วิจารณ์พ่อค้า นักธุรกิจในเมืองไทย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
วิจารณ์พ่อค้า นักธุรกิจในเมืองไทย
โพสต์ที่ 1
ส่วนตัวแล้ว ผมทำงานกับบริษัทฝรั่งมา 3 ปี แล้วก็มาอยู่กับบริษัทฮ่องกง 2 ปี แล้วก็มาอยู่กับฝรั่งอีก 2 ปี ครึ่ง
ประสบการณ์ 7 ปี ครึ่งที่ผ่านมา
พอสรุปได้คร่าวๆ ในมุมมองส่วนตัวว่า
คนเอเชีย ทำการค้า ไม่เก่งโดยเฉพาะคนไทย
1. เราสร้างแบรนด์ได้ไม่ค่อยเก่ง แต่เริ่มมีความพยายาม โดยกลุ่ม สหพัฒน์ก็เริ่มๆพยายามอยู่
2. นโยบายในการแก้ปัญหา ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ของเรา สับสน แก้วนไปวนมา ส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงการวางแผน ไม่เก่ง ก็เลยปรับตัวมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
3. ทำการค้าแบบคนจีน ใช้สายสัมพันธ์ ทำแบบพอกิน พอร่ำรวย แล้วก็เลิกพัฒนา พอมีปัญหาก็กลับมาพัฒนาใหม่
4. ไม่ได้มุ่งเน้นสู่ตลาดโลกอย่างจริงจัง มีแต่ต่างประเทศบุกมาเมืองไทย เช่น แมคโดนัล แต่เมืองไทย เช่น S&P ที่ผมชื่นชอบมากๆก็ไม่ได้บุกต่างประเทศอย่างจริงจัง ทั้งๆที่อาหารไทยเป็นที่ชื่นชอบในเมืองนอก มากๆ เพียงแต่ลดระดับความเผ็ดลงมา
และอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่นิยมกันอย่างมากจริงๆ ในเมืองนอก แต่ก็ไม่มีใครทำแบรนด์ อย่างจริงๆ จังๆ ในการเปิดนวดแผนไทย แล้วขยายสาขาไปทั่วโลก
ตระกูลเก่าๆในบ้านเราก็ทยอย ล่มสลายไปเรื่อย สมัยก่อนผมชอบอ่าน พวกบรรดาตระกูลเจ้าสัวใหญ่ๆ แต่เดี๋ยวนี้ เป็นอดีตไปหลายตระกูลแล้ว
ก็คงจริงอย่างที่พูดๆกันคือ หมดกันในรุ่นที่ 3
..........................................................................
ผมเชื่อว่า ประเทศไทย ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีการปรับตัว เปลี่ยนแปลงขนานใหญ่เลยทีเดียว
เพราะผมรู้สึกว่า มันน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นฐาน ใหญ่ๆ หลายเรื่อง หลายด้านครับ
ประสบการณ์ 7 ปี ครึ่งที่ผ่านมา
พอสรุปได้คร่าวๆ ในมุมมองส่วนตัวว่า
คนเอเชีย ทำการค้า ไม่เก่งโดยเฉพาะคนไทย
1. เราสร้างแบรนด์ได้ไม่ค่อยเก่ง แต่เริ่มมีความพยายาม โดยกลุ่ม สหพัฒน์ก็เริ่มๆพยายามอยู่
2. นโยบายในการแก้ปัญหา ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ของเรา สับสน แก้วนไปวนมา ส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงการวางแผน ไม่เก่ง ก็เลยปรับตัวมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
3. ทำการค้าแบบคนจีน ใช้สายสัมพันธ์ ทำแบบพอกิน พอร่ำรวย แล้วก็เลิกพัฒนา พอมีปัญหาก็กลับมาพัฒนาใหม่
4. ไม่ได้มุ่งเน้นสู่ตลาดโลกอย่างจริงจัง มีแต่ต่างประเทศบุกมาเมืองไทย เช่น แมคโดนัล แต่เมืองไทย เช่น S&P ที่ผมชื่นชอบมากๆก็ไม่ได้บุกต่างประเทศอย่างจริงจัง ทั้งๆที่อาหารไทยเป็นที่ชื่นชอบในเมืองนอก มากๆ เพียงแต่ลดระดับความเผ็ดลงมา
และอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่นิยมกันอย่างมากจริงๆ ในเมืองนอก แต่ก็ไม่มีใครทำแบรนด์ อย่างจริงๆ จังๆ ในการเปิดนวดแผนไทย แล้วขยายสาขาไปทั่วโลก
ตระกูลเก่าๆในบ้านเราก็ทยอย ล่มสลายไปเรื่อย สมัยก่อนผมชอบอ่าน พวกบรรดาตระกูลเจ้าสัวใหญ่ๆ แต่เดี๋ยวนี้ เป็นอดีตไปหลายตระกูลแล้ว
ก็คงจริงอย่างที่พูดๆกันคือ หมดกันในรุ่นที่ 3
..........................................................................
ผมเชื่อว่า ประเทศไทย ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีการปรับตัว เปลี่ยนแปลงขนานใหญ่เลยทีเดียว
เพราะผมรู้สึกว่า มันน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นฐาน ใหญ่ๆ หลายเรื่อง หลายด้านครับ
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
วิจารณ์พ่อค้า นักธุรกิจในเมืองไทย
โพสต์ที่ 2
ถ้าจะใหวิจารณ์ตรงๆ จากประสบการณ์ 9 ปีของผมในบริษัท อเมริกัน 3 บริษัท บริษัท คนไทยในตลาดหลักทรัพย์ 1 บริษัท (ทำไมตูเปลี่ยนงานบ่อยจังฟะ อิอิ)
อยากวิจาร์พ่อค้าคนไทยและนักการเมืองไทยดังนี้
1. บริษัทคนไทยมีปมด้อย คิดอยู่เสมอว่าตัวเองไม่เก่งเหมือนฝรั่ง คิดไปนานๆเข้า เลยพาลเป็นไปจริงๆ
"ฝรั่ง สะระนัง คัจฉามิ"
2. บริษัทคนไทย ไม่เน้น นวัตกรรม ไม่เคยมีนวัตกรรม ไม่เคยคิดจะสร้างนวัตกรรม เลยมีกรรมรับจ้างผลิตอย่างเดียว พ่อค้าคนไทยน้อยรายจะคิดสร้างสรรค์ชิ้นงานจากมันสมองของตัวเอง มีก็น้อยราย ถ้าฝรั่งมันไม่ออกแบบมา อย่าคิดว่าจะคิดเองทำเอง จะนั่งตบยุงแล้วบอกกับตัวเองว่า ฝรั่งมันหายไปไหน อันนี้ประสบการณ์ตรงจากการทำธุรกิจส่วนตัว ถ้าไม่มีฝรั่งออกแบบให้ พี่แกไม่ทำ ผมออกแบบไปให้ถึงจะทำ รับจ้างผลิตอย่างเดียว
บริษัท นาย ก มีศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรม แต่เคยมั้ยที่จะทำ ที่ทำคือ อะไร นำเข้า ติดตั้ง ขาย ... จบ ดูดเงินคนในชาติ ได้กำไรมา ก็เอาไปซื้อสินค้าฝรั่งอีก
สินค้าและบริการที่เชิดหน้าชูตาก็ขายของเก่ากินทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว และ อาหาร
ที่ดีอยู่แล้วก็ยังไม่รักษา ดูอย่างการท่องเที่ยว ก็ไม่ค่อยอนุรักษ์ธรรมชาติ ทำลายแหล่งท่องเที่ยวไปทุกวัน รอวันโทรม แล้วก็ไม่มีใครมาเที่ยว อนาคต คงเป็นแบบพัทยาทุกที่ คือ เน้น Entertainment สิ่งแวดล้อมไม่ต้องพูดถึง
3. คนไทยเอะอะไรเอาแต่แข่งด้านราคา ชอบแข่งกันจน ไม่พัฒนาฝีมือแรงงานและความรู้ ชอบลักไก่ ชอบรวยง่ายๆเร็วๆ ฟันได้ฟัน ฟันไม่ได้ นอน
ประโยคติดปาก "ตอนนี้ฟันได้ต้องรีบฟัน อย่าไปคิดอะไรไกลๆ เอาของที่ได้ชัวส์ๆก่อน ลงทุนทำไม เสี่ยงทำไม"
4. อาชีพทำเงินของคนในชาติ คือ การเก็งกำไร หุ้น ... ที่ดิน .... มีอยู่สองอย่าง ทุกวันนี้ สินค้าส่งออกไม่มีเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีอะไรใหม่ๆ มีแต่ OTOP ที่ขายไม่ค่อยได้ เอาไว้สร้างภาพ
แต่โครงการบ้านใหม่ๆ ตึกใหม่ๆ มีได้เสมอ เงินหาได้มากลายไปเป็นปูน ไม่ได้เอามาลงทุนให้เกิดการผลิตเพิ่มเติม เงินทองของคนในชาติหมดไปกับ มอเตอร์โชว์ และตลาดหุ้นให้ฝรั่งดูดเงินออกไป
5. พ่อค้าคนไทยพอมีเงิน ก็ซื้อเบนซ์ ทำตัวรวยอวดกัน ไม่เคยคิดจะบริจาค และไม่ถือการบริจาคเป็นเรื่องสำคัญ ต่างจากพ่อค้าฝรั่งที่เน้นการบริจาค อันนี้จากปากพ่อค้าฝรั่งคนนึงที่ได้คุยกันครับ
6. พ่อค้าคนไทย ที่รวยมากๆ ส่วนใหญ่เน้นการผูกขาด หรือสัมปทานเป็นหลัก เรื่องนี้ถ้าศึกษาย้อนไปจะเห็นว่าเป็นมานานแล้ว นับร้อยๆปีครับ ถ้าสนใจเรื่องนี้ ผมแนะนำให้หาอ่านในหนังสือ "ลักษณะ นายทุนไทย ในช่วง พศ. 2457-2482" เขียนไว้ดีมาก แบบมีหลักฐานและไม่เกรงใจ ด้วย อ่านแล้วจะรู้เลยว่าตระกูลใหญ่ๆหลายตระกูลในไทย รวยมาได้อย่างไร ?
7. รัฐบาลไทยไม่สนใจคุณภาพชีวิต คิดอย่างเดียว รวย รวย รวย เป็นทาสของเงิน พ่อค้าไทย และเอเซีย มีทัศนะคติ ที่ให้เงินมามีอิทธิพลเหนือกว่าชีวิต
ให้ความสนใจทรัพยากรมนุษย์น้อย ให้ความสนใจกับคุณภาพสังคมน้อย และไม่มีความรับผิดชอบต่อผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
8. จากที่ผมเคยทำงาน เคยเข้าคุยโครงการของรัฐหลายๆโครงการ ผมบอกได้เลย คนไทย รัฐบาลไทย ไม่ใช่ไม่เก่ง แต่ "ชั่ว" ผมเองเวลาคุยโครงการกับรัฐ ผมไม่ค่อยเจอคนของรัฐที่คุยว่าทำโครงการแล้วจะสำเร็จยังไง ทำยังไงให้ออกมาดีที่สุด
ผมได้ยินแต่
- ผลงานจะได้มั้ย ใครจะได้หน้าบ้าง
- ต้องทำตรงนี้ อย่าทำตรงโน้น เดี๋ยวผลประโยชน์ขัดกัน เกรงใจเค้า
- พาไปเลี้ยงหน่อยซิ พักนี้เราไม่ได้ไปกันนานแล้วนะ
- ผลาญเงิน ผมบอกได้สั้นๆ ไม่มี Return ด้วยในหลายๆโครงการ
9. รัฐบาลไทย ลูกหน้าปะจมูก ถลุงเงินไปวันๆ
- คำถาม Smart Card ช่วยอะไร มีประโยชน์อะไร ทำไมต้องทำเป็นบัตรประชาชน หมดไปเท่าไหร่ ทำแล้วมันได้อะไรที่ดีกว่าเดิมหรือ ?
- กรุงเทพเมืองแฟชั่นทำไปทำไม ? เดินแฟชั่นทำไม ภาคเอกชนไทยตอนนี้ มี่ศักยภาพในการทำกรุงเทพเมืองแฟชั่นได้เหรอ เอกชนแถวประตูน้ำ มีปัญญาออกแบบเองเหรอ มี Attitude ที่จะทำหรือเปล่า ฯลฯ ทำไมไม่เอาความจริงมาพูดกัน
- OTOP ทำไปทำไม ถ้าไม่ได้รับการผลักดัน ให้ขายสู่ต่างประเทศได้ เงินหมดไปเท่าไหร่ ได้อะไร? GDP ที่ภาครัฐถมเงินลงไป ?
- ปฏิรูปการศึกษา ทำไปหรือยัง ยังมีใครพูดถึงอยู่อีกบ้างมั้ยครับ
แล้วคุณคิดว่า เศรษฐกิจจะดีเหรอดีจากอะไรครับ ? รับจ้างผลิต แข่งกันจนกับจีน?
แล้วยังไม่เจียม จะเปิด FTA แบบไม่ค่อยพิจารณาอย่างถ้วนถี่อีก เหอๆ
ปล. ที่วิจารณ์รัฐบาลด้วย เพราะถือว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลพ่อค้านะครับ ดังนั้น มันสะท้อนถึงพ่อค้าเมืองไทยได้ดี
ถ้าผมเขียนแรงไป ลบทิ้งได้นะครับ
อยากวิจาร์พ่อค้าคนไทยและนักการเมืองไทยดังนี้
1. บริษัทคนไทยมีปมด้อย คิดอยู่เสมอว่าตัวเองไม่เก่งเหมือนฝรั่ง คิดไปนานๆเข้า เลยพาลเป็นไปจริงๆ
"ฝรั่ง สะระนัง คัจฉามิ"
2. บริษัทคนไทย ไม่เน้น นวัตกรรม ไม่เคยมีนวัตกรรม ไม่เคยคิดจะสร้างนวัตกรรม เลยมีกรรมรับจ้างผลิตอย่างเดียว พ่อค้าคนไทยน้อยรายจะคิดสร้างสรรค์ชิ้นงานจากมันสมองของตัวเอง มีก็น้อยราย ถ้าฝรั่งมันไม่ออกแบบมา อย่าคิดว่าจะคิดเองทำเอง จะนั่งตบยุงแล้วบอกกับตัวเองว่า ฝรั่งมันหายไปไหน อันนี้ประสบการณ์ตรงจากการทำธุรกิจส่วนตัว ถ้าไม่มีฝรั่งออกแบบให้ พี่แกไม่ทำ ผมออกแบบไปให้ถึงจะทำ รับจ้างผลิตอย่างเดียว
บริษัท นาย ก มีศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรม แต่เคยมั้ยที่จะทำ ที่ทำคือ อะไร นำเข้า ติดตั้ง ขาย ... จบ ดูดเงินคนในชาติ ได้กำไรมา ก็เอาไปซื้อสินค้าฝรั่งอีก
สินค้าและบริการที่เชิดหน้าชูตาก็ขายของเก่ากินทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว และ อาหาร
ที่ดีอยู่แล้วก็ยังไม่รักษา ดูอย่างการท่องเที่ยว ก็ไม่ค่อยอนุรักษ์ธรรมชาติ ทำลายแหล่งท่องเที่ยวไปทุกวัน รอวันโทรม แล้วก็ไม่มีใครมาเที่ยว อนาคต คงเป็นแบบพัทยาทุกที่ คือ เน้น Entertainment สิ่งแวดล้อมไม่ต้องพูดถึง
3. คนไทยเอะอะไรเอาแต่แข่งด้านราคา ชอบแข่งกันจน ไม่พัฒนาฝีมือแรงงานและความรู้ ชอบลักไก่ ชอบรวยง่ายๆเร็วๆ ฟันได้ฟัน ฟันไม่ได้ นอน
ประโยคติดปาก "ตอนนี้ฟันได้ต้องรีบฟัน อย่าไปคิดอะไรไกลๆ เอาของที่ได้ชัวส์ๆก่อน ลงทุนทำไม เสี่ยงทำไม"
4. อาชีพทำเงินของคนในชาติ คือ การเก็งกำไร หุ้น ... ที่ดิน .... มีอยู่สองอย่าง ทุกวันนี้ สินค้าส่งออกไม่มีเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีอะไรใหม่ๆ มีแต่ OTOP ที่ขายไม่ค่อยได้ เอาไว้สร้างภาพ
แต่โครงการบ้านใหม่ๆ ตึกใหม่ๆ มีได้เสมอ เงินหาได้มากลายไปเป็นปูน ไม่ได้เอามาลงทุนให้เกิดการผลิตเพิ่มเติม เงินทองของคนในชาติหมดไปกับ มอเตอร์โชว์ และตลาดหุ้นให้ฝรั่งดูดเงินออกไป
5. พ่อค้าคนไทยพอมีเงิน ก็ซื้อเบนซ์ ทำตัวรวยอวดกัน ไม่เคยคิดจะบริจาค และไม่ถือการบริจาคเป็นเรื่องสำคัญ ต่างจากพ่อค้าฝรั่งที่เน้นการบริจาค อันนี้จากปากพ่อค้าฝรั่งคนนึงที่ได้คุยกันครับ
6. พ่อค้าคนไทย ที่รวยมากๆ ส่วนใหญ่เน้นการผูกขาด หรือสัมปทานเป็นหลัก เรื่องนี้ถ้าศึกษาย้อนไปจะเห็นว่าเป็นมานานแล้ว นับร้อยๆปีครับ ถ้าสนใจเรื่องนี้ ผมแนะนำให้หาอ่านในหนังสือ "ลักษณะ นายทุนไทย ในช่วง พศ. 2457-2482" เขียนไว้ดีมาก แบบมีหลักฐานและไม่เกรงใจ ด้วย อ่านแล้วจะรู้เลยว่าตระกูลใหญ่ๆหลายตระกูลในไทย รวยมาได้อย่างไร ?
7. รัฐบาลไทยไม่สนใจคุณภาพชีวิต คิดอย่างเดียว รวย รวย รวย เป็นทาสของเงิน พ่อค้าไทย และเอเซีย มีทัศนะคติ ที่ให้เงินมามีอิทธิพลเหนือกว่าชีวิต
ให้ความสนใจทรัพยากรมนุษย์น้อย ให้ความสนใจกับคุณภาพสังคมน้อย และไม่มีความรับผิดชอบต่อผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
8. จากที่ผมเคยทำงาน เคยเข้าคุยโครงการของรัฐหลายๆโครงการ ผมบอกได้เลย คนไทย รัฐบาลไทย ไม่ใช่ไม่เก่ง แต่ "ชั่ว" ผมเองเวลาคุยโครงการกับรัฐ ผมไม่ค่อยเจอคนของรัฐที่คุยว่าทำโครงการแล้วจะสำเร็จยังไง ทำยังไงให้ออกมาดีที่สุด
ผมได้ยินแต่
- ผลงานจะได้มั้ย ใครจะได้หน้าบ้าง
- ต้องทำตรงนี้ อย่าทำตรงโน้น เดี๋ยวผลประโยชน์ขัดกัน เกรงใจเค้า
- พาไปเลี้ยงหน่อยซิ พักนี้เราไม่ได้ไปกันนานแล้วนะ
- ผลาญเงิน ผมบอกได้สั้นๆ ไม่มี Return ด้วยในหลายๆโครงการ
9. รัฐบาลไทย ลูกหน้าปะจมูก ถลุงเงินไปวันๆ
- คำถาม Smart Card ช่วยอะไร มีประโยชน์อะไร ทำไมต้องทำเป็นบัตรประชาชน หมดไปเท่าไหร่ ทำแล้วมันได้อะไรที่ดีกว่าเดิมหรือ ?
- กรุงเทพเมืองแฟชั่นทำไปทำไม ? เดินแฟชั่นทำไม ภาคเอกชนไทยตอนนี้ มี่ศักยภาพในการทำกรุงเทพเมืองแฟชั่นได้เหรอ เอกชนแถวประตูน้ำ มีปัญญาออกแบบเองเหรอ มี Attitude ที่จะทำหรือเปล่า ฯลฯ ทำไมไม่เอาความจริงมาพูดกัน
- OTOP ทำไปทำไม ถ้าไม่ได้รับการผลักดัน ให้ขายสู่ต่างประเทศได้ เงินหมดไปเท่าไหร่ ได้อะไร? GDP ที่ภาครัฐถมเงินลงไป ?
- ปฏิรูปการศึกษา ทำไปหรือยัง ยังมีใครพูดถึงอยู่อีกบ้างมั้ยครับ
แล้วคุณคิดว่า เศรษฐกิจจะดีเหรอดีจากอะไรครับ ? รับจ้างผลิต แข่งกันจนกับจีน?
แล้วยังไม่เจียม จะเปิด FTA แบบไม่ค่อยพิจารณาอย่างถ้วนถี่อีก เหอๆ
ปล. ที่วิจารณ์รัฐบาลด้วย เพราะถือว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลพ่อค้านะครับ ดังนั้น มันสะท้อนถึงพ่อค้าเมืองไทยได้ดี
ถ้าผมเขียนแรงไป ลบทิ้งได้นะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย คัดท้าย เมื่อ อังคาร มี.ค. 30, 2004 7:12 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- PRO_BABY
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1584
- ผู้ติดตาม: 0
วิจารณ์พ่อค้า นักธุรกิจในเมืองไทย
โพสต์ที่ 4
ไม่เจอนานเลยครับ คัดท้าย ผมว่าเมืองไทยส่วนใหญ่คนจีนจะร่ำรวย
แต่เสียอย่างคือผลิตยังไงก็ยังงั้นคิดว่าตัวเองมีลูกค้าอยู่แล้วแต่พอแข่งกันมากๆๆเข้าก็ลดราคา แล้วก็ขาดทุน พอดีผมทำเกี่ยวกับสิ่งทอครับ
พนักงานก็ทำเอาหน้า เฮ้อ
แต่เสียอย่างคือผลิตยังไงก็ยังงั้นคิดว่าตัวเองมีลูกค้าอยู่แล้วแต่พอแข่งกันมากๆๆเข้าก็ลดราคา แล้วก็ขาดทุน พอดีผมทำเกี่ยวกับสิ่งทอครับ
พนักงานก็ทำเอาหน้า เฮ้อ
-
- ผู้ติดตาม: 0
วิจารณ์พ่อค้า นักธุรกิจในเมืองไทย
โพสต์ที่ 5
อันนี้เห็นด้วยครับ ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามีคนเข้ามาตลาดหุ้นเยอะหวังเก็งกำไร และที่ดิน ครับ แถวบ้านผมเห็นชัดเจนเรื่องที่ดินครับ4. อาชีพทำเงินของคนในชาติ คือ การเก็งกำไร หุ้น ... ที่ดิน .... มีอยู่สองอย่าง ทุกวันนี้ สินค้าส่งออกไม่มีเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีอะไรใหม่ๆ มีแต่ OTOP ที่ขายไม่ค่อยได้ เอาไว้สร้างภาพ
แต่โครงการบ้านใหม่ๆ ตึกใหม่ๆ มีได้เสมอ เงินหาได้มากลายไปเป็นปูน ไม่ได้เอามาลงทุนให้เกิดการผลิตเพิ่มเติม เงินทองของคนในชาติหมดไปกับ มอเตอร์โชว์ และตลาดหุ้นให้ฝรั่งดูดเงินออกไป
วันก่อนเคยขับรถผ่าน สงสัยเห็นป้ายโมษณาขายที่เต็มไปหมดครับ แถวชายทะเล โทรไปถาม ลูกพี่เล่นขายไร่ละ 1-2 ล้านเต็มไปหมด ซึ่งจริงๆ ราคา อยู่แค่ 3-7 แสนเอง ต่อมาบังเอิญเจอนายหน้าขายที่ แล้วก็บังเอิญอีกนายหน้าคนนี้บอกเองครับว่า เป็นคนเอาป้ายไปติดเอง เพื่อจะปั่นราคาที่ดิน ให้สูงครับ ติดอยู่ 10 ป้ายแต่มีที่จริงๆ แค่ ป้ายเดียว
อันนี้ก็จริงอีกคับ ฮิฮิ คุณคัดท้ายช่างเขียนได้ตรงใจจริงๆพ่อค้าคนไทยพอมีเงิน ก็ซื้อเบนซ์ ทำตัวรวยอวดกัน ไม่เคยคิดจะบริจาค และไม่ถือการบริจาคเป็นเรื่องสำคัญ ต่างจากพ่อค้าฝรั่งที่เน้นการบริจาค อันนี้จากปากพ่อค้าฝรั่งคนนึงที่ได้คุยกันครับ
บ้านผมอีกครับ จะซื้อเบนซ์ ไอ้เราก็คัดค้านสุดๆ เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเอายี่ห้อ บ้านผมบอกเอาไว้ติดต่อธุรกิจในกล่มนักธุรกิจ ต่างกันที่ว่าบ้านผมไม่ใช่คนไทยครับ จีน 100%
ผมข้าราชการครับ บังเอิญตอนนี้ทำงานเป็นผู้บริหาร มีผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ 42 คน ทำงานเป็นผู้บริหารได้ประมาณ 1 ปีครับ ไม่ happy ครับบอกตรงๆ เห็นอะไรไม่ชอบมาพากล เห็นช่องโหว่ของระบบ ที่ทำให้บางคนแสงหาผลประโยชน์ใส่ตัวได้ เคยทำเรื่องชี้แจงไปยังผู้บริหารระดับสูงกว่า ได้รับคำตอบว่าค่อยๆเรียนรู้ไป เลยจบครับ8. จากที่ผมเคยทำงาน เคยเข้าคุยโครงการของรัฐหลายๆโครงการ ผมบอกได้เลย คนไทย รัฐบาลไทย ไม่ใช่ไม่เก่ง แต่ "ชั่ว" ผมเองเวลาคุยโครงการกับรัฐ ผมไม่ค่อยเจอคนของรัฐที่คุยว่าทำโครงการแล้วจะสำเร็จยังไง ทำยังไงให้ออกมาดีที่สุด
ตอนนี้ยื่นหนังสือลาออกไปแล้ว พอดีจะไปเรียนต่อ ทนไม่ไหวกับระบบราชการสมัยเก่า เลยเส้นสาย ที่ไม่อยากอยู่เพราะกลัวระบบกลืนครับ กลัวใจตัวเองครับ
พร่ามซะเยอะ แค่อยากบอกครับว่า ราชการตอนนี้ยังบริหารแบบสมัยเก่าอยู่เยอะครับ ก็หวังว่าพอคนรุ่นไหม่ขึ้นมาก็น่าจะดีขึ้น แต่คนดีๆ ในระบบ ก็ยังมีอยู่ครับ ยืนยัน
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
วิจารณ์พ่อค้า นักธุรกิจในเมืองไทย
โพสต์ที่ 7
ต้องขอโทษหลายๆท่านด้วยครับ ผมคิดไปเขียนไปแล้ว Heat มันขึ้นครับ
ผมไม่ค่อยเจอคนของรัฐที่คุยว่าทำโครงการแล้วจะสำเร็จยังไง
แปลว่า เจอแต่น้อย แต่น้อยจริงๆครับ ผมเศร้าใจ ผมเองก็ไม่ได้ดีหรอกครับ
ที่มีโอกาสไปเจอเยอะ เพราะผมสมัยนั้นผมก็มีหน้าที่ไปทำชั่วครับ
ดีใจที่เพื่อนๆ เป็นคนดีครับ ผมเองก็เห็นข้าราชการดีๆแล้วรู้สึกดีมากๆนะครับ
ผมไม่ค่อยเจอคนของรัฐที่คุยว่าทำโครงการแล้วจะสำเร็จยังไง
แปลว่า เจอแต่น้อย แต่น้อยจริงๆครับ ผมเศร้าใจ ผมเองก็ไม่ได้ดีหรอกครับ
ที่มีโอกาสไปเจอเยอะ เพราะผมสมัยนั้นผมก็มีหน้าที่ไปทำชั่วครับ
ดีใจที่เพื่อนๆ เป็นคนดีครับ ผมเองก็เห็นข้าราชการดีๆแล้วรู้สึกดีมากๆนะครับ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 360
- ผู้ติดตาม: 0
วิจารณ์พ่อค้า นักธุรกิจในเมืองไทย
โพสต์ที่ 8
เรื่องนวตกรรมและความคิดสร้างสรรค์นี่ คงต้องแก้จากระบบการศึกษาและระบบครอบครัวส่วนหนึ่งครับ
ครูหรืออาจารย์คนไทย มักจะไม่ชอบนักเรียนที่มีความเห็นไม่ตรงกับครู เวลาสอน หรือนักเรียนที่ถามมากๆ เพราะจะมองว่าเป็นเด็กก้าวร้าว เถียงครู และจะรู้สึกเสียหน้าหากสิ่งที่สอนนั้นถูกแสดงความเห็นกลับมา และระบบการสอนจะเป็นแบบ 1 way communication ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็นในเชิงที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ นักเรียนที่ถามคำถามมากๆ จะถูกมองในทางไม่ดีจากเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ( แต่ถ้าถามแบบต้องการ show off ก็อีกเรื่องครับก็สมควรถูกมองไม่ดีเหมือนกัน ) และไม่ส่งเสริมการทำอะไรนอกกรอบ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ดี โดยจะมองว่าเป็นการผิดธรรมเนียมปฏิบัติ มันเลยทำให้เด็กไทยทีจบออกมาจะไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์เท่าไหร่ครับ
นอกจากนี้ ผมว่าคนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสินทรัพย์หรือสิทธิทางปัญญาเท่าไหร่ครับ มองว่าการ copy ลอกเลียนแบบหรือการละเมิดลิขสิทธิต่างๆ ถูกมองว่าเป็นสิ่งปกติ มันก็เริ่มจากการศึกษาแหละครับ ผมเคยต้องทำ paper งานวิจัย แต่ต้องได้รับการ approve จากอาจารย์ที่ปรึกษาวิชา โดยอาจารย์คนนั้นบอกว่าให้ไปหาหัวข้อที่มีงานวิจัยต่างประเทศทำไว้แล้ว ผมงงเลยครับ แทนที่เราจะเริ่มงานวิจัยด้วยการตั้งปัญหา แล้วหาวิธีการที่จะ solve ปัญหา ด้วยการเริ่มทำวิจัยเอง แต่กลับที่จะไปเอาคำตอบหรือผลลัพธ์แล้วทำย้อนกลับมา แต่ตอนนั้นผมกับเพื่อนบางคนเลือกที่จะหาหัวข้อเองเพราะรู้สึกว่าทำไมต้องไปทำซ้ำในสิ่งที่มีคนทำมาแล้ว แม้ว่าจะได้เกรดไม่ดีนักแต่ผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำคุ้มค่าหน่วยกิตที่ผมจ่ายไปครับ
คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบทำสิ่งใหม่ๆ หรือริเริ่มอะไรเพราะกลัวความผิดหรือถูกตำหนิ และระบบเมืองไทยก็มักจะให้รางวัลคนที่อยู่ในกรอบและพร้อมจะรุม้ซ้ำคนที่ทำผิดโดยไม่ตั้งใจอยู่เรื่อยครับ
ผมชอบดูฟุตบอล จะเห็นเลยว่ากองกลางบางคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ดี บางทีจ่ายบอลไป 10 ลูก อาจจะเสียไป 5 ดีแค่ 5 แต่ 3 จาก 5 ลูกที่จ่ายดีนั้นจ่ายให้กองหน้าหลุดไปยิงตลอด แต่กองกลางบางคน จ่ายดี 10 จาก 10 แต่จ่ายประเภทกลับหลังหรือจ่ายขวางสนามไม่ทำให้เพื่อนได้เปรียบ โค้ชที่ดีน่าจะชื่นชมคนแรก แต่ระบบงานเมืองไทยกลับชื่นชมคนหลังมากกว่า และทำให้ผลผลิตที่ออกมาช่วงหลังๆ มักจะเป็นแบบกองกลางประเภทหลังมากกว่าครับ
นอกจากนี้ระบบการเรียนเมืองไทยไม่ได้สนับสนุนการทำงานเป็นทีมหรือสร้างทักษะในการทำงานร่วมกันกับผู้อื่นครับ ทำให้ระบบการทำงานของไทยมักจะเสียเปรียบระบบฝรั่งแม้ว่าความสามารถเฉพาะตัวจะไม่ต่างกัน
ครูหรืออาจารย์คนไทย มักจะไม่ชอบนักเรียนที่มีความเห็นไม่ตรงกับครู เวลาสอน หรือนักเรียนที่ถามมากๆ เพราะจะมองว่าเป็นเด็กก้าวร้าว เถียงครู และจะรู้สึกเสียหน้าหากสิ่งที่สอนนั้นถูกแสดงความเห็นกลับมา และระบบการสอนจะเป็นแบบ 1 way communication ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็นในเชิงที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ นักเรียนที่ถามคำถามมากๆ จะถูกมองในทางไม่ดีจากเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ( แต่ถ้าถามแบบต้องการ show off ก็อีกเรื่องครับก็สมควรถูกมองไม่ดีเหมือนกัน ) และไม่ส่งเสริมการทำอะไรนอกกรอบ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ดี โดยจะมองว่าเป็นการผิดธรรมเนียมปฏิบัติ มันเลยทำให้เด็กไทยทีจบออกมาจะไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์เท่าไหร่ครับ
นอกจากนี้ ผมว่าคนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสินทรัพย์หรือสิทธิทางปัญญาเท่าไหร่ครับ มองว่าการ copy ลอกเลียนแบบหรือการละเมิดลิขสิทธิต่างๆ ถูกมองว่าเป็นสิ่งปกติ มันก็เริ่มจากการศึกษาแหละครับ ผมเคยต้องทำ paper งานวิจัย แต่ต้องได้รับการ approve จากอาจารย์ที่ปรึกษาวิชา โดยอาจารย์คนนั้นบอกว่าให้ไปหาหัวข้อที่มีงานวิจัยต่างประเทศทำไว้แล้ว ผมงงเลยครับ แทนที่เราจะเริ่มงานวิจัยด้วยการตั้งปัญหา แล้วหาวิธีการที่จะ solve ปัญหา ด้วยการเริ่มทำวิจัยเอง แต่กลับที่จะไปเอาคำตอบหรือผลลัพธ์แล้วทำย้อนกลับมา แต่ตอนนั้นผมกับเพื่อนบางคนเลือกที่จะหาหัวข้อเองเพราะรู้สึกว่าทำไมต้องไปทำซ้ำในสิ่งที่มีคนทำมาแล้ว แม้ว่าจะได้เกรดไม่ดีนักแต่ผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำคุ้มค่าหน่วยกิตที่ผมจ่ายไปครับ
คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบทำสิ่งใหม่ๆ หรือริเริ่มอะไรเพราะกลัวความผิดหรือถูกตำหนิ และระบบเมืองไทยก็มักจะให้รางวัลคนที่อยู่ในกรอบและพร้อมจะรุม้ซ้ำคนที่ทำผิดโดยไม่ตั้งใจอยู่เรื่อยครับ
ผมชอบดูฟุตบอล จะเห็นเลยว่ากองกลางบางคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ดี บางทีจ่ายบอลไป 10 ลูก อาจจะเสียไป 5 ดีแค่ 5 แต่ 3 จาก 5 ลูกที่จ่ายดีนั้นจ่ายให้กองหน้าหลุดไปยิงตลอด แต่กองกลางบางคน จ่ายดี 10 จาก 10 แต่จ่ายประเภทกลับหลังหรือจ่ายขวางสนามไม่ทำให้เพื่อนได้เปรียบ โค้ชที่ดีน่าจะชื่นชมคนแรก แต่ระบบงานเมืองไทยกลับชื่นชมคนหลังมากกว่า และทำให้ผลผลิตที่ออกมาช่วงหลังๆ มักจะเป็นแบบกองกลางประเภทหลังมากกว่าครับ
นอกจากนี้ระบบการเรียนเมืองไทยไม่ได้สนับสนุนการทำงานเป็นทีมหรือสร้างทักษะในการทำงานร่วมกันกับผู้อื่นครับ ทำให้ระบบการทำงานของไทยมักจะเสียเปรียบระบบฝรั่งแม้ว่าความสามารถเฉพาะตัวจะไม่ต่างกัน
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
วิจารณ์พ่อค้า นักธุรกิจในเมืองไทย
โพสต์ที่ 9
Invisible hand เขียน:
ผมเคยต้องทำ paper งานวิจัย แต่ต้องได้รับการ approve จากอาจารย์ที่ปรึกษาวิชา โดยอาจารย์คนนั้นบอกว่าให้ไปหาหัวข้อที่มีงานวิจัยต่างประเทศทำไว้แล้ว ผมงงเลยครับ แทนที่เราจะเริ่มงานวิจัยด้วยการตั้งปัญหา แล้วหาวิธีการที่จะ solve ปัญหา ด้วยการเริ่มทำวิจัยเอง แต่กลับที่จะไปเอาคำตอบหรือผลลัพธ์แล้วทำย้อนกลับมา แต่ตอนนั้นผมกับเพื่อนบางคนเลือกที่จะหาหัวข้อเองเพราะรู้สึกว่าทำไมต้องไปทำซ้ำในสิ่งที่มีคนทำมาแล้ว แม้ว่าจะได้เกรดไม่ดีนักแต่ผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำคุ้มค่าหน่วยกิตที่ผมจ่ายไปครับ
ผมก็เคยโดนกรณีอย่างนี้ครับ แบบเดียวกันเลยครับคุณ Invisible Hand ตอนทำโปรเจกจบ
อย่าว่าแต่ในโปรเจกจบตอนสมัยเรียนเลยครับ
ตอนทำงานนี่ก็เหอะ บริษัทที่ผมเข้าไปทำระบบให้หลายๆที่ เอะอะอะไรก็จะตามฝรั่งที่เคยทำไว้แล้ว จะเอา Reference Site กันอย่างเดียว ไม่ได้พิจารณาถึง Requirement หรือความเหมาะสมของตนเอง
ผมเองไม่ได้ต่อต้านการที่เราตามหรือไม่ตามฝรั่ง เพียงแต่ผมเองก็คิดว่าคนไทยควรนำข้อดีของเค้ามา แล้วก็ประยุกต์ปรับแต่งให้เหมาะสมกับตนเอง ทำไมเราไม่คิดพิจารณาทำอะไรด้วยตัวเราเองบ้าง คิดแล้วก็เศร้าใจ ผมเห็นโปรเจกหลายๆอัน ทำขึ้นมาแล้ว Fail เพราะลอกมาทั้งดุ้น เห็นแล้วเศร้าใจแทนเงินที่ประเทศต้องเสียไปแต่ไม่มี Return กลับมาและไม่ได้สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอะไรเลยครับ
โปรเจก ในไทยหลายๆอันที่ผมเจอ มันเหมือนกับเห็นเค้ามี ก็อยากมีมั่ง ... แค่นั้นเอง
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
วิจารณ์พ่อค้า นักธุรกิจในเมืองไทย
โพสต์ที่ 11
วัฒนธรรมเล่นเส้นสาย ทุกที่ ทุกแห่่ง
วัฒนธรรมสอนไม่ให้คิด แต่สอนให้จำ
วัฒนธรรมเห็นฝรั่งดีกว่าชาวนา สินค้าต่างชาติดีกว่าสินค้าคนไทย
หากท่านผู้นำไม่เห็นความสำคัญและแก้ใข เราคงเป็นผู้แพ้ในเวทีโลกเหมือนที่เป็นอยู่ หลายท่านอาจจะมองว่าเป็นสิ่งปกติของสังคม แต่เป็นสิ่งผิดปกติ ผิดกฎหมายของประเทศที่พัฒนาแล้วครับ...
ที่เราทำได้ทันที คงเป็นที่ตัวเราครับ อย่าทำ อย่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบเหล่านี้ครับ
วัฒนธรรมสอนไม่ให้คิด แต่สอนให้จำ
วัฒนธรรมเห็นฝรั่งดีกว่าชาวนา สินค้าต่างชาติดีกว่าสินค้าคนไทย
หากท่านผู้นำไม่เห็นความสำคัญและแก้ใข เราคงเป็นผู้แพ้ในเวทีโลกเหมือนที่เป็นอยู่ หลายท่านอาจจะมองว่าเป็นสิ่งปกติของสังคม แต่เป็นสิ่งผิดปกติ ผิดกฎหมายของประเทศที่พัฒนาแล้วครับ...
ที่เราทำได้ทันที คงเป็นที่ตัวเราครับ อย่าทำ อย่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบเหล่านี้ครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 33
- ผู้ติดตาม: 0
วิจารณ์พ่อค้า นักธุรกิจในเมืองไทย
โพสต์ที่ 13
ผมว่าเรามีปัญหาทางวัฒนธรรมหลายอย่างนะที่ฝังรากลึกมานานเช่น
- อาหาร
อาหารหลักเราคือข้าวเป็นแป้งไม่มีโปรตีนบำรุงสมอง อีกอย่างอาหารเราเสียเวลาทำนานมาก เช้าตื่นตี4ทำถึง7-8โมงให้ผัวกินก่อนไปทำนา ผักผ่อนแค่2ชั่วโมง 10โมง ทำอีกแระเสร็จเที่ยงเอาไปนา พักอีกนิด แล้วต้องรีบนะไปเก็บผักเก็บหญ้า หาปูหาปลามาด่วนๆเดี๋ยวต้องรีบทำข้าวเย็นอีก กินข้าวเย็นเสร็จแล้วเฮ้!! วันนี้หมดงานได้มีเวลาส่วนตัวแล้วเฮ้ ทำไรดี? อุ๊ยไม่ได้ลืมไปพรุ่งนี้ต้องตื่นตี4นี่หว่าเอ้านอนเถอะ... วันทั้งวันหุงข้าวอย่างเดียว ผมว่าคนไทยคนเดียวกันนี้หากเอาเวลาหุงข้าวทั้งหมดมาศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของมวลกับความเร็วแสง อาจพบทฤษฎีสัมพันธภาพก่อนไอสไตน์อีกนะ (^_^)
- อากศ
อากาศร้อน ไม่ไหวเหนื่อยเหงื่ออกง่าย ไม่เหมาะสำหรับงานออกแบบกระสวยอวกาศ ดาวเทียม หรือไมโครชิป "อูยร้อนโว๊ย ไอ้เสือถอยกระสวยอวกาศไว้ให้แดดร่มก่อนค่อยทำใหม่ ว่าแต่พวกเอ็งเอาปลาเค็มไปตากแล้วยังว่ะจัดการซะด้วยนะก่อนท่านขุนจะมา ข้าว่าจะไปงีบตรงชายน้ำซะหน่วยแดดอย่างงี้ลมดี น่านอน"
อีกอย่างนึงผมว่าธรรมชาติ อากาศเราดีมาก ทุกอย่างมาตามSchedule ไม่เปลี่ยนแปลงทุกปีทำให้ไม่ต้องวางแผนล่วงหน้าระยะยาวหลายปี ไว้เดี๋ยวรอให้เกิดปัญหาก่อนค่อยแก้กัน "จะสร้างปรมณูทำไม พอถึงหน้าน้ำหลากพวกพม่ารามัญก็ต้องจมน้ำกลับบ้านมันไปเองแหละ"
- เราไม่นับถือคนเก่งแต่เรานับถือคนดี
สามก๊กคนไทยชอบเล่าปี่ เกลียดโจโฉ แต่คนจีนบอกโจโฉเป็นพระเอก ผมว่าเราต้องแยกแยะหน่อยระหว่าง"คนดี"กับ"คนธรรมดา" คนที่ไปนั่งในสภาแล้วไม่โกงกิน แต่เห็นคนอื่นโกงแล้วเฉยอย่างนี้เป็นแค่"คนธรรมดา"นะไม่ได้ทำหน้าที่ผลเมือง เรายังสับสนกันอยู่มากระหว่าง"คนดี"กับ"คนธรรมดา" ชอบเห็นคนธรรมดาที่ไม่ทำเลวเป็นคนดี และเห็นคนธรรมดาที่เคยทำพลาดเป็นคนเลว และให้อภัยคนเลวออกมาสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานว่าเป็นคนดี แต่ขณะเดียวกันคนที่เก่งคิดนอกกรอบคิดทำนวัตกรรมใหม่ๆกลับมองนอกคอก (แหมแล้วมันตัวอะไรว่ะที่มันอยู่ในคอกเนี่ย)
- เราขี้อิจฉาครับ
แล้วไม่ยอมรับว่าเราอิจฉาครับ เราอิจฉาได้หลายรูปแบบมากครับเช่น หึง, หมั่นไส้, ความหวังดี (โดยความหวังดีเนี่ยมีเยอะครับรู้รึปล่าวว่าความจริงแล้วคนไทยเกือนสร้างเครื่องบินได้ก่อนฝรั่ง แต่พอจะสร้างชาวบ้านเอาแล้ว"เฮ่ยแน่ใจแล้วเหรอ โบราณเขาไม่เคยทำกัน ทำไม่ได้จะขายขี้หน้าเอานา ที่เตือนเนี่ยก็เพราะหวังดีหรอกนะ" พอครั้งแรกไม่สำเร็จ"เห็นไหมข้าบอกแล้วใช่ไหม เลิกเหอะ" พอสำเร็จบินได้ "เออๆ ระวังให้ดีเฮอะซักวันจะตกลงมา" หึหึ ไม่เคยช่วยอะไรแถมจ้องกระทืบซ้ำตลอดเฮ่อ
อิจฉาอีกอย่างคืออิจฉาผู้มาใหม่ น่ากลัวมาก สอนเด็กให้ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ เราไม่ใช่ฝรั่งเรามีวัฒนธรรม พวกฝร่งไม่รู้จักสูงต่ำมันชอบเถียงด้วยเหตุผลแล้วนำข้อดีไปปรับปรุงแต่เราไม่ได้นะชั้นหัวหงอกแล้วเด็กอย่างเธอหน่ะ ห้ามเถียงค่อยๆเรียนรู้ไปที่นี้เขาเป็นแบบนี้ทั้งนั้น ห้ามเป็นแกะดำที่ฉลาดนะ เดี๋ยวมันเกิดการพัฒนาแล้วฉันจะตามไม่ทันขี้เกียจปรับปรุงตัวเองแล้วเหนื่อย ฯลฯ
สิ่งเดียวที่ช่วยได้คือการศึกษาครับ แต่ไม่ใช่แก้ปลายเหตุแบบการออกข้อสอบหรือคิดค่าGPA แบบตอนนี้นะครับ ต้องฝึกให้เด็กกล้ากล้าสงสัย กล้าถามกล้าตอบไม่กลัวที่จะตอบผิด แล้วไม่ทับถมคนอื่น สำคัญต้องฝึกให้รู้จักยินดีจากใจจริงกับคนที่เก่งกว่าตัวเองพร้อมช่วยเหลือทำงานเป็นทีม น่าจะหาคนที่เคยมีประสบการณ์จากงานจริงๆแล้วให้มาให้ความรู้ ไม่ใช่แค่คนที่สอนเด็กมาทั้งชีวิตแต่ตัวเองไม่เคยทำเรื่องที่สอนเลยจริงๆสักที
"MINLION MIND HAD BEEN DEZTROY BY EDUCAYSHUN SISTUM"
- อาหาร
อาหารหลักเราคือข้าวเป็นแป้งไม่มีโปรตีนบำรุงสมอง อีกอย่างอาหารเราเสียเวลาทำนานมาก เช้าตื่นตี4ทำถึง7-8โมงให้ผัวกินก่อนไปทำนา ผักผ่อนแค่2ชั่วโมง 10โมง ทำอีกแระเสร็จเที่ยงเอาไปนา พักอีกนิด แล้วต้องรีบนะไปเก็บผักเก็บหญ้า หาปูหาปลามาด่วนๆเดี๋ยวต้องรีบทำข้าวเย็นอีก กินข้าวเย็นเสร็จแล้วเฮ้!! วันนี้หมดงานได้มีเวลาส่วนตัวแล้วเฮ้ ทำไรดี? อุ๊ยไม่ได้ลืมไปพรุ่งนี้ต้องตื่นตี4นี่หว่าเอ้านอนเถอะ... วันทั้งวันหุงข้าวอย่างเดียว ผมว่าคนไทยคนเดียวกันนี้หากเอาเวลาหุงข้าวทั้งหมดมาศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของมวลกับความเร็วแสง อาจพบทฤษฎีสัมพันธภาพก่อนไอสไตน์อีกนะ (^_^)
- อากศ
อากาศร้อน ไม่ไหวเหนื่อยเหงื่ออกง่าย ไม่เหมาะสำหรับงานออกแบบกระสวยอวกาศ ดาวเทียม หรือไมโครชิป "อูยร้อนโว๊ย ไอ้เสือถอยกระสวยอวกาศไว้ให้แดดร่มก่อนค่อยทำใหม่ ว่าแต่พวกเอ็งเอาปลาเค็มไปตากแล้วยังว่ะจัดการซะด้วยนะก่อนท่านขุนจะมา ข้าว่าจะไปงีบตรงชายน้ำซะหน่วยแดดอย่างงี้ลมดี น่านอน"
อีกอย่างนึงผมว่าธรรมชาติ อากาศเราดีมาก ทุกอย่างมาตามSchedule ไม่เปลี่ยนแปลงทุกปีทำให้ไม่ต้องวางแผนล่วงหน้าระยะยาวหลายปี ไว้เดี๋ยวรอให้เกิดปัญหาก่อนค่อยแก้กัน "จะสร้างปรมณูทำไม พอถึงหน้าน้ำหลากพวกพม่ารามัญก็ต้องจมน้ำกลับบ้านมันไปเองแหละ"
- เราไม่นับถือคนเก่งแต่เรานับถือคนดี
สามก๊กคนไทยชอบเล่าปี่ เกลียดโจโฉ แต่คนจีนบอกโจโฉเป็นพระเอก ผมว่าเราต้องแยกแยะหน่อยระหว่าง"คนดี"กับ"คนธรรมดา" คนที่ไปนั่งในสภาแล้วไม่โกงกิน แต่เห็นคนอื่นโกงแล้วเฉยอย่างนี้เป็นแค่"คนธรรมดา"นะไม่ได้ทำหน้าที่ผลเมือง เรายังสับสนกันอยู่มากระหว่าง"คนดี"กับ"คนธรรมดา" ชอบเห็นคนธรรมดาที่ไม่ทำเลวเป็นคนดี และเห็นคนธรรมดาที่เคยทำพลาดเป็นคนเลว และให้อภัยคนเลวออกมาสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานว่าเป็นคนดี แต่ขณะเดียวกันคนที่เก่งคิดนอกกรอบคิดทำนวัตกรรมใหม่ๆกลับมองนอกคอก (แหมแล้วมันตัวอะไรว่ะที่มันอยู่ในคอกเนี่ย)
- เราขี้อิจฉาครับ
แล้วไม่ยอมรับว่าเราอิจฉาครับ เราอิจฉาได้หลายรูปแบบมากครับเช่น หึง, หมั่นไส้, ความหวังดี (โดยความหวังดีเนี่ยมีเยอะครับรู้รึปล่าวว่าความจริงแล้วคนไทยเกือนสร้างเครื่องบินได้ก่อนฝรั่ง แต่พอจะสร้างชาวบ้านเอาแล้ว"เฮ่ยแน่ใจแล้วเหรอ โบราณเขาไม่เคยทำกัน ทำไม่ได้จะขายขี้หน้าเอานา ที่เตือนเนี่ยก็เพราะหวังดีหรอกนะ" พอครั้งแรกไม่สำเร็จ"เห็นไหมข้าบอกแล้วใช่ไหม เลิกเหอะ" พอสำเร็จบินได้ "เออๆ ระวังให้ดีเฮอะซักวันจะตกลงมา" หึหึ ไม่เคยช่วยอะไรแถมจ้องกระทืบซ้ำตลอดเฮ่อ
อิจฉาอีกอย่างคืออิจฉาผู้มาใหม่ น่ากลัวมาก สอนเด็กให้ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ เราไม่ใช่ฝรั่งเรามีวัฒนธรรม พวกฝร่งไม่รู้จักสูงต่ำมันชอบเถียงด้วยเหตุผลแล้วนำข้อดีไปปรับปรุงแต่เราไม่ได้นะชั้นหัวหงอกแล้วเด็กอย่างเธอหน่ะ ห้ามเถียงค่อยๆเรียนรู้ไปที่นี้เขาเป็นแบบนี้ทั้งนั้น ห้ามเป็นแกะดำที่ฉลาดนะ เดี๋ยวมันเกิดการพัฒนาแล้วฉันจะตามไม่ทันขี้เกียจปรับปรุงตัวเองแล้วเหนื่อย ฯลฯ
สิ่งเดียวที่ช่วยได้คือการศึกษาครับ แต่ไม่ใช่แก้ปลายเหตุแบบการออกข้อสอบหรือคิดค่าGPA แบบตอนนี้นะครับ ต้องฝึกให้เด็กกล้ากล้าสงสัย กล้าถามกล้าตอบไม่กลัวที่จะตอบผิด แล้วไม่ทับถมคนอื่น สำคัญต้องฝึกให้รู้จักยินดีจากใจจริงกับคนที่เก่งกว่าตัวเองพร้อมช่วยเหลือทำงานเป็นทีม น่าจะหาคนที่เคยมีประสบการณ์จากงานจริงๆแล้วให้มาให้ความรู้ ไม่ใช่แค่คนที่สอนเด็กมาทั้งชีวิตแต่ตัวเองไม่เคยทำเรื่องที่สอนเลยจริงๆสักที
"MINLION MIND HAD BEEN DEZTROY BY EDUCAYSHUN SISTUM"
ขาดทุนคือค่าเล่าเรียน