>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
angra
Verified User
โพสต์: 51
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 91

โพสต์

ทึ่งในความขยันเก็บข้อมูลจริงๆครับ

รบกวน PM เบอร์ 3,17,19 ด้วยครับ ขอบคุณมากครับ
Windy
Verified User
โพสต์: 543
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 92

โพสต์

ขอ list โบรคด้วยครับ
waxwing
Verified User
โพสต์: 4
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 93

โพสต์

รบกวนขอโบรก 3, 17, 19 ด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
shiney
Verified User
โพสต์: 30
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 94

โพสต์

คาราวะเลยครับ คุณ Ryuga สุดยอดจิงๆครับ
ขอ pm ด้วยครับ
Thanks You!
Don't do what other say, just listen to them, but do what u feel good!!!
investor009
Verified User
โพสต์: 77
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 95

โพสต์

ขอpmด้วยคนครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
house
Verified User
โพสต์: 683
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 96

โพสต์

ขอรายชื่อด้วยคนครับพี่ริว :oops:
ทำให้เต็มที่ เพื่อจะไม่เสียใจภายหลัง
waz
Verified User
โพสต์: 751
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 97

โพสต์

ขอบคุณนะครับ ที่เฉลย

ได้รับการพิสูจน์อีกครั้งว่า

ยังงัย สถิติก็แม่นยำกว่าความรู้สึกส่วนตัว
tulaya
Verified User
โพสต์: 5
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 98

โพสต์

ขอ PM รายชื่อทั้งหมดได้ไหมคะ
จะเอาไปต่อยอดด้วย
ขอบคุณค่ะ
chanchai_lee
Verified User
โพสต์: 82
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 99

โพสต์

สวัสดีครับ รบกวนขอเฉลยข้อสอบวิชานี้ด้วยครับ
prin
Verified User
โพสต์: 133
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 100

โพสต์

ไม่ต้องหลังไมค์ก้ได้ครับ รายชื่อโบรกเกอร์อยู่ในเวปไซต์ตลากหลักทรัพย์อยู่แล้ว อย่าพยายามเน้นที่โบรกฯมากจนละเลยเนื้อหานะครับ

http://www.set.or.th/th/links/brokerslist.html
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 101

โพสต์

fantasia เขียน: ขออนุญาติเป็นตัวแทนของนักวิเคราะห์ก็แล้วกันนะครับ แม้จะต้องเป็นศัตรูกับคนส่วนใหญ่ก็ตาม  :(  
พี่ fantasia เป็นภาคปี 1940 หรือ ปี 2000 ครับ เอ๊ย เป็นนักวิเคราะห์หรือเปล่าครับ :D

ที่นำเสนอเรื่องนี้เพราะผมอยากให้มีหลักฐานยืนยันที่เป็นรูปธรรมในการลงทุนตามคำแนะนำของนักวิเคราะห์ทั้งตลาดรวมกันว่าจะให้ผลเช่นไร ไม่ได้คิดจะโจมตี ลดทอนความน่าเชื่อถือ หรือจะมาฟาดฟันกันให้ตายแต่ประการใด ที่จริงผมถือเป็นเรื่องขำๆ คำแนะนำก็เป็นเพียงความเห็น มีถูกมีผิดบ้างเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับนักลงทุนมือใหม่ซึ่งไม่ชอบวิเคราะห์อะไรด้วยตัวเอง เห็นเขาแนะซื้อก็ซื้อเขาแนะขายก็ขายจะได้เป็นอุทาหรณ์ไว้ ผู้อยู่เบื้องหลังราคาหุ้นและตัวเลขต่างๆ ก็ล้วนเป็นบุคคล เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายนี่เอง ราคาหุ้นอาจจะวิ่งตามอารมณ์ได้เป็นเวลานานแทนที่จะวิ่งตามเหตุผล การคาดการณ์ผิดพลาดนั้นไม่ใช่เรื่องเสียหาย

ผมขอให้กำลังใจนักวิเคราะห์ทุกท่านครับ ที่มุ่งมั่นทุ่มเททำงานอันรุงรัง และออกจะน่าเบื่อแทนนักลงทุนจำนวนมาก สำหรับนักลงทุนไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ เมื่อมีนักวิเคราะห์ช่วยกลั่นกรองข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริงมานำเสนอให้นั้นล้วนแต่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น

ขอขอบคุณนักวิเคราะห์ทุกท่านครับ :bow:

หมายเหตุ - ผมชอบ Rite of Spring ของท่าน Stravinsky ครับ 8)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 102

โพสต์

fantasia เขียน:Benchmark ที่คุณ Ryuga ใช้คือ SET ซึ่งวัดผลตอบแทนโดยถ่วงน้ำหนักตาม mkt cap
ดังนั้นถ้าใช้ผลตอบแทนโดยถ่วงน้ำหนักตาม mkt cap จึงจะยุติธรรมกับโบรกเกอร์มากกว่า

แต่ถ้าใช้ผลตอบแทนโดยถ่วงน้ำหนักทุกตัวเท่ากัน
Benchmark ก็ควรจะถ่วงน้ำหนักผลตอบแทนของหุ้นทุกตัวในตลาดให้เท่ากันด้วย (ดัชนี้ตัวนี้คงต้องไปขอคุณ ดัชนีไทยมั้ง  :D )
ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ยังเชื่อว่าโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ก็จะสอบผ่านอยู่ดี

อย่างไรก็ตามก็ขอบคุณสำหรับกระทู้ที่มีประโยชน์มาก ๆ กระทู้นี้ด้วยครับ
อย่างที่ผมได้แสดงความเห็นไป อันว่าการที่โบรกทั้งหลายส่วนใหญ่ประสานเสียงให้ซื้อหุ้นกลุ่ม bank กับพลังงานกันเกือบหมดทุกหลักทรัพย์ และการที่มูลค่าตลาดของหุ้นกลุ่มนี้รวมกันเกินกึ่งหนึ่งของตลาด มันย่อมฉุดให้อัตราผลตอบแทนของพอร์ตถ่วงน้ำหนักให้วิ่งขึ้นไปตามดัชนีและกลบอัตราผลตอบแทนจากหุ้นเล็กหุ้นน้อยทั้งหมด ผลที่ได้ตามที่ผมคาดเอง (ไม่รับประกันว่าจะถูก) ก็คือ พอร์ตของโบรกทั้งหมดจะเกาะอยู่กับดัชนีตลาด อาจมากหรือน้อยกว่าดัชนีบ้าง แต่ที่สำคัญคืออาจไม่มีโบรกไหนแตกต่างจากกันอย่างมีนัยสำคัญ เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นโบรกที่แนะแตกต่างกันออกไปในหุ้นมูลค่าตลาดมาก ผลการศึกษาเช่นนี้ ไม่มีสาระสำคัญให้สนใจ

เรื่องนี้น่าสนใจครับ และผมก็เห็นด้วย แต่เรื่องนี้ไม่ต้องลำบากคุณดัชนีไทยเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ต้องวุ่นวายนำรายชื่อทั้ง 230 หลักทรัพย์ ตามการศึกษานี้ไปให้คุณดัชนีไทยก่อน

เมื่อคิดเป็นดัชนีราคาตามกลุ่มหลักทรัพย์รวมทั้ง SET และ MAI ไม่นับพวกติด SP กับพวกที่ delist ไปแล้ว แต่รวมหุ้นที่ยังอยู่ขณะที่ออกบทวิเคราะห์ จะได้เป็นกลุ่มหลักทรัพย์ 517 หลักทรัพย์
การเปลี่ยนแปลงของราคาในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราผลตอบแทนได้เท่ากับ 13.75%


เมื่อนำไปเทียบกับอัตราผลตอบแทนตามที่ผมขึ้นรูปเอาไว้ เห็นได้ว่าผู้ชนะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเป็น 16 ราย เหลือผู้แพ้เพียง 7 ราย ยืนยันคำกล่าวของพี่ fantasia ว่าเป็นจริง 8)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 103

โพสต์

แต่ถ้าจะเปรียบเทียบแบบนี้ผมก็เห็นว่าไม่ยุติธรรม เพราะดัชนีราคาตลาดทุนรวมมันรวมพวกผันผวนน้อยอย่างหน่วยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เข้าไปด้วยซึ่งปกติแทบไม่มีโบรกมาวิเคราะห์ และราคาที่ไม่ค่อยไปไหนก็เป็นตัวฉุด mean ดัชนีราคารวมให้ลดลง นอกจากนั้นมันยังมีหุ้นเล็กหุ้นน้อยที่เห็นกันอย่างชัดเจนจำนวนมากว่าเน่า หรือไม่ก็เป็นพวกไร้อนาคต

อย่างกลุ่มสิ่งทอทั้งกลุ่มนั้น ขณะที่ผมเก็บข้อมูลไม่มีบทวิเคราะห์เข้ามาเลย ปีที่ผ่านมาทั้งบาทแข็งทั้งต้นทุนพุ่ง กลุ่มสิ่งทอเจอทั้งกำไรร่วงทั้งขาดทุน อย่าง UF ก็ถึงกับล้มละลาย ตอนนี้ล้างคาวชุบตัวใหม่เป็น UTC ไปแล้ว ในเมื่อไม่มีนักวิเคราะห์มาวิเคราะห์ หากจะนำหุ้นเหล่านี้ไปรวมคิดด้วยย่อมไม่ยุติธรรม

ในเมื่อวัดด้วยดัชนีราคารวมของหลักทรัพย์ทั้งตลาดซึ่งไม่มีหลักทรัพย์ใดมีน้ำหนักมากกว่ากัน ผมก็จะนำเสนอให้วัดกันด้วยอีกตัวเลขหนึ่งก็คือ ดัชนีราคารวมของหลักทรัพย์ทั้งหมดตามที่มีคำแนะนำ "ซื้อ" จาก SAAฯ แทน

จากกรอบการศึกษาที่มีหลักทรัพย์รวม 230 หลักทรัพย์ คัดให้เหลือเฉพาะที่มีคำแนะนำ "ซื้อ" ก็จะเหลือเพียง 176 หลักทรัพย์
การเปลี่ยนแปลงของราคาในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาของหลักทรัพย์กลุ่มนี้ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนได้เท่ากับ 13.17% แพ้ดัชนีราคาของตลาดทุนรวมเล็กน้อย


นั่นอาจจะมีข้อแย้งได้เพราะน้อง EVIL บวกมากกว่า 1500% ดึง mean รุนแรงเกินปกติ แต่ความผันผวนเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้มีมาอยู่ตลอดคู่กับตลาดหลักทรัพย์ ปีก่อนๆ เราก็เห็น APURE, IEC บวกกัน 700-800% ปี 49 D1 ครั้งยัง DIANA อยู่ก็บวก 670% ปีที่แล้วมี EVIL บ้างก็ไม่แปลก ไม่แน่ปีนี้อาจะมี D1 ไปหมื่นล้านก็ได้ ( :lol: ) เพราะขนาด EVIL ยัง 14,000 ล้าน ได้เลยนิ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 104

โพสต์

อย่างที่กล่าวมาแต่ครั้งแรกของการศึกษาว่า ผมเน้นที่ภาพรวมของคำแนะนำ ไม่อยากให้ไปเน้นที่โบรก คำแนะนำแต่ละตัวอย่างผมให้น้ำหนักเท่ากันหมด และอัตราผลตอบแทนที่แสดงก็ถ่วงน้ำหนักตามคำแนะนำ จากที่ผมสรุปไว้ 7 ข้อก็วางอยู่บนกรอบนี้

ในด้านนักลงทุน การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่อให้ผลตอบแทนดีขึ้นหากต้องมาถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาดของหุ้นที่แนะซื้อนั่นย่อมไม่เหมาะสมในเชิงปฏิบัติ ยกตัวอย่างว่า หากโบรกแนะซื้อ PTT มาพร้อมๆ กับ HMPRO นักลงทุนผู้มีเงินอยู่ 1 ล้านบาท ก็คงต้องแบ่งเงินตามมูลค่าตลาดเพื่อซื้อ PTT 990,000 บาท เหลือเงินซื้อ HMPRO หมื่นเดียว ยิ่งถ้าเป็นหุ้นเล็กหุ้นน้อยก็คงต้องเจียดเสี้ยวเงินหลักร้อยหลักพันมาซื้อ ถ้าหากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ อยากให้ตัวเลขเหล่านี้ดีขึ้น พวกเขาก็ควรที่จะหยุดให้คำแนะนำในสิ่งที่พวกเขาไม่แน่ใจ

การเทียบกับดัชนีราคารวมทั้งตลาดก็เพียงแต่เป็นการกด mean ให้ต่ำลง สำหรับนักลงทุนผู้ได้อัตราผลตอบแทนในปีที่ผ่านมาเท่ากับ 14% การที่เราจะไปบอกเขาว่าดัชนีราคารวมทั้งตลาดบวกเพียง 13.75% นั้นย่อมไม่อาจปลอบใจอะไรเขาได้ และตัวเลขดัชนีราคารวมของกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีคำแนะ "ซื้อ" จาก SAAฯ ก็บวกขึ้นเพียง 13.17% เท่านั้น ไม่ได้เชิดหน้าชูตานักวิเคราะห์ในภาพรวมเลย 8)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 105

โพสต์

ที่ผมจั่วหัวไว้ว่าเป็นเคสหมายเลข 1 ก็เผื่อจะมีใครมาต่อ เรียนอีกครั้งหนึ่งว่าผมต้องการเพียงแสดงภาพรวมของคำแนะนำ สะท้อนไปถึงคุณภาพของคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ทั้งตลาด ผ่าน SAAฯ ไม่อยากเน้นเรื่องเปอร์เซ็นต์ความแม่นของโบรกต่างๆ ซึ่งสะท้อนภาพนักวิเคราะห์เฉพาะแห่ง จะอย่างไรของแบบนี้ก็อาจจะมีปัจจัยฟลุ๊คๆ เข้ามาเกี่ยวข้องได้ นักวิเคราะห์เองก็ย้ายค่ายไปๆ มาๆ กันออกบ่อย ซึ่งการย้ายค่ายของนักวิเคราะห์ก็อาจทำให้เปอร์เซ็นต์แม่นจากโบรกแห่งนั้นเปลี่ยนไป แต่เปอร์เซ็นต์แม่นทั้งตลาดจะคงเดิม ผมเอาเรื่องมาลงเพียงเท่านี้ก็รู้สึกจะออกแนวประจานมากพอดูอยู่แล้ว แต่อาจารย์แพรนดี้แนะมา คิดว่าอีกหลายๆ ท่านก็คงอยากรู้เหมือนกันแหละ 8)

เรื่องนี้ผมจะไม่นำเสนอเป็นการศึกษานะครับ แต่จะเล่าสั้นๆ

คำแนะนำ "ซื้อ" 813 ความเห็น ผ่านมา 1 ปี ปรากฏว่า
ราคาหุ้นบวกขึ้นไป 501 ความเห็น
ราคาหุ้นร่วงลงมา 312 ความเห็น
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ความแม่น 61.62%
(ราคาหุ้นร่วงหรือไม่เปลี่ยนแปลงจะถูกรวมเข้าด้วยกัน เพราะถือว่าหากราคาหุ้นไม่เปลี่ยนแปลงนักลงทุนก็ขาดทุนค่าคอมอยู่ดี การศึกษาไม่ได้รวมเงินปันผลเพราะอ้างอิงกับ SET ซึ่งไม่รวมเงินปันผลเช่นกัน)

จาก 23 โบรก มี 14 โบรกที่เกิน mean อีก 9 โบรกที่เหลือตก mean
โบรกที่แม่นที่สุด คือ โบรกที่ 17 แนะซื้อ 11 หลักทรัพย์ ขึ้น 9 ลง 2  accuracy 81.82%
อันดับ 2 คือ โบรกที่ 19 แนะซื้อ 25 หลักทรัพย์ ขึ้น 20 ลง 5  accuracy 80.00%
อันดับ 3 คือ โบรกที่ 18 แนะซื้อ 28 หลักทรัพย์ ขึ้น 20 ลง 8  accuracy 71.43%

บ๊วยที่สุดคือ โบรกที่ 10  แนะซื้อ 26 หลักทรัพย์ ขึ้น 12 ลง 14   accuracy 46.15%  :lol:


โบรกที่ 18 นั้น ถึงเปอร์เซ็นต์แม่นจะเยอะแต่ก็ไม่ทิ้งอันดับ 4,5.... ไปไกลเท่าไหร่ ที่อัตราผลตอบแทนเขาไม่สูงก็เพราะไม่มีหุ้นแนะซื้อที่ขึ้นอย่างโดดเด่น ถ้าเค้าแนะซื้อ BANPU แทนที่จะแนะขายก็คงมีตัวเลขที่ดีกว่านี้ :lol:

ส่วนโบรกที่ 3 นั้น ที่จริงเขาเกือบตก mean ทีเดียว นั่นเพราะเขากระจายคำแนะนำซื้อออกไปอย่างกว้างไกลคล้ายๆ โบรกที่ 1 ซึ่งตก mean พอดี แต่ทั้ง 2 โบรกนี้มีจำนวนแนะซื้อแล้วขึ้นมากที่สุด คือ 42 หลักทรัพย์ ในโบรกที่ 1 และ 41 หลักทรัพย์ ในโบรกที่ 3

นอกจากนั้นเขายังให้ความสนใจกับหุ้นเล็กหุ้นน้อยอย่างที่โบรกอื่นไม่ค่อยสนใจอีกด้วย อย่างเช่น UVAN +81%, TVO +145% ฯลฯ ทำให้ผลตอบแทนรวมของเค้า (โบรกที่ 3) ยังออกมาใช้ได้


สรุปท้ายนี้ง่ายๆ ว่า คำแนะนำ "ซื้อ" ตามที่ปรากฏใน SAAฯ เมื่อ 1 ปีที่แล้ว 10 ความเห็น มีหุ้นขึ้นจริงเพียง 6 อีก 4 หุ้นที่เหลือจะร่วง

อย่าลืมนะครับว่า ผลการศึกษานี้วางอยู่บนสถานการณ์ที่ตลาดบวกขึ้นไป 23.42% น่าสนใจว่าถ้าตลาดติดลบ ตัวเลขพวกนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ อย่างไร 8)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 106

โพสต์

prin เขียน:ไม่ต้องหลังไมค์ก้ได้ครับ รายชื่อโบรกเกอร์อยู่ในเวปไซต์ตลากหลักทรัพย์อยู่แล้ว อย่าพยายามเน้นที่โบรกฯมากจนละเลยเนื้อหานะครับ

http://www.set.or.th/th/links/brokerslist.html
เห็นด้วยมากๆ เลยครับ ผู้ชนะในวันนี้มีหรือจะชนะได้ตลอดไป 8)
คนเรือ VI
Verified User
โพสต์: 1647
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 107

โพสต์

ใน list ไม่มีหมายเลข 17 ครับ
. . .
จิวยี่
Verified User
โพสต์: 21
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 108

โพสต์

เห็นกระทู้คุณริวงะที่วิเคราะห์คำแนะนำ SAA ของโบรกแล้ว มันเข้ากะบทความอันนี้ดีจีงๆเลยครับ เลยยกมาให้อ่านกันเล่นๆนะ

บทวิเคราะห์เดย์เทรดอย่างเป็นทางการของโบรกรายหนึ่ง ที่เพิ่งได้เกรด D จากคุณริวงะไป อย่างขำครับ  :lol:  :lol:  :lol:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เด็กแนว
หุ้นเกรด C วิ่งว่อนตามคาด แต่ตลาดรวมสิจะแย่เอา เพราะตีเขียวตีแดงเวียนหัวไปตลอดเช้า อย่าคิดมาก ถ้าใครจับหุ้น
เล็กเด็กแนวตอนนี้ยิ้มแป้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตลาดบ่ายเผลอๆ ก็ยังเล่นไม่ยาก เพราะหุ้นเล็กมากันเพียบ แบบนี้ต้อง
กระจายเงินลงทุนกันหน่อยแล้วล่ะ
►N-PARK ไม่ใช่เรื่องธรรมดานะที่หุ้นผลประกอบการขาดทุนเละ มีขาดทุนสะสมกว่า 5 พันล้านจะวิ่งได้ ถ้าไม่ใช่ด้วยมีพลังงาน
หรือสะสารใดมาผลักดัน หันไปดูกลวิธีการเล่นก็ชักจะเห็นอะว่ามี story ของจริงที่ไม่ใช่ข่าวลือ วิธีการนี้เคยมีต้นแบบมาแล้ว
เพราะแจ้งข่าวตลาดแล้วก็เล่นบนข่าวนั้นกันเต็มที่ N-PARK ประกาศลดทุนออกไป 4 พันล้านบาทในส่วนที่ยังไม่เรียกชำระ แล้ว
ประกาศเพิ่มทุนกลับมาใหม่จำนวนเท่าเดิมให้สิทธิ 2 ต่อ 1 ราคา 0.05 บาท รวมเป็นหุ้นหลังเพิ่มทุน 1.2 หมื่นล้านหุ้น ลำพังเพียง
แค่นี้คงไม่พอ เพราะส่วนผู้ถือหุ้นก็ยังมีขาดทุนสะสมรวมทั้งก้อนกว่า 6 พันล้านบาท แต่เด็กแนวเห็นการเพิ่มทุนที่ราคา 0.05 บาท
ถ้าคิดกลับเป็น 1 ต่อ 1 ก็เท่ากับ 10 ตังค์ เอ๊ะ สงสัยว่าถ้าจะลดพาร์ลงมากึ่งหนึ่งจากจำนวนทุนก็จะลดลงจาก 1.2 หมื่นล้าน
บาทเหลือ 6 พันล้านบาท นำส่วนลดไปล้างขาดทุนสะสมพอดียังกับแพะกะหมีเลยนั่น แล้วหมากต่อไปก็น่าจะลดพาร์ลงมา
อีกรึเปล่าเป็น 10 ตังค์ไปเลย โอ้ โห ยิ่งคิดยิ่งลึก ยิ่งลึกยิ่งอยากล้วง แบบนี้ต้องตามไปดูซิว่าหุ้นที่ขาดทุนป่นปี้ทำไมราคาถึงแรง
อย่างนี้ เพราะเพิ่มทุนรอบนี้ Book เพิ่มขึ้นจาก 40 ตังค์ มาอยู่ 60 ตังค์อ่ะ ถ้างั้นราคาหุ้นต้องวิ่งชน Book สิ พระเจ้าจอร์ช
นายสุดยอดเจงๆๆๆ
► LVT-W1 วันนี้มื้อบ่ายเลี้ยงแต่อาหารจานด่วนราคาประหยัด เผื่อแฟนคลับจะได้อั่งเปาไปแจกลูกแจกหลาน ส่วนหลุยส์วอร์นั้นดู
ดียังไงไม่รู้ ยิ่งมาเจอตลาดหุ้นเกรด C วิ่งเนียะเหมาะกันจริงๆ หุ้นตัวนี้เชียร์ทีไรไม่ผิดหวัง เพราะราคาได้ดั่งใจ แต่เล่นก็ต้องไวเข้า
ว่าเพราะหุ้นเค๊าเหมาะกับคนใจร้อน อันที่จริงไม่ได้มีประเด็นอะไรเลย แค่ชอบและเห็นแววจากกราฟแค่นั้นนะ จริงๆ ไม่ได้เล่นข่าว
ลือแต่อย่างใด แนวต้าน 1.60 บาท...ไม่เชื่อเหรออออ
เช้าเหมือนว่าจะเอาจริงซะแล้ว ถ้างั้นหุ้นเกรดสามก็ต้องตาม EMCW1 แนวต้านสั้นหน้า 4.15 บาท..ขอให้รวยรับตรุษจีน
fantasia
Verified User
โพสต์: 674
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 109

โพสต์

Ryuga เขียน:
พี่ fantasia เป็นภาคปี 1940 หรือ ปี 2000 ครับ เอ๊ย เป็นนักวิเคราะห์หรือเปล่าครับ :D
ผมไม่ใช่นักวิเคราะห์หรอกครับ แต่มีเพื่อนทำงานนักวิเคราะห์อยู่
รู้สึกเห็นใจครับที่บางครั้งนักวิเคราะห์ก็โดนเห็นเป็นตัวตลกหรือดูถูกกันเกินความเป็นจริงอยู่บ้าง
ก็เลยมาช่วยแก้ต่างให้บ้าง แต่ไม่รู้จะมีคนอ่านรึเปล่าเนี่ยซิ  :(
การเทียบกับดัชนีราคารวมทั้งตลาดก็เพียงแต่เป็นการกด mean ให้ต่ำลง สำหรับนักลงทุนผู้ได้อัตราผลตอบแทนในปีที่ผ่านมาเท่ากับ 14% การที่เราจะไปบอกเขาว่าดัชนีราคารวมทั้งตลาดบวกเพียง 13.75% นั้นย่อมไม่อาจปลอบใจอะไรเขาได้ และตัวเลขดัชนีราคารวมของกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีคำแนะ "ซื้อ" จาก SAAฯ ก็บวกขึ้นเพียง 13.17% เท่านั้น ไม่ได้เชิดหน้าชูตานักวิเคราะห์ในภาพรวมเลย
เห็นด้วยครับว่าเทียบกับหุ้นทั้งตลาดมันออกจะหมูเกินไปหน่อย
แต่ไม่เห็นด้วยที่ใช้ตัวเลข 13.17% มาเทียบกับ 13.75% ควรจะใช้ตัวเลขค่าเฉลี่ยของทุกโบรค 18% ที่ทำไว้หน้าแรกมาเปรียบเทียบมากกว่า
อันนี้สอดคล้องกับความเป็นจริงแน่ ๆ เพราะว่าคนที่จะซื้อหุ้นตามนักวิเคราะห์ย่อมมีแนวโน้มที่จะซื้อหุ้นที่นักวิเคราะห์หลาย ๆ ค่ายเชียร์มากกว่าหุ้นที่มีนักวิเคราะห์เชียร์อยู่ค่ายเดียว
(หุ้นที่โบรคเชียร์เยอะกว่าก็ควรจะให้น้ำหนักมากกว่า ว่าแล้วก็เข้าเรื่องถ่วงน้ำหนักอีกแล้ว  :) )

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมมากครับ เพราะถ้าให้ผมไปคำนวณมาเองคงไม่มีปัญญาเป็นแน่แท้ ได้แต่เดา ๆ เอาว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้นน่ะครับ

ปล. ชื่อ fantasia ที่ผมตั้งมันไม่เกี่ยวอะไรกับหนังเลยครับ ไม่เคยดูด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
nanakorn
Verified User
โพสต์: 636
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 110

โพสต์

[quote="Ryuga"][quote="fantasia"]Benchmark ที่คุณ Ryuga ใช้คือ SET ซึ่งวัดผลตอบแทนโดยถ่วงน้ำหนักตาม mkt cap
ดังนั้นถ้าใช้ผลตอบแทนโดยถ่วงน้ำหนักตาม mkt cap จึงจะยุติธรรมกับโบรกเกอร์มากกว่า

แต่ถ้าใช้ผลตอบแทนโดยถ่วงน้ำหนักทุกตัวเท่ากัน
Benchmark ก็ควรจะถ่วงน้ำหนักผลตอบแทนของหุ้นทุกตัวในตลาดให้เท่ากันด้วย (ดัชนี้ตัวนี้คงต้องไปขอคุณ ดัชนีไทยมั้ง
Everything I do, I do it for you.
ภาพประจำตัวสมาชิก
พ่อน้องเพชร
Verified User
โพสต์: 294
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 111

โพสต์

ขอเบอร์ 3,17,19,10,15,16ครับ    งานวิจัยที่มีประโยชน์มากๆแบบนี้  ถ้าไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์จะน่าเสียดายมาก    ขอนับถือความรู้ของผู้ทำจริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
krisy
Verified User
โพสต์: 736
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 112

โพสต์

เราชื่นชมสิ่งที่ท่าน ryuga ทำมากค่ะ เพราะสามารถกรองบทวิเคราะห์ที่ออกมาทุกวัน ซื้อๆขายๆ จนไม่รู้จะเชื่อใครดี ได้เยอะมาก เหลือแต่โบรกที่พอมีคุณภาพหน่อยไว้ให้อ่านกัน

แต่ยังไงเราก็รู้สึกว่าสู้อ่านข่าวแล้วมาหาหุ้นที่จะเกิดผลกระทบไม่ได้ เพราะเดือนที่แล้วเราอ่านบทวิเคราะห์เยอะมากคะ ส่วนมากบทวิเคราะห์ออกช้ากว่ามาก เรียกว่ารู้แล้วก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ตอนนี้เราจะไม่อ่านบทวิเคราะห์รายวันเลย ใช้เวลาตามข่าวจริงและข่าวลือ ได้ผลกว่าจริงๆ

ส่วนบทวิเคราะห์รายตัว แรกๆก็เชื่อ แต่ประสบการณ์จากเดือนที่แล้ว หุ้นเดียวกัน ไทยบอกซื้อ ฝรั่งบอกขาย เหตุผลเพียบ เล่นเอาไม่รู้จะเชื่อใคร (แต่ bias เชื่อฝรั่งนิดนึง) ทุกวันนี้ เราอ่านผ่านๆ ถ้าเป็นตัวที่ออกบ่อย เช่น PTT BANPU แต่จะอ่านละเอียดหน่อยถ้าเป็นตัวที่นานๆมาที (เช่น MCS) เพราะจะได้ทราบว่า ปัจจัยอะไรบ้างที่จะกระทบหุ้นตัวนี้ คราวหน้าเจอข่าวแล้วจะได้โยงถูก เราคิดว่าต้องเดินให้เร็วกว่าถ้าอยากชนะ

วิเคราะห์เองน่าจะแน่นอนกว่า แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าธุรกิจมันทำอะไร ก็ต้องไปพึ่งบทวิเคราะห์กับร้อยคนร้อยหุ้นก่อน

สุดท้าย นับถือท่าน ryuga เพราะเราจะได้ไม่ต้องอ่านหลายๆโบรกแล้ว อ่านแต่ที่เค้าคุมคุณภาพก็พอ ดีใจจัง....
.....Give Everything but not Give Up.....
Wang yun fat
Verified User
โพสต์: 104
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 113

โพสต์

ขอนับถือ คุณ Ryuga ครับ
รบกวนขอ ชื่อโบรก 3,17,19 ด้วยได้ไม๊ครับ
ขอบคุณมากเลยครับ   :bow:
ภาพประจำตัวสมาชิก
OutOfMyMind
Verified User
โพสต์: 1232
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 114

โพสต์

เข้ามาชื่นชมและขอบคุณ คุณริวงะครับ
ข้อมูลมีประโยชน์มาก

เหมือนกับที่เคยได้ยินมาว่า

Wallstreet เป็นที่ที่คนนั่งเบนซ์ เขามาขอคำปรึกษาจากคนที่นั่งรถไฟมาทำงานจริง ๆ ด้วยครับ
แชทบอทสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.chathoon.com/
wk0966
Verified User
โพสต์: 490
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 115

โพสต์

[quote="krisy"]เราชื่นชมสิ่งที่ท่าน ryuga ทำมากค่ะ เพราะสามารถกรองบทวิเคราะห์ที่ออกมาทุกวัน ซื้อๆขายๆ จนไม่รู้จะเชื่อใครดี ได้เยอะมาก เหลือแต่โบรกที่พอมีคุณภาพหน่อยไว้ให้อ่านกัน

แต่ยังไงเราก็รู้สึกว่าสู้อ่านข่าวแล้วมาหาหุ้นที่จะเกิดผลกระทบไม่ได้ เพราะเดือนที่แล้วเราอ่านบทวิเคราะห์เยอะมากคะ ส่วนมากบทวิเคราะห์ออกช้ากว่ามาก เรียกว่ารู้แล้วก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ตอนนี้เราจะไม่อ่านบทวิเคราะห์รายวันเลย ใช้เวลาตามข่าวจริงและข่าวลือ ได้ผลกว่าจริงๆ

quote]

เห็นด้วยกับ krisy บทวิเคราะห์ออกช้ากว่ามาก เอาหุ้นที่ขึ้นรับข่าวไปแล้วมาออกประจำ ซื้อตามไปก็ติดดอย  

ว่าแล้วข คุณ Ryuga ครับ
รบกวนขอ ชื่อโบรก 3,17,19 ด้วยคนครับ
“Survival of the fittest”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
ภาพประจำตัวสมาชิก
crazyrisk
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 4549
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 116

โพสต์

สรุป

บทวิเคราะห์ มักจะเชียร์แต่หุ้นที่เขามั่นใจ ว่า
เชียร์แล้วไม่หน้าแหก...

การพูดถึงหุ้นแบบกลางๆีดีสุด  คือ  Hold

การบอกว่า strong buy กับ hold ไม่ค่อยต่างกัน

การบอกว่า sell  ส่วนใหญ่ มักเป็นเรื่องจริง
(เพราะ อย่างน้อย  โบรกนั้นๆ ก็จะต้องทำให้เห็นว่า ออกแล้วร่วงจริง)

โบรกเกอร์คงกลุ้ม  

ลองมาหา guru ด้าน เทคนิคบ้างดีไหมครับ

พวกที่ชอบอ่าน เหลือเกิน ว่า...  

เฮีย.. บอกว่า   หุ้น ... จะขยับเขยื้อน...

หรือ  เห็น อย่างนี้ สงสัย....

แล้วลองมาเทียบกับ ...  พวกหมอดูที่เก่งเหลือเกิน ในการทำนาย ประเทศ...

มาวัดกันว่า เซียนสามศาสตร์ นี้  อันไหน
มีความน่าเชื่อถือที่สุด

1. ปัจจัยพื้นฐาน กึ่งเทคนิค
2. เทคนิคบวก ข่าว
3. การเคลื่อนย้ายของดวงดาว

พี่ ryuga ครับ..  สนใจไหมครับ...   8)
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
MALEERAT
Verified User
โพสต์: 4
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 117

โพสต์

คุณ Ryuga ครับ
รบกวนขอ ชื่อโบรก ทั้ง 23 โบรก ด้วยคนครับ จะเอาไปศึกษาต่อครับ หรือจะส่งมาที่ [email protected] ก็ได้ครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
SUPERMAN
superpires
Verified User
โพสต์: 523
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 118

โพสต์

รบกวนขอรายชื่อโบรกทั้งหมดด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
Oatarm
Verified User
โพสต์: 1266
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 119

โพสต์

ขอบคุณคุณ Ryuga มากครับ  ที่ทุ่มเทเวลาทำผลงาน  เก็บสถิติมาให้จับต้องได้  นอกจากนั้นยังตามตอบกระทู้อย่างไม่ย่อท้อ   ผมเคยโพสต์กระทู้เกี่ยวกับควรปรับปรุงหลักสูตรของนักวิเคราะห์ไปหนนึง  แต่เปิดกระทู้ปลายเปิด  จับต้องไม่ได้  ใช้เพียงแต่ความรู้สึกว่า บทวิเคราะห์ที่เราอ่านอยู่ใน Settrade นั้น คำแนะนำมันมีความเสี่ยงอยู่ในตัวมันเอง  แม้ทุกโบรคจะประสานเสียงให้ซื้อ ก้ไม่ได้ประกันความสำเร็จได้เลย  ขอบคุณและชื่นชม :bow: อีกครั้งครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200

โพสต์ที่ 120

โพสต์

[quote="fantasia"]  
เห็นด้วยครับว่าเทียบกับหุ้นทั้งตลาดมันออกจะหมูเกินไปหน่อย
แต่ไม่เห็นด้วยที่ใช้ตัวเลข 13.17% มาเทียบกับ 13.75% ควรจะใช้ตัวเลขค่าเฉลี่ยของทุกโบรค 18% ที่ทำไว้หน้าแรกมาเปรียบเทียบมากกว่า
อันนี้สอดคล้องกับความเป็นจริงแน่ ๆ เพราะว่าคนที่จะซื้อหุ้นตามนักวิเคราะห์ย่อมมีแนวโน้มที่จะซื้อหุ้นที่นักวิเคราะห์หลาย ๆ ค่ายเชียร์มากกว่าหุ้นที่มีนักวิเคราะห์เชียร์อยู่ค่ายเดียว
(หุ้นที่โบรคเชียร์เยอะกว่าก็ควรจะให้น้ำหนักมากกว่า ว่าแล้วก็เข้าเรื่องถ่วงน้ำหนักอีกแล้ว