ไม่สนทั้งสองตัวมีอะไรหรือเปล่า
UEC ผมมองว่า ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่า ขยายโรงงานไปมีผลดีหรือเปล่า
UMS ต้องพิสูจน์เรื่องการตลาดว่า ตัวเองเล็กกว่าคนอื่นเขา ส่วนแบ่งการตลาดที่ทำไว้ ยังรักษาได้หรือเปล่า

ผม เลือกที่ไม่ซื้อทั้งสองตัว
คู่แข่งขันที่สำคัญ
ถ่านหินในประเทศ ได้แก่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม จำกัด (บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม จำกัด ผลิตเพื่อป้อนถ่านหินให้กับกลุ่มซิเมนต์ไทย)
ถ่านหินนำเข้าจากต่างประเทศ มีการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยโดยผู้ผลิตในต่างประเทศและผู้ค้าถ่านหินจำนวนรวมประมาณ 8 ราย นอกจากนี้ จากการที่มีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กเป็นจำนวนมากได้ปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันเตาเป็นถ่านหิน อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มีผู้ประกอบการรายย่อยเป็นจำนวนมากนำเข้าถ่านหินเพื่อส่งมอบให้กับโรงงานดังกล่าว แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องความสม่ำเสมอของคุณภาพถ่านหิน
ภาวะการแข่งขัน : ธุรกิจการจำหน่ายถ่านหินในประเทศเป็นธุรกิจที่มีผู้ประกอบการน้อยราย (OLIGOPOLY MARKET) โดยลูกค้าที่เป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จะมีคู่แข่งขันที่สำคัญคือบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ส่วนลูกค้าที่เป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและเล็กจะมีคู่แข่งขัน ที่สำคัญคือ บริษัท ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) และผู้ประกอบการรายย่อยอีก 3-4 ราย โดยบริษัทฯ มีเหมืองถ่านหินที่มีคุณภาพสูงเป็นของตนเองและยังมีปริมาณสำรองในเชิงพาณิชย์อีกหลายปี จึงมีศักยภาพในการแข่งขันและสามารถจะเพิ่มส่วนแบ่งด้านการตลาดในอนาคตได้
ภาวะการแข่งขัน
การจำหน่ายถ่านหินให้กับโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยเป็นธุรกิจที่มีผู้ประกอบการน้อยราย โดยบริษัทฯ มีคู่แข่ง คือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) โดยบริษัททั้งสองจะแข่งขันกับบริษัทฯ ในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและเล็กบริษัทฯ มีคู่แข่งเป็นผู้ประกอบการนำเข้าถ่านหินรายย่อย 4-5 ราย บริษัทฯ เน้นเพิ่มลูกค้าในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการแข่งขันทางด้านราคา
uec ผมว่าดูรายได้กับการเติบโตง่ายกว่าเพราะUEC ผมเข้าใจว่า ต้องมีการสร้างโรงงาน ขยายพื้นที่ ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาในการก่อสร้างพอสมควร เงินลงทุนในส่วนนี้กว่าจะให้ผลตอบแทนก็คงประมาณ 1 - 1 1/2 ปี และมีค่าใช้จ่ายส่วนค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นมา แต่ลักษณะงานก็จะให้ margin ที่สูงกว่ามาชดเชย ซึ่งเมื่อผ่านช่วงนี้แล้ว กำไรก็คงเป็นกอบเป็นกำมากขึ้น หากยังมีงานเข้ามาต่อเนื่องเหมือนในปัจจุบัน
๊UMS ลักษณะเป็นเทรดดิ้ง เงินทุนที่ใช้กน่าจะเป็นลักษณะทุนหมุนเวียนมากว่า จะมีการลงทุนในเครื่องจักรก็เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างถ่านหินอัดก้อน
หรือสร้างโกดังใหม่ เหมือนที่กำลังจะเปิดใช้เร็วๆ นี้
ดังนั้น เงินลงทุนเพิ่มก็น่าจะสร้างผลตอบแทนกลับมาได้เร็วกว่ากรณีของ UEC นักลงทุนที่ใจร้อนก็น่าจะชอบมากว่า เพราะเห็นผลตอบแทนกลับมาเร็วกว่า แต่ margin ของสินค้า ก็จะไม่สูงมากเท่า UEC
ตรงนี้จะเป็นเหตุผลได้ไหมว่า ราคาหุ้นของ UMS ขึ้นเร็วกว่า UEC ผมหมายถึง ถ้าดูกราฟราคาของ 2 ตัวนี้ ผมว่า UMS น่าจะชันกว่า UEC (แต่ผมยังไม่ได้ดูกราฟนะครับ แค่ประมาณเอา)
ผมกลับมองกลับกันนะครับhot เขียน: uec ผมว่าดูรายได้กับการเติบโตง่ายกว่าเพราะ
รายได้มากจากงานประมูล ปีหนึ่งมีโครงการแน่นอน
แต่ums
ดูรายได้ลำบากกว่า
เช่นเมื่อ1-2ปีก่อนมีลูกค้า 70ราย
ปีนี้ต้นปีมีลูกค้า200 ราย
ปลายปีหรือปีหน้า
จะมีลูกค้าแค่ไหน
ประมาณรายได้ลำบากคับผมว่า
ผมอยากได้ลูกน้องถ่านด้วยอ่ะครับnaris เขียน:รักพี่เสียดายน้อง ก็ขอแม่ทั้งคู่เลยดิ. จะไปยากอะไร :lol:
ไปขอน้องถ่านระวังนะพี่ .. รายนั้นเค้าท้องไปแล้ว อีกไม่นานลูกคงคลอด เอ... หรือกลับกลายเป็นดีกว่า :lol:naris เขียน:รักพี่เสียดายน้อง ก็ขอแม่ทั้งคู่เลยดิ. จะไปยากอะไร :lol:
ไปขอน้องถ่านระวังนะพี่ .. รายนั้นเค้าท้องไปแล้ว อีกไม่นานลูกคงคลอด เอ... หรือกลับกลายเป็นดีกว่าyoyo เขียน: