แก้บาทแข็งก็ต้องพิมพ์เงินเพิ่ม ง่ายนิดเดียว ทำไมไม่ทำ

[KB]

ผมว่าวิธีนี้ดีนะ อย่างอเมริกาก็พิมพ์เพิ่มเรื่อยๆ จีนก็พิมพ์เพิ่มไปแทรกแซงค่าเงินตัวเอง ทำให้ค่าเงินไม่แข็งมากไป แถมมีเงินเพิ่มไปซื้อของอีก

[สามัญชน]

เหมือนออกวอแรนท์เพิ่มเลยนะครับ เกิด dilution effect รัฐรวยขึ้นประชาชนจนลง

เออ......ถ้าพิมพ์แบงค์เพิ่มแล้วแจกประชาชนเท่าๆกัน  น่าสนครับ  :lol:

[mprandy]

ช้าก่อน... มันไม่ง่ายอย่างงั้นหรอกครับ

อเมริกาดูเหมือนจะเป็นประเทศเดียวที่พิมพ์เงินออกมาได้โดยไม่มีทุนสำรองหนุนหลังนัก เนื่องจากทุกประเทศทั่วโลกให้ความเชื่อมั่นในดอลลาร์สรอ.และใช้เป็นหน่วยเงินหลักในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า โซนยุโรปก็พยายามเอามั่งโดยใช้ยูโรให้มากขึ้นแม้จะยังไม่นิยมเท่า

ถ้ามองที่ธนบัตรจะเห็นประโยคที่ว่า "ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย" หมายความว่า ธนบัตรจะไม่ใช่แบงค์กงเต๊ก (คือยังมีค่าอยู่) ตราบใดที่คนยังเชื่อถือมันอยู่ (ต้องไม่ใช่ธนบัตรปลอมนะ) คือเอาไปจ่ายเป็นค่าอะไรต่อมิอะไร เจ้าหนี้ก็รับ เพราะถ้าไม่มีใครเอา เราสามารถเอาไปให้รัฐบาล เพื่อแลกมาเป็นทรัพย์สินมีค่ามาตรฐาน (ในที่นี้จริง ๆ คือทอง แต่ปัจจุบันอนุญาตให้ใช้ ดอลลาร์สรอ.และสกุลเงินหลัก ๆ ของโลก รวมถึงพันธบัตรแทนได้) มาถือไว้แทนได้

การพิมพ์แบงค์และปล่อยเงินใหม่เข้าสู่ระบบ โดยไม่มีอะไรเป็นเครื่องประกันจากรัฐว่าจะมีค่าอยู่ (ภาษาชาวบ้าน เรียกว่าเงินหนุนหลัง) มันก็จะด้อยค่าลง เงินจะเฟ้อขึ้น (อาจต้องแบกเงินเป็นกระสอบ ไปซื้อข้าวแกงจานนึง) ความเชื่อมั่นในเงินสกุลนั้นจะลดลง (คนอาจจะเชื่อถือเงินกงเต๊กมากกว่า )

ถ้าเกิดแล้ว แก้ยากครับ ดังนั้นที่พูดมานั้น ทำได้ยากหรือทำไม่ได้หรอก

[path2544]

ผมว่าวิธีนี้ดีนะ อย่างอเมริกาก็พิมพ์เพิ่มเรื่อยๆ จีนก็พิมพ์เพิ่มไปแทรกแซงค่าเงินตัวเอง ทำให้ค่าเงินไม่แข็งมากไป แถมมีเงินเพิ่มไปซื้อของอีก

แล้วพอเค้าเอาเงินบาท มาแลกคืน ไม่มี $ ให้เค้า ก็กลับไปเป็น ปี 40 ใหม่  :shock:  :shock:  :shock:  :shock:

[KB]

เราก็พิมพ์ออกมาแบบมีการจัดการ เป็นการส่งสัญญาณให้นักเก็งกำไรค่าเงินรู้เท่านั้น ไม่ได้พิมพ์ออกมาเยอะแยะแบบอเมริกาครับ ผมคิดว่าเราต้องแก้ไขเรื่องความเชื่อก่อน ให้เชื่อว่าบาทจะอ่อน ไม่ใช่จะแข็งครับ

[ครรชิต ไพศาล]

พิมพ์เงิน BANK NOTE มาจ่าย เป็นค่าก่อสร้างรถไฟฟ้า สร้างถนน สร้างโรงเรียน ซื้อเครื่องบิน
ในปริมาณจำกัด ที่คำณวนดูแล้วว่าต้องการควบคุมให้ค่าเงิน อ่อนค่าลงมาสักเท่าใด

ก็คล้ายๆออก พันธบัตร  แต่ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย

[pongo]

พิมพ์ธนบัตรเพิ่มตอนนี้ เราก็มีดอลลาร์สำรองอยู่แล้วนี่ครับ
คุ้นๆ ว่า ทะลุ 7 หมื่นล้านเหรียญไปแล้ว
้หรือว่ามันจะมีข้อเสียด้านอื่นๆ อีก ผู้รู้ช่วยแชร์กันหน่อยครับ

[สุมาอี้]

ไม่ต้องไปทำอะไรเลยดีที่สุด

[yoko]

ไม่ทำอะไรเลย    แสดงว่าไม่กล้าเปลี่ยนแปลง

[สุมาอี้]

ที่เราคิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อกดค่าเงินบาเอาไว้เป็นเพราะเราอยากให้เงินบาทกลับไปที่ 38 บาทต่อดอลล่าร์เหมือนเดิมเพราะเราไม่กล้าเปลี่ยนแปลง

[nearly_vi]

แต่บางที นิ่งเสีย ก็ตำลึงทองนะครับ

[ninesenior]

ถ้าจะพิมพ์แบงค์เพิ่ม
ไทยก็ต้องมีทองสำรองเพื่อพิมพ์แบงค์เพิ่ม
เราก็ต้องไปซื้อทองมาสำรอง
หรือใช้ USD สำรองแทน

แต่ผมคิดว่าไม่ต้องทำให้เงินบาทอ่อนค่ามากก็ได้
ขอแค่ให้เงินบาทนิ่ง
เพื่อให้ผู้ประกอบการไปคุยเรื่องราคาได้ถูกต้อง
ไม่ต้องห่วงมากว่าจะลงหรือขึ้นไปอีกเท่าไร?

[Linzhi]

ที่เราคิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อกดค่าเงินบาเอาไว้เป็นเพราะเราอยากให้เงินบาทกลับไปที่ 38 บาทต่อดอลล่าร์เหมือนเดิมเพราะเราไม่กล้าเปลี่ยนแปลง

ผมชอบวิธีตอบวิธีคิดคุณสุมาอี้จริง ๆ  

[KB]

ไม่ต้องไปทำอะไรเลยดีที่สุด

ผมคิดว่าต้องทำนะ เพราะถ้าไม่ทำ ปล่อยให้ค่าบาทไปตามที่พวกเก็งกำไรกำหนด หลายธุรกิจจะอยู่ไม่รอด สุดท้ายก็เจ้ง หลังจากนี้ต่อให้บาทอ่อนไปก็ไม่มีความหมายแล้ว และบาทต้องอ่อนแน่ๆ ธุรกิจอื่นๆ ก็อาจจะล้มไปตามๆ กัน เกิด npl พวกเก็งกำไรก็คงเอาเงินออกไปก่อนหน้านี้ตามจังหวะ

ส่วนเรื่องพิมพ์เงินเพิ่มต้องมีทุนสำรอง ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของทฤษฏีมากกว่า ไม่จำเป็นต้องทำตามหนังสือไปตลอดหรอกครับ ชีวิตจริงเราก็ไม่ได้เดินอยู่ในหนังสืออยู่แล้ว คิดนอกกรอบบ้าง เราพิมพ์เงินเพิ่มแบบควบคุมไม่ให้ปริมาณมากเกินไป ช่วยแก้ไขบาทแข็ง แถมมีเงินเพิ่มอีก

[fantasia]

การแทรกแซงค่าเงินบาทโดยการซื้อ usd จะเป็นการเพิ่มปริมาณเงินบาทในระบบ
หรือพูดตามภาษาของเจ้าของกระทู้ก็คือการพิมพ์เงินเพิ่มนั้นเอง

ซึ่งการที่เรามีเงินบาทในระบบเพิ่มขึ้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่จะทำให้เราซื้อของเพิ่มขึ้นได้เลย
(อันนี้คิดว่า จขกท. เข้าใจผิดครับ) เพราะของที่ผลิตในประเทศไทยก็ยังมีเท่าเดิม
(ไม่พูดถึงของจากเมืองนอกซึ่งต้องใช้เงิน usd ในการซื้อ ซึ่งก็เท่ากับว่าต้องเอาบาทที่พิมพ์เพิ่มมาไปกลับแลก usd ทำให้เงินบาทแข็งอยู่ดี)

สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการเพิ่มปริมาณเงินบาทในระบบเศรษฐกิจก็คือเงินเฝ้อต่างหากครับ
สืบเนื่องจากที่ผลผลิตในประเทศยังมีปริมาณเท่าเดิม แต่ปริมาณเงินในระบบมีมากขึ้น นั่นต้องทำให้สินค้าแพงขึ้นแน่นอน

ซึ่งการที่จะทำให้ไม่เกิดภาวะเงินเฝ้อนั้น แบงค์ชาติจะต้องออกพันธบัตรมาเพื่อดูดซับเงินบาทในระบบเศรษฐกิจไม่ให้มีมากเกินไป
นั่นหมายถึงภาระดอกเบี้ยของชาติ หรือภาษีของทุก ๆ คนนั้นเอง

ที่เขียนมานี้ก็จำ ๆ มาจากที่เรียนมา บวกกับอ่านบทความตามหนังสือพิมพ์ครับ
หลายคนอาจไม่เห็นด้วย เรื่องเศรษฐกิจนี่เถียงกันยังไงก็ไม่จบ
ขนาดนักเศรษฐศาสตร์ระดับ ดร. ด้วยกันเองยังเถียงกันเองได้ แล้วภาษาอะไรจะไปอธิบายให้คนไม่ได้เรียนเศรษฐศาสตร์เชื่อได้
(คิดอย่างนี้ได้แล้วจะมาอธิบายอีกทำไมเนี่ย  :? )

ปล. ชอบคำตอบของคุณสุมาอี้มากครับ ตอบได้โดนมาก

[shadow_attack]

ประเด็นคือไอ้ที่ขึ้นมานี่ส่วนใหญ่มันเป็นการเก็งกำไรหรือลงทุนจริงน่ะสิครับ (ผมไม่บอกว่ามีแค่อย่างเดียวเพราะธรรมชาติมันมีทั้งส่วนของการเก็งกำไรและลงทุนอยู่แล้ว)

อย่างราคาน้ำมันสมัยทักษิณ คุณทักษิณก็คิดว่าเป็นการเก็งกำไร ราคาน่าจะขึ้นไปสั้นๆ แต่สุดท้ายก็เป็นการขึ้นตามปัจจัยพื้นฐานจริง สรุปว่าเสียค่าอุ้มไปแสนล้านก่อนปล่อยเสรี

ส่วนเคสนี้ยังไม่จบก็ต้องรอดูไปยาวๆ แต่ตอนนี้เจ๊งไปแล้วแสนเจ็ดหมื่นล้านแบบไม่รู้จะไปเอากับใครด้วย ผู้ส่งออกถ้าเจ๊งเขาก็ปิดบริษัทไม่มีตังมาใช้หนี้ให้ประเทศหรอก (ตอนราคาน้ำมันชาวบ้านยังพอยอมให้ขูดได้เพราะรู้ตัวว่าซื้อถูกกว่าตลาดมานาน)

ก็หวังว่าจะเป็นการเก็งกำไรส่วนใหญ่อย่างที่วิเคราะห์กันมาครับ ถ้าไม่อย่างงั้นนรกรออยู่แน่

[cryptonian_man]

ผมว่าปัญหาตอนนี้คนที่เก็งกำไรเขาก็รู้ว่ารัฐบาลไทยไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไง จะแก้แรงๆก็กลัวผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จะแก้เบาๆ ก็ไม่ค่อยได้ผล พอเขารู้แบบนี้ก็เก็งกันได้สบาย

วิธีการพิมพ์ธนบัตรออกมาก็น่าสนนะครับ เพียงแต่ถ้าทำออกมามันมีปัญหาตามมาเยอะ ผมว่าถ้าอยากให้บาทอ่อนเราก็ต้องพยายามปรามการเก็งกำไร โดยการลดความเชื่อมั่นว่าเงินบาทจะแข็งไปอีก บางทีแค่ออกข่าวว่าจะงัดมาตรการคล้ายๆ 30% มาใช้รับรองอ่อนระทวยแน่ครับ หรือทำท่าทีจะออกมาตรการที่แข็งๆหน่อยก็น่าจะได้ผลนะครับ

[chatchai]

การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง

ผู้ที่ได้ประโยชน์เต็มๆ  ก็คือ  เจ้าของกิจการธุรกิจส่งออก

แต่ผู้ที่เสียประโยชน์  ก็คือ  ประชาชนทั้งประเทศ  

เพราะประชาชนทั้งประเทศต้องซื้อน้ำมันในราคาที่แพงขึ้น  ราคาสินค้าต่างๆ  ค่าเดินทาง  ก็แพงขึ้น

งบประมาณการลงทุนต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า  เครื่องจักร  ก็ต้องซื้อแพงขึ้น

ไม่นับยอดขาดทุนจากการที่ธปท.แทรกแซงค่าเงิน  ซึ่งก็เป็นเงินของประชาชนทุกคนในประเทศ

ส่วนการพิมพ์เงินเพิ่ม  เมื่อเงินท่วมตลาด  สิ่งที่ตามมาก็คือเงินเฟ้อ  

นั่นแหละครับ  วิกฤตที่แท้จริง

[สุมาอี้]

ปกติแล้ว คนที่ทำธุรกิจส่งออกนั้นจะมีตัวช่วยหลายตัวมาก

-ธปท.คอยกดเงินบาทให้อ่อน
-ได้ BOI เว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร เว้นภาษีนิติบุคคล (ในบางธุรกิจ)
-ได้คืน VAT
-สิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่กรมส่งเสริมการส่งออกให้เปล่า เช่น การไปโรดโชว์ต่างประเทศ เป็นต้น

ถ้าบริษัทส่งออกบริษัทไหนจะขาดทุนทันทีเมื่อเงินบาทแข็งกว่าเพื่อนบ้านแค่สองเปอร์เซนต์ แสดงว่า ธุรกิจของบริษัทนั้นลำพังโดยตัวของมันเองแล้วเป็นอย่างไร ลองไปคิดดูเอาเอง

ประเทศไทยเป็นประเทศที่แรงงานขาดแคลน เมื่อคนงานที่ตกงานจากโรงงานที่ล้มไป การหางานนั้นไม่ได้ยากมากหรอกครับ เชื่อผมเถอะว่าคนงานเหล่านั้นส่วนใหญ่จะสามารถหางานใหม่ได้อย่างรวดเร็ว อาจต้องมีภาระในการย้ายบ้านบ้าง แต่ชีวิตคนเราก็ต้องมีอุปสรรคบ้าง จะราบรื่นไปตลอดเวลาเลยคงไม่ได้

ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกยังดีอยู่ ถือเป็นโอกาสทองที่ประเทศไทยจะปรับโครงสร้างตอนนี้เลย ถ้าเศรษฐกิจโลกชะลอตัวแล้วเราก็ต้องปรับตัวอยู่ดี ตอนนั้นเราจะเจ็บปวดกว่านี้มากครับ

[chatchai]

คนไทยเอะอะ  อะไรก็ชอบโทษนักเก็งกำไรครับ

ผมจำได้ว่าสมัยปี 40  คนไทยไม่มีใครผิดเลยครับ  ชี้นิ้วกันใหญ่ว่าผู้ที่ผิดคือนักเก็งกำไร

ครั้งนี้ก็เช่นกัน

แต่ทำไมไม่ลองคิดให้ลึกอีกหน่อยละครับว่า  นักเก็งกำไรนั้นมีเหตุผลอะไรหรือไม่

ช่วงปี 2540  ถ้าไม่มีการเก็งกำไรค่าเงินบาท  คุณคิดว่าธปท.จะลดค่าเงินบาทไหมครับ

แล้วถ้าไม่มีการลดค่าเงินบาท  เศรษฐกิจของไทยจะเป็นอย่างไร  จะรุ่งโรจน์โชติช่วง  หรือว่าหนี้ท่วมประเทศ  วิกฤตหนักกว่าเก่า

ทำไมถึงต้องกลัวว่าการส่งออกจะมีปัญหาใหญ่ด้วยละครับ  ถ้ายอดส่งออกลดลง  ค่าเงินบาทก็อ่อนลงมาเองแหละครับ

ลองดูปี 2548 ซิครับ  ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องขาดดุลการค้า  เนื่องจากราคาน้ำมันแพงขึ้นอย่างรวดเร็ว  ค่าเงินบาทของเราก็อ่อนค่าลง  มากกว่าประเทศอื่นซะด้วย

[Golden Stock]

การแทรกแซงค่าเงินบาทโดยการซื้อ usd จะเป็นการเพิ่มปริมาณเงินบาทในระบบ
หรือพูดตามภาษาของเจ้าของกระทู้ก็คือการพิมพ์เงินเพิ่มนั้นเอง

ซึ่งการที่จะทำให้ไม่เกิดภาวะเงินเฝ้อนั้น แบงค์ชาติจะต้องออกพันธบัตรมาเพื่อดูดซับเงินบาทในระบบเศรษฐกิจไม่ให้มีมากเกินไป
นั่นหมายถึงภาระดอกเบี้ยของชาติ หรือภาษีของทุก ๆ คนนั้นเอง

ผมคิดเหมือนคุณ fantasia ครับ  ทุกวันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยไปสร้างภาระดอกเบี้ยจากการออกพันธบัตรเพื่อดูดซับสภาพคล่อง  เป็นเงินไม่ต่ำกว่าเจ็ดหมื่นล้านต่อปี (ตัวเลขล่าสุดไม่ทราบว่าอยู่ที่เท่าไหร่)

การนำเงินจำนวนมหาศาลไปทำการบิดเบือนกลไกตลาด  เพื่อผู้ส่ง  มีข้อเสียหลายข้ออย่างที่สมาชิกคนอื่นๆ กล่าวไปแล้วนั้น  ผมว่าข้อเสียอีกประการ  คือการไปทำให้เกิดผู้ประกอบการชั้นเลว  คือไม่มีความสามารถทางการแข่งขันให้เข้ามาสู่ระบบเพิ่มขึ้น  แล้วในระยะต่อไป  ผู้ประกอบการส่งออกเหล่านี้จะไปสร้างภาระให้แก่รัฐบาล  ซึ่งก็หมายถึงการนำเงินภาษีของประชาชนไปช่วยนั่นเอง

[nanakorn]

ผมคิดว่าการพิมพ์เงินบาทเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องที่อันตรายมากครับ

การพิมพ์เงินบาทเอง เป็นการเพิ่มจำนวนเงินบาทให้มากขึ้นทำให้เงินมีค่าน้อยลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นที่ไม่ได้ถูกเพิ่ม  แต่ก็เป็นการเพิ่มจำนวนเงินบาทให้มากขึ้นเมื่อเทียบกับสินค้าและบริการที่คนไทยต้องใช้ด้วย ทำให้ค่าเงินบาทมีค่าน้อยลงเมื่อนำไปซื้อสินค้าและบริการในประเทศ  ดังนั้นการพิมพ์เงินบาทเองจะเป็นการลดอำนาจการซื้อของเงินจริงๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าค่าเงินเมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆก็จะต้องลดลง  ที่เราอยากได้ไม่ใช่การลดอำนาจการซื้อของเงิน เราอยากให้ค่าเงินของเราลดลงเมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆ  

[KB]

การแทรกแซงค่าเงินบาทโดยการซื้อ usd จะเป็นการเพิ่มปริมาณเงินบาทในระบบ
หรือพูดตามภาษาของเจ้าของกระทู้ก็คือการพิมพ์เงินเพิ่มนั้นเอง

ซึ่งการที่เรามีเงินบาทในระบบเพิ่มขึ้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่จะทำให้เราซื้อของเพิ่มขึ้นได้เลย
(อันนี้คิดว่า จขกท. เข้าใจผิดครับ) เพราะของที่ผลิตในประเทศไทยก็ยังมีเท่าเดิม
(ไม่พูดถึงของจากเมืองนอกซึ่งต้องใช้เงิน usd ในการซื้อ ซึ่งก็เท่ากับว่าต้องเอาบาทที่พิมพ์เพิ่มมาไปกลับแลก usd ทำให้เงินบาทแข็งอยู่ดี)

ผมก็หมายถึงว่าให้รัฐบาลเอาเงินบาทที่พิมพ์เพิ่มไปซื้อดอลล่าจากพวกเก็งกำไร แล้วก็เอาเงินดอลล่านี่แหละไปซื้อของจากต่างประเทศครับ และผมคิดว่าจะไม่ทำให้บาทกลับมาแข็งครับ เพราะแก้ไขเรื่องความเชื่อของพวกเก็งกำไรแล้ว พวกเก็งกำไรไปแล้ว เราก็ควบคุมบาทได้ง่ายขึ้นครับ

[shadow_attack]

ผมก็หมายถึงว่าให้รัฐบาลเอาเงินบาทที่พิมพ์เพิ่มไปซื้อดอลล่าจากพวกเก็งกำไร แล้วก็เอาเงินดอลล่านี่แหละไปซื้อของจากต่างประเทศครับ และผมคิดว่าจะไม่ทำให้บาทกลับมาแข็งครับ เพราะแก้ไขเรื่องความเชื่อของพวกเก็งกำไรแล้ว พวกเก็งกำไรไปแล้ว เราก็ควบคุมบาทได้ง่ายขึ้นครับ

ผมว่าถ้าทำจริงธนาคารทั่วโลกปิดรับแลกบาทแน่ๆ อย่างตอนวัน 30% ทั่วโลกเขาก็ปิดรับแลกบาทจนหม่อมอุ๋ยต้องออกมายกเลิกในวันเดียว

[fantasia]

(ไม่พูดถึงของจากเมืองนอกซึ่งต้องใช้เงิน usd ในการซื้อ ซึ่งก็เท่ากับว่าต้องเอาบาทที่พิมพ์เพิ่มมาไปกลับแลก usd ทำให้เงินบาทแข็งอยู่ดี)

ตรงนี้ผมเขียนผิดปล่อยไก่ตัวเบ่อเริ่มเลย  :oops: ที่จริงมันต้องทำให้บาทอ่อนต่างหาก ซึ่งก็ตรงกับประเด็นที่คุณ KB ว่ามาคือให้เอา usd ไปใช้
ซึ่งรัฐก็กำลังผลักดันอยู่โดนเน้นไปที่นำเข้าวัตถุดิบที่เก็บได้มา stock ไว้ล่วงหน้า แต่ว่าไม่ได้ให้ไปซื้อ usd มาเพิ่มด้วยเพราะทุนสำรองตอนนี้มีมากพอแล้ว

ผมก็หมายถึงว่าให้รัฐบาลเอาเงินบาทที่พิมพ์เพิ่มไปซื้อดอลล่าจากพวกเก็งกำไร แล้วก็เอาเงินดอลล่านี่แหละไปซื้อของจากต่างประเทศครับ และผมคิดว่าจะไม่ทำให้บาทกลับมาแข็งครับ เพราะแก้ไขเรื่องความเชื่อของพวกเก็งกำไรแล้ว พวกเก็งกำไรไปแล้ว เราก็ควบคุมบาทได้ง่ายขึ้นครับ

เรื่องเงินบาทที่แข็งค่าตอนนี้ถ้ามันเป็นแค่เพราะนักเก็งกำไรอย่างเดียว วิธีที่คุณ KB ว่ามาก็เป็นวิธีแก้ที่ถูกต้อง แต่ถ้ามันแข็งค่าเพราะเป็นมูลค่าที่ควรจะเป็นจริง ๆ แล้วแบงค์ชาติไปใช้วิธีนี้ก็เท่ากับว่าสร้างภาระให้คนทั้งประเทศอย่างที่ได้กล่าวไปครับ

ปล. ไม่รู้ว่าแบงค์ชาติจะประกาศงบไตรมาส 2 เมื่อไรน้อ ประกาศเมื่อไรผมว่าคุณธาริษารอดยากแน่งานนี้ บาทแข็งขนาดนี้สงสัยขาดทุนกระจาย

[path2544]

ปกติแล้ว คนที่ทำธุรกิจส่งออกนั้นจะมีตัวช่วยหลายตัวมาก

-ธปท.คอยกดเงินบาทให้อ่อน
-ได้ BOI เว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร เว้นภาษีนิติบุคคล (ในบางธุรกิจ)
-ได้คืน VAT
-สิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่กรมส่งเสริมการส่งออกให้เปล่า เช่น การไปโรดโชว์ต่างประเทศ เป็นต้น

ถ้าบริษัทส่งออกบริษัทไหนจะขาดทุนทันทีเมื่อเงินบาทแข็งกว่าเพื่อนบ้านแค่สองเปอร์เซนต์ แสดงว่า ธุรกิจของบริษัทนั้นลำพังโดยตัวของมันเองแล้วเป็นอย่างไร ลองไปคิดดูเอาเอง

ประเทศไทยเป็นประเทศที่แรงงานขาดแคลน เมื่อคนงานที่ตกงานจากโรงงานที่ล้มไป การหางานนั้นไม่ได้ยากมากหรอกครับ เชื่อผมเถอะว่าคนงานเหล่านั้นส่วนใหญ่จะสามารถหางานใหม่ได้อย่างรวดเร็ว อาจต้องมีภาระในการย้ายบ้านบ้าง แต่ชีวิตคนเราก็ต้องมีอุปสรรคบ้าง จะราบรื่นไปตลอดเวลาเลยคงไม่ได้

ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกยังดีอยู่ ถือเป็นโอกาสทองที่ประเทศไทยจะปรับโครงสร้างตอนนี้เลย ถ้าเศรษฐกิจโลกชะลอตัวแล้วเราก็ต้องปรับตัวอยู่ดี ตอนนั้นเราจะเจ็บปวดกว่านี้มากครับ

เห็นด้วยครับ กับท่านสุมาอี้จริงๆๆครับ

ผมก็หมายถึงว่าให้รัฐบาลเอาเงินบาทที่พิมพ์เพิ่มไปซื้อดอลล่าจากพวกเก็งกำไร แล้วก็เอาเงินดอลล่านี่แหละไปซื้อของจากต่างประเทศครับ และผมคิดว่าจะไม่ทำให้บาทกลับมาแข็งครับ เพราะแก้ไขเรื่องความเชื่อของพวกเก็งกำไรแล้ว พวกเก็งกำไรไปแล้ว เราก็ควบคุมบาทได้ง่ายขึ้นครับ

คุณคิดว่า เงินดอล ในมือนักเก็งกำไรมีน้อยหรือครับ เงินบาทที่เราจะพิมพ์เพิ่มนั้น อาจจะเป็นแค่ 2%-3% ของเงินที่นักเก็งกำไรมีเอง คิดดูสิ ธปท. เราเข้าแซกแซง ยังได้แค่ชลอไม่เกินวันหรือ สองวันเอง

จริงๆๆ ที่ธปท.เข้าแซกแซงเพื่อไม่ให้มันผันผวนมากเท่านั้น

[masterlek]

ผมเสนอการบริหารปอดครับ
แนวvi
แทนที่จะถือเงินดอ.ล่าอย่างเดียวหรือเงินอื่นใจอัตราที่แทบไม่มีนัยยะ
เปลี่ยนเป็นถือเงินหยวนจำนวน เปอร์ในปอด
เงินเยน จำนวนเปอร์
เงินยูโร จำนวนเปอร์
แนวvsop
อาจเพิ่มถือเงินเพื่อนบ้านที่เป็นพี่น้องเราที่เขาพิมพ์เอาตามใจตัวเขา เข้ามารวมในปอดเพื่อความเร้าใจ
8)

[KB]

ประเทศไทยมีนโยบายค่าเงินแบบ manage flot เราสามารถบริหารจัดการค่าเงินของเราได้ การอยู่เฉยๆ ปล่อยเรื่องค่าเงินบาทผมว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง และผมก็ไม่คิดว่ารัฐควรจะไปอุ้มส่งออก
แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เศรษฐกิจเราจะล้มเป็นโดมิโน่ โดยเฉพาะภาคการผลิต ค่าเงินเราแข็งค่าที่สุดในภูมิภาค และแข็งป็นอันดับต้นๆ ของโลก แม้แต่จีนที่เศรษฐกิจโตมากๆ ค่าเงินก็ไม่แข็งเท่าเรา
มันไม่มีปัญหาหรอกถ้าค่าเงินเราแข็ง และค่าเงินของคู่แข็งก็แข็งค่าขึ้นด้วย แต่นี้ค่าเงินเราแข็งเกินความเป็นจริง แม้แต่บริษัทที่ผลิตขายในประเทศก็ได้รับผลกระทบ
เพราะสินค้าบางตัว นำเข้ามาขายยังถูกกว่าผลิตเองในประเทศซะอีก เมื่อเจ้งกันแล้วจะหาใครมาปรับตัวคงยาก สุดท้ายค่าเงินเราก็อ่อน แต่เราจะทำให้อ่อนเองหรือเจ้งแล้วค่อยอ่อน

เรื่องทุนสำรองผมคิดกลับกันครับ จากมีทุนสำรองก่อนแล้วค่อยพิมพ์ เราก็แค่พิมพ์ก่อนแล้วไปซื้อดอลล่ามาเป็นทุนสำรอง พอเงินบาทอ่อนก็ขายดอลล่าเป็นบาท ได้กำไรอีก

[masterlek]

เปลี่ยนในที่นี้หมายความว่า
ปรับเพิ่มการถือเงินในสกุลอื่นในครับ
เงินดอ.ล่า กี่เปอร์ แน่นอนลดลง
ถือเพิ่มเงินเยน
ถือเพิ่มเงินหยวน
ถือเพิ่มยูโร
ให้มันมีนัยยะว่า ม่ายช่ายเงินเองลดปั้บเงินฉันตัองแข็ง เพราะเงินเอ็งม่ายช่าย ยาไวอะก้าของเองนะ :lol:  :lol:
เพิ่มของพี่น้องเพื่อนบ้านที่ตอนนี้กำลังเริ่มรุกเข้ามาตีเราทางด้านแรงงาน

[Capo]

ผมว่ายังไงเราก็อยากจะค้าขายเก่ง ๆ

คือค้าขายให้ได้กำไร ใช้ไปให้น้อยกว่าที่หามาได้ คือมีเงินเหลือเก็บ

ถ้าอยากเป็นแบบนั้นมันก็จะหลีกเลี่ยงการแข็งตัวของค่าเงินได้ยาก (หรือเปล่าครับ อิ ๆ ผมรู้น้อย แต่ความเห็นเยอะ)