เมื่อถึงคราวต้องเลือก ถ่านหิน คุณเลือกตัวไหน???
- Luty97
- Verified User
- โพสต์: 1520
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อถึงคราวต้องเลือก ถ่านหิน คุณเลือกตัวไหน???
โพสต์ที่ 1
เนื่องจากเห็นได้ว่าการใช้ถ่านหินจะเป็นเทรนด์ที่ผู้ประะกอบการต่างๆจะหันมาใช้เป็นพลังงานทางเลือกใหม่
ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมถ่านหินนี้โตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเราจะเลือกหุ้นที่เป็นเทรนด์ใหญ่แบบนี้คุณเลือกตัวใด?
ข้อมูลเชิงปริมาณ
PE Growth QoQ
UMS 15.75 86.67%
LANNA 16.51 12.50%
BANPU 19.40 60.22%
ผมมี UMS ย่อมเลือก UMS
เหตุผลที่เลือกตัวนี้คือ
1.ความผันผวนของราคาถ่านหินมีผลน้อยกว่า
2.อัตราการเติบโตสูง
3.ผมเชื่อถือประธารบริษัทนี้
และสุดท้ายผมชอบหุ้นตัวเล็ก :P
(ลองบอกเหตุผลกันมานะครับ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน)
ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมถ่านหินนี้โตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเราจะเลือกหุ้นที่เป็นเทรนด์ใหญ่แบบนี้คุณเลือกตัวใด?
ข้อมูลเชิงปริมาณ
PE Growth QoQ
UMS 15.75 86.67%
LANNA 16.51 12.50%
BANPU 19.40 60.22%
ผมมี UMS ย่อมเลือก UMS
เหตุผลที่เลือกตัวนี้คือ
1.ความผันผวนของราคาถ่านหินมีผลน้อยกว่า
2.อัตราการเติบโตสูง
3.ผมเชื่อถือประธารบริษัทนี้
และสุดท้ายผมชอบหุ้นตัวเล็ก :P
(ลองบอกเหตุผลกันมานะครับ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน)
หลักของความสมดุล
-
- Verified User
- โพสต์: 237
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อถึงคราวต้องเลือก ถ่านหิน คุณเลือกตัวไหน???
โพสต์ที่ 4
UMS ทำธุรกิจขายถานหินรายย่อย ขยายฐานลูกค้าได้เร็ว ทำงานเหมือนกองทัพมด ระวังจะเจอจุดอิ่มตัวในปีสองปีข้างหน้า
เหมือน BANPU เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ตระเวณขุด ขายลิกไนต์ ให้โรงบ่มยาสูบ จนมารับงานเปิดหน้าดินเหมืองแม่เมาะ สร้างโรงไฟฟ้า ลงทุนในธุรกิจข้างเคียง นำเข้าถ่านหิน ขายถ่านหินให้ธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ ที่ UMS กำลังเบียดเข้ามาขอส่วนแบ่ง
เปรียบเทียบกันยากครับ แต่ผมมี UMS สองแสนหุ้นแล้ว เพราะไปประชุมผู้ถือหุ้นแล้วชอบผู้บริหารที่ไฟแรง กล้าคิดกล้าทำ เลยขายบ้านปูไปสองร้อยต้นๆเอามาซื้อเพิ่มหมด
เหมือน BANPU เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ตระเวณขุด ขายลิกไนต์ ให้โรงบ่มยาสูบ จนมารับงานเปิดหน้าดินเหมืองแม่เมาะ สร้างโรงไฟฟ้า ลงทุนในธุรกิจข้างเคียง นำเข้าถ่านหิน ขายถ่านหินให้ธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ ที่ UMS กำลังเบียดเข้ามาขอส่วนแบ่ง
เปรียบเทียบกันยากครับ แต่ผมมี UMS สองแสนหุ้นแล้ว เพราะไปประชุมผู้ถือหุ้นแล้วชอบผู้บริหารที่ไฟแรง กล้าคิดกล้าทำ เลยขายบ้านปูไปสองร้อยต้นๆเอามาซื้อเพิ่มหมด
- Luty97
- Verified User
- โพสต์: 1520
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อถึงคราวต้องเลือก ถ่านหิน คุณเลือกตัวไหน???
โพสต์ที่ 5
เพิ่มเติมข้อมูลของ LANNA BANPU
27 กรกฎาคม 2550 09:27
น้ำมันแพงหุ้นถ่านหินเดือด
--------------------------------------------------------------------------------
หลังปล่อยให้หุ้นน้ำมันเป็นพระเอกเล่นบทนำดันตลาดเข้าภาวะกระทิงไปแล้ว หุ้นพลังงานทดแทนถ่านหินเริ่มไล่ตามมาติด คู่หูพี่เบิ้มน้องเล็ก BANPU-LANNA มีสตอรี่เดียวกันเป๊ะ มีปันผลครึ่งปีตอบแทน และเตรียมนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนระดมทุนเพิ่ม รอบนี้น้องรอง LANNA เริ่มโดดเด่นไม่แพ้พี่ใหญ่ อนาคตดีเข้าตากองทุน โบรกเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นรับปี 2551 ที่จะเติบโตอย่างโดดเด่น คาดเพิ่มขึ้นอย่างต่ำ 20% จากราคาปัจจุบันที่ 20.00 บาท ส่วน BANPU เริ่มกลับมาแรงอีกรอบจากที่พักตัวไป คาดปันผลกลางปี 5.50 บาท จากทั้งปี 10.50 บาท เป้าหมาย 312 บาท ที่ยังไม่รวมมูลค่าเพิ่มจากบริษัทลูกที่จะดันเข้าตลาดหุ้นอินโดนีเซีย
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น LANNA วานนี้ (26 ก.ค.) ปิดตลาดที่ 20.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.01 บาท หรือ 5.82% มีมูลค่าซื้อขายรวม 305.51 ล้านบาท ซึ่ง BANPU ปิดตลาดที่ 296 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 2.07% มีมูลค่าซื่อขายรวม 834 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากทิศทางของราคาถ่านหุ้นในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 66 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และคาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงต่อไปถึงปี 2551 ซึ่งคาดว่าราคาน่าจะแกว่งตัวที่ประมาณ 55-60 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ประกอบกับความต้องการใช้จากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และ อินเดียที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ยังคงขยับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาได้ปรับตัวขึ้นไปแตะที่ระดับ 76.35 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อต่อบาร์เรล จะส่งผลให้มีการหันมาใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะถ่านหินที่สามารถประหยัดต้นทุนได้สูงกว่าการใช้น้ำมันถึง 60%
ดังนั้นจึงมองว่าหุ้นของบริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA ผู้ผลิตถ่านหินอันดับ 2 ของไทยยังคงได้รับความสนใจ และน่าลงทุนไม่ต่างอะไรจากบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ที่เป็นเบอร์ 1 เมื่อสังเกตจากระดับราคาหุ้นที่ปรับตัวควบคู่อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2550 ฝ่ายวิจัยประเมินว่ากำไร และรายได้ปรับตัวสูงกว่าไตรมาสแรกที่มีรายได้ 1,465 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 125 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณยอดขายที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มสูงเรื่อยๆในไตรมาสถัดไป
นอกจากนี้มองว่าในปีหน้า LANNA จะได้ประโยชน์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาถ่านหินในครั้งนี้สูงไม่แพ้ BANPU เพราะคาดว่า LANNA จะสามารถปรับขึ้นราคาขายได้สูงถึง 40-42 เหรียญดอลลาร์สหฐต่อตัน ซึ่งสูงกว่าปีนี้ที่มีการกำหนดราคาขายที่ 36-37 เหรียญ/ตัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าถึง 70%
นักวิเคราะห์ กล่าวต่อว่า LANNA ยังมีแผนที่จะนำบริษัทลูก คือ บริษัท ไทยอะโกร เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (TAE) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเอทานอลที่ LANNA ถือหุ้นอยู่ 75.75% ของทุจดทะเบียนที่ชำระแล้วในช่วงปลายปี หรือต้นปี 2551 ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกกับ LANNA มากขึ้น
LANNAครึ่งแรกปันผล0.50บาท
นอกจากนี้ LANNA ยังเป็นหุ้นที่กองทุนให้ความน่าสนใจลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มในระยะยาวที่มีการเติบโตสูง และผลตอบแทนอยู่ในระดับสูง โดยคาดว่าในครึ่งปีแรก LANNA จะสามารถจ่ายปันผลได้สูงถึง 0.50 บาท/หุ้น ขณะที่ปีก่อนก่อนจ่ายปันผลระหว่างกาลแค่ 0.35 บาท/หุ้น และทั้งปีคาดว่าจะจ่ายปันผลที่ประมาณ 1.00 บาท/หุ้น ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงแนะนำ ซื้อลงทุน โดยราคาเป้าหมายขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับประมาณการณ์ แต่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากราคาหุ้นบนกระดานที่ 20.00 บาท
สำหรับ BANPU ซึ่งเป็นเบอร์ 1 อยู่แล้ว และคุณภาพถ่านหินที่เหนือกว่าส่งผลให้การกำหนดราคาขายย่อมสูงกว่า LANNA เป็นธรรมดา ดังนั้นคาดว่าในปีหน้า BANPU จะมีราคาขายที่สูงถึง 42-43 เหรียญ/ตัน จากปัจจุบันที่มีราคาขายเฉลี่ย 38-39 เหรียญ/ตัน
BANPUปันผล5.50บาท
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2550 ของ BANPU นั้นคาดว่ามีกำไรสุทธิ 1,400 ล้านบาท และรายได้ 7,000 ล้านบาท จากไตรมาส 1/2549 ที่มีกำไรสุทธิ 742 ล้านบาท รายได้รวม 7,582 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ที่ปรับตัวสูงขึ้น เพราะราคาน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาถ่านหินปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ประเมินว่า BANPU สามารถจ่ายปันผลระหว่างกาลสูงถึง 5.50 บาท ส่วนทั้งปีคาดว่าสามารถจ่ายได้สูงถึง 10.50 บาท เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวอย่างโดเด่นในปีนี้ อย่างไรก็ตาม BANPU มีประเด็นที่น่าจับตาคลายกับ LANNA เรื่องของการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซียได้ในช่วงปลายปี 2550 นี้ ซึ่งจะเพิ่มแวร์ลู่ให้กับ BANPU ได้ในระดับสูง เพราะบริษัทดังกล่าวประกอบธุรกิจถ่านหิน ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างมากในปี 2551 ได้
ดังนั้นจึงแนะนำ ซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมาย 312 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่คิดมูลค่าจากการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย แต่หากเพิ่มมูลค่าดังกล่าวจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 60 บาท จากราคาเป้าหมายเดิม
LANNAปีหน้าสุดยอด
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ปริมาณผลิตถ่านของ LANNA จะเพิ่มสูงขึ้นในปี 2551 ถึง 29% แต่ปีนี้ทรงตัวจากความล่าช้าในการผลิตเชิงพาณิชย์ของเหมือง SINGLURUS PRATAMA (SGP) ซึ่งเป็นเหมืองแหล่งที่ 3 ในประเทศอินโดนีเซียของ LANNA จากการเลื่อนผลิตจากปลายปี 2550 เป็นต้นปี 2551 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ในปีนี้ แต่ได้รับผลบวกจากราคาถ่านหินที่สูงมาทดแทน
ทังนี้ LANNA มีเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียทั้งหมด 3 แห่ง และมีกำลังผลิต 3 ล้านตันต่อปี และถ้าเหมือง SGP เสร็จจะเพิ่มกำลังผลิตอีก 0.8 ล้านตัน โดยคาดว่าปีนี้ผลิตได้ 2.8 ล้านตันใกล้เคียงปีก่อน โดยต้องติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการ SGP ว่าจะมีการเลื่อนกำหนดเปิดดำเนินงานอีกหรือไม่
ดังนั้นคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/2550 เติบโตสูงกว่าไตรมาส 1/2550 ที่มีกำไรสุทธิ 125 ล้านบาท โดยราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้นช่วยทำให้ผลการดำเนินงานทรงตัวระดับสูง แม้ราคาขายเอทานอลจะลดลงจาก 22.5 บาท/ลิตร เป็น 18 บาทต่อลิตรในไตรมาส 2/2550 และ 17 บาทต่อลิตรในไตรมาส 3/2550 จากโครงสร้างราคาขายเอทานอลที่เปลี่ยนไปอ้างอิงจากราคาเอทานอลของตลาดบราซิล (Brizillian Commodity Exchange Sao Paulo Index)
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น LANNA ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวต่อได้ จากมูลค่าซื้อขายที่มีการสะสมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และการเข้ามาเก็งกำไรผลการดำเนินงาน จึงแนะนำ ซื้อเก็งกำไรให้แนวรับ 20.00-19.60 บาท แนวต้าน 20.70-21.30 บาท
ส่วน BANPU ราคาหุ้นยังมีการปรับตัวได้ต่อเช่นกัน แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาสูงแล้ว แต่ผลการดำเนินงานที่คาดว่าออกมาดี ส่งผลให้มีการเข้ามาเก็งกำไรเพิ่มสูงขึ้น จึงแนะนำ ซื้อ ให้แนวรับ 290 บาท แนวต้าน 304-320 บาท
--------------------------------------------------------------------------------
27 กรกฎาคม 2550 09:27
น้ำมันแพงหุ้นถ่านหินเดือด
--------------------------------------------------------------------------------
หลังปล่อยให้หุ้นน้ำมันเป็นพระเอกเล่นบทนำดันตลาดเข้าภาวะกระทิงไปแล้ว หุ้นพลังงานทดแทนถ่านหินเริ่มไล่ตามมาติด คู่หูพี่เบิ้มน้องเล็ก BANPU-LANNA มีสตอรี่เดียวกันเป๊ะ มีปันผลครึ่งปีตอบแทน และเตรียมนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนระดมทุนเพิ่ม รอบนี้น้องรอง LANNA เริ่มโดดเด่นไม่แพ้พี่ใหญ่ อนาคตดีเข้าตากองทุน โบรกเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นรับปี 2551 ที่จะเติบโตอย่างโดดเด่น คาดเพิ่มขึ้นอย่างต่ำ 20% จากราคาปัจจุบันที่ 20.00 บาท ส่วน BANPU เริ่มกลับมาแรงอีกรอบจากที่พักตัวไป คาดปันผลกลางปี 5.50 บาท จากทั้งปี 10.50 บาท เป้าหมาย 312 บาท ที่ยังไม่รวมมูลค่าเพิ่มจากบริษัทลูกที่จะดันเข้าตลาดหุ้นอินโดนีเซีย
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น LANNA วานนี้ (26 ก.ค.) ปิดตลาดที่ 20.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.01 บาท หรือ 5.82% มีมูลค่าซื้อขายรวม 305.51 ล้านบาท ซึ่ง BANPU ปิดตลาดที่ 296 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 2.07% มีมูลค่าซื่อขายรวม 834 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากทิศทางของราคาถ่านหุ้นในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 66 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และคาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงต่อไปถึงปี 2551 ซึ่งคาดว่าราคาน่าจะแกว่งตัวที่ประมาณ 55-60 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ประกอบกับความต้องการใช้จากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และ อินเดียที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ยังคงขยับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาได้ปรับตัวขึ้นไปแตะที่ระดับ 76.35 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อต่อบาร์เรล จะส่งผลให้มีการหันมาใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะถ่านหินที่สามารถประหยัดต้นทุนได้สูงกว่าการใช้น้ำมันถึง 60%
ดังนั้นจึงมองว่าหุ้นของบริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA ผู้ผลิตถ่านหินอันดับ 2 ของไทยยังคงได้รับความสนใจ และน่าลงทุนไม่ต่างอะไรจากบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ที่เป็นเบอร์ 1 เมื่อสังเกตจากระดับราคาหุ้นที่ปรับตัวควบคู่อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2550 ฝ่ายวิจัยประเมินว่ากำไร และรายได้ปรับตัวสูงกว่าไตรมาสแรกที่มีรายได้ 1,465 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 125 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณยอดขายที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มสูงเรื่อยๆในไตรมาสถัดไป
นอกจากนี้มองว่าในปีหน้า LANNA จะได้ประโยชน์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาถ่านหินในครั้งนี้สูงไม่แพ้ BANPU เพราะคาดว่า LANNA จะสามารถปรับขึ้นราคาขายได้สูงถึง 40-42 เหรียญดอลลาร์สหฐต่อตัน ซึ่งสูงกว่าปีนี้ที่มีการกำหนดราคาขายที่ 36-37 เหรียญ/ตัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าถึง 70%
นักวิเคราะห์ กล่าวต่อว่า LANNA ยังมีแผนที่จะนำบริษัทลูก คือ บริษัท ไทยอะโกร เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (TAE) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเอทานอลที่ LANNA ถือหุ้นอยู่ 75.75% ของทุจดทะเบียนที่ชำระแล้วในช่วงปลายปี หรือต้นปี 2551 ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกกับ LANNA มากขึ้น
LANNAครึ่งแรกปันผล0.50บาท
นอกจากนี้ LANNA ยังเป็นหุ้นที่กองทุนให้ความน่าสนใจลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มในระยะยาวที่มีการเติบโตสูง และผลตอบแทนอยู่ในระดับสูง โดยคาดว่าในครึ่งปีแรก LANNA จะสามารถจ่ายปันผลได้สูงถึง 0.50 บาท/หุ้น ขณะที่ปีก่อนก่อนจ่ายปันผลระหว่างกาลแค่ 0.35 บาท/หุ้น และทั้งปีคาดว่าจะจ่ายปันผลที่ประมาณ 1.00 บาท/หุ้น ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงแนะนำ ซื้อลงทุน โดยราคาเป้าหมายขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับประมาณการณ์ แต่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากราคาหุ้นบนกระดานที่ 20.00 บาท
สำหรับ BANPU ซึ่งเป็นเบอร์ 1 อยู่แล้ว และคุณภาพถ่านหินที่เหนือกว่าส่งผลให้การกำหนดราคาขายย่อมสูงกว่า LANNA เป็นธรรมดา ดังนั้นคาดว่าในปีหน้า BANPU จะมีราคาขายที่สูงถึง 42-43 เหรียญ/ตัน จากปัจจุบันที่มีราคาขายเฉลี่ย 38-39 เหรียญ/ตัน
BANPUปันผล5.50บาท
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2550 ของ BANPU นั้นคาดว่ามีกำไรสุทธิ 1,400 ล้านบาท และรายได้ 7,000 ล้านบาท จากไตรมาส 1/2549 ที่มีกำไรสุทธิ 742 ล้านบาท รายได้รวม 7,582 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ที่ปรับตัวสูงขึ้น เพราะราคาน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาถ่านหินปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ประเมินว่า BANPU สามารถจ่ายปันผลระหว่างกาลสูงถึง 5.50 บาท ส่วนทั้งปีคาดว่าสามารถจ่ายได้สูงถึง 10.50 บาท เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวอย่างโดเด่นในปีนี้ อย่างไรก็ตาม BANPU มีประเด็นที่น่าจับตาคลายกับ LANNA เรื่องของการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซียได้ในช่วงปลายปี 2550 นี้ ซึ่งจะเพิ่มแวร์ลู่ให้กับ BANPU ได้ในระดับสูง เพราะบริษัทดังกล่าวประกอบธุรกิจถ่านหิน ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างมากในปี 2551 ได้
ดังนั้นจึงแนะนำ ซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมาย 312 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่คิดมูลค่าจากการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย แต่หากเพิ่มมูลค่าดังกล่าวจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 60 บาท จากราคาเป้าหมายเดิม
LANNAปีหน้าสุดยอด
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ปริมาณผลิตถ่านของ LANNA จะเพิ่มสูงขึ้นในปี 2551 ถึง 29% แต่ปีนี้ทรงตัวจากความล่าช้าในการผลิตเชิงพาณิชย์ของเหมือง SINGLURUS PRATAMA (SGP) ซึ่งเป็นเหมืองแหล่งที่ 3 ในประเทศอินโดนีเซียของ LANNA จากการเลื่อนผลิตจากปลายปี 2550 เป็นต้นปี 2551 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ในปีนี้ แต่ได้รับผลบวกจากราคาถ่านหินที่สูงมาทดแทน
ทังนี้ LANNA มีเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียทั้งหมด 3 แห่ง และมีกำลังผลิต 3 ล้านตันต่อปี และถ้าเหมือง SGP เสร็จจะเพิ่มกำลังผลิตอีก 0.8 ล้านตัน โดยคาดว่าปีนี้ผลิตได้ 2.8 ล้านตันใกล้เคียงปีก่อน โดยต้องติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการ SGP ว่าจะมีการเลื่อนกำหนดเปิดดำเนินงานอีกหรือไม่
ดังนั้นคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/2550 เติบโตสูงกว่าไตรมาส 1/2550 ที่มีกำไรสุทธิ 125 ล้านบาท โดยราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้นช่วยทำให้ผลการดำเนินงานทรงตัวระดับสูง แม้ราคาขายเอทานอลจะลดลงจาก 22.5 บาท/ลิตร เป็น 18 บาทต่อลิตรในไตรมาส 2/2550 และ 17 บาทต่อลิตรในไตรมาส 3/2550 จากโครงสร้างราคาขายเอทานอลที่เปลี่ยนไปอ้างอิงจากราคาเอทานอลของตลาดบราซิล (Brizillian Commodity Exchange Sao Paulo Index)
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น LANNA ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวต่อได้ จากมูลค่าซื้อขายที่มีการสะสมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และการเข้ามาเก็งกำไรผลการดำเนินงาน จึงแนะนำ ซื้อเก็งกำไรให้แนวรับ 20.00-19.60 บาท แนวต้าน 20.70-21.30 บาท
ส่วน BANPU ราคาหุ้นยังมีการปรับตัวได้ต่อเช่นกัน แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาสูงแล้ว แต่ผลการดำเนินงานที่คาดว่าออกมาดี ส่งผลให้มีการเข้ามาเก็งกำไรเพิ่มสูงขึ้น จึงแนะนำ ซื้อ ให้แนวรับ 290 บาท แนวต้าน 304-320 บาท
--------------------------------------------------------------------------------
หลักของความสมดุล
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อถึงคราวต้องเลือก ถ่านหิน คุณเลือกตัวไหน???
โพสต์ที่ 7
เลือกบิทูมินัส
อ้าว ม่ายช่าย
อ้าว ม่ายช่าย
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ