จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 1
ตลาด ล้วนแล้วแต่ต้องการเงินจากพวกนักลงทุน
และเขายังบอกอีกว่า บริษัทส่วนใหญ่ จัดตั้งบริษัทลูกเข้ามายักย้ายถ่ายเทเงินกำไร ไปสู่ผู้ถือหุ้นทางอ้อม
เช่นตั้งบริษัท ลูก แล้วทำการเข้าซื้อ หรือ ขายสินค้าให้บริษัทแม่
ถ้าเป็นบริษัทรับเหมา ก็ตั้งบริษัทลูก แล้วเข้ามารับงานจากบริษัทแม่ ในราคาสูงๆ ทำให้บริษัทแม่ไม่ได้กำไร
คล้ายๆกับว่า บริษัทในเมืองไทย ดูเหมือนขาดทุนกันมหาศาล หรือดูเหมือนว่ากำไรน้อย
แต่จริงๆแล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีอำนาจอยู่ในมือ ได้กำไรมาก หลายทาง
1. เงินเดือน + โบนัส ในฐานะผู้บริหาร
2. หุ้นที่ออกให้เฉพาะผู้บริหาร
3. กำไรในระบบงาน เช่น การสั่งซื้อ สินค้าจากบริษัทใดบริษัทหนึ่ง อย่างถูกต้อง ทำให้มีบารมีแอบแฝง ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ได้อย่างง่ายดาย
4. กำไรในระบบงาน อย่างไม่ถูกต้อง เช่น การตั้งบริษัทลูกเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทแม่
5. กำไรจากการรู้ข้อมูลงวงใน แล้วใช้ชื่อ nominee มาซื้อหุ้น ขายหุ้น
6. กำไรจากการถือหุ้น คือได้รับปันผล
ถึงแม้ว่าบางบริษัทจะขาดทุนอย่างมหาศาล แต่เงินเดือน + โบนัสก็ยังสูงอยู่ดี
เอ เราจะมองในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่านี่
และเขายังบอกอีกว่า บริษัทส่วนใหญ่ จัดตั้งบริษัทลูกเข้ามายักย้ายถ่ายเทเงินกำไร ไปสู่ผู้ถือหุ้นทางอ้อม
เช่นตั้งบริษัท ลูก แล้วทำการเข้าซื้อ หรือ ขายสินค้าให้บริษัทแม่
ถ้าเป็นบริษัทรับเหมา ก็ตั้งบริษัทลูก แล้วเข้ามารับงานจากบริษัทแม่ ในราคาสูงๆ ทำให้บริษัทแม่ไม่ได้กำไร
คล้ายๆกับว่า บริษัทในเมืองไทย ดูเหมือนขาดทุนกันมหาศาล หรือดูเหมือนว่ากำไรน้อย
แต่จริงๆแล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีอำนาจอยู่ในมือ ได้กำไรมาก หลายทาง
1. เงินเดือน + โบนัส ในฐานะผู้บริหาร
2. หุ้นที่ออกให้เฉพาะผู้บริหาร
3. กำไรในระบบงาน เช่น การสั่งซื้อ สินค้าจากบริษัทใดบริษัทหนึ่ง อย่างถูกต้อง ทำให้มีบารมีแอบแฝง ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ได้อย่างง่ายดาย
4. กำไรในระบบงาน อย่างไม่ถูกต้อง เช่น การตั้งบริษัทลูกเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทแม่
5. กำไรจากการรู้ข้อมูลงวงใน แล้วใช้ชื่อ nominee มาซื้อหุ้น ขายหุ้น
6. กำไรจากการถือหุ้น คือได้รับปันผล
ถึงแม้ว่าบางบริษัทจะขาดทุนอย่างมหาศาล แต่เงินเดือน + โบนัสก็ยังสูงอยู่ดี
เอ เราจะมองในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่านี่
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 2
ไม่ได้มองแง่ร้ายหรอกครับ ของจริงๆมันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว 5555
เราจะไปเอาอะไรเท่าเทียมกับคนพวกนั้นหละครับ ถือว่าให้โอกาสเค้าก็แล้วกันที่ทำบริษัทโตมาได้ขนาดนี้ มีหลงเหลือมาให้ผู้ถือหุ้นก็บุญแล้ว แต่ไอ้พวกบริษัทใหม่ๆนี่สิ ยังไงก็อย่าเพิ่งเอาเปรียบผู้ถือหุ้นเลยนะ ดูอย่างเจ้าหุ้น ROYNET สิ รวยเละไปแล้วมั๊ง 5555 ก็รอดูว่า กลต จะจัดการ ROYNET ให้เป็นตัวอย่างซักรายไหมนะ อยากเห็นจริงๆ
สมัยนึงเพื่อนผมเคยขายที่ดินให้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ตอนนี้หุ้นตัวนี้ออกไปไหนแล้วก้ไม่รู้ เค้าขายในราคา 30 ล้าน ขายให้คนๆหนึ่งแต่ต่อมาอีก 6 เดือน บริษัทที่ว่าก็มาขึ้นโครงการก็คงไปซื้อที่ดินต่อจากคนๆนี้มังครับ ถามว่ามีโอกาสที่จะเป็นคนๆเดียวกันซื้อขายต่อให้กันได้ไหม ผมอาจจะคิดมากนะแต่คุณมาจุดประกายความคิดผมเลยขอคิดมั่ง 5555
เราจะไปเอาอะไรเท่าเทียมกับคนพวกนั้นหละครับ ถือว่าให้โอกาสเค้าก็แล้วกันที่ทำบริษัทโตมาได้ขนาดนี้ มีหลงเหลือมาให้ผู้ถือหุ้นก็บุญแล้ว แต่ไอ้พวกบริษัทใหม่ๆนี่สิ ยังไงก็อย่าเพิ่งเอาเปรียบผู้ถือหุ้นเลยนะ ดูอย่างเจ้าหุ้น ROYNET สิ รวยเละไปแล้วมั๊ง 5555 ก็รอดูว่า กลต จะจัดการ ROYNET ให้เป็นตัวอย่างซักรายไหมนะ อยากเห็นจริงๆ
สมัยนึงเพื่อนผมเคยขายที่ดินให้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ตอนนี้หุ้นตัวนี้ออกไปไหนแล้วก้ไม่รู้ เค้าขายในราคา 30 ล้าน ขายให้คนๆหนึ่งแต่ต่อมาอีก 6 เดือน บริษัทที่ว่าก็มาขึ้นโครงการก็คงไปซื้อที่ดินต่อจากคนๆนี้มังครับ ถามว่ามีโอกาสที่จะเป็นคนๆเดียวกันซื้อขายต่อให้กันได้ไหม ผมอาจจะคิดมากนะแต่คุณมาจุดประกายความคิดผมเลยขอคิดมั่ง 5555
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 3
ท่าน rock ครับ ผมว่าผมจะกลับไปตั้งใจอ่านหุ้นห่านทองคำอีกรอบ เพราะ รู้สึกว่า ปรัชญาของผู้แต่งนี่ เขาน่าจะเน้น เงินที่เหลือถึงมือ ผู้ถือหุ้น ในรูปปันผล หลังจากสารพัดจ่ายค่าต่างๆไปแล้ว
คล้ายๆเขาตั้งไว้ว่า ถ้าต้องการใช้เงินเดือนละ 1 แสน ก็ต้องมีมีปันผลปีละ 1.2 ล้านบาท
เท่ากับต้องถือหุ้น ประมาณ 12 ล้านบาท แล้วได้ปันผล 10 %
ไม่รู้ถูกละเปล่า เพราะผมเห็นหน้าปก แล้วก็เดาว่าเป็นแบบนี้ ยังไม่ได้อ่านเลย
....................................................................................
นั่นคือ การซื้อแล้วถือยาว
ไม่เกี่ยวกับเก็งกำไร
....................................................................................
พูดแล้วก็ขอเลยเถิดพูดถึงคนหนุ่มสมัยนี้
ที่ทำงาน 20 - 60 ปี คือทำงาน 40 ปี เพื่อเก็บเงินไว้ใช้ 20 ปี ใน
ช่วงอายุ 60 - 80 ปี เพราะไม่มีแรงทำงานแล้ว
มีคนบอกผมว่า ถ้าเราต้องการใช้เงิน เดือนละ 20,000 หลังจากอายุ 60
เราต้องมีเงินเก็บ เดือนละ 10,000 ทุกเดือน ในช่วง อายุ 20 - 60
อืมน่าคิดจริงๆ ว่าเมื่ออายุ 60 ไปแล้ว เราจะให้เงินทำงานแทนเราได้อย่างไร
เราจะไว้วางใจบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ได้แค่ไหน
คล้ายๆเขาตั้งไว้ว่า ถ้าต้องการใช้เงินเดือนละ 1 แสน ก็ต้องมีมีปันผลปีละ 1.2 ล้านบาท
เท่ากับต้องถือหุ้น ประมาณ 12 ล้านบาท แล้วได้ปันผล 10 %
ไม่รู้ถูกละเปล่า เพราะผมเห็นหน้าปก แล้วก็เดาว่าเป็นแบบนี้ ยังไม่ได้อ่านเลย
....................................................................................
นั่นคือ การซื้อแล้วถือยาว
ไม่เกี่ยวกับเก็งกำไร
....................................................................................
พูดแล้วก็ขอเลยเถิดพูดถึงคนหนุ่มสมัยนี้
ที่ทำงาน 20 - 60 ปี คือทำงาน 40 ปี เพื่อเก็บเงินไว้ใช้ 20 ปี ใน
ช่วงอายุ 60 - 80 ปี เพราะไม่มีแรงทำงานแล้ว
มีคนบอกผมว่า ถ้าเราต้องการใช้เงิน เดือนละ 20,000 หลังจากอายุ 60
เราต้องมีเงินเก็บ เดือนละ 10,000 ทุกเดือน ในช่วง อายุ 20 - 60
อืมน่าคิดจริงๆ ว่าเมื่ออายุ 60 ไปแล้ว เราจะให้เงินทำงานแทนเราได้อย่างไร
เราจะไว้วางใจบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ได้แค่ไหน
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 4
บริษัทส่วนใหญ่ในตลาดมักจะทำอย่างนั้น แต่บางบริษัทไม่คิดอย่างนั้น บางบริษัทต้องการต่ออายุบริษัทของตัวเองไปเลื่อยๆก็ทำได้ในตลาดหลักทรัพย์ ออกวอร์ เพิ่มทุน จ่ายปันผล บางบริษัทต้องการขยายกิจการ ใช้หนี้ และทำมาหากินไป เป็นบางบริษัทครับ
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 5
ระหว่างเจ้าของกิจการ กับ นักลงทุน ใครมีความเสี่ยงมากกว่ากันครับ ?
ระดมทุนครั้งแรกหมายความว่าอย่างไรครับ ?
- หมายถึงว่ายังไม่มีการก่อตั้งบริษัทเลยใช่หรือเปล่าครับ และนำ บ. เข้าตลาดเพื่อระดมทุน ก่อตั้ง และทำกิจการ
อีกหนึ่งความคิดเห็น
ขอบคุณครับ
ระดมทุนครั้งแรกหมายความว่าอย่างไรครับ ?
- หมายถึงว่ายังไม่มีการก่อตั้งบริษัทเลยใช่หรือเปล่าครับ และนำ บ. เข้าตลาดเพื่อระดมทุน ก่อตั้ง และทำกิจการ
อีกหนึ่งความคิดเห็น
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 6
ผมว่าไม่ต้องรอให้อายุ 60 ปีหรอกนะ หากจะให้เงินทำหน้าที่แทนเรา หากเราเห้นโอกาสผมว่าเราคว้าไว้ก่อนเลย การลงทุนในหุ้นมันมีเรื่องของกำไร ขาดทุน และเรื่องของเวลาที่เรามักจะไม่ค่อยเอามาคิดกัน แต่ต้นทุนเรื่องเวลาผมว่ามันสำคัญพอๆกันเลยนะ ผมคิดว่าผมจะอยู่ในวงจรหุ้นไปอีกนาน แต่การลงทุนตอนนี้ผมพยายามลดเรื่องเวลาลงมาเท่านั้น กำไรมันพอหาได้แต่สัดส่วนกำไรต่อเวลา (ไม่ใช่กำไรต่อต้นทุนนะ) เป็นสิ่งที่ผมกำลังส่ายตาหาโอกาส เมื่อทำไปได้ถึงระดับหนึ่งซึ่งเวลาไม่มีผลกับผมแล้ว ตอนนั้นผมคงค่อยๆหนีห่างวงจรหุ้นปล่อยให้มันเดินไปตามทางของมันเอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 7
เสี่ยงกันคนละแบบครับ แต่เจ้าของกิจการเหนื่อยกว่าแน่ๆPenguins เขียน:ระหว่างเจ้าของกิจการ กับ นักลงทุน ใครมีความเสี่ยงมากกว่ากันครับ ?
ไม่ใช่ครับ ระดมทุนครั้งแรก (IPO -- Initial Public Offering) หมายถึงการPenguins เขียน:ระดมทุนครั้งแรกหมายความว่าอย่างไรครับ ?
- หมายถึงว่ายังไม่มีการก่อตั้งบริษัทเลยใช่หรือเปล่าครับ และนำ บ. เข้าตลาดเพื่อระดมทุน ก่อตั้ง และทำกิจการ
เพิ่มทุนโดยการ "ขอ" เงินจากนักลงทุนรายใหญ่รายย่อย (โดยทั่วไปจาก
ตลาดหลักทรัพย์) เป็นครั้งแรกครับ พูดง่ายๆ ก็คือการเอาบริษัทที่ทำกิจการ
อยู่แล้วมาเข้าตลาด
การ "ขอ" เงินครั้งต่อก็จะเรียกว่าระดมทุน หรือ Public Offering (PO)
กลับมาหัวข้อกระทู้ ผมคิดว่าน่าจะมีบางบริษัทที่เข้ามาระดมทุนในตลาด
ด้วยเจตนาบริสุทธิ์นะครับ คือเพื่อการขยายกิจการแบบก้าวกระโดด และ
สิทธิประโยชน์ทางภาษี เห็นด้วยที่ว่าบริษัทส่วนใหญ่น่าจะมีเจตนาแอบ
แฝง แต่ไม่ควรเหมารวมครับ คือควรจะ Presumed Innocent
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 9
พี่ครับ
แล้วการเปิดบริษัทครั้งแรกที่มีผู้ร่วมลงทุน(ผู้ก่อการ)และเปิดบริษัทครั้งแรกเลยเราสามารถเรียกได้อย่างไรครับ (
)
กล อาจเป็นคำถามที่แปลกครับ (แต่ไม่ทราบจริงๆ)
อืม...คือผมคิดว่าถ้าเราแม่นคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนก็จะทำให้เรามีความเข้าใจมากยิ่งขึ้นและทำให้เราประสบผลสำเร็จครับ (เลยมีคำถามที่ดูแปลกๆ)...แฮะๆๆ
ขอบคุณครับ
^.^
แล้วการเปิดบริษัทครั้งแรกที่มีผู้ร่วมลงทุน(ผู้ก่อการ)และเปิดบริษัทครั้งแรกเลยเราสามารถเรียกได้อย่างไรครับ (

กล อาจเป็นคำถามที่แปลกครับ (แต่ไม่ทราบจริงๆ)
อืม...คือผมคิดว่าถ้าเราแม่นคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนก็จะทำให้เรามีความเข้าใจมากยิ่งขึ้นและทำให้เราประสบผลสำเร็จครับ (เลยมีคำถามที่ดูแปลกๆ)...แฮะๆๆ
ขอบคุณครับ
^.^
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 10
โค้ด: เลือกทั้งหมด
พี่ครับ
แล้วการเปิดบริษัทครั้งแรกที่มีผู้ร่วมลงทุน(ผู้ก่อการ)และเปิดบริษัทครั้งแรกเลยเราสามารถเรียกได้อย่างไรครับ ( )
ถ้าเปิดบริษัทครั้งแรก เช่น ระดมทุน 1 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นละ 10 บาท 1 แสนหุ้น
ตรงนี้ ผู้ร่วมทุน ก็เท่ากับ เข้าร่วมทุนในราคาพาร์ครับ
ผู้ก่อการตามกฏหมายต้องมี 7 คนขึ้นไป
ส่วนผู้ถือหุ้นจะเป็นผู้ก่อการด้วยหรือไม่ก็ได้ครับ
หมายเหตุ ราคาพาร์นี้ เมื่อเปิดบริษัทปั๊ป จะไม่เท่ากับ book แล้ว เพราะ มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น คือ ค่าจดบริษัท ค่าดำเนินการในการจัดตั้งบริษัท ค่าใช้จ่ายในการรับพนักงาน ค่าใช้จ่าย.... เต็มไปหมด
รู้สึกว่า ราคาพาร์ 10 บาทนี้จะเท่ากับ book 10 บาท ในวันแรกๆ เลย ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น แต่ในความเป็นจริง ไม่มี
เพราะเริ่มบริษัทปั๊ป ก็เริ่มมีรายจ่ายทันที
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 360
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 11
ก็จริงเหมือนกันครับ คงมีไม่กี่บริษัทที่จะไม่มีการรั่วไหลของเงินในทั้งทางตรงและทางอ้อม ( ทางอ้อมก็คือ บางทีแทนที่ประโยชน์จะเข้าบริษัท ผู้บริหารก็เลือกให้ entity อื่นรับประโยชน์แทน )
บางทีผมก็เลยคิดเหมือนว่า เงินปันผลหรือกำไรที่ออกมา ก็เปรียบเสมือนน้ำที่ออกจากปลายท่อที่อาจจะมีรอยรั่ว อุดตันบ้าง หากเราพอใจในปริมาณหรือความแรงของน้ำนั้น ก็อาจจะทำใจที่จะลงทุนในหุ้นได้ อย่างหุ้นที่ dividend yield สูงกว่า 6% หรือ roe มากกว่า 20% อันนี้ก็ถือว่ายังพอจะน่าลงทุนโดยที่อาจจะยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เรื่องรั่วไหลได้บ้าง เพราะบางทีเราทำธุรกิจเองอาจจะไม่สามารถให้ roe สูงกว่า 20% ก็ได้มั้งครับ
แต่ยังไงหุ้นที่ roe roa สูงๆ และยิ่งมี dividend yield สูงๆ ก็อาจจะให้เดาได้ว่าการรั่วไหลน่าจะน้อยกว่าบริษัทอื่นที่มีตัวเลขดังกล่าวในตรงกันข้ามครับ
ส่วนเรื่องบริษัทที่ดีจะไม่เข้าตลาดหุ้น และบริษัทที่ไม่ดีมักจะเข้า ก็มีหลายกรณีที่เป็นอย่างนั้น เพราะเรายังเห็นบริษัทหรือกิจการที่ดีหลายบริษํทยังอยู่นอกตลาด หรือมีหลายบริษํทที่เข้ามาหลอกเอาเงินผู้ถือหุ้น
แต่จริงๆ หลายบริษัทที่เข้าตลาดหุ้นแล้วสามารถใช้การระดมทุนในตลาดหุ้นทำให้บริษัทเติบโต เช่น advanc หรือแก้ไขปัญหาวิกฤติทางการเงินได้ เช่น LH หากช่วงปี 1999 LH อยู่นอกตลาด GIC เองคงไม่มาซื้อหุ้นเพิ่มทุน และ LH ไม่สามารถระดมทุนได้จากการเพิ่มทุน 2:1 ให้ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเงินจำนวนนี้สำคัญมากเพราะทำให้ LH สามารถนำเงินไปคืนหนี้บางส่วน และนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนมาสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย ซึ่งทำให้ LH กลับมาได้เร็วกว่าบริษํทอื่นๆ ที่รอการปรับโครงสร้างหนี้และสามารถมี mkt share อันดับ 1 ที่ทิ้งห่างอันดับ 2 ได้อย่างมาก
หรือกระทั่ง AH ที่เข้ามาระดมทุนในตลาดฯ ซึ่งสามารถใช้เงินทุนมาซื้อกิจการอื่น ซึ่งทำให้กำไรเพิ่มขึ้นกว่า 4-5 เท่าตัว
ดังนั้นเวลาหุ้นแต่ละตัวทำ IPO ต้องดูวัตถุประสงค์ที่แท้จริงเหมือนกันครับ หากดูแล้วน่าจะเข้าตลาดมาเพื่อ exit หรือขายหุ้นทำกำไร ก็ควรหลีกเลี่ยงครับ ปัญหาก็คือมันก็เป็นสิ่งที่วิเคราะห์ยากเหมือนกันครับ
ผมมองว่าหุ้นที่ IPO หลายตัวในปีนี้ เจ้าของต้องการ exit นะครับ ดังนั้นต้องระวังด้วยนะครับ
บางทีผมก็เลยคิดเหมือนว่า เงินปันผลหรือกำไรที่ออกมา ก็เปรียบเสมือนน้ำที่ออกจากปลายท่อที่อาจจะมีรอยรั่ว อุดตันบ้าง หากเราพอใจในปริมาณหรือความแรงของน้ำนั้น ก็อาจจะทำใจที่จะลงทุนในหุ้นได้ อย่างหุ้นที่ dividend yield สูงกว่า 6% หรือ roe มากกว่า 20% อันนี้ก็ถือว่ายังพอจะน่าลงทุนโดยที่อาจจะยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เรื่องรั่วไหลได้บ้าง เพราะบางทีเราทำธุรกิจเองอาจจะไม่สามารถให้ roe สูงกว่า 20% ก็ได้มั้งครับ
แต่ยังไงหุ้นที่ roe roa สูงๆ และยิ่งมี dividend yield สูงๆ ก็อาจจะให้เดาได้ว่าการรั่วไหลน่าจะน้อยกว่าบริษัทอื่นที่มีตัวเลขดังกล่าวในตรงกันข้ามครับ
ส่วนเรื่องบริษัทที่ดีจะไม่เข้าตลาดหุ้น และบริษัทที่ไม่ดีมักจะเข้า ก็มีหลายกรณีที่เป็นอย่างนั้น เพราะเรายังเห็นบริษัทหรือกิจการที่ดีหลายบริษํทยังอยู่นอกตลาด หรือมีหลายบริษํทที่เข้ามาหลอกเอาเงินผู้ถือหุ้น
แต่จริงๆ หลายบริษัทที่เข้าตลาดหุ้นแล้วสามารถใช้การระดมทุนในตลาดหุ้นทำให้บริษัทเติบโต เช่น advanc หรือแก้ไขปัญหาวิกฤติทางการเงินได้ เช่น LH หากช่วงปี 1999 LH อยู่นอกตลาด GIC เองคงไม่มาซื้อหุ้นเพิ่มทุน และ LH ไม่สามารถระดมทุนได้จากการเพิ่มทุน 2:1 ให้ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเงินจำนวนนี้สำคัญมากเพราะทำให้ LH สามารถนำเงินไปคืนหนี้บางส่วน และนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนมาสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย ซึ่งทำให้ LH กลับมาได้เร็วกว่าบริษํทอื่นๆ ที่รอการปรับโครงสร้างหนี้และสามารถมี mkt share อันดับ 1 ที่ทิ้งห่างอันดับ 2 ได้อย่างมาก
หรือกระทั่ง AH ที่เข้ามาระดมทุนในตลาดฯ ซึ่งสามารถใช้เงินทุนมาซื้อกิจการอื่น ซึ่งทำให้กำไรเพิ่มขึ้นกว่า 4-5 เท่าตัว
ดังนั้นเวลาหุ้นแต่ละตัวทำ IPO ต้องดูวัตถุประสงค์ที่แท้จริงเหมือนกันครับ หากดูแล้วน่าจะเข้าตลาดมาเพื่อ exit หรือขายหุ้นทำกำไร ก็ควรหลีกเลี่ยงครับ ปัญหาก็คือมันก็เป็นสิ่งที่วิเคราะห์ยากเหมือนกันครับ
ผมมองว่าหุ้นที่ IPO หลายตัวในปีนี้ เจ้าของต้องการ exit นะครับ ดังนั้นต้องระวังด้วยนะครับ
- วันพีส
- Verified User
- โพสต์: 77
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 12
ขอบังอาจตอบครับพี่ Invisble handInvisible hand เขียน:ดังนั้นเวลาหุ้นแต่ละตัวทำ IPO ต้องดูวัตถุประสงค์ที่แท้จริงเหมือนกันครับ หากดูแล้วน่าจะเข้าตลาดมาเพื่อ exit หรือขายหุ้นทำกำไร ก็ควรหลีกเลี่ยงครับ ปัญหาก็คือมันก็เป็นสิ่งที่วิเคราะห์ยากเหมือนกันครับ
ผมมองว่าหุ้นที่ IPO หลายตัวในปีนี้ เจ้าของต้องการ exit นะครับ ดังนั้นต้องระวังด้วยนะครับ
พอดีผมอ่านหนังสือเรื่อง "16 สูตรสำเร็จรวยด้วยหุ้น" แนะนำการสังเกตหุ้น IPO ว่าเจ้าของน่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อปล่อยหุ้นทำกำไรหรือเปล่า โดยสังเกตจากรายชื่อผู้ถือหุ้นว่ามียาวเป็นหางว่าวหรือเปล่า โดยถือคนละ 1%, 2% หรือ3% ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ตามหนังสือให้ตั้งขอสังเกตว่าต้องการปล่อยหุ้นเพื่อทำกำไร
และหนังสือยังแนะนำให้ดูรายงานแบบ 59-2 คือ รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร ที่ http://www.sec.or.th ด้วยครับ
ผมขอบังอาจตอบอย่างนี้ครับ ผมคงไม่สอนหนังสือสังฆราช นะครับ และขอบคุณความเห็นดีๆ ที่พี่มีให้ ซึ่งผมตามอ่านที่กระทิงเขียวคุณค่า แต่ตอนนี้ดีใจที่พี่มาตอบที่นี่ครับ
ขอบคุณครับ
ผมรู้น้อย แต่จะค่อยๆ ทำความเข้าใจครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 13
ที่คุณjengตั้งกระทู้นี้ ถูกต้อง100%ครับ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ก่อตั้งตลาดมาเลยแหละ แต่เราจะทำอะไรได้ ในเมื่อหนทางลงทุนของเรามันไม่ค่อยมีทางให้เราเลือก เรามีแต่ระมัดระวังทุกครั้งที่เราตัดสินใจลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ตัวไหนควรจะเล่นสั้นหรือถือยาว ผู้บริหารทุกบริษัทมันก็เอาเปลียบรายย่อยแน่นอน เพียงแต่ว่ามากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเองแหละ บางบริษัทมันน่าเกลียดมากบางบริษัทมันพอมีจริยธรรมบ้าง เราก็ต้องพยายามเค้นหาแบบหลังเท่านั้นเอง ลองไปดูบริษัทสื่อสารบางตัวซิ ตั้งแต่ตั้งมาขาดทุนมหาสานตลอด แต่ผู้ถือหู้นใหญ่ที่กำการบริหารไว้ รวยทั้งเงินเดือน โบนัส เบี้ยประชุม esopต่าง ๆ และผลประโยชในบริษัทอีกไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ จนทำให้ผู้ร่วมทุนจากต่างประทนดูไม่ไหว ยอมกลืนเลือดแล้วบอกลาในที่สุด
- Chachacha
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 14
ผมว่ามันก็มีอยู่แล้วและเป็นส่วนมากด้วย ยิ่งสมัยนี้ไม่ต้องพูด เกือบทั้งหมดก็เป็นแบบนั้นมั๊งครับ ในวงธุรกิจ ทุกคนทำทุกอย่างส่วนมากก็จบลงที่ "เพื่อเงิน" ทั้งนั้น
แต่บริษัทที่ดี ๆ ก็มีครับ ก็แล้วแต่ใครจะพยายามหากันไป ผู้บริหารเอานิดเอาหน่อย ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่เถอะครับ ตราบใดที่ยังคงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจได้ดีอยู่เรื่อย ๆ ก็ยังคงเป็นบริษัทที่น่าร่วมวงด้วยครับ
อย่างเช่น EGCOMP กับ RATCH :lol: :lol: :lol:
แต่บริษัทที่ดี ๆ ก็มีครับ ก็แล้วแต่ใครจะพยายามหากันไป ผู้บริหารเอานิดเอาหน่อย ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่เถอะครับ ตราบใดที่ยังคงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจได้ดีอยู่เรื่อย ๆ ก็ยังคงเป็นบริษัทที่น่าร่วมวงด้วยครับ
อย่างเช่น EGCOMP กับ RATCH :lol: :lol: :lol:
เดี๋ยวเจอกัน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 15
บริษัทใหญ่ๆดีๆทั้งหลายที่ยังไม่อยากนำเข้าตลาดเพราะไม่อยากเจอการตรวจสอบบัญชีที่เข้มงวดครับ คือกลัวหลบ TAX ไม่ได้นะครับ รวมทั้งกลัวกฎระเบียบต่างๆ
ถ้าไม่มีความจำเป็นเรื่องเงินทน หน้าตาของบริษัทแล้วผมว่าคงแทบไม่มีใครอยากจะนำเข้าตลาดให้ว่นวายนะครับ
ถ้ารัฐบาลสามารถชักชวนให้บริษัทต่างชาติเหล่านี้เข้าตลาดได้จะเป็นอย่างไรครับ TOYOTA HONDA ISUZU SONY LOTUS ไทยน้ำทิพย์ ซีเกท พวกเราอยากลงทนบริษัทเหล่านี้ไหมครับ
เราบอกว่าเราเป็นดีทร้อยของเอเชีย แต่มีบริษัทเกี่ยวกับยานยนต์ที่จดทะเบียนในตลาดเท่าไรครับ
ถ้าไม่มีความจำเป็นเรื่องเงินทน หน้าตาของบริษัทแล้วผมว่าคงแทบไม่มีใครอยากจะนำเข้าตลาดให้ว่นวายนะครับ
ถ้ารัฐบาลสามารถชักชวนให้บริษัทต่างชาติเหล่านี้เข้าตลาดได้จะเป็นอย่างไรครับ TOYOTA HONDA ISUZU SONY LOTUS ไทยน้ำทิพย์ ซีเกท พวกเราอยากลงทนบริษัทเหล่านี้ไหมครับ
เราบอกว่าเราเป็นดีทร้อยของเอเชีย แต่มีบริษัทเกี่ยวกับยานยนต์ที่จดทะเบียนในตลาดเท่าไรครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 213
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 16
ขอร่วมแจมนะครับ จริงๆ เมื่อปีที่แล้ว ผมเคยมีความคิดเหมือนพี่ CHATCHAI เกี่ยวกับการที่น่าจะมีบริษัทรถ เช่น TOYOTA เข้าตลาดหุ้น ในช่วงปีที่แล้ว ที่รถขายดีๆ มากอย่าง TOYOTA เพื่อนผมทำงานอยู่ ได้โบนัสถึง 6 เดือน ซึ่งแสดงว่าเขากำไรมาก ผมเลยมีความคิดว่า ประเทศเราน่าจะมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ กับบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะ การที่มีบางบริษัทที่มาลงทุนแล้วขอ BOI เราน่าจะมีการบังคับว่าบริษัทเหล่านั้นจะต้องมีการกระจายหุ้นในตลาด หลักทรัพย์ด้วย เพื่อให้คนไทยสามารถเป็นเจ้าของ และสามารถได้แบ่งปันผลประโยชน์กำไรกับบริษํท จากการได้รับสิทธิพิเศษจาก BOI ด้วย
แต่พอมาคิดอีกที ผมว่า หลายบริษัทที่เข้ามาลงทุนนี้ หลายบริษัทก็เจ๊งกลับไปก็มี หลายบริษัทก็ดี เพียงแค่ชั่วคราว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในธุรกิจรถยนต์ ผมว่า หากมองภายนอกจะคิดว่าน่าสนใจ แต่ต้องระวังนะครับ เกี่ยวกับเรื่องส่วนประกอบรถยนต์ที่นำมาประกอบ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะครับ ในการประกอบรถยนต์ บริษัทจะนำชิ้นส่วนมาจากหลายประเทศนะครับ ฉะนั้นหากมีการกำหนดให้บริษัทรถเข้าตลาด อาจจะเกิดกรณีการที่บริษัทแม่ จะสั่งให้บริษัทลูกที่อยู่ในตลาดไทย จะต้องสั่งซื้อส่วนประกอบบางอย่างจากบริษัทแม่ แล้วบริษัทแม่ก้จะใช้สินค้าดังกล่าว เป็นตัวถ่ายกำไรจากบริษัทลูกไปสู่บริษัทแม่ โดยกำหนดราคาชิ้นส่วนประกอบดังกล่าวนั้นแพงๆ ซึ่งจะทำให้สุดท้ายกำไรที่ผู้ถือหุ้นคนไทยจะเสียเปรียบนะครับ
แต่พอมาคิดอีกที ผมว่า หลายบริษัทที่เข้ามาลงทุนนี้ หลายบริษัทก็เจ๊งกลับไปก็มี หลายบริษัทก็ดี เพียงแค่ชั่วคราว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในธุรกิจรถยนต์ ผมว่า หากมองภายนอกจะคิดว่าน่าสนใจ แต่ต้องระวังนะครับ เกี่ยวกับเรื่องส่วนประกอบรถยนต์ที่นำมาประกอบ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะครับ ในการประกอบรถยนต์ บริษัทจะนำชิ้นส่วนมาจากหลายประเทศนะครับ ฉะนั้นหากมีการกำหนดให้บริษัทรถเข้าตลาด อาจจะเกิดกรณีการที่บริษัทแม่ จะสั่งให้บริษัทลูกที่อยู่ในตลาดไทย จะต้องสั่งซื้อส่วนประกอบบางอย่างจากบริษัทแม่ แล้วบริษัทแม่ก้จะใช้สินค้าดังกล่าว เป็นตัวถ่ายกำไรจากบริษัทลูกไปสู่บริษัทแม่ โดยกำหนดราคาชิ้นส่วนประกอบดังกล่าวนั้นแพงๆ ซึ่งจะทำให้สุดท้ายกำไรที่ผู้ถือหุ้นคนไทยจะเสียเปรียบนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 17
ขอยกตัวอย่าง คุณพ่อ-แม่ ผมล่ะกันครับ แกเกษียนแล้วJeng เขียน:มีคนบอกผมว่า ถ้าเราต้องการใช้เงิน เดือนละ 20,000 หลังจากอายุ 60
เราต้องมีเงินเก็บ เดือนละ 10,000 ทุกเดือน ในช่วง อายุ 20 - 60
อืมน่าคิดจริงๆ ว่าเมื่ออายุ 60 ไปแล้ว เราจะให้เงินทำงานแทนเราได้อย่างไร
เราจะไว้วางใจบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ได้แค่ไหน
แกไม่เคยลงทุนในSET แกเล่าให้ฟังว่าเคยซื้อกองทุนรวมในอดีต แต่ขาดทุน
เงินเก็บแต่ละเดือน ผมไม่ทราบแต่ก็ไม่น่าเยอะ
แต่แกลงทุน ให้การศึกษา อบรม เลี้ยงดูที่ดี
ตอนนี้ แกได้เงินปันผลทุกเดือน เดือนละ 30,000 บาท จากลูก 2 คนครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 18
เห็นด้วยกับคณ Bangkok ครับ เรื่องการเลี้ยงดลกให้ดี เอาใจใส่มากๆ
ผมและแฟนเลยไม่ทำงานประจำ เอาเวลาเกือบทั้งหมดอย่กับลกๆครับ
แต่ผมไม่เคยหวังว่าพอลกๆโตแล้วจะกลับมาเลี้ยงดเรายามแก่นะครับ หวังเพียงแต่ว่าลกๆจะเป็นคนดีในสังคมดแลตัวเองและครอบครัวของตัวเองได้ครับ
ส่วนตัวผมและแฟนคงหวังจากการลงทนในตลาดครับ
ผมและแฟนเลยไม่ทำงานประจำ เอาเวลาเกือบทั้งหมดอย่กับลกๆครับ
แต่ผมไม่เคยหวังว่าพอลกๆโตแล้วจะกลับมาเลี้ยงดเรายามแก่นะครับ หวังเพียงแต่ว่าลกๆจะเป็นคนดีในสังคมดแลตัวเองและครอบครัวของตัวเองได้ครับ
ส่วนตัวผมและแฟนคงหวังจากการลงทนในตลาดครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 329
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 20
บริษัทต่างชาติดังๆที่เราเห็นอยู่ว่ากิจการกำไรดีมากๆนั้น โอกาสเข้าตลาดหุ้นไทยคงจะยากพอดูค่ะ เพราะกิจการกำไรดีๆ คงไม่เอากำไรมาแบ่งให้เรา อีกทั้งไม่ได้ต้องการระดมทุนใดๆอีกด้วย คือว่ามีเงินสดมหาศาล ว่างั้นเถอะค่ะ....
เขาว่ากันว่า....บริษัทต่างชาติที่เป็นชาวเอเชียหลายบริษัทในเมืองไทย ไม่เคยคิดจะเข้าตลาดหุ้นไทยเลย ทั้งๆที่มีผลประกอบการหลายพันล้านบาทถึงหมื่นล้านบาท บริษัทเหล่านี้มีเงินสดมหาศาลและไม่เคยมีเครดิตใดๆกับธนาคารไทยเลย คือไม่มีหนี้แม้แต่บาทเดียว เป็นไปได้ไง? ได้เพราะเมื่อบริษัทมีปัญหา จะกู้เงินจากบริษัทแม่ที่ประเทศของตนเองแทน โดยคิดดอกเบี้ยราคาถูก เงินทองไม่รั่วไหล อัฐยายซื้อขนมยาย
นอกจากนี้การเช่าซื้ออุปกรณ์ต่างๆ หรือการซื้อบริการทุกชนิดในเมืองไทย ก็จะทำธุรกรรมฉพาะกับบริษัทชาติเดียวกับตนเท่านั้น ล๊อคเอาไว้เลย ห้ามเปลี่ยน ดังนั้นเงินจะไหล วนอยู่ในกิจการของประเทศบ้านเกิดตนเท่านั้น....แล้วจะเอาเข้าตลาดหุ้นไทยทำไม...เนอะ
เขาว่ากันว่า....บริษัทต่างชาติที่เป็นชาวเอเชียหลายบริษัทในเมืองไทย ไม่เคยคิดจะเข้าตลาดหุ้นไทยเลย ทั้งๆที่มีผลประกอบการหลายพันล้านบาทถึงหมื่นล้านบาท บริษัทเหล่านี้มีเงินสดมหาศาลและไม่เคยมีเครดิตใดๆกับธนาคารไทยเลย คือไม่มีหนี้แม้แต่บาทเดียว เป็นไปได้ไง? ได้เพราะเมื่อบริษัทมีปัญหา จะกู้เงินจากบริษัทแม่ที่ประเทศของตนเองแทน โดยคิดดอกเบี้ยราคาถูก เงินทองไม่รั่วไหล อัฐยายซื้อขนมยาย
นอกจากนี้การเช่าซื้ออุปกรณ์ต่างๆ หรือการซื้อบริการทุกชนิดในเมืองไทย ก็จะทำธุรกรรมฉพาะกับบริษัทชาติเดียวกับตนเท่านั้น ล๊อคเอาไว้เลย ห้ามเปลี่ยน ดังนั้นเงินจะไหล วนอยู่ในกิจการของประเทศบ้านเกิดตนเท่านั้น....แล้วจะเอาเข้าตลาดหุ้นไทยทำไม...เนอะ

- Amorna
- Verified User
- โพสต์: 454
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 21
พูดถึงบริษัทต่างชาติ ที่ทำธุรกิจในไทย แล้วยอมแบ่งปันผลกำไรให้คนไทย
เพื่อนๆ คิดว่า SINGER เข้าข่ายนี้หรือเปล่าคะ
จริงๆ แล้วก็เป็นบริษัทฝรั่งนี่เอง เข้ามาทำมาค้าขายในไทย แบ่งปันกำไรให้กับในหลวงกับพระพี่นางทุกๆ ปี ปีไหนกำไรดีให้มาก ปีไหนกำไรดีให้น้อย
อย่างนี้เรียกว่า รู้คุณแผ่นดินหรือเปล่าคะ
ยิ่งเห็นโครงสร้างผู้ถือหุ้นแล้ว รู้สึกว่าดีใจ
อยากทราบความเห็นของคนอื่นบ้างค่ะ
เพื่อนๆ คิดว่า SINGER เข้าข่ายนี้หรือเปล่าคะ
จริงๆ แล้วก็เป็นบริษัทฝรั่งนี่เอง เข้ามาทำมาค้าขายในไทย แบ่งปันกำไรให้กับในหลวงกับพระพี่นางทุกๆ ปี ปีไหนกำไรดีให้มาก ปีไหนกำไรดีให้น้อย
อย่างนี้เรียกว่า รู้คุณแผ่นดินหรือเปล่าคะ
ยิ่งเห็นโครงสร้างผู้ถือหุ้นแล้ว รู้สึกว่าดีใจ
อยากทราบความเห็นของคนอื่นบ้างค่ะ
Price is what you pay, value is what you get.
-
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
โพสต์ที่ 22
เอ่อ ตกใจครับยิ่งเห็นโครงสร้างผู้ถือหุ้นแล้ว รู้สึกว่าดีใจ

ผมนึกว่าน่าจะถือผ่านสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มากกว่า
แบบนี้ ถือตลอดชีวิตได้ไหมครับ น่าจะรับประกัน 100% เรื่องความมั่นคงและความโปร่งใส

มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
http://tyakon.multiply.com