิด
โพสต์ที่ 7
เนื่องจากมือใหม่เหมือนกัน ตอบเท่าที่ทราบนะคะ
เราว่าคนเล่นเก็งผลประกอบการ ปันผล โครงการใหม่ ลูกค้าใหม่ กันอยู่แล้ว ทำให้ราคาสูงในบางช่วง ข่าวรอบบ้านเมืองเราก็สำคัญ
เท่าที่มอง
PDI ต้องเล่นรอบของทองแดงซึ่งเป็นรอบใหญ่เพราะกระทบทั่วโลก ต้องตามข่าว commodity เอาค่ะ ดีที่ข่าวหาไม่ยากเท่าไหร่
พวกอสังหากับหลักทรัพย์ รอบเล็กลงหน่อยเพราะค่อนข้างจะเกี่ยวกับปัจจัยในประเทศ การเมือง เศรษฐกิจดี พวกนี้ก็น่าจะดี
ลองอ่านจากคลังกระทู้คุณค่านะคะ มีเรื่องที่คุณถามค่ะ เพราะเราก็อ่านมาแล้วจำมาตอบ
เราว่าคนเล่นเก็งผลประกอบการ ปันผล โครงการใหม่ ลูกค้าใหม่ กันอยู่แล้ว ทำให้ราคาสูงในบางช่วง ข่าวรอบบ้านเมืองเราก็สำคัญ
เท่าที่มอง
PDI ต้องเล่นรอบของทองแดงซึ่งเป็นรอบใหญ่เพราะกระทบทั่วโลก ต้องตามข่าว commodity เอาค่ะ ดีที่ข่าวหาไม่ยากเท่าไหร่
พวกอสังหากับหลักทรัพย์ รอบเล็กลงหน่อยเพราะค่อนข้างจะเกี่ยวกับปัจจัยในประเทศ การเมือง เศรษฐกิจดี พวกนี้ก็น่าจะดี
ลองอ่านจากคลังกระทู้คุณค่านะคะ มีเรื่องที่คุณถามค่ะ เพราะเราก็อ่านมาแล้วจำมาตอบ
.....Give Everything but not Give Up.....
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำในหลักคิดเรื่องการปรับพอร์ทหุ้น มีหุ้นจริงให้ขบคิด
โพสต์ที่ 8
คุณ wison ครับ
ผมอยากจะพูดคุยหลักการลงทุนแนว VI บ้างเรื่องนะครับ ซึ่งจริงๆแล้วก็มีการพูดคุยกันอยู่มากในเวบของเรา และในห้องคลังกระทู้คุณค่า
เรื่องที่ผมอยากจะพูดคุยด้วยคือเรื่องต้นทุนที่เราซื้อหุ้นมา และหลักเกณฑ์ในการขายหุ้น
เรามักจะได้รับคำถามเป็นประจำเมื่อเราขอคำปรึกษานักวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่าเราควรจะทำอย่างไรกับหุ้นที่เรามีอยู่ คือ ต้นทุนที่เราซื้อหุ้นมาอยู่ที่ราคาเท่าไร ถ้าขาดทุนมาก คำแนะนำส่วนใหญ่ก็ให้ถือไว้ แต่ถ้าขาดทุนนิดหน่อย คำแนะนำก็คือรอรีบาวด์แล้วก็ขาย
ต้นทุนที่เราซื้อมาสำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นปัจจัยในการตัดสินใจถือหรือขายหุ้นได้
ถ้าเราซื้อหุ้นมาที่ 100 บาท ปัจจุบันราคา 70 บาท แต่บริษัทมีแนวโน้มที่ไม่ดี ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 40 บาท เราควรถือต่อ หรือควรขายทิ้ง
สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ อนาคตของบริษัทนั้นต่างหากที่เป็นปัจจัยสำคัญ ปัจจัยหนึ่ง ในการตัดสินใจว่าจะ ซื้อ ถือ หรือขายหุ้นของบริษัทนั้นๆ
ตรงกันข้าม เราจะเห็นได้ว่า เพื่อนๆในเวบของเรา บางคนมีกำไรหลายเท่าตัวถ้ามีการขายหุ้นในราคาปัจจุบัน แต่เพื่อนๆเหล่านั้นก็ยังไม่คิดที่จะขาย เพราะปัจจัยที่จะขายหุ้นนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้นทุนที่เราซื้อหุ้นมาเลยซักนิดเดียว
ผมอยากจะพูดคุยหลักการลงทุนแนว VI บ้างเรื่องนะครับ ซึ่งจริงๆแล้วก็มีการพูดคุยกันอยู่มากในเวบของเรา และในห้องคลังกระทู้คุณค่า
เรื่องที่ผมอยากจะพูดคุยด้วยคือเรื่องต้นทุนที่เราซื้อหุ้นมา และหลักเกณฑ์ในการขายหุ้น
เรามักจะได้รับคำถามเป็นประจำเมื่อเราขอคำปรึกษานักวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่าเราควรจะทำอย่างไรกับหุ้นที่เรามีอยู่ คือ ต้นทุนที่เราซื้อหุ้นมาอยู่ที่ราคาเท่าไร ถ้าขาดทุนมาก คำแนะนำส่วนใหญ่ก็ให้ถือไว้ แต่ถ้าขาดทุนนิดหน่อย คำแนะนำก็คือรอรีบาวด์แล้วก็ขาย
ต้นทุนที่เราซื้อมาสำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นปัจจัยในการตัดสินใจถือหรือขายหุ้นได้
ถ้าเราซื้อหุ้นมาที่ 100 บาท ปัจจุบันราคา 70 บาท แต่บริษัทมีแนวโน้มที่ไม่ดี ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 40 บาท เราควรถือต่อ หรือควรขายทิ้ง
สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ อนาคตของบริษัทนั้นต่างหากที่เป็นปัจจัยสำคัญ ปัจจัยหนึ่ง ในการตัดสินใจว่าจะ ซื้อ ถือ หรือขายหุ้นของบริษัทนั้นๆ
ตรงกันข้าม เราจะเห็นได้ว่า เพื่อนๆในเวบของเรา บางคนมีกำไรหลายเท่าตัวถ้ามีการขายหุ้นในราคาปัจจุบัน แต่เพื่อนๆเหล่านั้นก็ยังไม่คิดที่จะขาย เพราะปัจจัยที่จะขายหุ้นนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้นทุนที่เราซื้อหุ้นมาเลยซักนิดเดียว
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำในหลักคิดเรื่องการปรับพอร์ทหุ้น มีหุ้นจริงให้ขบคิด
โพสต์ที่ 9
ที่นี้คำถามต่อมาก็คือ ราคาพื้นฐาน เราจะรู้ได้อย่างไร เชื่อตามนักวิเคราะห์ตามบทวิจัยได้หรือไหม
นักวิเคราะห์ก็มีทั้งเก่งและไม่เก่ง เชื่อถือได้หรือไม่ได้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเก่ง ใครพอเชื่อถือได้
เราก็ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในกิจการที่เราลงทุนเป็นอย่างดี
ความรู้เรื่องการลงทุน การคัดเลือกคุณสมบัติกิจการที่ดี ในเวบเรานั้นมีอยู่มากมาย ถ้าจะพยายามค้นหา ศึกษา
ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทต่างๆที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในห้องร้อยคนร้อยหุ้น ก็รวบรวมข้อมูลของบริษัทมากพอควร
นักวิเคราะห์ก็มีทั้งเก่งและไม่เก่ง เชื่อถือได้หรือไม่ได้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเก่ง ใครพอเชื่อถือได้
เราก็ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในกิจการที่เราลงทุนเป็นอย่างดี
ความรู้เรื่องการลงทุน การคัดเลือกคุณสมบัติกิจการที่ดี ในเวบเรานั้นมีอยู่มากมาย ถ้าจะพยายามค้นหา ศึกษา
ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทต่างๆที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในห้องร้อยคนร้อยหุ้น ก็รวบรวมข้อมูลของบริษัทมากพอควร
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
ขอบคุณทุกๆท่านมากครับ
โพสต์ที่ 10
ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านมากนะครับ
โดยเฉพาะคุณchatchai ที่บอกว่า
"ปัจจัยที่จะขายหุ้นนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้นทุนที่เราซื้อหุ้นมาเลยซักนิดเดียว" และ
"อนาคตของบริษัทนั้นต่างหากที่เป็นปัจจัยสำคัญ ปัจจัยหนึ่ง ในการตัดสินใจว่าจะ ซื้อ ถือ หรือขายหุ้นของบริษัทนั้นๆ "
และจะเข้าไปค่อยๆอ่านกระทู้ในห้อง กระทู้คุณค่า และตะแกรงร่อนหุ้น ให้มากๆ
ขอบคุณครับ
โดยเฉพาะคุณchatchai ที่บอกว่า
"ปัจจัยที่จะขายหุ้นนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้นทุนที่เราซื้อหุ้นมาเลยซักนิดเดียว" และ
"อนาคตของบริษัทนั้นต่างหากที่เป็นปัจจัยสำคัญ ปัจจัยหนึ่ง ในการตัดสินใจว่าจะ ซื้อ ถือ หรือขายหุ้นของบริษัทนั้นๆ "
และจะเข้าไปค่อยๆอ่านกระทู้ในห้อง กระทู้คุณค่า และตะแกรงร่อนหุ้น ให้มากๆ
ขอบคุณครับ