งบ Q1 ของ TOP กับ ATC ออกแล้ว กำไรขึ้นอื้อซ่าเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 33
- ผู้ติดตาม: 0
งบ Q1 ของ TOP กับ ATC ออกแล้ว กำไรขึ้นอื้อซ่าเลย
โพสต์ที่ 1
หลักทรัพย์ TOP
หัวข้อข่าว สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่1(F45-3)
วันที่/เวลา 11 พ.ค. 2550 19:36:57
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่1(F45-3)
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
(หน่วย : พันบาท)
สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 1
ปี 2550 2549
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 5,758,875 4,052,898
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 2.82 1.99
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 1
ปี 2550 2549
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 3,663,105 2,381,876
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 1.80 1.17
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต
หมายเหตุ : 1. โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุ
ประกอบงบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบ
การเงินฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน
ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ _______________________
( นายนิทัศน์ ครองวานิชยกุล )
ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายสำนักกรรมการอำนวยการ
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
---------------------------------------------------------------------------------------
หลักทรัพย์ TOP
หัวข้อข่าว คำอธิบายงบการเงินไตรมาสที่ 1/2550
วันที่/เวลา 11 พ.ค. 2550 19:12:21
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำไตรมาส 1 ปี 2550
1 ข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ
ข้อมูลทางการเงินที่บ่งชี้ถึงผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทและบริษัทฯย่อย
สำหรับไตรมาส 1 ปี 2550 สามารถสรุปได้ ดังนี้
ผลการดำเนินงาน ไตรมาส ไตรมาส +/- / %
(ล้านบาท) 1/50 1/49(3)
Integrated Margin(US$/bbl)(1) 10.40 7.03 3.37 48%
รายได้จากการขาย 64,428 64,859 (431) (1%)
EBITDA(2) 8,380 5,334 3,046 57%
กำไร/(ขาดทุน) อัตราแลกเปลี่ยน 687 1,673 (986) (59%)
กำไรก่อนภาษีเงินได้ 7,252 4,780 2,472 52%
ภาษีเงินได้(4) (1,493) (727) 766 105%
กำไรสุทธิ 5,759 4,053 1,706 42%
กำไรสุทธิของบริษัทฯ 3,663 2,382 1,281 54%
กำไรสุทธิของบริษัทย่อย 2,096 1,671 425 25%
กำไรต่อหุ้น(บาท)(5) 2.82 1.99 0.83
หมายเหตุ
(1) กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม(Integrated Margin เป็นกำไรขั้นต้นจากการผลิตรวมของ
TOP,TPX และ TLB
(2) EBITDA = กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและรายจ่ายตัดบัญชี
(3) ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2549 ปรับปรุงตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับ
การบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมเป็นวิธีราคาทุน และ การเปลี่ยนวิธีการคำนวณราคาทุน
ของต้นทุนน้ำมันดิบ และ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมตามราคาทุนเป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
(4) Effective Tax rate ในไตรมาส 1/50 = 20% และในไตรมาส 1/49 = 15%
(5) กำไรต่อหุ้นในตารางข้างบนคำนวณจากจำนวนหุ้นถัวเฉลี่ยในไตรมาส 1/50 และไตรมาส 1/49
คำนวณที่ 2,040.03 ล้านหุ้น
สถานะทางการเงิน 31มี.ค.50 31ธ.ค.49(1) +/- %
(ล้านบาท)
สินทรัพย์รวม 139,467 125,200 14,267 13%
หนี้สินรวม 60,598 52,003 8,595 17%
ส่วนของผู้ถือหุ้น-สุทธิ 78,869 73,197 5,672 8%
หมายเหตุ (1) งบแสดงฐานะการเงินปี 2549
ปรับปรุงตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย และ บริษัทร่วม
เป็นวิธีราคาทุน และ การเปลี่ยนวิธีการคำนวณราคาทุนของต้นทุนน้ำมันดิบ และ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ตามราคาทุนเป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเพื่อใช้เปรียบเทียบ
2 สรุปภาพรวมผลการดำเนินงาน
ในไตรมาส 1/50 การผลิตของกลุ่มอยู่ในระดับสูง บริษัทฯใช้กำลังการกลั่นที่ 106% และ
บริษัทย่อยสามารถใช้กำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่มากกว่า 90% ซึ่งเป็นผลจากการบริหารงานเป็น
กลุ่มที่มีการเชื่อมโยงทางธุรกิจทั้งโรงกลั่นน้ำมันโรงงานผลิตสาร PX และ โรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่น
พื้นฐาน โดยในไตรมาสนี้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวสูงขึ้นเร็วกว่าราคาน้ำมันดิบส่งผลให้บริษัทมี GRM
อยู่ในระดับสูงประกอบกับมีปัจจัยบวกจากราคาผลิตภัณฑ์ PX และน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ปรับตัวอยู่ในระดับ
สูงต่อเนื่องจากปี 2549 ทำให้มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (Integrated Margin) อยู่ที่10.40
เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึง 3.37 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ดังนั้น
EBITDA ในไตรมาส 1/50 เพิ่มขึ้น 3,046 ล้านบาทมาอยู่ที่ 8,380 ล้านบาท นอกจากนี้
จากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2549 จำนวน 1.09 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯมาปิดที่ 35.14
บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯณ สิ้นไตรมาส 1/50 ทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 687 ล้านบาท
ดังนั้น บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/50 ทั้งสิ้นจำนวน 5,759 ล้านบาmเพิ่มขึ้นจาก
ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,706 ล้านบาทหรือร้อยละ 42 โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 1/50
คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.82 บาทเพิ่มขึ้น 0.84 บาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
3. วิเคราะห์ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับไตรมาส 1/50
งบการเงินรวมของบริษัทฯ รวมผลการดำเนินงานและงบการเงินของบริษัทย่อยของบริษัทฯ ดังต่อไปนี้
1. บริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด (TPX) : บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด
2. บริษัท ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน)(TLB) : บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด
3. บริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด(TM) : บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด
4. บริษัท ไทยออยล์เพาเวอร์ จำกัด (TP) : บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 55
5. บริษัทผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย)(IPT) : บริษัทฯถือหุ้นร้อยละ 24 และ TP ถือหุ้นร้อยละ 56
สำหรับบริษัทร่วม ได้แก่ บริษัท พีทีที ไอซีที โซลูชั่น จำกัด (PTTICT) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 20
และ บริษัทแม่สอดพลังงานสะอาด จำกัด (แม่สอด) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 30 โดยบริษัทฯ
รับรู้ส่วนแบ่งกำไร/(ขาดทุน)จากผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทั้งสองไว้ในงบกำไรขาดทุนรวมของ
บริษัทฯ และรับรู้เงินลงทุนในบริษัทร่วมทั้งสองไว้ในงบดุล โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3/49 (PTT ICT)
และตั้งแต่ไตรมาส 4/49 (แม่สอด)
4. ผลกระทบการเปลี่ยนนโยบายบัญชีต่องบการเงินรวมและงบการเงินของบริษัทฯ
ตั้งแต่ไตรมาส 1/50 บริษัทฯและบริษัทย่อยเปลี่ยนนโยบายบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกเงินลงทุน
ในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม และเกี่ยวกับการคำนวณราคาทุนของน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ตามรายละเอียดดังนี้
4.1 การเปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย และบริษัทร่วมเป็นวิธีราคาทุนเดิม
(Historical Cost)
ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชีฉบับที่ 26/2549 และฉบับที่ 32/2549 เรื่องการเปลี่ยนแปลง
วิธีการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในบริษัทย่อย และ/หรือ บริษัทร่วมของกิจการในงบการเงินเฉพาะของกิจการ
จากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุนโดยบริษัทฯได้เปลี่ยนใช้วิธีราคาทุนเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550
เป็นต้นไป และปรับปรุงงบการเงินย้อนหลังโดยปรับปรุงกำไรสะสมยกมาต้นปี 2550 และ ข้อมูลในงบ
การเงินทุกงวดที่นำเสนอในงวดปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้กำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการแตกต่างจากกำไรสุทธิ
ของงบการเงินรวม
ในส่วนงบการเงินปี 2549 ที่จะนำมาใช้เปรียบเทียบนั้น การเปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนใน
บริษัทย่อย และบริษัทร่วม เป็นวิธีราคาทุนเดิม ทำให้กำไรสุทธิของงบเฉพาะกิจการซึ่งแสดงกำไรสุทธิ
ของโรงกลั่นบวกเงินปันผลจ่ายจากบริษัทในเครือ ลดลง 7,409 ล้านบาท และปรับปรุงสินทรัพย์ และ
ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 18,103 ล้านบาทจากการไม่บันทึกส่วนได้เสียในเงินลงทุนในบริษัทย่อย และ
บริษัทร่วม โดยบันทึกเฉพาะเงินปันผลรับ
4.2 การเปลี่ยนวิธีการคำนวณราคาทุนของต้นทุนน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมคงเหลือตามราคาทุน
เป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted Average)
ตามที่สภาวิชาชีพบัญชีได้ปรับปรุงมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 31 เรื่องสินค้าคงคลัง กล่าวถึงการยกเลิก
การตีราคาสินค้าคงเหลือตามราคาทุนด้วยวิธี LIFO ให้คงเหลือเฉพาะการคำนวณมูลค่าต้นทุนตามวิธี
เข้าก่อนออกก่อน (FIFO) และ วิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก โดยร่างมาตรฐานดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จ
และประกาศใช้ในปี 2550 การเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความโปร่งใสเพิ่มขึ้น
จากการแสดงผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทฯสอดคล้องกับสภาพธุรกิจและการปฏิบัติ
ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
บริษัทฯ และ บริษัทผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) ได้เปลี่ยนวิธีการตีราคาวัตถุดิบคงเหลือ
จากวิธีเข้าหลังออกก่อน (LIFO) เป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted Average) และ บริษัท
ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน)ได้เปลี่ยนวิธีการคำนวณราคาวัตถุดิบคงเหลือจากวิธีเข้าก่อนออกก่อน
(FIFO) เป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted Average) เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550
เป็นต้นไป และปรับปรุงงบการเงินย้อนหลัง โดยปรับปรุงบัญชีวัตถุดิบคงเหลือ- น้ำมันดิบและกำไรสะสม
ยกมาต้นปี 2550
ผลกระทบจากการเปลี่ยนวิธีการคำนวณราคาทุนของต้นทุนน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
คงเหลือตามราคาทุนเป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักกระทบทั้งงบการเงินเฉพาะกิจการและงบการเงินรวม
ในปี 2549 กำไรสุทธิในงบการเงินเฉพาะกิจการลดลง 409 ล้านบาทและงบการเงินรวมลดลง 317
ล้านบาท ส่งผลให้สินทรัพย์ หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นเปลี่ยนแปลงไป
ตารางแสดงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีต่องบการเงินเฉพาะกิจการและงบการเงินรวม
ของปี 2549
หน่วย :ล้านบาท
ผลกระทบต่องบการเงินเฉพาะกิจการและงบการเงินรวม
ปี 2549 Equity to cost LIFO to WA รวมผลกระทบ
งบเฉพาะ งบรวม งบเฉพาะ งบรวม งบเฉพาะ งบรวม
งบกำไรขาดทุน กำไรสุทธิ (7,409) 0 (409) (317) (7,817) (317)
งบดุล สินทรัพย์ (18,103) 0 397 518 (17,706) 518
หนี้สิน 0 0 99 134 99 134
Equity (18,103) 0 298 384 (17,805) 384
5. รายละเอียดผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับไตรมาส 1/50
TOP TPX TLB TM TP IPT รายการ รวม + /(-)จาก
(ล้านบาท) ระหว่าง
กัน ไตรมาส ไตรมาส %
/MI 1/50 1/49(1)
รายได้จากการขาย62,592 9,519 5,102 190 890 2,559 (16,424) 64,428 (431) (1%)
EBITDA 5,474 1,492 777 18 187 435 (3) 8,380 3,046 57%
ดอกเบี้ยจ่ายฯ (379) (3) (0) (0) (10) (81) 0 (474) (11) (2%)
กำไร/(ขาดทุน)FX 611 (12) (10) (1) 0 99 0 687 (986) (59%)
กำไรก่อนภาษีเงินได้4,905 1,352 702 4 113 345 (169) 7,252 2,472 52%
ภาษีเงินได้ (1,242) 0 (212) 0 (34) (6) 0 (1,493 (766) 105%
กำไรสุทธิ 3,663 1,352 490 4 79 339 (169) 5,759 1,706 42%
หมายเหตุ 1) ปรับปรุงตามการเปลี่ยนวิธีการคำนวณราคาทุนของต้นทุนน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ตามราคาทุนเป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเพื่อใช้เปรียบเทียบ
5.1 ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ (ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน)
ราคาน้ำมันเฉลี่ย ไตรมาส ม.ค ก.พ มี.ค ไตรมาส ไตรมาส +/-
(เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล) 4/49 1/50 1/49 จากQ1/49
น้ำมันดิบ
โอมาน 58.0 52.1 56.0 59.2 55.8 59.0 (3.2)
ทาปีส 63.3 58.9 64.1 67.9 63.6 67.6 (4.0)
น้ำมันสำเร็จรูป
น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว 64.2 61.6 66.8 76.6 68.3 67.2 1.1
น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน/
น้ำมันก๊าด 75.0 69.7 71.8 75.0 72.2 75.9 (3.8)
น้ำมันดีเซล 70.3 66.1 70.6 73.5 70.1 69.2 0.8
น้ำมันเตา 42.7 41.6 45.3 47.3 44.7 49.6 (4.9)
ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ยปรับตัวลดลงจากไตรมาส 4/49 จนถึงเดือนมกราคม 2550
เนื่องจากสภาพอากาศในประเทศเขตหนาวเช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรปอบอุ่นกว่าปกติ ส่งผลให้
ความต้องการใช้น้ำมันโดยรวมลดลง อย่างไรก็ดีราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่อง
ถึงมีนาคม 2550 จากสภาพอากาศในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกามีอากาศหนาวขึ้น อีกทั้ง
ปริมาณน้ำมันสำรองในสหรัฐฯที่ลดลงเนื่องจากใกล้เข้าสู่ฤดูร้อนและการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี
ของโรงกลันน้ำมันหลายแห่งในประเทศสหรัฐฯที่จะมีในช่วงไตรมาส 2 ส่งผลให้ตลาดมีความกังวล
เกี่ยวกับอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปที่เริ่มตึงตัว นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดของอิหร่านและประเทศ
ในตะวันตกในการระงับโครงการนิวเคลียร์รวมทั้งความไม่สงบในไนจีเรียก็ยังคงเป็นปัจจัยที่มีผลต่อ
ความผันผวนของราคาน้ำมันในไตรมาส
TOP ไตรมาส ไตรมาส + /(-)
1 / 50 1 / 49 (1)
การใช้กำลังการกลั่น(%)(2) 106% 106% 0%
GRM (เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล) 8.28 4.81 3.47
(ล้านบาท)
รายได้จากการขาย 62,592 66,870 (4,278)
EBITDA 5,474 3,089 2,385
ดอกเบี้ยจ่ายฯ (379) (318) 61
กำไร /(ขาดทุน) FX 611 1,328 (717)
ภาษีเงินได้ (1,242) (729) 514
กำไรสุทธิก่อนเงินปันผลรับจากบ.ย่อย 3,663 2,189 1,474
เงินปันผลรับจากบริษัทย่อย 0 193 (193)
กำไรสุทธิ 3,663 2,382 1,281
หมายเหตุ 1) ตั้งแต่ไตรมาส 1/50 TOPเปลี่ยนนโยบายบัญชีวิธีการคำนวณราคาวัตถุดิบคงเหลือ
จากวิธีเข้าหลังออกก่อน (LIFO)เป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
จึงปรับผลการดำเนินงานของไตรมาส 1/49 ให้ใช้วิธีเดียวกันเพื่อใช้เปรียบเทียบ
2) บริษัทฯมีกำลังการกลั่นน้ำมันประมาณ 225,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/49
ในไตรมาส 1/50 การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันสำเร็จรูปโดยเฉพาะน้ำมันเบนซินและดีเซลในขณะที่
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวน้อยกว่าทำให้ค่าการกลั่นของบริษัทฯ (GRM) ในไตรมาส 1/50 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา
อยู่ที่ 8.28 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ณ ระดับ 4.81
เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลหลังปรับปรุงวิธีคำนวณต้นทุนวัตถุดิบ และส่งผลให้มี EBITDA จำนวน 5,474
ล้านบาท แม้ว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นสำหรับไตรมาส 1/50 มีผลส่วนหนึ่งทำให้รายได้จากการขายลดลง
แต่ก็ทำให้ ต้นทุนขายของบริษัทฯ ลดลงด้วย อีกทั้งบริษัทฯ รับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 611
ล้านบาทโดยค่าเงินบาทแข็งขึ้นจาก 36.23 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯณ สิ้นปี 2549 มาอยู่ที่ 35.14
บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯณ สิ้นไตรมาส นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 บริษัทฯ สามารถปรับลด
อัตราดอกเบี้ยของสัญญาเงินกู้เดิมที่มีอยู่กับกลุ่มเจ้าหนี้สถาบันการเงินในประเทศและได้แปลงหนี้
สกุลเงินดอลลาร์ 65 ล้านเหรียญสหรัฐฯเป็นสกุลเงินบาทจำนวน 2,327 ล้านบาทตามที่กำหนดในสัญญา
เงินกู้ดังกล่าว แต่จากการที่อัตราดอกเบี้ย LIBOR และ MLR ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 1
จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจึงทำให้ ดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาส 1/2550 เพิ่มสูงขึ้น 61ล้านบาทบริษัทฯ
มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/50 จำนวน 3,663 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1,281 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อน
5.2) ผลการดำเนินงานของ TPX (ธุรกิจผลิตสารพาราไซลีน)
TPX ไตรมาส ไตรมาส + /(-)
1 / 50 1 / 49
อัตราการนำวัตถุดิบเข้าผลิตในหน่วยผลิต PX 100% 99% 1%
(ล้านบาท)
รายได้จากการขาย 9,519 9,432 87
EBITDA 1,492 1,360 132
ดอกเบี้ยจ่าย และ ค่าใช้จ่ายทางการเงิน (3) (38) (34)
กำไร /(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน (12) 88 (100)
กำไร / (ขาดทุน) ก่อนภาษีเงินได้ 1,352 1,284 68
ภาษีเงินได้ 0 0 0
กำไร / (ขาดทุน) สุทธิ 1,352 1,284 68
ในไตรมาส 1/50 TPX ดำเนินการผลิตได้เต็มกำลังการผลิต จากราคา PX
ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลจากความต้องการ PX ที่สูงขึ้นเพื่อป้อนโรงงาน PTA ที่สร้างใหม่ทั้งในประเทศจีน
และประเทศไทยในปีที่ผ่านมา ทำให้มีรายได้จากการขายจำนวน 9,519 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท
จากไตรมาส 1/49 และจากการแข็งค่าของเงินบาท แม้จะมีผลทำให้รายได้เพิ่มขึ้นไม่มากแต่ก็ทำให้
ต้นทุนลดลงด้วย ทำให้ EBITDA ในไตรมาส 1/50 มี จำนวน 1,492 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 132 ล้านบาท
จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ดอกเบี้ยจ่ายลดลงจากการที่ TPX ชำระคืนเงินกู้ระยะยาวเดิมหมดทั้ง
จำนวนเมื่อไตรมาส 4/49 อย่างไรก็ดี TPX มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 12 ล้านบาทซึ่ง
ส่วนใหญ่เกิดจากการซื้อขายสินค้า กำไรสุทธิในไตรมาส 1/50 มีจำนวน 1,352 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจำนวน 68 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
5.3) ผลการดำเนินงานของ TLB (ธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน)
TLB ไตรมาส ไตรมาส
1 / 50 1 / 49 (1) +/(-)
อัตราการใช้กำลังการผลิต Base Oil(%) 90% 64% 26%
(ล้านบาท)
รายได้จากการขาย 5,102 3,598 1,504
EBITDA 777 379 398
กำไร/(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน (10) (3) 7
กำไร/(ขาดทุน) ก่อนภาษีเงินได้ 702 297 405
ภาษีเงินได้ (212) 0 212
กำไร/(ขาดทุน) สุทธิ 490 297 193
หมายเหตุ 1) ตั้งแต่ไตรมาส 1/50 TLB เปลี่ยนนโยบายบัญชีวิธีการคำนวณราคาวัตถุดิบคงเหลือ
จากวิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) เป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก จึงปรับผลการดำเนินงานของไตรมาส
1/49 ให้ใช้วิธีเดียวกันเพื่อใช้เปรียบเทียบ
ในไตรมาส 1/50 TLB มีอัตราการใช้กำลังการผลิต Base Oil ร้อยละ 90 เพิ่มขึ้นร้อยละ26
จากไตรมาส 1/49 ที่มีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ ราคาเฉลี่ยน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ในขณะที่ราคาวัตถุดิบซึ่งอิงจากราคาน้ำมันเตามีราคาลดลงมากกว่าทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่น
พื้นฐานหลักและ HSFO เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ TLB มีรายได้จากการขายและ EBITDA ในไตรมาส 1/50
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่จำนวน 5,102 ล้านบาทและ 777 ล้านบาทตามลำดับ TLBมีกำไรสุทธิหลังภาษีในไตรมาส
1/50 ทั้งสิ้นจำนวน 490 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 193 ล้านบาทจากไตรมาส 1/49
5.4) ผลการดำเนินงานของ TM (ธุรกิจขนส่งน้ำมันปิโตรเลียม และ ปิโตรเคมี)
TM ไตรมาส ไตรมาส
1/50 1/49 +/(-)
อัตราการใช้เรือ 91% 91% 0%
(ล้านบาท)
รายได้จากการให้บริการ 190 122 68
EBITDA 18 21 (3)
ดอกเบี้ยจ่ายฯ (0) (1) 1
กำไร/(ขาดทุน) จาก FX (1) (1) 0
กำไร/(ขาดทุน) สุทธิ 4 7 (3)
ในไตรมาส 1/50 TM มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 190 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจำนวน 68
ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการให้บริการเช่าช่วงเรือ (Sub Charter)
ซึ่งเป็นการให้บริการในกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 51 ของรายได้รวม อย่างไรก็ตาม TM
มีค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงรักษา (Dry Docking) ของเรือสถิตธาราในไตรมาส 1/50 จำนวน 8 ล้านบาท
ส่งผลให้ EBITDA ลดลง และทำให้มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/50 จำนวน 4 ล้านบาทลดลงจำนวน 3
ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
5.5) ผลการดำเนินงานของ TP และ IPT (ธุรกิจผลิตไฟฟ้า)
TP ไตรมาส ไตรมาส
1/50 1/49 +/(-)
อัตราการใช้กำลังการผลิต (%) 94% 89% 5%
(ล้านบาท)
รายได้จากการขาย 890 81 80
EBITDA 187 180 7
ดอกเบี้ยจ่ายฯ (10) (15) (5)
กำไร/(ขาดทุน) ก่อนภาษีเงินได้ 113 103 10
ภาษีเงินได้ (34) 0 34
กำไร/(ขาดทุน) สุทธิ 79 103 (24)
ในไตรมาส 1/50 TP มีอัตราความพร้อมในการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5จากไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อนโดยในไตรมาส 1/49 TP ดำเนินการหยุดซ่อมเพื่อตรวจสอบและ ซ่อมบำรุงส่วนที่ได้รับ
ความร้อนสูง(Hot Gas Path Inspection) สำหรับเครื่อง GT 5015 เป็นระยะเวลา 10 วัน TP
จึงมีรายได้จากการขายในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 80 ล้านบาท เป็น 890 ล้านบาท และ มี EBITDA เพิ่มขึ้น
7 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ จำนวน 187 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ดอกเบี้ยจ่ายลดลง
จากการคืนหนี้เงินกู้ระยะยาวทั้งก่อนกำหนดและตามกำหนด TP มีภาระภาษีเงินได้ในไตรมาส 1/50
จำนวน 34 ล้านบาทในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อน TP ยังได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
จากสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุน ดังนั้น TP มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/50 จำนวนทั้งสิ้น 79
ล้านบาท ลดลง 24 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
IPT ไตรมาส ไตรมาส
1 / 50 1 / 49(1) +/(-)
อัตราความพร้อมในการผลิต(%) 99% 57% 42%
(ล้านบาท)
รายได้จากการขาย 2,559 1,632 927
EBITDA 435 311 124
ดอกเบี้ยจ่ายฯ (81) (96) (15)
กำไร/(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน 99 261 (162)
กำไร/(ขาดทุน) ก่อนภาษีเงินได้ 345 362 (17)
ภาษีเงินได้ (6) 2 8
กำไร/(ขาดทุน) สุทธิ 339 364 (25)
หมายเหตุ 1) ตั้งแต่ไตรมาส 1/50 IPT เปลี่ยนนโยบายบัญชีวิธีการคำนวณราคาวัตถุดิบคงเหลือ
(น้ำมันสำรองเพื่อการผลิตไฟฟ้า) จากวิธีเข้าหลังออกก่อน (LIFO) เป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
จึงปรับผลการดำเนินงานของไตรมาส 1/49 ให้ใช้วิธีเดียวกัน เพื่อใช้เปรียบเทียบ
ในไตรมาส 1/50 IPT สามารถดำเนินการผลิตได้ร้อยละ 99 เพิ่มขึ้นร้อยละ 42
จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในเดือนมกราคม 2549 เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรภายใน
หม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูง (High Voltage Transformer) ที่ทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟฟ้าของ
เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากังหันก๊าซ CT-1 ส่งผลให้ต้องลดกำลังการผลิตลงเหลือเพียง 320 MW ซึ่ง IPT
สามารถแก้ไขและซ่อมแซมเสร็จและเริ่มเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต 700 MW ในเดือนมิถุนายน 2549
ดังนั้นแม้ว่าอัตราค่าความพร้อมในการผลิตจะลดลงจากปีก่อนตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า แต่จากกำลังการผลิต
ที่เดินได้เต็มที่ ทำให้ IPT มีรายได้จากการให้บริการในไตรมาส 1/50 จำนวน 2,559 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 927 ล้านบาท และมีEBITDA จำนวน 435 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 124 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อน ดอกเบี้ยจ่ายลดลง 15 ล้านบาทจากการคืนหนี้เงินกู้ตามกำหนด อย่างไรก็ตามจากการ
ที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 1.09 บาทต่อเหรียญสหรัฐจากสิ้นปี 2549 เปรียบเทียบกับค่าเงินแข็งค่าขึ้น
2.23 บาทต่อเหรียญสหรัฐจากสิ้นปี 2548 ทำให้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง 162 ล้านบาท
จากไตรมาส 1/49 IPT จึงมีกำไรสุทธิ ในไตรมาส 1/50 จำนวน 339 ล้านบาทลดลง 25
ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
6. วิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ และบริษัทย่อย
สรุปฐานะทางการเงินของบริษัทฯ และบริษัทย่อยสำหรับ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 เปรียบเทียบกับ ณ
วันที่ 31 ธันวาคม 2549 (หลังจากปรับปรุงตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชี) ได้ดังนี้
TOP TPX TLB TM TP IPT รายการ รวม +/-
(ล้านบาท) ระหว่างกัน 31 มี.ค.
50 จาก
31ธ.ค.49
สินทรัพย์รวม 109,066 18,579 10,275 658 5,286 12,381 (16,779) 139,467 14,267
หนี้สินรวม (54,927) (3,962)(1,480) (64)(883) (5,943) 6,660 (60,598) 8,595
ส่วนของผู้ถือ
หุ้น-สุทธิ (54,140)(14,617)(8,796) (594)(4,403) (6,438)10,119 (78,869) 5,672
สินทรัพย์รวม
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 139,467 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จำนวน 14,267 ล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจากสินค้าคงเหลือ
เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน
หนี้สินรวม
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 บริษัทฯ และ บริษัทย่อยมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 60,598 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จำนวน 8,595 ล้านบาท เนื่องจากเจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้น
หนี้เงินกู้ระยะยาวของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 จำนวน 30,048 ล้านบาท
ลดลงจากไตรมาส 4/49 จำนวน 404 ล้านบาท สาเหตุหลักจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น และบริษัทย่อย
จ่ายคืนเงินกู้ตามกำหนด บริษัทฯดำเนินการแปลงสัญญาเงินกู้ระยะยาว (Syndicated Loan
Facility Agreement) 65 ล้านเหรียญฯสหรัฐ จากเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสกุลบาท
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ก่อนที่จะครบกำหนดตามสัญญาในวันที่ 3 มิถุนายน 2550เพื่อให้ได้ประโยชน์.
ในการปรับอัตราดอกเบี้ยใหม่ หลังคืนเงินกู้ทั้งหมดตามสัญญาเงินกู้เดิมในเดือนตุลาคม 2549 TPX
เบิกเงินกู้งวดแรกตามสัญญากู้เงินวงเงิน 3,750 ล้านบาทและเทียบเท่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในเดือนมกราคม 2550 ดังนั้นหนี้เงินกู้ระยะยาวประกอบด้วย
(ล้านบาท) TOP TPX TP IPT รวม
สกุลเงินบาท/ดอลลาร์ สหรัฐ-หุ้นกู้ 17,785 17,785
สกุลเงินดอลลาร์ สหรัฐ 707 2,689 3,395
สกุลเงินบาท 6,684 566 1,618 8,868
รวม 24,469 707 566 4,307 30,048
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 24,934 0 682 4,836 30,452
เพิ่ม / (ลด) (465) 707 (116) (529) (404)
ส่วนของผู้ถือหุ้น-สุทธิ
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 บริษัทฯ และ บริษัทย่อยมีส่วนของผู้ถือหุ้น-สุทธิรวมทั้งสิ้น 78,869
ล้านบาทเพิ่มขึ้นจำนวน 5,672 ล้านบาทจากวันที่ 31 ธันวาคม 2549 เนื่องจากผลประกอบการ
ที่มีกำไรตามที่รายงานข้างต้น
7. วิเคราะห์กระแสเงินสดและอัตราส่วนทางการเงิน
กระแสเงินสด
ณ สิ้นไตรมาส 1/2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีเงินสดสุทธิจำนวน 14,216 ล้านบาท
รายละเอียดกระแสเงินสดแต่ละกิจกรรม มีดังนี้
(ล้านบาท) T OP TPX TLB TM TP IPT รายการ 31 มี.ค. 50
ระหว่างกัน
/MI
เงินสดสุทธิ ณ
วันต้นงวด 1,393 1,719 1,712 87 408 1,205 0 6,525
เงินสดสุทธิได้รับ/
(ใช้ไป)จาก
กิจกรรมดำเนินงาน
8,462 1,849 1,720 31 (15) 727 27 12,801
เงินสดสุทธิได้รับ/
(ใช้ไป)ใน
กิจกรรมลงทุน (2,146) (1,583) (82) (1) (0) (149) (27) (3,987)
เงินสดสุทธิ
(ใช้ไป)ใน
กิจกรรมจัดหาเงิน
(1,151) 723 0 0 (126) (568) (0) (1,123)
เงินสดสุทธิ ณ
วันปลายงวด 6,558 2,708 3,351 117 266 1,215 0 14,216
บริษัทฯและบริษัทย่อยมีเงินสดสุทธิ ณ วันต้นงวดจำนวน 6,525 ล้านบาท โดยในไตรมาส1/50 บริษัทฯ
และบริษัทย่อยได้รับเงินสดสุทธิในกิจกรรมดำเนินงานรวมจำนวน 12,801 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด
รับจากการดำเนินงานจำนวน 8,645 ล้านบาท และเงินสดรับจากการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน
อีกจำนวน 4,156 ล้านบาทเนื่องจากเจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้น บริษัทฯและบริษัทย่อย
ใช้เงินสดสุทธิในกิจกรรมลงทุน จำนวน 3,987 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นการจ่ายเงินสำหรับโครงการต่างๆ
ประกอบไปด้วย
ไตรมาส
1/2550
โครงการขยายกำลังการผลิต CDU-3 825
โครงการ SBM 829
โครงการ New GT 305
โครงการขยายกำลังการผลิตของ TPX 1,582
บริษัทฯและบริษัทย่อยใช้เงินสดสุทธิในกิจกรรมจัดหาเงินจำนวน 1,123 ล้านบาทซึ่งบริษัทฯ จ่ายชำระคืน
เงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 1,000 ล้านบาท บริษัทย่อยชำระคืนเงินกู้ระยะยาวตามกำหนดจำนวน 561
ล้านบาท ทั้งนี้ TPX ได้เบิกเงินงวดแรกตามสัญญากู้เงินในเดือนมกราคม 2550 จำนวน 723 ล้านบาท
ดังนั้น บริษัทฯและบริษัทย่อยจึงมีเงินสดคงเหลือปลายงวดจำนวน 14,216 ล้านบาท
อัตราส่วนทางการเงิน
จากผลประกอบการและการบริหารการคลังที่ได้ดำเนินการไปในระหว่างไตรมาส 1/2550
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น โดยมีอัตราส่วนทางการเงิน ดังนี้
ไตรมาส ไตรมาส
1/50 1/49 (1) +/-
อัตราส่วนแสดงความสามารถในการหากำไร
อัตราส่วนความสามารถการทำกำไร (%) 13% 8% 5%
อัตราส่วนกำไรขั้นต้น (%) 11% 6% 5%
อัตราส่วนกำไรสุทธิ (%) 9% 6% 3%
อัตราส่วนสภาพคล่อง
อัตราส่วนสภาพคล่อง (เท่า) 2.2 2.2 0.0
อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (เท่า) 1.2 1.2 0.0
อัตราส่วนวิเคราะห์นโยบายทางการเงิน
อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) 0.8 0.9 -0.1
อัตราส่วนหนี้เงินกู้ระยะยาวต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) 0.4 0.4 0.0
อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (เท่า) 17.7 11.5 6.2
อัตราส่วนหนี้เงินกู้ระยะยาวต่อเงินทุนระยะยาว (%) 27% 29% -2%
อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) 0.2 0.2 0.0
หมายเหตุ : 1) อัตราส่วนทางการเงินในไตรมาส 1/49 ด้คำนวณตามงบการเงินที่ปรับปรุงตาม
การเปลี่ยนแปลงของนโยบายบัญชีซึ่งเปลี่ยนแปลงโดยไม่มีนัยสำคัญ
การคำนวณอัตราส่วนทางการเงิน
อัตราส่วนความสามารถการทำกำไร (%) = EBITDA / รายได้จากการขาย
อัตราส่วนกำไรขั้นต้น (%) = กำไรขั้นต้น / รายได้จากการขาย
อัตราส่วนกำไรสุทธิ (%) = กำไรสุทธิ / รายได้รวม
อัตราส่วนสภาพคล่อง (เท่า) = สินทรัพย์หมุนเวียน / หนี้สินหมุนเวียน
อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (เท่า) = (เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด + เงิน
ลงทุนระยะสั้น+ลูกหนี้การค้า/หนี้สินหมุนเวียน
อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) = หนี้สินรวม / ส่วนของผู้ถือหุ้น
อัตราส่วนหนี้เงินกู้ระยะยาวต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) = หนี้เงินกู้ระยะยาว / ส่วนของผู้ถือหุ้น
อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (เท่า) = EBITDA / ดอกเบี้ยจ่าย
อัตราส่วนหนี้เงินกู้ระยะยาวต่อเงินทุนระยะยาว (%) = หนี้เงินกู้ระยะยาว / เงินทุนระยะยาว
เงินทุนระยะยาว = หนี้เงินกู้ระยะยาว + ส่วนของผู้ถือหุ้น
อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) = หนี้สินสุทธิ/ ส่วนของผู้ถือหุ้น
หนี้สินสุทธิ = หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ?-เงินสดและ
รายการเทียนเท่าเงินสด-เงินทุนระยะสั้น
________________________________________
หลักทรัพย์ TOP
หัวข้อข่าว นำส่งงบการเงิน และ MD&A ไตรมาส 1/2550
วันที่/เวลา 11 พ.ค. 2550 19:20:20
ที่ สนญ.05/0205 11 พฤษภาคม 2550
เรื่อง นำส่งงบการเงินและรายงานวิเคราะห์ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2550
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ้างถึง 1. ข้อบังคับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ที่ กจ. 40/2540
2. ข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่ บจ/ป 01-00
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. สำเนางบการเงินและรายงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ของบริษัท
ไทยออยล์ จำกัด
(มหาชน) และบริษัทย่อย สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2550 พร้อมฉบับแปลเป็น
ภาษาอังกฤษ
2. รายงานวิเคราะห์ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ของ บริษัท ไทยออยล์
จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
3. แบบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของบริษัทฯ (แบบ F45-3)
ตามข้อบังคับ ที่อ้างถึง บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ขอนำส่งงบการเงิน
และรายงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2550 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2550
ซึ่งผ่านการสอบทานโดยผู้สอบบัญชี และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทฯแล้ว
ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
พร้อมนี้ บริษัทฯได้สรุปผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อย
สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ดังนี้
ผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2550 การผลิตของกลุ่มอยู่ในระดับสูง
บริษัทฯใช้กำลังการกลั่นที่ 106% และบริษัทย่อยสามารถใช้กำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่มากกว่า 90%
ซึ่งเป็นผลจากการบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงทางธุรกิจทั้งโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานผลิตสาร PX
และโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยในไตรมาสนี้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวสูงขึ้นเร็วกว่า
ราคาน้ำมันดิบส่งผลให้บริษัทมี GRM อยู่ในระดับสูงประกอบกับ มีปัจจัยบวกจากราคาผลิตภัณฑ์ PX และ
น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ปรับตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากปี 2549 ทำให้มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม
(Integrated Margin) อยู่ที่ 10.40 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ถึง3.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ดังนั้น EBITDA ในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 เพิ่มขึ้น 3,046
ล้านบาทมาอยู่ที่ 8,380 ล้านบาท นอกจากนี้จากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2549 จำนวน
1.09 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯมาปิดที่ 35.14 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2550
ทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 687 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิใน
ไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ทั้งสิ้นจำนวน 5,759 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน
1,706 ล้านบาทหรือร้อยละ 42 โดยกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 คิดเป็นกำไรต่อหุ้น
2.82 บาทเพิ่มขึ้น 0.84 บาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
(นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์)
กรรมการอำนวยการ
แผนกนักลงทุนสัมพันธ์
โทรศัพท์ 0 2299 0000 ต่อ 7150 และ 7151
โทรสาร 0 2617 8295
หัวข้อข่าว สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่1(F45-3)
วันที่/เวลา 11 พ.ค. 2550 19:36:57
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่1(F45-3)
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
(หน่วย : พันบาท)
สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 1
ปี 2550 2549
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 5,758,875 4,052,898
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 2.82 1.99
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 1
ปี 2550 2549
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 3,663,105 2,381,876
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 1.80 1.17
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต
หมายเหตุ : 1. โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุ
ประกอบงบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบ
การเงินฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน
ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ _______________________
( นายนิทัศน์ ครองวานิชยกุล )
ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายสำนักกรรมการอำนวยการ
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
---------------------------------------------------------------------------------------
หลักทรัพย์ TOP
หัวข้อข่าว คำอธิบายงบการเงินไตรมาสที่ 1/2550
วันที่/เวลา 11 พ.ค. 2550 19:12:21
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำไตรมาส 1 ปี 2550
1 ข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ
ข้อมูลทางการเงินที่บ่งชี้ถึงผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทและบริษัทฯย่อย
สำหรับไตรมาส 1 ปี 2550 สามารถสรุปได้ ดังนี้
ผลการดำเนินงาน ไตรมาส ไตรมาส +/- / %
(ล้านบาท) 1/50 1/49(3)
Integrated Margin(US$/bbl)(1) 10.40 7.03 3.37 48%
รายได้จากการขาย 64,428 64,859 (431) (1%)
EBITDA(2) 8,380 5,334 3,046 57%
กำไร/(ขาดทุน) อัตราแลกเปลี่ยน 687 1,673 (986) (59%)
กำไรก่อนภาษีเงินได้ 7,252 4,780 2,472 52%
ภาษีเงินได้(4) (1,493) (727) 766 105%
กำไรสุทธิ 5,759 4,053 1,706 42%
กำไรสุทธิของบริษัทฯ 3,663 2,382 1,281 54%
กำไรสุทธิของบริษัทย่อย 2,096 1,671 425 25%
กำไรต่อหุ้น(บาท)(5) 2.82 1.99 0.83
หมายเหตุ
(1) กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม(Integrated Margin เป็นกำไรขั้นต้นจากการผลิตรวมของ
TOP,TPX และ TLB
(2) EBITDA = กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและรายจ่ายตัดบัญชี
(3) ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2549 ปรับปรุงตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับ
การบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมเป็นวิธีราคาทุน และ การเปลี่ยนวิธีการคำนวณราคาทุน
ของต้นทุนน้ำมันดิบ และ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมตามราคาทุนเป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
(4) Effective Tax rate ในไตรมาส 1/50 = 20% และในไตรมาส 1/49 = 15%
(5) กำไรต่อหุ้นในตารางข้างบนคำนวณจากจำนวนหุ้นถัวเฉลี่ยในไตรมาส 1/50 และไตรมาส 1/49
คำนวณที่ 2,040.03 ล้านหุ้น
สถานะทางการเงิน 31มี.ค.50 31ธ.ค.49(1) +/- %
(ล้านบาท)
สินทรัพย์รวม 139,467 125,200 14,267 13%
หนี้สินรวม 60,598 52,003 8,595 17%
ส่วนของผู้ถือหุ้น-สุทธิ 78,869 73,197 5,672 8%
หมายเหตุ (1) งบแสดงฐานะการเงินปี 2549
ปรับปรุงตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย และ บริษัทร่วม
เป็นวิธีราคาทุน และ การเปลี่ยนวิธีการคำนวณราคาทุนของต้นทุนน้ำมันดิบ และ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ตามราคาทุนเป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเพื่อใช้เปรียบเทียบ
2 สรุปภาพรวมผลการดำเนินงาน
ในไตรมาส 1/50 การผลิตของกลุ่มอยู่ในระดับสูง บริษัทฯใช้กำลังการกลั่นที่ 106% และ
บริษัทย่อยสามารถใช้กำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่มากกว่า 90% ซึ่งเป็นผลจากการบริหารงานเป็น
กลุ่มที่มีการเชื่อมโยงทางธุรกิจทั้งโรงกลั่นน้ำมันโรงงานผลิตสาร PX และ โรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่น
พื้นฐาน โดยในไตรมาสนี้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวสูงขึ้นเร็วกว่าราคาน้ำมันดิบส่งผลให้บริษัทมี GRM
อยู่ในระดับสูงประกอบกับมีปัจจัยบวกจากราคาผลิตภัณฑ์ PX และน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ปรับตัวอยู่ในระดับ
สูงต่อเนื่องจากปี 2549 ทำให้มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (Integrated Margin) อยู่ที่10.40
เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึง 3.37 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ดังนั้น
EBITDA ในไตรมาส 1/50 เพิ่มขึ้น 3,046 ล้านบาทมาอยู่ที่ 8,380 ล้านบาท นอกจากนี้
จากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2549 จำนวน 1.09 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯมาปิดที่ 35.14
บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯณ สิ้นไตรมาส 1/50 ทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 687 ล้านบาท
ดังนั้น บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/50 ทั้งสิ้นจำนวน 5,759 ล้านบาmเพิ่มขึ้นจาก
ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,706 ล้านบาทหรือร้อยละ 42 โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 1/50
คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.82 บาทเพิ่มขึ้น 0.84 บาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
3. วิเคราะห์ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับไตรมาส 1/50
งบการเงินรวมของบริษัทฯ รวมผลการดำเนินงานและงบการเงินของบริษัทย่อยของบริษัทฯ ดังต่อไปนี้
1. บริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด (TPX) : บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด
2. บริษัท ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน)(TLB) : บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด
3. บริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด(TM) : บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด
4. บริษัท ไทยออยล์เพาเวอร์ จำกัด (TP) : บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 55
5. บริษัทผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย)(IPT) : บริษัทฯถือหุ้นร้อยละ 24 และ TP ถือหุ้นร้อยละ 56
สำหรับบริษัทร่วม ได้แก่ บริษัท พีทีที ไอซีที โซลูชั่น จำกัด (PTTICT) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 20
และ บริษัทแม่สอดพลังงานสะอาด จำกัด (แม่สอด) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 30 โดยบริษัทฯ
รับรู้ส่วนแบ่งกำไร/(ขาดทุน)จากผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทั้งสองไว้ในงบกำไรขาดทุนรวมของ
บริษัทฯ และรับรู้เงินลงทุนในบริษัทร่วมทั้งสองไว้ในงบดุล โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3/49 (PTT ICT)
และตั้งแต่ไตรมาส 4/49 (แม่สอด)
4. ผลกระทบการเปลี่ยนนโยบายบัญชีต่องบการเงินรวมและงบการเงินของบริษัทฯ
ตั้งแต่ไตรมาส 1/50 บริษัทฯและบริษัทย่อยเปลี่ยนนโยบายบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกเงินลงทุน
ในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม และเกี่ยวกับการคำนวณราคาทุนของน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ตามรายละเอียดดังนี้
4.1 การเปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย และบริษัทร่วมเป็นวิธีราคาทุนเดิม
(Historical Cost)
ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชีฉบับที่ 26/2549 และฉบับที่ 32/2549 เรื่องการเปลี่ยนแปลง
วิธีการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในบริษัทย่อย และ/หรือ บริษัทร่วมของกิจการในงบการเงินเฉพาะของกิจการ
จากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุนโดยบริษัทฯได้เปลี่ยนใช้วิธีราคาทุนเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550
เป็นต้นไป และปรับปรุงงบการเงินย้อนหลังโดยปรับปรุงกำไรสะสมยกมาต้นปี 2550 และ ข้อมูลในงบ
การเงินทุกงวดที่นำเสนอในงวดปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้กำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการแตกต่างจากกำไรสุทธิ
ของงบการเงินรวม
ในส่วนงบการเงินปี 2549 ที่จะนำมาใช้เปรียบเทียบนั้น การเปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนใน
บริษัทย่อย และบริษัทร่วม เป็นวิธีราคาทุนเดิม ทำให้กำไรสุทธิของงบเฉพาะกิจการซึ่งแสดงกำไรสุทธิ
ของโรงกลั่นบวกเงินปันผลจ่ายจากบริษัทในเครือ ลดลง 7,409 ล้านบาท และปรับปรุงสินทรัพย์ และ
ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 18,103 ล้านบาทจากการไม่บันทึกส่วนได้เสียในเงินลงทุนในบริษัทย่อย และ
บริษัทร่วม โดยบันทึกเฉพาะเงินปันผลรับ
4.2 การเปลี่ยนวิธีการคำนวณราคาทุนของต้นทุนน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมคงเหลือตามราคาทุน
เป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted Average)
ตามที่สภาวิชาชีพบัญชีได้ปรับปรุงมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 31 เรื่องสินค้าคงคลัง กล่าวถึงการยกเลิก
การตีราคาสินค้าคงเหลือตามราคาทุนด้วยวิธี LIFO ให้คงเหลือเฉพาะการคำนวณมูลค่าต้นทุนตามวิธี
เข้าก่อนออกก่อน (FIFO) และ วิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก โดยร่างมาตรฐานดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จ
และประกาศใช้ในปี 2550 การเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความโปร่งใสเพิ่มขึ้น
จากการแสดงผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทฯสอดคล้องกับสภาพธุรกิจและการปฏิบัติ
ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
บริษัทฯ และ บริษัทผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) ได้เปลี่ยนวิธีการตีราคาวัตถุดิบคงเหลือ
จากวิธีเข้าหลังออกก่อน (LIFO) เป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted Average) และ บริษัท
ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน)ได้เปลี่ยนวิธีการคำนวณราคาวัตถุดิบคงเหลือจากวิธีเข้าก่อนออกก่อน
(FIFO) เป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted Average) เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550
เป็นต้นไป และปรับปรุงงบการเงินย้อนหลัง โดยปรับปรุงบัญชีวัตถุดิบคงเหลือ- น้ำมันดิบและกำไรสะสม
ยกมาต้นปี 2550
ผลกระทบจากการเปลี่ยนวิธีการคำนวณราคาทุนของต้นทุนน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
คงเหลือตามราคาทุนเป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักกระทบทั้งงบการเงินเฉพาะกิจการและงบการเงินรวม
ในปี 2549 กำไรสุทธิในงบการเงินเฉพาะกิจการลดลง 409 ล้านบาทและงบการเงินรวมลดลง 317
ล้านบาท ส่งผลให้สินทรัพย์ หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นเปลี่ยนแปลงไป
ตารางแสดงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีต่องบการเงินเฉพาะกิจการและงบการเงินรวม
ของปี 2549
หน่วย :ล้านบาท
ผลกระทบต่องบการเงินเฉพาะกิจการและงบการเงินรวม
ปี 2549 Equity to cost LIFO to WA รวมผลกระทบ
งบเฉพาะ งบรวม งบเฉพาะ งบรวม งบเฉพาะ งบรวม
งบกำไรขาดทุน กำไรสุทธิ (7,409) 0 (409) (317) (7,817) (317)
งบดุล สินทรัพย์ (18,103) 0 397 518 (17,706) 518
หนี้สิน 0 0 99 134 99 134
Equity (18,103) 0 298 384 (17,805) 384
5. รายละเอียดผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับไตรมาส 1/50
TOP TPX TLB TM TP IPT รายการ รวม + /(-)จาก
(ล้านบาท) ระหว่าง
กัน ไตรมาส ไตรมาส %
/MI 1/50 1/49(1)
รายได้จากการขาย62,592 9,519 5,102 190 890 2,559 (16,424) 64,428 (431) (1%)
EBITDA 5,474 1,492 777 18 187 435 (3) 8,380 3,046 57%
ดอกเบี้ยจ่ายฯ (379) (3) (0) (0) (10) (81) 0 (474) (11) (2%)
กำไร/(ขาดทุน)FX 611 (12) (10) (1) 0 99 0 687 (986) (59%)
กำไรก่อนภาษีเงินได้4,905 1,352 702 4 113 345 (169) 7,252 2,472 52%
ภาษีเงินได้ (1,242) 0 (212) 0 (34) (6) 0 (1,493 (766) 105%
กำไรสุทธิ 3,663 1,352 490 4 79 339 (169) 5,759 1,706 42%
หมายเหตุ 1) ปรับปรุงตามการเปลี่ยนวิธีการคำนวณราคาทุนของต้นทุนน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ตามราคาทุนเป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเพื่อใช้เปรียบเทียบ
5.1 ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ (ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน)
ราคาน้ำมันเฉลี่ย ไตรมาส ม.ค ก.พ มี.ค ไตรมาส ไตรมาส +/-
(เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล) 4/49 1/50 1/49 จากQ1/49
น้ำมันดิบ
โอมาน 58.0 52.1 56.0 59.2 55.8 59.0 (3.2)
ทาปีส 63.3 58.9 64.1 67.9 63.6 67.6 (4.0)
น้ำมันสำเร็จรูป
น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว 64.2 61.6 66.8 76.6 68.3 67.2 1.1
น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน/
น้ำมันก๊าด 75.0 69.7 71.8 75.0 72.2 75.9 (3.8)
น้ำมันดีเซล 70.3 66.1 70.6 73.5 70.1 69.2 0.8
น้ำมันเตา 42.7 41.6 45.3 47.3 44.7 49.6 (4.9)
ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ยปรับตัวลดลงจากไตรมาส 4/49 จนถึงเดือนมกราคม 2550
เนื่องจากสภาพอากาศในประเทศเขตหนาวเช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรปอบอุ่นกว่าปกติ ส่งผลให้
ความต้องการใช้น้ำมันโดยรวมลดลง อย่างไรก็ดีราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่อง
ถึงมีนาคม 2550 จากสภาพอากาศในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกามีอากาศหนาวขึ้น อีกทั้ง
ปริมาณน้ำมันสำรองในสหรัฐฯที่ลดลงเนื่องจากใกล้เข้าสู่ฤดูร้อนและการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี
ของโรงกลันน้ำมันหลายแห่งในประเทศสหรัฐฯที่จะมีในช่วงไตรมาส 2 ส่งผลให้ตลาดมีความกังวล
เกี่ยวกับอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปที่เริ่มตึงตัว นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดของอิหร่านและประเทศ
ในตะวันตกในการระงับโครงการนิวเคลียร์รวมทั้งความไม่สงบในไนจีเรียก็ยังคงเป็นปัจจัยที่มีผลต่อ
ความผันผวนของราคาน้ำมันในไตรมาส
TOP ไตรมาส ไตรมาส + /(-)
1 / 50 1 / 49 (1)
การใช้กำลังการกลั่น(%)(2) 106% 106% 0%
GRM (เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล) 8.28 4.81 3.47
(ล้านบาท)
รายได้จากการขาย 62,592 66,870 (4,278)
EBITDA 5,474 3,089 2,385
ดอกเบี้ยจ่ายฯ (379) (318) 61
กำไร /(ขาดทุน) FX 611 1,328 (717)
ภาษีเงินได้ (1,242) (729) 514
กำไรสุทธิก่อนเงินปันผลรับจากบ.ย่อย 3,663 2,189 1,474
เงินปันผลรับจากบริษัทย่อย 0 193 (193)
กำไรสุทธิ 3,663 2,382 1,281
หมายเหตุ 1) ตั้งแต่ไตรมาส 1/50 TOPเปลี่ยนนโยบายบัญชีวิธีการคำนวณราคาวัตถุดิบคงเหลือ
จากวิธีเข้าหลังออกก่อน (LIFO)เป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
จึงปรับผลการดำเนินงานของไตรมาส 1/49 ให้ใช้วิธีเดียวกันเพื่อใช้เปรียบเทียบ
2) บริษัทฯมีกำลังการกลั่นน้ำมันประมาณ 225,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/49
ในไตรมาส 1/50 การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันสำเร็จรูปโดยเฉพาะน้ำมันเบนซินและดีเซลในขณะที่
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวน้อยกว่าทำให้ค่าการกลั่นของบริษัทฯ (GRM) ในไตรมาส 1/50 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา
อยู่ที่ 8.28 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ณ ระดับ 4.81
เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลหลังปรับปรุงวิธีคำนวณต้นทุนวัตถุดิบ และส่งผลให้มี EBITDA จำนวน 5,474
ล้านบาท แม้ว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นสำหรับไตรมาส 1/50 มีผลส่วนหนึ่งทำให้รายได้จากการขายลดลง
แต่ก็ทำให้ ต้นทุนขายของบริษัทฯ ลดลงด้วย อีกทั้งบริษัทฯ รับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 611
ล้านบาทโดยค่าเงินบาทแข็งขึ้นจาก 36.23 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯณ สิ้นปี 2549 มาอยู่ที่ 35.14
บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯณ สิ้นไตรมาส นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 บริษัทฯ สามารถปรับลด
อัตราดอกเบี้ยของสัญญาเงินกู้เดิมที่มีอยู่กับกลุ่มเจ้าหนี้สถาบันการเงินในประเทศและได้แปลงหนี้
สกุลเงินดอลลาร์ 65 ล้านเหรียญสหรัฐฯเป็นสกุลเงินบาทจำนวน 2,327 ล้านบาทตามที่กำหนดในสัญญา
เงินกู้ดังกล่าว แต่จากการที่อัตราดอกเบี้ย LIBOR และ MLR ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 1
จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจึงทำให้ ดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาส 1/2550 เพิ่มสูงขึ้น 61ล้านบาทบริษัทฯ
มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/50 จำนวน 3,663 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1,281 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อน
5.2) ผลการดำเนินงานของ TPX (ธุรกิจผลิตสารพาราไซลีน)
TPX ไตรมาส ไตรมาส + /(-)
1 / 50 1 / 49
อัตราการนำวัตถุดิบเข้าผลิตในหน่วยผลิต PX 100% 99% 1%
(ล้านบาท)
รายได้จากการขาย 9,519 9,432 87
EBITDA 1,492 1,360 132
ดอกเบี้ยจ่าย และ ค่าใช้จ่ายทางการเงิน (3) (38) (34)
กำไร /(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน (12) 88 (100)
กำไร / (ขาดทุน) ก่อนภาษีเงินได้ 1,352 1,284 68
ภาษีเงินได้ 0 0 0
กำไร / (ขาดทุน) สุทธิ 1,352 1,284 68
ในไตรมาส 1/50 TPX ดำเนินการผลิตได้เต็มกำลังการผลิต จากราคา PX
ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลจากความต้องการ PX ที่สูงขึ้นเพื่อป้อนโรงงาน PTA ที่สร้างใหม่ทั้งในประเทศจีน
และประเทศไทยในปีที่ผ่านมา ทำให้มีรายได้จากการขายจำนวน 9,519 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท
จากไตรมาส 1/49 และจากการแข็งค่าของเงินบาท แม้จะมีผลทำให้รายได้เพิ่มขึ้นไม่มากแต่ก็ทำให้
ต้นทุนลดลงด้วย ทำให้ EBITDA ในไตรมาส 1/50 มี จำนวน 1,492 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 132 ล้านบาท
จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ดอกเบี้ยจ่ายลดลงจากการที่ TPX ชำระคืนเงินกู้ระยะยาวเดิมหมดทั้ง
จำนวนเมื่อไตรมาส 4/49 อย่างไรก็ดี TPX มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 12 ล้านบาทซึ่ง
ส่วนใหญ่เกิดจากการซื้อขายสินค้า กำไรสุทธิในไตรมาส 1/50 มีจำนวน 1,352 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจำนวน 68 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
5.3) ผลการดำเนินงานของ TLB (ธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน)
TLB ไตรมาส ไตรมาส
1 / 50 1 / 49 (1) +/(-)
อัตราการใช้กำลังการผลิต Base Oil(%) 90% 64% 26%
(ล้านบาท)
รายได้จากการขาย 5,102 3,598 1,504
EBITDA 777 379 398
กำไร/(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน (10) (3) 7
กำไร/(ขาดทุน) ก่อนภาษีเงินได้ 702 297 405
ภาษีเงินได้ (212) 0 212
กำไร/(ขาดทุน) สุทธิ 490 297 193
หมายเหตุ 1) ตั้งแต่ไตรมาส 1/50 TLB เปลี่ยนนโยบายบัญชีวิธีการคำนวณราคาวัตถุดิบคงเหลือ
จากวิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) เป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก จึงปรับผลการดำเนินงานของไตรมาส
1/49 ให้ใช้วิธีเดียวกันเพื่อใช้เปรียบเทียบ
ในไตรมาส 1/50 TLB มีอัตราการใช้กำลังการผลิต Base Oil ร้อยละ 90 เพิ่มขึ้นร้อยละ26
จากไตรมาส 1/49 ที่มีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ ราคาเฉลี่ยน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ในขณะที่ราคาวัตถุดิบซึ่งอิงจากราคาน้ำมันเตามีราคาลดลงมากกว่าทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่น
พื้นฐานหลักและ HSFO เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ TLB มีรายได้จากการขายและ EBITDA ในไตรมาส 1/50
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่จำนวน 5,102 ล้านบาทและ 777 ล้านบาทตามลำดับ TLBมีกำไรสุทธิหลังภาษีในไตรมาส
1/50 ทั้งสิ้นจำนวน 490 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 193 ล้านบาทจากไตรมาส 1/49
5.4) ผลการดำเนินงานของ TM (ธุรกิจขนส่งน้ำมันปิโตรเลียม และ ปิโตรเคมี)
TM ไตรมาส ไตรมาส
1/50 1/49 +/(-)
อัตราการใช้เรือ 91% 91% 0%
(ล้านบาท)
รายได้จากการให้บริการ 190 122 68
EBITDA 18 21 (3)
ดอกเบี้ยจ่ายฯ (0) (1) 1
กำไร/(ขาดทุน) จาก FX (1) (1) 0
กำไร/(ขาดทุน) สุทธิ 4 7 (3)
ในไตรมาส 1/50 TM มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 190 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจำนวน 68
ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการให้บริการเช่าช่วงเรือ (Sub Charter)
ซึ่งเป็นการให้บริการในกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 51 ของรายได้รวม อย่างไรก็ตาม TM
มีค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงรักษา (Dry Docking) ของเรือสถิตธาราในไตรมาส 1/50 จำนวน 8 ล้านบาท
ส่งผลให้ EBITDA ลดลง และทำให้มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/50 จำนวน 4 ล้านบาทลดลงจำนวน 3
ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
5.5) ผลการดำเนินงานของ TP และ IPT (ธุรกิจผลิตไฟฟ้า)
TP ไตรมาส ไตรมาส
1/50 1/49 +/(-)
อัตราการใช้กำลังการผลิต (%) 94% 89% 5%
(ล้านบาท)
รายได้จากการขาย 890 81 80
EBITDA 187 180 7
ดอกเบี้ยจ่ายฯ (10) (15) (5)
กำไร/(ขาดทุน) ก่อนภาษีเงินได้ 113 103 10
ภาษีเงินได้ (34) 0 34
กำไร/(ขาดทุน) สุทธิ 79 103 (24)
ในไตรมาส 1/50 TP มีอัตราความพร้อมในการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5จากไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อนโดยในไตรมาส 1/49 TP ดำเนินการหยุดซ่อมเพื่อตรวจสอบและ ซ่อมบำรุงส่วนที่ได้รับ
ความร้อนสูง(Hot Gas Path Inspection) สำหรับเครื่อง GT 5015 เป็นระยะเวลา 10 วัน TP
จึงมีรายได้จากการขายในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 80 ล้านบาท เป็น 890 ล้านบาท และ มี EBITDA เพิ่มขึ้น
7 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ จำนวน 187 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ดอกเบี้ยจ่ายลดลง
จากการคืนหนี้เงินกู้ระยะยาวทั้งก่อนกำหนดและตามกำหนด TP มีภาระภาษีเงินได้ในไตรมาส 1/50
จำนวน 34 ล้านบาทในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อน TP ยังได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
จากสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุน ดังนั้น TP มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/50 จำนวนทั้งสิ้น 79
ล้านบาท ลดลง 24 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
IPT ไตรมาส ไตรมาส
1 / 50 1 / 49(1) +/(-)
อัตราความพร้อมในการผลิต(%) 99% 57% 42%
(ล้านบาท)
รายได้จากการขาย 2,559 1,632 927
EBITDA 435 311 124
ดอกเบี้ยจ่ายฯ (81) (96) (15)
กำไร/(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน 99 261 (162)
กำไร/(ขาดทุน) ก่อนภาษีเงินได้ 345 362 (17)
ภาษีเงินได้ (6) 2 8
กำไร/(ขาดทุน) สุทธิ 339 364 (25)
หมายเหตุ 1) ตั้งแต่ไตรมาส 1/50 IPT เปลี่ยนนโยบายบัญชีวิธีการคำนวณราคาวัตถุดิบคงเหลือ
(น้ำมันสำรองเพื่อการผลิตไฟฟ้า) จากวิธีเข้าหลังออกก่อน (LIFO) เป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
จึงปรับผลการดำเนินงานของไตรมาส 1/49 ให้ใช้วิธีเดียวกัน เพื่อใช้เปรียบเทียบ
ในไตรมาส 1/50 IPT สามารถดำเนินการผลิตได้ร้อยละ 99 เพิ่มขึ้นร้อยละ 42
จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในเดือนมกราคม 2549 เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรภายใน
หม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูง (High Voltage Transformer) ที่ทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟฟ้าของ
เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากังหันก๊าซ CT-1 ส่งผลให้ต้องลดกำลังการผลิตลงเหลือเพียง 320 MW ซึ่ง IPT
สามารถแก้ไขและซ่อมแซมเสร็จและเริ่มเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต 700 MW ในเดือนมิถุนายน 2549
ดังนั้นแม้ว่าอัตราค่าความพร้อมในการผลิตจะลดลงจากปีก่อนตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า แต่จากกำลังการผลิต
ที่เดินได้เต็มที่ ทำให้ IPT มีรายได้จากการให้บริการในไตรมาส 1/50 จำนวน 2,559 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 927 ล้านบาท และมีEBITDA จำนวน 435 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 124 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อน ดอกเบี้ยจ่ายลดลง 15 ล้านบาทจากการคืนหนี้เงินกู้ตามกำหนด อย่างไรก็ตามจากการ
ที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 1.09 บาทต่อเหรียญสหรัฐจากสิ้นปี 2549 เปรียบเทียบกับค่าเงินแข็งค่าขึ้น
2.23 บาทต่อเหรียญสหรัฐจากสิ้นปี 2548 ทำให้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง 162 ล้านบาท
จากไตรมาส 1/49 IPT จึงมีกำไรสุทธิ ในไตรมาส 1/50 จำนวน 339 ล้านบาทลดลง 25
ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
6. วิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ และบริษัทย่อย
สรุปฐานะทางการเงินของบริษัทฯ และบริษัทย่อยสำหรับ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 เปรียบเทียบกับ ณ
วันที่ 31 ธันวาคม 2549 (หลังจากปรับปรุงตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชี) ได้ดังนี้
TOP TPX TLB TM TP IPT รายการ รวม +/-
(ล้านบาท) ระหว่างกัน 31 มี.ค.
50 จาก
31ธ.ค.49
สินทรัพย์รวม 109,066 18,579 10,275 658 5,286 12,381 (16,779) 139,467 14,267
หนี้สินรวม (54,927) (3,962)(1,480) (64)(883) (5,943) 6,660 (60,598) 8,595
ส่วนของผู้ถือ
หุ้น-สุทธิ (54,140)(14,617)(8,796) (594)(4,403) (6,438)10,119 (78,869) 5,672
สินทรัพย์รวม
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 139,467 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จำนวน 14,267 ล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจากสินค้าคงเหลือ
เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน
หนี้สินรวม
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 บริษัทฯ และ บริษัทย่อยมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 60,598 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จำนวน 8,595 ล้านบาท เนื่องจากเจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้น
หนี้เงินกู้ระยะยาวของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 จำนวน 30,048 ล้านบาท
ลดลงจากไตรมาส 4/49 จำนวน 404 ล้านบาท สาเหตุหลักจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น และบริษัทย่อย
จ่ายคืนเงินกู้ตามกำหนด บริษัทฯดำเนินการแปลงสัญญาเงินกู้ระยะยาว (Syndicated Loan
Facility Agreement) 65 ล้านเหรียญฯสหรัฐ จากเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสกุลบาท
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ก่อนที่จะครบกำหนดตามสัญญาในวันที่ 3 มิถุนายน 2550เพื่อให้ได้ประโยชน์.
ในการปรับอัตราดอกเบี้ยใหม่ หลังคืนเงินกู้ทั้งหมดตามสัญญาเงินกู้เดิมในเดือนตุลาคม 2549 TPX
เบิกเงินกู้งวดแรกตามสัญญากู้เงินวงเงิน 3,750 ล้านบาทและเทียบเท่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในเดือนมกราคม 2550 ดังนั้นหนี้เงินกู้ระยะยาวประกอบด้วย
(ล้านบาท) TOP TPX TP IPT รวม
สกุลเงินบาท/ดอลลาร์ สหรัฐ-หุ้นกู้ 17,785 17,785
สกุลเงินดอลลาร์ สหรัฐ 707 2,689 3,395
สกุลเงินบาท 6,684 566 1,618 8,868
รวม 24,469 707 566 4,307 30,048
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 24,934 0 682 4,836 30,452
เพิ่ม / (ลด) (465) 707 (116) (529) (404)
ส่วนของผู้ถือหุ้น-สุทธิ
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 บริษัทฯ และ บริษัทย่อยมีส่วนของผู้ถือหุ้น-สุทธิรวมทั้งสิ้น 78,869
ล้านบาทเพิ่มขึ้นจำนวน 5,672 ล้านบาทจากวันที่ 31 ธันวาคม 2549 เนื่องจากผลประกอบการ
ที่มีกำไรตามที่รายงานข้างต้น
7. วิเคราะห์กระแสเงินสดและอัตราส่วนทางการเงิน
กระแสเงินสด
ณ สิ้นไตรมาส 1/2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีเงินสดสุทธิจำนวน 14,216 ล้านบาท
รายละเอียดกระแสเงินสดแต่ละกิจกรรม มีดังนี้
(ล้านบาท) T OP TPX TLB TM TP IPT รายการ 31 มี.ค. 50
ระหว่างกัน
/MI
เงินสดสุทธิ ณ
วันต้นงวด 1,393 1,719 1,712 87 408 1,205 0 6,525
เงินสดสุทธิได้รับ/
(ใช้ไป)จาก
กิจกรรมดำเนินงาน
8,462 1,849 1,720 31 (15) 727 27 12,801
เงินสดสุทธิได้รับ/
(ใช้ไป)ใน
กิจกรรมลงทุน (2,146) (1,583) (82) (1) (0) (149) (27) (3,987)
เงินสดสุทธิ
(ใช้ไป)ใน
กิจกรรมจัดหาเงิน
(1,151) 723 0 0 (126) (568) (0) (1,123)
เงินสดสุทธิ ณ
วันปลายงวด 6,558 2,708 3,351 117 266 1,215 0 14,216
บริษัทฯและบริษัทย่อยมีเงินสดสุทธิ ณ วันต้นงวดจำนวน 6,525 ล้านบาท โดยในไตรมาส1/50 บริษัทฯ
และบริษัทย่อยได้รับเงินสดสุทธิในกิจกรรมดำเนินงานรวมจำนวน 12,801 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด
รับจากการดำเนินงานจำนวน 8,645 ล้านบาท และเงินสดรับจากการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน
อีกจำนวน 4,156 ล้านบาทเนื่องจากเจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้น บริษัทฯและบริษัทย่อย
ใช้เงินสดสุทธิในกิจกรรมลงทุน จำนวน 3,987 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นการจ่ายเงินสำหรับโครงการต่างๆ
ประกอบไปด้วย
ไตรมาส
1/2550
โครงการขยายกำลังการผลิต CDU-3 825
โครงการ SBM 829
โครงการ New GT 305
โครงการขยายกำลังการผลิตของ TPX 1,582
บริษัทฯและบริษัทย่อยใช้เงินสดสุทธิในกิจกรรมจัดหาเงินจำนวน 1,123 ล้านบาทซึ่งบริษัทฯ จ่ายชำระคืน
เงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 1,000 ล้านบาท บริษัทย่อยชำระคืนเงินกู้ระยะยาวตามกำหนดจำนวน 561
ล้านบาท ทั้งนี้ TPX ได้เบิกเงินงวดแรกตามสัญญากู้เงินในเดือนมกราคม 2550 จำนวน 723 ล้านบาท
ดังนั้น บริษัทฯและบริษัทย่อยจึงมีเงินสดคงเหลือปลายงวดจำนวน 14,216 ล้านบาท
อัตราส่วนทางการเงิน
จากผลประกอบการและการบริหารการคลังที่ได้ดำเนินการไปในระหว่างไตรมาส 1/2550
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น โดยมีอัตราส่วนทางการเงิน ดังนี้
ไตรมาส ไตรมาส
1/50 1/49 (1) +/-
อัตราส่วนแสดงความสามารถในการหากำไร
อัตราส่วนความสามารถการทำกำไร (%) 13% 8% 5%
อัตราส่วนกำไรขั้นต้น (%) 11% 6% 5%
อัตราส่วนกำไรสุทธิ (%) 9% 6% 3%
อัตราส่วนสภาพคล่อง
อัตราส่วนสภาพคล่อง (เท่า) 2.2 2.2 0.0
อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (เท่า) 1.2 1.2 0.0
อัตราส่วนวิเคราะห์นโยบายทางการเงิน
อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) 0.8 0.9 -0.1
อัตราส่วนหนี้เงินกู้ระยะยาวต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) 0.4 0.4 0.0
อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (เท่า) 17.7 11.5 6.2
อัตราส่วนหนี้เงินกู้ระยะยาวต่อเงินทุนระยะยาว (%) 27% 29% -2%
อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) 0.2 0.2 0.0
หมายเหตุ : 1) อัตราส่วนทางการเงินในไตรมาส 1/49 ด้คำนวณตามงบการเงินที่ปรับปรุงตาม
การเปลี่ยนแปลงของนโยบายบัญชีซึ่งเปลี่ยนแปลงโดยไม่มีนัยสำคัญ
การคำนวณอัตราส่วนทางการเงิน
อัตราส่วนความสามารถการทำกำไร (%) = EBITDA / รายได้จากการขาย
อัตราส่วนกำไรขั้นต้น (%) = กำไรขั้นต้น / รายได้จากการขาย
อัตราส่วนกำไรสุทธิ (%) = กำไรสุทธิ / รายได้รวม
อัตราส่วนสภาพคล่อง (เท่า) = สินทรัพย์หมุนเวียน / หนี้สินหมุนเวียน
อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (เท่า) = (เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด + เงิน
ลงทุนระยะสั้น+ลูกหนี้การค้า/หนี้สินหมุนเวียน
อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) = หนี้สินรวม / ส่วนของผู้ถือหุ้น
อัตราส่วนหนี้เงินกู้ระยะยาวต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) = หนี้เงินกู้ระยะยาว / ส่วนของผู้ถือหุ้น
อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (เท่า) = EBITDA / ดอกเบี้ยจ่าย
อัตราส่วนหนี้เงินกู้ระยะยาวต่อเงินทุนระยะยาว (%) = หนี้เงินกู้ระยะยาว / เงินทุนระยะยาว
เงินทุนระยะยาว = หนี้เงินกู้ระยะยาว + ส่วนของผู้ถือหุ้น
อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) = หนี้สินสุทธิ/ ส่วนของผู้ถือหุ้น
หนี้สินสุทธิ = หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ?-เงินสดและ
รายการเทียนเท่าเงินสด-เงินทุนระยะสั้น
________________________________________
หลักทรัพย์ TOP
หัวข้อข่าว นำส่งงบการเงิน และ MD&A ไตรมาส 1/2550
วันที่/เวลา 11 พ.ค. 2550 19:20:20
ที่ สนญ.05/0205 11 พฤษภาคม 2550
เรื่อง นำส่งงบการเงินและรายงานวิเคราะห์ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2550
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ้างถึง 1. ข้อบังคับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ที่ กจ. 40/2540
2. ข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่ บจ/ป 01-00
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. สำเนางบการเงินและรายงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ของบริษัท
ไทยออยล์ จำกัด
(มหาชน) และบริษัทย่อย สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2550 พร้อมฉบับแปลเป็น
ภาษาอังกฤษ
2. รายงานวิเคราะห์ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ของ บริษัท ไทยออยล์
จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
3. แบบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของบริษัทฯ (แบบ F45-3)
ตามข้อบังคับ ที่อ้างถึง บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ขอนำส่งงบการเงิน
และรายงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2550 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2550
ซึ่งผ่านการสอบทานโดยผู้สอบบัญชี และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทฯแล้ว
ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
พร้อมนี้ บริษัทฯได้สรุปผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อย
สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ดังนี้
ผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2550 การผลิตของกลุ่มอยู่ในระดับสูง
บริษัทฯใช้กำลังการกลั่นที่ 106% และบริษัทย่อยสามารถใช้กำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่มากกว่า 90%
ซึ่งเป็นผลจากการบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงทางธุรกิจทั้งโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานผลิตสาร PX
และโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยในไตรมาสนี้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวสูงขึ้นเร็วกว่า
ราคาน้ำมันดิบส่งผลให้บริษัทมี GRM อยู่ในระดับสูงประกอบกับ มีปัจจัยบวกจากราคาผลิตภัณฑ์ PX และ
น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ปรับตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากปี 2549 ทำให้มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม
(Integrated Margin) อยู่ที่ 10.40 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ถึง3.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ดังนั้น EBITDA ในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 เพิ่มขึ้น 3,046
ล้านบาทมาอยู่ที่ 8,380 ล้านบาท นอกจากนี้จากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2549 จำนวน
1.09 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯมาปิดที่ 35.14 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2550
ทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 687 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิใน
ไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ทั้งสิ้นจำนวน 5,759 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน
1,706 ล้านบาทหรือร้อยละ 42 โดยกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 คิดเป็นกำไรต่อหุ้น
2.82 บาทเพิ่มขึ้น 0.84 บาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
(นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์)
กรรมการอำนวยการ
แผนกนักลงทุนสัมพันธ์
โทรศัพท์ 0 2299 0000 ต่อ 7150 และ 7151
โทรสาร 0 2617 8295
-
- Verified User
- โพสต์: 33
- ผู้ติดตาม: 0
งบ Q1 ของ TOP กับ ATC ออกแล้ว กำไรขึ้นอื้อซ่าเลย
โพสต์ที่ 2
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.ไตรมาสที่1(F45-2)
บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
(หน่วย : พันบาท)
สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
งบการเงินที่แสดงเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย
ไตรมาสที่ 1
ปี 2550 2549
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 2,524,262 348,918
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 2.60 0.36
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 1
ปี 2550 2549
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 2,537,977 353,043
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 2.61 0.36
********************************************************
บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
(หน่วย : พันบาท)
สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
งบการเงินที่แสดงเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย
ไตรมาสที่ 1
ปี 2550 2549
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 2,524,262 348,918
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 2.60 0.36
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 1
ปี 2550 2549
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 2,537,977 353,043
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 2.61 0.36
********************************************************
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
งบ Q1 ของ TOP กับ ATC ออกแล้ว กำไรขึ้นอื้อซ่าเลย
โพสต์ที่ 4
คุณ max77 ท่าทางคุณก็ไม่น่าจะเป็นนักเล่นหุ้นมือใหม่เลยนะครับ
ดูจากลักษณะการโพสต์
แต่การคำนวณ EPS ทั้งปี โดยการนำไตรมาสเดียวมาคูณ 4 ผมว่าคุณก็รู้ว่ามันใช้ไม่ได้
ธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานผันผวนแบบนี้ จะใช้วิธีนี้ได้ไง จริงไหมครับ
คุณมีความในใจอะไร บอกกันตรงๆก็ได้นะ :)
แต่จะถูกลบหรือเปล่า ไม่รับประกัน :lol:
ดูจากลักษณะการโพสต์
แต่การคำนวณ EPS ทั้งปี โดยการนำไตรมาสเดียวมาคูณ 4 ผมว่าคุณก็รู้ว่ามันใช้ไม่ได้
ธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานผันผวนแบบนี้ จะใช้วิธีนี้ได้ไง จริงไหมครับ
คุณมีความในใจอะไร บอกกันตรงๆก็ได้นะ :)
แต่จะถูกลบหรือเปล่า ไม่รับประกัน :lol:
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 33
- ผู้ติดตาม: 0
งบ Q1 ของ TOP กับ ATC ออกแล้ว กำไรขึ้นอื้อซ่าเลย
โพสต์ที่ 6
ผลการดำเนินงาน ไตรมาส ไตรมาส +/- / %
(ล้านบาท) 1/50 1/49(3)
Integrated Margin(US$/bbl)(1) 10.40 7.03 3.37 48%
รายได้จากการขาย 64,428 64,859 (431) (1%)
EBITDA(2) 8,380 5,334 3,046 57%
Q1 TOP กำไรดี เพราะค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น 50 %
-ยอดขายลดลง 1 % -ค่าเงินบาทก็แข็ง เงินหายไป 60 % เลย
แต่ก็ยังกำไรดี
Q2 ดูค่าการกลั่น กับค่าเงินบาท ถ้ายังไปได้ดีก็ถือยาวครับ
(ล้านบาท) 1/50 1/49(3)
Integrated Margin(US$/bbl)(1) 10.40 7.03 3.37 48%
รายได้จากการขาย 64,428 64,859 (431) (1%)
EBITDA(2) 8,380 5,334 3,046 57%
Q1 TOP กำไรดี เพราะค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น 50 %
-ยอดขายลดลง 1 % -ค่าเงินบาทก็แข็ง เงินหายไป 60 % เลย
แต่ก็ยังกำไรดี
Q2 ดูค่าการกลั่น กับค่าเงินบาท ถ้ายังไปได้ดีก็ถือยาวครับ