บริษัท ซินเน็ค(ประเทศไทย) ซึ่งมีบมจ.ที.เค.เอส.เทคโนโลยี(TKS) ถือหุ้น
ใหญ่ มีแผนเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) กลางปี 2551 โดยคาดยื่น
ข้อมูล(แบบไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก
ทรัพย์(ก.ล.ต.)ภายในไตรมาส 3/50
"เราก็ยังดำเนินการตลอดเวลาอยู่ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าน่าจะขายหุ้น IPO ได้
ประมาณกลางปีหน้า"นายวีระชัย ศรีขจร กรรมการผู้จัดการ TKS กล่าวกับ"รอยเตอร์"
เขากล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO นั้น บริษัทต้องการรอจังหวะเวลาที่
เหมาะสมก่อน ซึ่งเห็นว่าถ้าปลายปีนี้จัดให้มีการเลือกตั้งได้ ปัจจัยการเมืองก็น่าจะมีทิศ
ทางที่ชัดเจนขึ้น แต่ก็จะต้องรอดูสภาพเศรษฐกิจและภาวะตลาดหุ้นด้วย
ซินเน็คฯ ทำธุรกิจค้าส่งอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์และระบบ
สารสนเทศ มี TKS ถือหุ้น 50% ,Synnex Technology International จากไต้หวัน
ถือหุ้น 49% และผู้ถือหุ้นรายอื่น 1%
TKS เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแบบพิมพ์และกระดาษสำนักงาน รวมทั้งค้าส่ง
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
นายวีระชัย คาดว่า บล.ซีมิโก้ ในฐานะที่ปรึกษาการเงินของซินเน็คฯ จะยื่น
แบบไฟลิ่งต่อก.ล.ต.ได้ภายในไตรมาส 3/50 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างจัดเตรียมข้อมูล
เมื่อม.ค.ที่ผ่านมา นายวีระชัย เคยให้สัมภาษณ์กับ"รอยเตอร์"ว่า คาดจะขาย
หุ้น IPO ของซินเน็คฯได้ภายในไตรมาส 4/50 โดยจะเสนอขายหุ้นไม่ต่ำกว่า 150 ล้าน
หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท และคาดว่าจะระดมทุนประมาณ 400-500 ล้านบาท โดย
จะนำเงินไปใช้ขยายธุรกิจ--จบ--
Trusted by Synnex
-
- Verified User
- โพสต์: 1266
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 1
คำนี้มักถูกแปะไว้บนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ผมเคยเคลมของ บริการถือว่าใช้ได้ มาวันนี้ เตรียมตัวจดทะเบียนเข้า ตลท. มีความเห็นอย่างไรกันบ้าง
- NinjaTurtle
- Verified User
- โพสต์: 506
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 2
มันต่างยังไงกับ SIS บ้างครับ
- โอ@
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4244
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 4
ไม่คล้าย IT ครับ เหมือน SIS มากกว่าOatarm เขียน:ผมว่ามันคล้ายกับ IT มากกว่านะ คือไม่ได้ผลิตเอง แต่จัดจำหน่าย และ บริการหลังการขาย ต้องดูว่าวัตถุประสงค์เพิ่มทุน จะลุยด้านไหน
เพราะว่าไม่ได้มีหน้าร้านขายของตัวเองครับ เน้นขายส่ง และเป็นศูนย์บริการ
ตัว IT นั่นแหละที่จะสั่งของจาก SIS + Synnex
_________
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 5
ใช่ครับ SIS, Synnex เป็น Distributor
IT เป็น Retailer
IT เป็น Retailer
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 6
เมืองไทยมี Distri รายใหญ่อยู่ประมาณ 4-5 รายครับ
ถ้านับตามยอดขายปี 05
Synnex > SiS > Ingram > Value (ECS)
ถ้านับตามยอดขายปี 06
Value (ECS) > Synnex > SiS > Ingram
Value ได้โปรเจ็คท์ขนาดใหญ่ปี 06 หลายร้อยล้าน ทำให้ยอดพุ่งขึ้นไปเป็นที่ 1 ระดับหมื่นล้านนิดๆ ดังนัน้ผู้บริหารปีนี้จึงให้สัมภาษณ์ว่า จะพยายามคงยอดขายเท่าเดิมก็พอใจแล้ว ตัว Value นี่ถือหุ้นโดย ECS ซึ่งจดทะเบียนที่ตลาดสิงค์โปร์และคงไม่เข้าจดทะเบียนในไทย
ส่วน Synnex ปีที่แล้วประมาณ 9200 ล้าน ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 11,000 ล้าน (คุณอนุชิต ให้สัมภาษณ์เมื่อสองวันก่อน) ทาง Synnex มีแผนเข้าตลาดตั้งแต่ปีที่แล้ว คาดว่าจะเข้าจดในตลาดเมืองไทยปีหน้า
SiS จดทะเบียนไปเมื่อ 2 ปีก่อน ปัจจุบันนี้คงยอดขายระดับประมาณ 2200-2300 ล้านบาทต่อไตรมาส
Ingram นี่เป็น Distri ใหญ่ที่สุดในระดับโลก แต่ในเมืองไทยนี่ยังเป็นที่ 1 ไม่ได้ เพราะถูกคุมนโยบายจากสหรัฐอย่างเข้มงวด ทำให้ Distri อื่นๆ นี่ใช้ความ Flexible เป็นประโยชน์มากกว่า
ยอดขาย 4 เจ้ารวมกันประมาณ 38,000 ล้านบาท จากตลาดไอทีทั้งหมดประมาณ แสนสองล้านบาท หรือ 38% ของธุรกิจ IT ไทย (ที่เหลือนี่เกิดจาก Supplier ขายตรงถึงลูกค้า หรือเกิดจากยอด Services ที่ไม่ผ่าน Distributor หรือ เกิดจาก Distri รายย่อยอื่นๆ )
นอกจากรายหลักแล้ว ยังมี Distri ท้องถิ่นอีก ได้แก่ DComputer, Alliance & Link, CompSeven, FourSystems ซึ่งไม่ได้เป็น One Stop Services แบบ 4 เจ้าข้างต้น แต่กลุ่มเหล่านี้จะ Focus ในบาง Category เท่านั้น
ถ้านับตามยอดขายปี 05
Synnex > SiS > Ingram > Value (ECS)
ถ้านับตามยอดขายปี 06
Value (ECS) > Synnex > SiS > Ingram
Value ได้โปรเจ็คท์ขนาดใหญ่ปี 06 หลายร้อยล้าน ทำให้ยอดพุ่งขึ้นไปเป็นที่ 1 ระดับหมื่นล้านนิดๆ ดังนัน้ผู้บริหารปีนี้จึงให้สัมภาษณ์ว่า จะพยายามคงยอดขายเท่าเดิมก็พอใจแล้ว ตัว Value นี่ถือหุ้นโดย ECS ซึ่งจดทะเบียนที่ตลาดสิงค์โปร์และคงไม่เข้าจดทะเบียนในไทย
ส่วน Synnex ปีที่แล้วประมาณ 9200 ล้าน ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 11,000 ล้าน (คุณอนุชิต ให้สัมภาษณ์เมื่อสองวันก่อน) ทาง Synnex มีแผนเข้าตลาดตั้งแต่ปีที่แล้ว คาดว่าจะเข้าจดในตลาดเมืองไทยปีหน้า
SiS จดทะเบียนไปเมื่อ 2 ปีก่อน ปัจจุบันนี้คงยอดขายระดับประมาณ 2200-2300 ล้านบาทต่อไตรมาส
Ingram นี่เป็น Distri ใหญ่ที่สุดในระดับโลก แต่ในเมืองไทยนี่ยังเป็นที่ 1 ไม่ได้ เพราะถูกคุมนโยบายจากสหรัฐอย่างเข้มงวด ทำให้ Distri อื่นๆ นี่ใช้ความ Flexible เป็นประโยชน์มากกว่า
ยอดขาย 4 เจ้ารวมกันประมาณ 38,000 ล้านบาท จากตลาดไอทีทั้งหมดประมาณ แสนสองล้านบาท หรือ 38% ของธุรกิจ IT ไทย (ที่เหลือนี่เกิดจาก Supplier ขายตรงถึงลูกค้า หรือเกิดจากยอด Services ที่ไม่ผ่าน Distributor หรือ เกิดจาก Distri รายย่อยอื่นๆ )
นอกจากรายหลักแล้ว ยังมี Distri ท้องถิ่นอีก ได้แก่ DComputer, Alliance & Link, CompSeven, FourSystems ซึ่งไม่ได้เป็น One Stop Services แบบ 4 เจ้าข้างต้น แต่กลุ่มเหล่านี้จะ Focus ในบาง Category เท่านั้น
- Series7
- Verified User
- โพสต์: 72
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 10
Synnex ทำธุรกิจแบบเดียวกับ SIS คะ นำเข้าอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ แล้วขายในราคาส่ง คะ ..ออฟฟิคสำนักงานอยู่ถ. สุคนสวัสดิ์ ลาดพร้าว-รามอินทราคะ เท่าทราบไม่ได้มีหน้าน้านแบบ D-Computer คะ. จำหน่ายให้บริษัท IT นำเข้าไปบิดหรือประมูลตามโครงการต่างๆๆของรัฐคะ
Not born to be; but try to be...
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 14
ปัญหาของธุรกิจค้าส่ง Computer หลักๆ ก็คือ
> การเสื่อมราคาของสินค้าคงคลัง ซื้อมาต้นปี หากขายไม่ได้ พอปลายปีมูลค่าเหลือประมาณครึ่งเดียว (ประมาณสัปดาห์ละ 1%) แต่หลายบริษัทฯจะ agressive กว่านั้น คือ book 100% ไปเลยเมื่อ 1 ปี ตัวนี้จะเป็นซ่อนกำไร สร้างขาดทุนได้มาก
> หนี้สูญ จากลูกค้ากลุ่ม Retail / ต่างจังหวัด โดยมีอย่างน้อย 1 ครั้งใหญ่ (ระดับ 1 MUSD ขึ้นไป) ทุกปี โดยปี 04 นี่ประมาณ 10 MUSD ซึ่งไปกินกำไรหมด ตัว Synnex นี่รู้สึกจะโดนไปหลายเหมือนกัน มี Case สดๆ เมื่อเดือนที่แล้วระดับเกือบร้อยล้าน แต่รู้สึก Synnex จะรอดไม่โดน
> ขณะเดียวกันหาก Focus ลูกค้าที่การเงินแข็งแรง กลุ่มนี้จ่ายยาวมากกก..ก็ทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยบานเบอะ ไปกินกำไรอีก
> เรื่อง Economy of Scale เนื่องจากเป็นธุรกิจกำไรต่ำ รายเล็กอยู่ยาก ดังนั้นทุกคนเลยต้องการรวบตลาด กำจัดคู่แข่ง ทำให้ Offer ราคาชนิดเหลือเชื่อ ที่จริงแล้วหากไปดูงบการเงินของทั้ง 4 distri แล้ว ต้องบอกว่า SiS ที่เราบ่นว่าแย่ๆ นี่ เยี่ยมที่สุดในบรรดา 4 เจ้าแล้วครับ...
ไม่ได้เชียร์ SiS ครับ ผมทำงานบริษัทคู่แข่งของ SiS
> การเสื่อมราคาของสินค้าคงคลัง ซื้อมาต้นปี หากขายไม่ได้ พอปลายปีมูลค่าเหลือประมาณครึ่งเดียว (ประมาณสัปดาห์ละ 1%) แต่หลายบริษัทฯจะ agressive กว่านั้น คือ book 100% ไปเลยเมื่อ 1 ปี ตัวนี้จะเป็นซ่อนกำไร สร้างขาดทุนได้มาก
> หนี้สูญ จากลูกค้ากลุ่ม Retail / ต่างจังหวัด โดยมีอย่างน้อย 1 ครั้งใหญ่ (ระดับ 1 MUSD ขึ้นไป) ทุกปี โดยปี 04 นี่ประมาณ 10 MUSD ซึ่งไปกินกำไรหมด ตัว Synnex นี่รู้สึกจะโดนไปหลายเหมือนกัน มี Case สดๆ เมื่อเดือนที่แล้วระดับเกือบร้อยล้าน แต่รู้สึก Synnex จะรอดไม่โดน
> ขณะเดียวกันหาก Focus ลูกค้าที่การเงินแข็งแรง กลุ่มนี้จ่ายยาวมากกก..ก็ทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยบานเบอะ ไปกินกำไรอีก
> เรื่อง Economy of Scale เนื่องจากเป็นธุรกิจกำไรต่ำ รายเล็กอยู่ยาก ดังนั้นทุกคนเลยต้องการรวบตลาด กำจัดคู่แข่ง ทำให้ Offer ราคาชนิดเหลือเชื่อ ที่จริงแล้วหากไปดูงบการเงินของทั้ง 4 distri แล้ว ต้องบอกว่า SiS ที่เราบ่นว่าแย่ๆ นี่ เยี่ยมที่สุดในบรรดา 4 เจ้าแล้วครับ...
ไม่ได้เชียร์ SiS ครับ ผมทำงานบริษัทคู่แข่งของ SiS
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 16
ยอดขายคอมพิวเตอร์ประมาณ 1.5-2 ล้านเครื่องต่อปี คอมพิวเตอร์ในบ้าน น่าจะยังน้อย
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 17
ธุรกิจทางนี้มีปัญหาเรื่องสินค้าคงคลังมาก(ราคาสินค้าตกเร็ว) กำไรน้อยการแข่งขันสูง
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 18
ถ้าเอาแบบเป็นทางการคือข้อมูลเผยแพร่ปี Jul 05 ของ Nectec
และเป็นค่าของปี 04
โดยวัดเหมือน TV เลย คือ จำนวน Computer ต่อ 100 ครอบครัว
(ไม่กะว่าจะเอา Comp ไปใช้ในธุรกิจหรือไงก็ไม่รู้)
จำนวน 11 เครื่องต่อประชากร 100 ครอบครัว หรือคิดว่าครอบครัวไทยมีขนาด 2.8 (ตัวเลขสนง.สถิติ) เราจะมี Comp ประมาณ 2.5 ล้านเครื่อง
ถ้า IT ตลาดโตประมาณ 15% ต่อเชิงมูลค่า และจำนวนเครื่องโตประมาณ 25% เราจะมีเครื่องปี 07 อยู่ที่ 5 ล้านเครื่อง
ประเด็นคือ เราเชื่อสมมติฐานเริ่มต้นหรือเปล่า
ถ้าถามใจผม เราน่าจะมีเครื่องอยู่ประมาณ 7-9 ล้านเครื่องครับ เพราะเดี๋ยวนี้ NB ราคาถูกมาก หมื่นกว่าก็ซื้อได้
และเป็นค่าของปี 04
โดยวัดเหมือน TV เลย คือ จำนวน Computer ต่อ 100 ครอบครัว
(ไม่กะว่าจะเอา Comp ไปใช้ในธุรกิจหรือไงก็ไม่รู้)
จำนวน 11 เครื่องต่อประชากร 100 ครอบครัว หรือคิดว่าครอบครัวไทยมีขนาด 2.8 (ตัวเลขสนง.สถิติ) เราจะมี Comp ประมาณ 2.5 ล้านเครื่อง
ถ้า IT ตลาดโตประมาณ 15% ต่อเชิงมูลค่า และจำนวนเครื่องโตประมาณ 25% เราจะมีเครื่องปี 07 อยู่ที่ 5 ล้านเครื่อง
ประเด็นคือ เราเชื่อสมมติฐานเริ่มต้นหรือเปล่า
ถ้าถามใจผม เราน่าจะมีเครื่องอยู่ประมาณ 7-9 ล้านเครื่องครับ เพราะเดี๋ยวนี้ NB ราคาถูกมาก หมื่นกว่าก็ซื้อได้
- Akajon
- Verified User
- โพสต์: 530
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 19
คุณ Proxity รู้ลึก รู้ละเอียดดีครับ มาคุยกันบ่อยๆ นะครับ
ตอนนี้แนวโน้มธุรกิจ IT ดีเฉพาะสินค้า Life Style และสินค้า Brand อย่าง iPod, Notebook, PDA แต่สินค้าที่เป็นอุปกรณ์คอม (Peripherals) จริงๆ เริ่มมีปัญหา ยอดขายตกลงเรื่อยๆ
ปีที่แล้ว Synnex รอดไป ไม่โดนตอนยักษ์ล้ม แต่เจ้าอื่นโดนกันถ้วนหน้า หายไปกันเจ้าละไม่ต่ำกว่าล้าน A&L D-Computer โดนเยอะหน่อย ถึงยอดขายจะนับได้หลักพันล้าน แต่ margin บางเฉียบแค่ 1-2% หักกลบลบหนี้สูญแล้ว เหลือไม่ถึง 1%
ธุรกิจ IT คนที่รวย มีแค่เจ้าของ เพราะกินเงินเดือน + ค่าเช่าสำนักงาน ส่วนตัวบริษัทจริงๆ ดูแล้วแทบจะเอาตัวไม่รอด
ตอนนี้แนวโน้มธุรกิจ IT ดีเฉพาะสินค้า Life Style และสินค้า Brand อย่าง iPod, Notebook, PDA แต่สินค้าที่เป็นอุปกรณ์คอม (Peripherals) จริงๆ เริ่มมีปัญหา ยอดขายตกลงเรื่อยๆ
ปีที่แล้ว Synnex รอดไป ไม่โดนตอนยักษ์ล้ม แต่เจ้าอื่นโดนกันถ้วนหน้า หายไปกันเจ้าละไม่ต่ำกว่าล้าน A&L D-Computer โดนเยอะหน่อย ถึงยอดขายจะนับได้หลักพันล้าน แต่ margin บางเฉียบแค่ 1-2% หักกลบลบหนี้สูญแล้ว เหลือไม่ถึง 1%
ธุรกิจ IT คนที่รวย มีแค่เจ้าของ เพราะกินเงินเดือน + ค่าเช่าสำนักงาน ส่วนตัวบริษัทจริงๆ ดูแล้วแทบจะเอาตัวไม่รอด
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 20
ถ้าSynnex เข้าจริงๆ
TKS เหลืออีกกิจการที่น่าสนใจคือกระดาษพิเศษ
มันจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ไหมล่ะเนี่ย
By the way
มีเคสที่เจอ คือ พอดีซื้อ DVD-Writer ยี่ห้อหนึ่ง
ณ สามเดือนที่แล้วยังมีขายในตลาด เป็นรุ่นหนึ่ง
ให้หลังสามเดือน เปลี่ยนรุ่นและความเร็วอีกแล้ว
งานนี้คือการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของวงการนี้
ดูตัวSynnex ขายอะไรบ้าง
1. ขายให้แก่ร้านขายเอาไปขายต่อ กิจการนี้กำไรต่ำ เน้นปริมาณยอดขายอย่างเดียว เพราะขายมากได้กำไรมาก
2. ขายให้บริษัท หน่วยงานรัฐ ของพวกนี้ต้องการรับประกัน ใบสั่งซื้อใบเดียวอาจจะทำให้ยอดขายกระตือไปอีกหลายเดือน มี Margin มาก
ดูกันเอาเองล่ะกันครับ
TKS เหลืออีกกิจการที่น่าสนใจคือกระดาษพิเศษ
มันจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ไหมล่ะเนี่ย
By the way
มีเคสที่เจอ คือ พอดีซื้อ DVD-Writer ยี่ห้อหนึ่ง
ณ สามเดือนที่แล้วยังมีขายในตลาด เป็นรุ่นหนึ่ง
ให้หลังสามเดือน เปลี่ยนรุ่นและความเร็วอีกแล้ว
งานนี้คือการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของวงการนี้
ดูตัวSynnex ขายอะไรบ้าง
1. ขายให้แก่ร้านขายเอาไปขายต่อ กิจการนี้กำไรต่ำ เน้นปริมาณยอดขายอย่างเดียว เพราะขายมากได้กำไรมาก
2. ขายให้บริษัท หน่วยงานรัฐ ของพวกนี้ต้องการรับประกัน ใบสั่งซื้อใบเดียวอาจจะทำให้ยอดขายกระตือไปอีกหลายเดือน มี Margin มาก
ดูกันเอาเองล่ะกันครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 21
คุณ naris หมายถีงถ้า TKS ตัดSYNNEX ออกแล้วงบจะดีขึ้นใช่ไหมครับnaris เขียน:ถ้าจะซื้อๆแม่ดีกว่าครับ เพราะงบลูก มากๆ ถ้าแม่ตัดลูกออกไปได้ งบแม่อนาคตจะสวยขึ้นมากครับ
เท่าที่เคยได้ยินคนในวงการการพิมพ์บอกว่าโรงพิมพ์ที่ทำแบบฟอร์มต่อเนื่องจะ
มีmarginค่อนข้างตำ่มาก เมื่อเทียบกับโรงพิมพ์อย่างEPCO ซึ่งทำงานที่มี
value added มากกว่า
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
Trusted by Synnex
โพสต์ที่ 23
TKS เขาทำบิล ที่เป็นสีด้วย
พวกบิลมือถือ บิลค่าน้ำไฟ ทางด่วน(พลิกดูดีๆ)
แล้วก็ใบแจ้งหนี้บัตรเครดิต
อนาคตถ้าคนเล่นหุ้นมากๆ กระดาษที่พิมพ์ปันผลคงเยอะขึ้นนะ 5555
แม่เอาลูกเข้านี่ก็ดีนะครับ ใครอยากซื้อคอมจะได้ซื้อได้
ใครอยากซื้อแค่กระดาษก็ไม่ต้องพวงคอม
พวกบิลมือถือ บิลค่าน้ำไฟ ทางด่วน(พลิกดูดีๆ)
แล้วก็ใบแจ้งหนี้บัตรเครดิต
อนาคตถ้าคนเล่นหุ้นมากๆ กระดาษที่พิมพ์ปันผลคงเยอะขึ้นนะ 5555
แม่เอาลูกเข้านี่ก็ดีนะครับ ใครอยากซื้อคอมจะได้ซื้อได้
ใครอยากซื้อแค่กระดาษก็ไม่ต้องพวงคอม