|0 คอมเมนต์
ผมขอเสริมนิดนึงเกี่ยวกับโรงงานพลาสติกครับ ผิดถูกก็บอกกันครับ ตามประสาความรู้เท่าฝาหอยของผม. :?
ลูกอิสาน เขียน: บริษัทเน้นผลิตสินค้าทีเน้นคุณภาพจริงๆ จะไม่ใช้วัตถุดิบ recycle เลย นอกจากนั้นถึงกับสร้างห้อง clean room เพื่อผลิตและเก็บสินค้า นับว่าไม่ธรรมดาเลย นอกจากนั้นจากการสอบถามทราบว่าผู้บริหารค่อนข้างแฟร์กับคู่ค้ามาก ทำให้ได้รับออเดอร์อย่างต่อเนื่อง..
การที่บริษัทไม่ใช้ วัตถุดิบrecycle เลยนั้น สิ่งดีที่ตามมาก็คือราคา เศษวัตถุดิบเหลือใช้ หรือสินค้าที่ไม่ผ่านคุณภาพของโรงงานหรือ ของลูกค้า ของตัวสินค้านั้นๆ ที่จะมีความบริสุทธิ์มาก สามารถนำมาขายต่อได้ในราคาสูง ประมาณ 30-60% ของต้นทุนวัตถุดิบให้แก่โรงงานrecycle(ที่มีการแข่งกันซื้อเศษพลาสติกพวกนี้อย่างดุเดือด)
อำนาจการต่อรองของลูกค้า ส่งผลต่อการทำกำไรของ tpac หรือเปล่า คำตอบคือมีแน่นอนครับ เพราะหลักฐานแสดงให้เห็นอย่างนั้น ในปี 45-47 เม็ดพลาสติค(PP PE HDPE) ราคากำลังอยู่ในช่วงข้าขึ้น อัตราการทำกำไรของบริษัทลดลงมาก ถึงแม้ไม่ถึงกับขาดทุน นั่นแสดงว่าอำนาจต่อรองของลูกค้าก็สูงพอสมควร ทำให้บริษัทไม่สามารถปรับราคาได้ทันทีทันใด แต่พอราคาเม็ดพลาสติคเริ่มนิ่ง ดูเหมือนอัตราการทำกำไรกลับมาเป็นปกติที่ 7-8% แล้วครับ ดูจากงบปี 48-49..
ดังนั้นถ้าราคาเม็ดพลาสติคมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คนที่ถือตัวนี้ก็ต้องระวังหน่อย..
ราคาเม็ดพลาสติกพวกนี้มีขึ้นๆลงๆตลอดครับ มีให้เก็งราคาซื้อกันทุกเดือน บางทีเก็งราคาซื้อผิดมีติดดอยก็มีนะครับ แต่พวกโรงงานใหญ่ๆมีประสบการณ์สูงอย่างtpacนี่ผมว่ามีคอนเน็กชั่นที่ดีกับพวกAgency ขายเม็ดต่างๆเหล่านี้อยู่แล้วครับ(เล็กๆอย่างผมยังมีเลย :lol: ) คงต้องเรียกว่า inside ละครับก็จะได้เม็ดราคาถูกไปก่อน และเมื่อราคาตลาดขึ้นก็จะนำตัวเม็ดต้นทุนถูกนี้มาผลิตให้ลูกค้าละครับ ซึงตรงนี้กำไรแต่ละช่วงจะสูงมากจากกำไรปกติ 5-10% ครับ ที่นี้ผมก็มาคิดว่า การสั่งสินค้าของลูกค้าส่วนใหญ่เป็นแบบไหนถ้าเป็นแบบสั่งเป็นชุดๆไปก็คงกำไรเป็นปกติ แต่ถ้าทำสัญญาส่งมอบเป็นช่วงๆในระยะเวลาที่กำหนดไว้แน่นอนละก็ผมว่าบริษัทได้เปรียบและได้กำไรมากกว่าครับ
ถ้ามองภาพใหญ่ๆ ธุรกิจนี้ไม่มี barrier of entry หรือมีก็น้อยมาก เพราะแค่ซื้อเครื่องมาฉีดมาเป่าก็ขายสินค้าได้แล้ว
ตรงนี้ต้องบอกว่า ตัวเครื่องจักรนี่ไม่ยากครับ มีมาขายที่งาน Inter Plas Pack ไบเทคบางนาแทบจะทุกเดือน จะมีงานใหญ่จิงๆปี 1-2 ครั้ง แต่ที่จะเป็น barrier of entry ผมว่าน่าจะเป็นที่บุคคลากรครับช่างเทคนิคฝีมือดีๆนี่หายาก ถึงตัวเครื่องจะเหมือนกันแต่ถ้าช่างคนละคนนี่สินค้าออกมาไม่เหมือนกันนะครับแถมเป็นตัวชี้วัดค่าความเสียหายระหว่างการผลิตซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อกำไรของโรงงาน(พวกขั้นตอนการขึ้นรูปการmaintenance เครื่องระหว่างผลิต)จะมากจะน้อยก็อยู่ที่ช่างด้วยครับ แต่ที่tpacผมก็เห็นเค้ามีอบรมบุคคลากรสม่ำเสมอครับ. กับอีกอย่างก็คือสายป่านในการแสวงหาวัตถุดิบพวกเม็ดพลาสติกนี่ละครับ ซึ่งบางครั้งมันจะไม่มีก็ไม่มีเอาซะดื้อๆ รึบางครั้งมีก็ราคาแพงมากๆก็ต้องหามาละครับเพราะ โรงงานพวกนี้ส่วนใหญ่ก็ต้องเดินเครื่องกัน24 ชม.อยุ่แล้ว(นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่โรงงานเล็กๆอยู่ไม่ค่อยได้)ก็ต้องคอยหาวัตถุดิบป้อนโรงงานตลอด
:idea: กับอีกความวิตกกังวลหนึ่งของผมนะครับ มองข้ามshotไปหน่อย ถ้าเค้าว่าอีก30-50 ปีนี้โลกเราไม่มีน้ำมัน รึไม่มีพวกปิโตรเคมี ในโลกนี้แล้ว(แน่นอนว่าพวกถุงพลาสติกต่างๆก็จะต้องไม่มีด้วย) เราจะใช้อะไรมาทดแทนครับ อย่างเวลาไปซื้อก๋วยเตี๋ยวน้ำ ซื้อแกง เค้าจะใส่อะไร(ไม่นับพวกหม้อ ปิ่นโต ที่จะหิ้วไปใส่เองนะครับ) ไปซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำ ซื้อน้ำยาล้างจาน เค้าจะใช้อะไรบรรจุ?? น่าคิดนะครับ... :nm: แต่ตอนนี้ที่รู้มาพวกที่ทำ recycle พลาสติกเกรดA นี่รวยไม่รู้เรื่องแล้วครับ.
