การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
- Zumo
- Verified User
- โพสต์: 582
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 1
ไม่ทราว่าเพื่อนๆพี่มีความเห็นกันอย่างไรบ้างกับตัว N-park ครับ
การขายรร.โซฟิเทล สุขุมวิท และ รร. สยาม ทำให้ N-park ได้เงินมาหมุนเวียนเพิ่มประมาณ เกือบ 2000 ล้านบาท และขายได้ราคาที่สูงกว่ามูลค่าของสินทรัพย์ประมาณ 191 ล้านบาท
หุ้นตัวนี้อาจจะไม่ใช่ VI มันพอจะทำให้ ดูดีขึ้นมาบ้างป่าวครับ :?:
การขายรร.โซฟิเทล สุขุมวิท และ รร. สยาม ทำให้ N-park ได้เงินมาหมุนเวียนเพิ่มประมาณ เกือบ 2000 ล้านบาท และขายได้ราคาที่สูงกว่ามูลค่าของสินทรัพย์ประมาณ 191 ล้านบาท
หุ้นตัวนี้อาจจะไม่ใช่ VI มันพอจะทำให้ ดูดีขึ้นมาบ้างป่าวครับ :?:
-
- Verified User
- โพสต์: 64
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 2
คุณเสริมสิน สมะลาภา ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เพิ่งขายไป 35 ล้านหุ้นที่ราคา 0.46 เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2549
ถามว่าคุณเสริมสินจะขายทำไมครับ ถ้าพื้นฐานมันจะดีขึ้นจริงๆ
ถามว่าคุณเสริมสินจะขายทำไมครับ ถ้าพื้นฐานมันจะดีขึ้นจริงๆ
ความสามารถในการทำกำไรในพอร์ทการลงทุน
........ขึ้นกับปัจจัยพื้นฐานของนักลงทุนเท่านั้น
ข้อมูลมีเหมือนๆกัน แต่วิธีคิดและการตัดสินใจต่างกัน
........ขึ้นกับปัจจัยพื้นฐานของนักลงทุนเท่านั้น
ข้อมูลมีเหมือนๆกัน แต่วิธีคิดและการตัดสินใจต่างกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 689
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 3
มีความรู้สึกว่า ชาวอาหรับ จะค่อยๆเข้ามาลงทุนในเมืองไทย ทีละน้อยๆแล้วครับ <เมื่อก่อนจะเป็นพวกสิงคโปร์> โดยเฉพาะ พวกที่ดิน โรงแรม เนี่ย
ไม่แน่ใจว่าชาวอาหรับพวกนี้จะมองประเทศไทย เป็นที่พักคนชรารึป่าว
จากการอ่านข่าวระยะหลังๆ รวมทั้งการพูดคุยกะหมอ พยาบาล ที่ รพ กรุงเทพ แล้วรู้สึกว่าพวกคนกลุ่มนี้จะเริ่มเข้ามาในเมืองไทยในอัตราส่วนที่มากขึ้น
ถ้าเป็นจิง ไม่ทราบว่ามี เป็นข้อดี หรือ ข้อเสีย ครับ...โดยส่วนตัวน่าจะเป็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย...
นั่งคิดๆก็นึกถึงบทสัมภาษณ์ของ หมอบุญ ที่เคยอ่าน...เลยเอามาแปะให้อ่านกันอีกทีครับ
------------------------------------------------------------------------------------
"หมอบุญ"ผนึกกลุ่มทุนชีค ผุดอาหรับทาวน์หมื่นล้าน
"น.พ.บุญ วนาสิน" เดินเกมฟื้นความเชื่อมั่นต่างชาติ เปิดโปรเจคใหม่ร่วมทุน 3 ชีค จากซาอุฯ-อาหรับเอมิเรตส์ ผุดโครงการใหญ่ "อาหรับ ทาวน์" มูลค่าหมื่นล้านบาท บนเนื้อที่ 50 ไร่ หลังโรงพยาบาลปิยะเวช สร้างอาณาจักรชาวตะวันออกกลางแห่งแรกของโลกปลายปีนี้ เตรียมแผนสร้างคอมเพล็กซ์ 30 ไร่ติด อสมท ร่วมกับ "บุญนำ บุญนำทรัพย์" เชื่อมศูนย์กลางเมืองโยงเข้าสุวรรณภูมิ คู่แผนลองสเตย์ราชบุรี-ภูเก็ต
หลังจากมีข่าวโครงการเดอะ พีค บุกรุกที่ป่าบนเกาะสมุย กระทบความเชื่อมั่นลูกค้าต่างชาติยกเลิกการจองไป 20 ราย มูลค่ารวมกว่า 182 ล้านบาท ล่าสุด น.พ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท ราชธานีกรุ๊ป ได้ออกมาแถลงข่าวปฏิเสธกรณีปัญหาที่ดิน พร้อมเปิดตัวแผนลงทุนขนาดใหญ่ มีทั้งการร่วมทุนต่างชาติและพัฒนาโดยกลุ่มราชธานี 100% เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นตลาด
น.พ.บุญ กล่าวว่า นอกจากโครงการเดอะพีค ที่สมุยแล้ว ราชธานีกรุ๊ป ยังมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการร่วมทุนกับกลุ่มทุนต่างประเทศ ซึ่งเป็นชีคจากซาอุดีอาระเบีย 2 ราย และอาหรับเอมิเรตส์ 1 รายคือ ชีค อัลไคดิ (Alkindi) ซึ่งทำธุรกิจโรงแรมที่ตะวันออกกลาง มีความสนใจเข้ามาลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทย
"ปัญหาก่อการร้ายทำให้กลุ่มอาหรับ ปรับแผนเรื่องการลงทุนในต่างประเทศ หลายกลุ่มถอนออฟฟิศจากยุโรป อเมริกา หันมาลงทุนเอเชียแทน เป้าหมายคือ จีนและไทย ซึ่งอาหรับทาวน์ ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนจะมีที่ไทย เป็นแห่งแรกของโลก" น.พ.บุญกล่าวและว่า
โครงการอาหรับทาวน์นี้ จะเป็นการพัฒนาที่ดิน 50 ไร่ บริเวณด้านหลังโรงพยาบาลปิยะเวช บริเวณถนนพระราม 9 ขึ้นเป็นชุมชนของชาวอาหรับ โครงการนี้จะร่วมทุนตามกฎหมายคือกลุ่มราชธานี 51% และนักลงทุนจากตะวันออกกลาง 49% พัฒนาเป็นคอนโดพักอาศัย สำนักงาน และชอปปิงมอลล์ขนาดย่อม พร้อมสุเหร่า สำหรับชาวอาหรับ พื้นที่พัฒนาโดยรวม 2 แสนตารางเมตร มูลค่าโครงการรวม 1 หมื่นล้านบาท พัฒนาภายในเวลา 5 ปี โดยจะเริ่มปลายปีนี้ ซึ่งการออกแบบสถาปัตยกรรม และตกแต่งจะเป็นสไตล์อาหรับชัดเจน จะเปิดเป็นสัญญาเช่าระยะยาว และบางส่วนอาจขายกรรมสิทธิ์ในนามบริษัท
คอมเพล็กซ์ใหม่ย่านอสมทเชื่อมสนามบิน
นอกจากโครงการอาหรับ ทาวน์ ดังกล่าวแล้ว น.พ.บุญ กล่าวว่า ทางกลุ่มยังมีแผนพัฒนาโครงการใหญ่อีกแห่งบนที่ดิน 30 ไร่ ย่าน อสมท (ติดกับธอส.สำนักงานใหญ่ อสมท) จะนำมาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมความสูง 32 ชั้น จำนวน 100 ยูนิตใช้ชื่อ "เอมเมอรัลด์ การ์เด้น" มูลค่า 800 ล้านบาท สำหรับขายลูกค้าต่างชาติ
ล่าสุดได้กลุ่มไต้หวัน 20 ราย จากพันธมิตรในจีนเป็นลูกค้าล็อตแรก จะเปิดขายในอีก 2 เดือนข้างหน้า ในราคา 5-6 หมื่นบาทต่อตารางเมตร นอกจากนี้ ยังมีสำนักงานขนาดย่อมความสูง 8 ชั้น และโฮมออฟฟิศสูง 5 ชั้น ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งได้รับใบอนุญาตก่อสร้างทั้งหมด
"การพัฒนาคอนโด และโฮมออฟฟิศที่พระราม 9 ถือเป็นเฟสแรก ใช้พื้นที่เพียง 10 ไร่ แต่บริเวณนี้ยังมีที่ดินอีก 30 ไร่ ของบุญนำ บุญนำทรัพย์ ซึ่งจะเป็นพันธมิตรร่วมกันพัฒนาคอมเพล็กซ์ เพราะเห็นว่าทำเล อสมท เป็นศูนย์กลางเมืองที่เป็นหน้าด่าน เชื่อมโยงการเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิได้" น.พ.บุญ กล่าวและว่า กลุ่มราชธานียังมีที่ดินใกล้เคียงกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหลายแปลง แต่ยังไม่ได้มีแผนการพัฒนา เพราะเห็นว่าความพร้อมในศักยภาพที่ดินบริเวณพระราม 9 มีความพร้อมมากกว่า สามารถพัฒนาและจะได้รับความสนใจ จากนักลงทุนมากกว่า
บ้านหรูปทุมฯ-ลองสเตย์ราชบุรีต่อยอดรพ.
น.พ.บุญ ย้ำว่าธุรกิจหลักของราชธานีกรุ๊ป ยังคงเป็นธุรกิจอสังหาฯ แม้ในภาพรวม จะมีธุรกิจโรงพยาบาลปิยะเวช และกลุ่มโรงพยาบาลธนบุรีรวมกว่า 20 แห่ง แต่รายได้หลักยังมาจากธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งในแผนงาน 5 ปีนับจากนี้ไปทิศทางการลงทุนอสังหาฯ จะเชื่อมโยงกับธุรกิจโรงพยาบาลชัดเจน โดยเฉพาะแนวคิด โครงการบ้านพักฟื้นผู้ป่วย และบ้านผู้สูงวัย ซึ่งล่าสุดมีโครงการใหญ่ เป็นการพัฒนาที่ดิน 140 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ปทุมธานี (ใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) เป็นบ้านระดับหรูพร้อมบริการระดับ 6 ดาว ใช้ชื่อโครงการ "โรยัล เอ็กเซ็กคิวทีฟ มารีน่า"
โครงการนี้พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ยูนิตละ 40 ล้านบาทขึ้นไป ถึงกว่า 100 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท ปัจจุบันขายไปแล้วกว่า 70% ส่วนใหญ่เป็นนายธนาคารซื้อไว้กว่า 10 ยูนิต นอกจากนี้ จะกันพื้นที่บางส่วนประมาณ 30% มาเป็นบ้านพักฟื้นสำหรับผู้ป่วยวีไอพีคิดค่าเช่าวันละ 2 หมื่นบาท ซึ่งจะต่อยอดบริการสุขภาพ สำหรับตลาดต่างชาติ และลูกค้าระดับไฮเอนด์ได้ในอนาคต โครงการนี้จะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี โดยได้เริ่มการก่อสร้างแล้ว
คอนเซปต์การลงทุนอีกอย่าง ที่น.พ.บุญ ย้ำว่าเป็นแผนงานหลัก ซึ่งต่อยอดกับธุรกิจด้านสุขภาพ คือการพัฒนาโครงการลองสเตย์ ซึ่งได้เตรียมที่ดิน ถ.เพชรเกษม 82 จำนวน 1,200 ไร่ ในจังหวัดราชบุรี มาพัฒนาเป็นบ้านเพื่อผู้สูงวัย หลังเกษียณ โดยทำเลนี้จะเน้นลูกค้าคนไทย ทำเป็นบ้านเดี่ยวและชุมชนสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุ ขายหลังละกว่า 1 ล้านบาท จะเปิดตัวต้นปีหน้า มีแนวคิดเสนอขายแบบกึ่งลงทุน เพื่อนำพื้นที่มาเช่าเป็นบ้านพักฟื้นทำรายได้ให้ลูกค้า
คอนเซปต์ที่พักแบบลองสเตย์ ของกลุ่มราชธานี ยังมีแผนพัฒนาในหลายจังหวัด ที่สมุย ในโครงการเดอะพีค อยู่ระหว่างดำเนินการ และที่ภูเก็ตมี 4 โครงการ ทั้งบ้านไทย และบ้านพักอาศัยของคนในท้องถิ่น บริเวณหาดราไว
-------------------------------------------------------------------------------------
โดยตัวคุณภาพของสินทรัพย์ ยังไงๆ N-PARK ก็ยังน่าจะมีอนาคตอยู่ ไม่อย่างนั้น พวกอาหรับ คงจะไม่มีความคิดที่จะเข้ามาร่วมทุน โดยเจาะจงเฉพาะบางประเภทหรอกครับ การเข้ามาครั้งนี้ผมมองว่ายังไงๆ ก็น่าจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย...
และอีกอย่าง พวกอาหรับ โดยพื้นฐานไม่ใช่คนโง่นะครับ...ถ้าคิดว่าจะเข้ามาแล้วโดน ผู้บริหารหลอกเอา
ต่อไปเราคงเห็นพวกนี้เข้ามากันอีกเรื่อยๆ...ไม่เฉพาะ N-PARK ที่โดน...บอสัดไหนที่มีหนี้มากๆ แต่มี ธุรกิจ หรือ สินทรัพย์ที่คุณภาพ ก็คงจะเป็นเป้าต่อไปเช่นกัน... :shock: :shock:
ไม่แน่ใจว่าชาวอาหรับพวกนี้จะมองประเทศไทย เป็นที่พักคนชรารึป่าว
จากการอ่านข่าวระยะหลังๆ รวมทั้งการพูดคุยกะหมอ พยาบาล ที่ รพ กรุงเทพ แล้วรู้สึกว่าพวกคนกลุ่มนี้จะเริ่มเข้ามาในเมืองไทยในอัตราส่วนที่มากขึ้น
ถ้าเป็นจิง ไม่ทราบว่ามี เป็นข้อดี หรือ ข้อเสีย ครับ...โดยส่วนตัวน่าจะเป็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย...
นั่งคิดๆก็นึกถึงบทสัมภาษณ์ของ หมอบุญ ที่เคยอ่าน...เลยเอามาแปะให้อ่านกันอีกทีครับ
------------------------------------------------------------------------------------
"หมอบุญ"ผนึกกลุ่มทุนชีค ผุดอาหรับทาวน์หมื่นล้าน
"น.พ.บุญ วนาสิน" เดินเกมฟื้นความเชื่อมั่นต่างชาติ เปิดโปรเจคใหม่ร่วมทุน 3 ชีค จากซาอุฯ-อาหรับเอมิเรตส์ ผุดโครงการใหญ่ "อาหรับ ทาวน์" มูลค่าหมื่นล้านบาท บนเนื้อที่ 50 ไร่ หลังโรงพยาบาลปิยะเวช สร้างอาณาจักรชาวตะวันออกกลางแห่งแรกของโลกปลายปีนี้ เตรียมแผนสร้างคอมเพล็กซ์ 30 ไร่ติด อสมท ร่วมกับ "บุญนำ บุญนำทรัพย์" เชื่อมศูนย์กลางเมืองโยงเข้าสุวรรณภูมิ คู่แผนลองสเตย์ราชบุรี-ภูเก็ต
หลังจากมีข่าวโครงการเดอะ พีค บุกรุกที่ป่าบนเกาะสมุย กระทบความเชื่อมั่นลูกค้าต่างชาติยกเลิกการจองไป 20 ราย มูลค่ารวมกว่า 182 ล้านบาท ล่าสุด น.พ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท ราชธานีกรุ๊ป ได้ออกมาแถลงข่าวปฏิเสธกรณีปัญหาที่ดิน พร้อมเปิดตัวแผนลงทุนขนาดใหญ่ มีทั้งการร่วมทุนต่างชาติและพัฒนาโดยกลุ่มราชธานี 100% เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นตลาด
น.พ.บุญ กล่าวว่า นอกจากโครงการเดอะพีค ที่สมุยแล้ว ราชธานีกรุ๊ป ยังมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการร่วมทุนกับกลุ่มทุนต่างประเทศ ซึ่งเป็นชีคจากซาอุดีอาระเบีย 2 ราย และอาหรับเอมิเรตส์ 1 รายคือ ชีค อัลไคดิ (Alkindi) ซึ่งทำธุรกิจโรงแรมที่ตะวันออกกลาง มีความสนใจเข้ามาลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทย
"ปัญหาก่อการร้ายทำให้กลุ่มอาหรับ ปรับแผนเรื่องการลงทุนในต่างประเทศ หลายกลุ่มถอนออฟฟิศจากยุโรป อเมริกา หันมาลงทุนเอเชียแทน เป้าหมายคือ จีนและไทย ซึ่งอาหรับทาวน์ ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนจะมีที่ไทย เป็นแห่งแรกของโลก" น.พ.บุญกล่าวและว่า
โครงการอาหรับทาวน์นี้ จะเป็นการพัฒนาที่ดิน 50 ไร่ บริเวณด้านหลังโรงพยาบาลปิยะเวช บริเวณถนนพระราม 9 ขึ้นเป็นชุมชนของชาวอาหรับ โครงการนี้จะร่วมทุนตามกฎหมายคือกลุ่มราชธานี 51% และนักลงทุนจากตะวันออกกลาง 49% พัฒนาเป็นคอนโดพักอาศัย สำนักงาน และชอปปิงมอลล์ขนาดย่อม พร้อมสุเหร่า สำหรับชาวอาหรับ พื้นที่พัฒนาโดยรวม 2 แสนตารางเมตร มูลค่าโครงการรวม 1 หมื่นล้านบาท พัฒนาภายในเวลา 5 ปี โดยจะเริ่มปลายปีนี้ ซึ่งการออกแบบสถาปัตยกรรม และตกแต่งจะเป็นสไตล์อาหรับชัดเจน จะเปิดเป็นสัญญาเช่าระยะยาว และบางส่วนอาจขายกรรมสิทธิ์ในนามบริษัท
คอมเพล็กซ์ใหม่ย่านอสมทเชื่อมสนามบิน
นอกจากโครงการอาหรับ ทาวน์ ดังกล่าวแล้ว น.พ.บุญ กล่าวว่า ทางกลุ่มยังมีแผนพัฒนาโครงการใหญ่อีกแห่งบนที่ดิน 30 ไร่ ย่าน อสมท (ติดกับธอส.สำนักงานใหญ่ อสมท) จะนำมาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมความสูง 32 ชั้น จำนวน 100 ยูนิตใช้ชื่อ "เอมเมอรัลด์ การ์เด้น" มูลค่า 800 ล้านบาท สำหรับขายลูกค้าต่างชาติ
ล่าสุดได้กลุ่มไต้หวัน 20 ราย จากพันธมิตรในจีนเป็นลูกค้าล็อตแรก จะเปิดขายในอีก 2 เดือนข้างหน้า ในราคา 5-6 หมื่นบาทต่อตารางเมตร นอกจากนี้ ยังมีสำนักงานขนาดย่อมความสูง 8 ชั้น และโฮมออฟฟิศสูง 5 ชั้น ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งได้รับใบอนุญาตก่อสร้างทั้งหมด
"การพัฒนาคอนโด และโฮมออฟฟิศที่พระราม 9 ถือเป็นเฟสแรก ใช้พื้นที่เพียง 10 ไร่ แต่บริเวณนี้ยังมีที่ดินอีก 30 ไร่ ของบุญนำ บุญนำทรัพย์ ซึ่งจะเป็นพันธมิตรร่วมกันพัฒนาคอมเพล็กซ์ เพราะเห็นว่าทำเล อสมท เป็นศูนย์กลางเมืองที่เป็นหน้าด่าน เชื่อมโยงการเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิได้" น.พ.บุญ กล่าวและว่า กลุ่มราชธานียังมีที่ดินใกล้เคียงกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหลายแปลง แต่ยังไม่ได้มีแผนการพัฒนา เพราะเห็นว่าความพร้อมในศักยภาพที่ดินบริเวณพระราม 9 มีความพร้อมมากกว่า สามารถพัฒนาและจะได้รับความสนใจ จากนักลงทุนมากกว่า
บ้านหรูปทุมฯ-ลองสเตย์ราชบุรีต่อยอดรพ.
น.พ.บุญ ย้ำว่าธุรกิจหลักของราชธานีกรุ๊ป ยังคงเป็นธุรกิจอสังหาฯ แม้ในภาพรวม จะมีธุรกิจโรงพยาบาลปิยะเวช และกลุ่มโรงพยาบาลธนบุรีรวมกว่า 20 แห่ง แต่รายได้หลักยังมาจากธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งในแผนงาน 5 ปีนับจากนี้ไปทิศทางการลงทุนอสังหาฯ จะเชื่อมโยงกับธุรกิจโรงพยาบาลชัดเจน โดยเฉพาะแนวคิด โครงการบ้านพักฟื้นผู้ป่วย และบ้านผู้สูงวัย ซึ่งล่าสุดมีโครงการใหญ่ เป็นการพัฒนาที่ดิน 140 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ปทุมธานี (ใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) เป็นบ้านระดับหรูพร้อมบริการระดับ 6 ดาว ใช้ชื่อโครงการ "โรยัล เอ็กเซ็กคิวทีฟ มารีน่า"
โครงการนี้พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ยูนิตละ 40 ล้านบาทขึ้นไป ถึงกว่า 100 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท ปัจจุบันขายไปแล้วกว่า 70% ส่วนใหญ่เป็นนายธนาคารซื้อไว้กว่า 10 ยูนิต นอกจากนี้ จะกันพื้นที่บางส่วนประมาณ 30% มาเป็นบ้านพักฟื้นสำหรับผู้ป่วยวีไอพีคิดค่าเช่าวันละ 2 หมื่นบาท ซึ่งจะต่อยอดบริการสุขภาพ สำหรับตลาดต่างชาติ และลูกค้าระดับไฮเอนด์ได้ในอนาคต โครงการนี้จะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี โดยได้เริ่มการก่อสร้างแล้ว
คอนเซปต์การลงทุนอีกอย่าง ที่น.พ.บุญ ย้ำว่าเป็นแผนงานหลัก ซึ่งต่อยอดกับธุรกิจด้านสุขภาพ คือการพัฒนาโครงการลองสเตย์ ซึ่งได้เตรียมที่ดิน ถ.เพชรเกษม 82 จำนวน 1,200 ไร่ ในจังหวัดราชบุรี มาพัฒนาเป็นบ้านเพื่อผู้สูงวัย หลังเกษียณ โดยทำเลนี้จะเน้นลูกค้าคนไทย ทำเป็นบ้านเดี่ยวและชุมชนสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุ ขายหลังละกว่า 1 ล้านบาท จะเปิดตัวต้นปีหน้า มีแนวคิดเสนอขายแบบกึ่งลงทุน เพื่อนำพื้นที่มาเช่าเป็นบ้านพักฟื้นทำรายได้ให้ลูกค้า
คอนเซปต์ที่พักแบบลองสเตย์ ของกลุ่มราชธานี ยังมีแผนพัฒนาในหลายจังหวัด ที่สมุย ในโครงการเดอะพีค อยู่ระหว่างดำเนินการ และที่ภูเก็ตมี 4 โครงการ ทั้งบ้านไทย และบ้านพักอาศัยของคนในท้องถิ่น บริเวณหาดราไว
-------------------------------------------------------------------------------------
โดยตัวคุณภาพของสินทรัพย์ ยังไงๆ N-PARK ก็ยังน่าจะมีอนาคตอยู่ ไม่อย่างนั้น พวกอาหรับ คงจะไม่มีความคิดที่จะเข้ามาร่วมทุน โดยเจาะจงเฉพาะบางประเภทหรอกครับ การเข้ามาครั้งนี้ผมมองว่ายังไงๆ ก็น่าจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย...
และอีกอย่าง พวกอาหรับ โดยพื้นฐานไม่ใช่คนโง่นะครับ...ถ้าคิดว่าจะเข้ามาแล้วโดน ผู้บริหารหลอกเอา
ต่อไปเราคงเห็นพวกนี้เข้ามากันอีกเรื่อยๆ...ไม่เฉพาะ N-PARK ที่โดน...บอสัดไหนที่มีหนี้มากๆ แต่มี ธุรกิจ หรือ สินทรัพย์ที่คุณภาพ ก็คงจะเป็นเป้าต่อไปเช่นกัน... :shock: :shock:
- Zumo
- Verified User
- โพสต์: 582
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 6
ดูไปแล้วชาวอาหรับไม่ได้เข้าซื้อหุ้น n-park โดยตรง แต่มาซื้อบริษัทในเครือของ n-park
ถ้าธุรกิจตัวรร.สยามและโซฟิเทล เป็นธุรกิจที่ไม่ดี ก็น่าจะเป็นการดีกับ n-park ที่ได้ตัดเนื้อร้ายออกไป
แต่ถ้ารร.สยามและโซฟิเทลเป็นธุรกิจที่ดีอยู่แล้ว มันน่าจะส่งผลร้ายกับ n-park ที่ต้องแบ่งรายได้อันน้อยนิดไปให้คนอื่นอีกหรือเปล่าครับ
ใครพอจะทราบแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมสองแห่งนี้หรือเปล่าครับ :?:
ถ้าธุรกิจตัวรร.สยามและโซฟิเทล เป็นธุรกิจที่ไม่ดี ก็น่าจะเป็นการดีกับ n-park ที่ได้ตัดเนื้อร้ายออกไป
แต่ถ้ารร.สยามและโซฟิเทลเป็นธุรกิจที่ดีอยู่แล้ว มันน่าจะส่งผลร้ายกับ n-park ที่ต้องแบ่งรายได้อันน้อยนิดไปให้คนอื่นอีกหรือเปล่าครับ
ใครพอจะทราบแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมสองแห่งนี้หรือเปล่าครับ :?:
-
- Verified User
- โพสต์: 689
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 7
ลองอ่านดูนะครับ...แต่ละโครงการจัดว่าเป็นโครงการระดับห้าดาว <ใช้เงินลงทุนมหาศาล> แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับตัวบอสัดได้...โครงการเหล่านี้กว่าจะเสดก็ราวๆ1-2ปีข้างหน้า...ดังนั้นกว่าจะถึงตอนนั้น N-park ก็คงมีแต่ตัวเลขแดงนะครับในบัญชีรายรับรายจ่าย...ลำพังธุรกิจหลักในปัจจุบันไม่พอยาไส้หรอกครับ...แต่ในอนาคตหลังจากโครงการเหล่านี้เสด...นั้นก็ไม่แน่ครับ6. โครงการในอนาคต
6.1 โครงการโรงละครสยาม โอเปร่า
โรงละครแห่งแรกของประเทศไทยที่มีมาตรฐานทัดเทียมโรงละครชั้นนำระดับโลก ตั้งอยู่บนชั้น 5-7 ของศูนย์การค้าสยามพารากอน พร้อมสรรพด้วยระบบเวที ฉาก และเสียงที่สามารถรองรับละครระดับ Broadway, Concert รวมทั้ง Performing Arts ต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภายใต้คำแนะนำการออกแบบและแนวความคิดของผู้เชี่ยวชาญในด้านโรงละครจากต่างประเทศ ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะเปิดดำเนินงานในปี 2550
รายละเอียดโครงการ
โครงการ โรงละครสยาม โอเปร่า
ที่ตั้ง ชั้น 5 -7 ของศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร
ประเภทโครงการ โรงละคร
จำนวนที่นั่ง 1,800 ที่นั่ง
สถานะปัจจุบัน อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ความคืบหน้าโครงการ งานโครงสร้างแล้วเสร็จประมาณ 52%
ก่อสร้างเสร็จ ประมาณไตรมาส 3 ปี 2550
ปัจจัยที่อาจจะทำให้โครงการไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน
- การจัดหาแหล่งเงินทุนในการดำเนินการพัฒนา บริษัทจะหาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้มีการเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าวบ้างแล้ว
- สภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
6.2 โครงการโรงแรมโซฟิเทล สุขุมวิท
โรงแรมระดับ 5 ดาว ห้องพักจำนวน 345 ห้อง อาคารโรงแรมสูง 31 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 50,000 ตร.ม. บนพื้นที่ใจกลางกรุงเทพ ใกล้แหล่งธุรกิจ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ แหล่งบันเทิง สามารถเดินทางโดยสะดวกทางรถไฟฟ้า BTS รวมทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน ในรูปแบบโรงแรมหรูกลางเมือง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตกแต่งด้วยรูปแบบทันสมัย ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะเปิดดำเนินงานในปี 2551
รายละเอียดโครงการ
โครงการ โรงแรมโซฟิเทล สุขุมวิท
ที่ตั้ง ริมถนนสุขุมวิท ระหว่างสุขุมวิทซอย 13 และ 15 กรุงเทพมหานคร
ประเภทโครงการ โรงแรม
จำนวนห้องพัก 345 ห้อง
อัตราการเข้าพัก -
สถานะปัจจุบัน อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ความคืบหน้าโครงการ การก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 30% โดยเสร็จสิ้นงานโครงสร้างแล้ว
ก่อสร้างเสร็จ ประมาณไตรมาส 1 ปี 2551
ปัจจัยที่อาจจะทำให้โครงการไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน
- การจัดหาแหล่งเงินทุนในการดำเนินการพัฒนา บริษัทจะหาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากสถาบันการเงินในวงเงิน 1,765 ล้านบาท
- สภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
6.3 โครงการโรงแรมสยามและเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์
โรงแรมระดับ 5 ดาว ห้องพักจำนวน 303 ห้อง และเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ จำนวน 99 ห้อง มีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 80,000 ตร.ม. บนพื้นที่ใจการเมือง 18 ไร่ ด้านหลังศูนย์การค้าสยามพารากอน และโรงละครสยาม โอเปร่า ใกล้แหล่งการค้า และย่านธุรกิจสำคัญ เชื่อมต่อการเดินทางสู่พื้นที่สำคัญต่างๆ ทางสถานีรถไฟฟ้า BTS สยาม ในรูปแบบโรงแรมท่ามกลางสวนสวยใจกลางเมือง (City Resort) และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตกแต่งแบบสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย
รายละเอียดโครงการ
โครงการ โรงแรมสยามและเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์
ที่ตั้ง ด้านหลังศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร
ประเภทโครงการ โรงแรม และเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์
จำนวนห้องพัก โรงแรม 303 ห้อง และเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ 99 ห้อง
อัตราการเข้าพัก -
สถานะปัจจุบัน รอผลอนุมัติการขออนุญาตด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
ความคืบหน้าโครงการ แบบก่อสร้างแล้วเสร็จ
ก่อสร้างเสร็จ ประมาณไตรมาส 3 ปี 2551
ปัจจัยที่อาจจะทำให้โครงการไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน
- การจัดหาแหล่งเงินทุนในการดำเนินการพัฒนา บริษัทจะหาแหล่งเงินทุนมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากสถาบันการเงินในวงเงิน 2,000 ล้านบาท
- สภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการพัฒนาโครงการอื่นๆ อีก ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด อาทิเช่น โครงการโรงแรม อมัน นิวา และโครงการโรงแรม อมัน ยุโรป เพื่อรองรับธุรกิจท่องเที่ยวในอนาคตมุ่งสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ในส่วนของโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุ แปลงโรงภาษีร้อยชักสาม กลุ่มกิจการร่วมค้า ซึ่งประกอบด้วยบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) บริษัท อามันรีสอร์ท เซอร์วิสเซส จำกัด และบริษัท ซิลเวอร์ลิงค์ โฮลดิ้ง จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิในโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุ แปลงโรงภาษีร้อยชักสาม เพื่อพัฒนาให้เป็นโครงการโรงแรม อามันรีสอร์ท กรุงเทพ โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งขณะนี้ กลุ่มกิจการร่วมค้าอยู่ในระหว่างออกแบบโครงการดังกล่าว
สำหรับโครงการโรงแรมภูเก็ต นั้น เนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตได้รับผลกระทบจากธรณีพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิ ดังนั้น บริษัท สิริ ภูเก็ต จำกัด จึงต้องนำปัจจัยดังกล่าวมาพิจารณาอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในโครงการโรงแรมภูเก็ต ต่อไป
ทีนี้คงจะพอเข้าใจนะครับว่าทำไม N-park เค้าถึงจำใจต้องหาผู้ร่วมทุน...ไม่ว่าจะเป็นความจำใจหรือไม่ก็ตาม
ปัญหาของ N-park ผมว่าอยู่ที่ ธรรมมาภิบาลและความสามารถของผู้บริหารมากกว่า...ถ้าคุณเชื่อมั่น... :shock: :shock:
-
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 9
ประมูลที่ดินราชพัสดุ โรงภาษีร้อยชักสาม
วัน Wednesday 18 Aug 04 @ 08:00
หัวข้อ: ข่าวโบราณคดีฯ
ตามที่กรมธนารักษ์ออกประกาศให้เอกชนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุ แปลงโรงภาษีร้อยชักสาม หรือศุลกสถาน บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม มีผู้สนใจมายื่นซองประมูลสามราย ผู้เสนอราคาสูงสุดได้แก่ บริษัทแนเชอรัล พาร์คจำกัด คิดเป็นมูลค่ากว่า ๗๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ทางกรมธนารักษ์เน้นว่าจะให้ความสำคัญกับประเด็นด้านการอนุรักษ์มากกว่าราคา เพราะตัวอาคารโรงภาษีเป็นอาคารเก่าที่ต้องรักษาไว้ ดังนั้น การพัฒนา หรือการสร้างอาคารใหม่จะต้องกลมกลืมกับอาคารเดิม ขณะเดียวกันก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการย้ายหน่วยงานที่ใช้อาคารนี้อยู่เดิม ได้แก่ตำรวจน้ำ และกรมศุลกากร อีกเป็นจำนวนมาก โดยทางกรมธนารักษ์ย้ำว่า โครงการนี้ยากจะทำเงินได้มาก เพราะเนื้อที่ไม่มาก ผู้ลงทุนต้องคิดดึงดูดลูกค้าระดับสูง (กรุงเทพธุรกิจ, ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๗)
วัน Wednesday 18 Aug 04 @ 08:00
หัวข้อ: ข่าวโบราณคดีฯ
ตามที่กรมธนารักษ์ออกประกาศให้เอกชนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุ แปลงโรงภาษีร้อยชักสาม หรือศุลกสถาน บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม มีผู้สนใจมายื่นซองประมูลสามราย ผู้เสนอราคาสูงสุดได้แก่ บริษัทแนเชอรัล พาร์คจำกัด คิดเป็นมูลค่ากว่า ๗๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ทางกรมธนารักษ์เน้นว่าจะให้ความสำคัญกับประเด็นด้านการอนุรักษ์มากกว่าราคา เพราะตัวอาคารโรงภาษีเป็นอาคารเก่าที่ต้องรักษาไว้ ดังนั้น การพัฒนา หรือการสร้างอาคารใหม่จะต้องกลมกลืมกับอาคารเดิม ขณะเดียวกันก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการย้ายหน่วยงานที่ใช้อาคารนี้อยู่เดิม ได้แก่ตำรวจน้ำ และกรมศุลกากร อีกเป็นจำนวนมาก โดยทางกรมธนารักษ์ย้ำว่า โครงการนี้ยากจะทำเงินได้มาก เพราะเนื้อที่ไม่มาก ผู้ลงทุนต้องคิดดึงดูดลูกค้าระดับสูง (กรุงเทพธุรกิจ, ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๗)
-
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 10
ข่าวเก่า ..หรือล้อกันเล่นหรือเปล่าครับสำหรับโครงการโรงแรมภูเก็ต นั้น เนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตได้รับผลกระทบจากธรณีพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิ ดังนั้น บริษัท สิริ ภูเก็ต จำกัด จึงต้องนำปัจจัยดังกล่าวมาพิจารณาอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในโครงการโรงแรมภูเก็ต ต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 16
คิดว่าถ้าตัวนี้จะขึ้นได้ต้องมีข่าวหาผู้ร่วมทุนใหม่ที่ฐานการเงินแข็งแกร่ง หรือว่าบริษัทลูกขึ้นเอาขึ้นเอา ที่เห็นมีความหวังก็ syntex siri pa bmcl เพราะมิฉะนั้นแล้วยังคงหารายได้ยาก คงขาดทุนอีกนานอย่างน้อยก็อีกสัก 2 ปี สำหรับชาว vi คงไม่ชอบหุ้นที่ไม่แน่นอน มีความเสี่ยงสูง แต่ราคาตรงนี้ก็น่าวัดดวงอยู่เหมือนกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 20
ลงจนไม่ต้องไปลุ้นมันแล้ว ข่าวดีข่าวร้ายไม่สนใจแล้ว ถ้าฟลุ๊คๆขึ้นมาบาทกว่า ค่อยว่ากัน สี่สิบสตางค์มันจะลงอีกก็ทำใจแล้ว ถึงตรงนี้ไม่มีใครคิดขายหรอก ถ้าจะฟื้นก็สองปีนี้ ถ้าจะเจ๊งก็สองปีนี้แหละ มันเป็นเศษสตางค์ไปแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 689
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 21
ก็แค่ขายคืนหุ้นไปให้อดีตเจ้าของเก่า...
The new chapter of Natural Park
กองบรรณาธิการ
ถ้าใครนิยมชมชอบการศึกษาธรรมชาติ จะเห็นความอัศจรรย์อย่างหนึ่งของพรรณไม้ ในวันที่ฝนกระหน่ำแรง
ต้นไม้ล้มระเนระนาด ใบเหี่ยวลีบ เหมือนคนมีอาการสำลักน้ำ แต่พอแดดเลียใบอ่อนๆ ก็กลับมีชีวิตชีวา
แนเชอรัล พาร์ค ที่มีสัญลักษณ์บริษัทเป็นรูปต้นไม้ ก็เป็นเช่นเดียวกันนี้ จากวันที่มีหนี้ 15,000 ล้าน
มาเหลือหนี้ 700 ล้าน อาการอ่อนปวกเปียกก็ค่อยๆฟื้นคืน และหนนี้ คนดูแลกำลังเร่งให้ปุ๋ย ให้น้ำ เพราะหวังผลให้เป็นไม้ใหญ่ที่แข็งแรง มั่นคง ใครๆ ก็อยากอยู่ใต้ร่มเงา อีกทั้งให้ดอกผลไปอีกหลายสิบปี
แต่ธรรมชาติก็บอกอีกเช่นกัน เวลาถูกมรสุมกระหน่ำ บ่อยครั้งที่ไม้ใหญ่ไม่อาจทานแรง ล้มแล้วล้มเลย ในขณะที่ไม้เล็กมีความสามารถในการฟื้นคืนได้ดีกว่า
ตอนนี้ แนเชอรัล พาร์คเลือกที่จะเป็นไม้ใหญ่ ให้ร่มเงา แต่ก็ต้องระวังอันตราย ไม่ให้ซ้ำรอยเดิม
2 ก.ค. 40 ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท แนเชอรัล พาร์ค มีมูลหนี้เพิ่มทันที 15,700 ล้านบาท
9 ธ.ค. 42 เจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.)
โดยขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ประกอบด้วย บริษัท แนเชอรัล พาร์ค ฮิลล์ กอล์ฟ คลับ จำกัด/ บริษัท เดอะ แนเชอรัล เพลส ทาวเวอร์ จำกัด /บริษัท สาธร ออฟฟิซพาร์ค จำกัด /บริษัท น้อมอนันต์ จำกัด /บริษัท ปัญญา โฮลดิ้งจำกัด / บริษัท เด็นตัล ฮอสปิตัล จำกัด และบริษัท เอ็มแอนด์ซี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
10 เม.ย. 42 ยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง
2 พ.ค. 43 ศาลล้มละลายมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัท
23 พ.ย. 43 ที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับการฟื้นฟูกิจการ
17 ม.ค. 44 เจ้าหนี้บางรายยื่นอุทธรณ์คัดค้านแผนฟื้นฟูกิจการ
22 ม.ค. 45 ที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไข
26 มิ.ย. 45 เจ้าหนี้ส่วนหนึ่งยื่นอุทธรณ์คัดค้านแผนฟื้นฟูฉบับแก้ไข แต่ศาลล้มละลายกลางไม่รับพิจารณา
การอุทธรณ์
22 ม.ค. 46 เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 1,908 ล้านบาท
23 ม.ค. 46 ซื้อหุ้น บมจ.สยามซินเท็ค จำนวน 28.5% เป็นเงิน 100 ล้านบาท
ซื้อหุ้น บมจ.แสนสิริ จำนวน 13.84% เป็นเงิน 780 ล้านบาท
13 ก.พ. 46 ศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของ บมจ.แนเชอรัล พาร์ค
12 พ.ค. 46 แต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เพื่อดำเนินกิจการหลังประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ
27 พ.ค. 46 เพิ่มทุนจดทะเบียน 1,950 ล้านบาท
ซื้อหุ้น บมจ.แสนสิริอีก 10.96% เป็นเงิน 750 ล้านบาท รวมถือหุ้นในแสนสิริทั้งสิ้น 24.8%
23 ก.ค. 46 กลับเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
9 ต.ค. 46 ซื้อหุ้น บมจ.แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำนวน 22.46% เป็นเงิน 600 ล้านบาท
14 พ.ย. 46 ซื้อหุ้นเพิ่มใน บมจ.แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำนวน 31.44% เป็นเงินทั้งสิ้น 840.16 ล้านบาท
รวมเป็น 53.9%
4 พ.ย. 46 เพิ่มทุนในบริษัท ริชชี่ อินเตอร์เทรด ซัพพลาย จำกัด บริษัทในเครือ จำนวน
990,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท
14 พ.ย. 46 ซื้อหุ้นสามัญใน บมจ.แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำนวน 105,020,236 หุ้น หุ้นละ 8 บาทเป็นเงิน
840,161,888
17 พ.ย. 46 ทำคำเสนอซื้อหุ้น (Tender Offer) จำนวน 153,979,764 หุ้น จาก บริษัท วิงไทย กรุ๊ป และ นายชนน ประเสริฐวิชชากร
วิชากร ผู้ถือหุ้นใน บมจ.แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 46.10%
18 พ.ย. 46 ซื้อหุ้นสามัญจำนวน 9,994 หุ้น ในบริษัท ริชชี่ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด (ก่อตั้งเมื่อวันที่
11 เมษายน 2540) ในราคาหุ้นละ 100 บาท จากสว่าง มั่นคงเจริญ เมื่อรวมกับ
สัดส่วนการถือหุ้นเดิม ส่งผลให้แนเชอรัล ถือหุ้นในริชชี่ทั้งหมด 98%
19 พ.ย. 46 เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก จาก 4,028 ล้านบาท เป็น 805,716,000,000 บาท
12 ธ.ค. 46 ซื้อหุ้นสามัญในบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 16,799,474
หุ้นละ
150 บาท เป็นเงิน 2,519,921,100 คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 24.71%
22 ธ.ค. 46 บริษัท เดอลุกซ์ ออริจิน จำกัด ในเครือแนเชอรัลฯ ซื้อที่ดินที่ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัด
เชียงใหม่ จากบริษัท สุริยวงศ์ โฮลดิ้ง เพื่อพัฒนาเป็นโรงแรม
9 ม.ค. 47 ซื้อหุ้นเพิ่มใน บมจ.แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำนวน 9.5% จากผลของการทำคำเสนอซื้อ) เป็นเงินทั้งสิ้น 253.75 ล้านบาท รวมเป็น 63.4%
15 ม.ค. 47 ทำการลดทุนจาก 805,716,000,000 บาท เป็น 201,429,000,000 โดยลดมูลค่าหุ้นจาก 100
เหลือหุ้นละ 25 บาท อันเป็นมติจากการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อ ต.ค. 2546
เห็นได้ชัดว่า N-PARK ถังแตกขนาดหนัก... :shock: :shock:
- โอ@
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4244
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 22
จากงบ 9 เดือน
ยอดสินทรัพย์หมุนเวียน อยู่ที่ 1639 ล้านบาท
ยอดหนี้สินหมุนเวียน อยู่ที่ 3848 ล้านบาท
ห่างกันอยู่ 2209 ล้านบาท
N-PARK ก็เลย
- ขายหุ้น PA ให้ต่างชาติ 15 ล้านหุ้น หุ้นละ 8 บาท ได้เงินมา 120 ล้านบาท
- ขายหุ้นสามัญบางส่วนในบริษัท แนเชอรัล โฮเต็ล สยาม จำกัด จำนวน 4,800,000 หุ้น
คิดเป็นร้อยละ 40 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทดังกล่าว ให้แก่ Al Manar Limited ในราคา 480 ล้านบาท
- กลุ่มนักลงทุนชาวบาห์เรน กลุ่มเดียวกันกับ Al Manar Limited ได้สนใจลงทุนในโครงการดังกล่าว
โดยได้เสนอซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับโครงการโรงแรมโซฟิเทล สุขุมวิท
จากบริษัท แนเชอรัล โฮเต็ล สุขุมวิท (บริษัทย่อยของบริษัท ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ร้อยละ 69.22 ของทุนชำระแล้ว)
ในราคา 1,480 ล้านบาท ได้เงินมา 0.6922 x 1480 = 1024 ล้านบาท
3 Deals ทำให้ N-PARK มีเงินเพิ่มอีก 1624 ล้านบาท
แต่ก็ยังขาดอีก 585 ล้านบาท ไม่รู้จะไปเอามาจากไหนอีก (จริงๆ N-PARK มีให้ขายเยอะนะอยู่ที่ว่าจะเอามาขายหรือเปล่า)
ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก พ่อดันบอกว่าไปดูให้หน่อยว่าจะเจ๊งหรือเปล่า
ถ้าไม่เจ๊งแต่ไม่เห็นอนาคตจะวัดซัก 5 ปีดู ว่าจะเป็นไง
ยอดสินทรัพย์หมุนเวียน อยู่ที่ 1639 ล้านบาท
ยอดหนี้สินหมุนเวียน อยู่ที่ 3848 ล้านบาท
ห่างกันอยู่ 2209 ล้านบาท
N-PARK ก็เลย
- ขายหุ้น PA ให้ต่างชาติ 15 ล้านหุ้น หุ้นละ 8 บาท ได้เงินมา 120 ล้านบาท
- ขายหุ้นสามัญบางส่วนในบริษัท แนเชอรัล โฮเต็ล สยาม จำกัด จำนวน 4,800,000 หุ้น
คิดเป็นร้อยละ 40 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทดังกล่าว ให้แก่ Al Manar Limited ในราคา 480 ล้านบาท
- กลุ่มนักลงทุนชาวบาห์เรน กลุ่มเดียวกันกับ Al Manar Limited ได้สนใจลงทุนในโครงการดังกล่าว
โดยได้เสนอซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับโครงการโรงแรมโซฟิเทล สุขุมวิท
จากบริษัท แนเชอรัล โฮเต็ล สุขุมวิท (บริษัทย่อยของบริษัท ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ร้อยละ 69.22 ของทุนชำระแล้ว)
ในราคา 1,480 ล้านบาท ได้เงินมา 0.6922 x 1480 = 1024 ล้านบาท
3 Deals ทำให้ N-PARK มีเงินเพิ่มอีก 1624 ล้านบาท
แต่ก็ยังขาดอีก 585 ล้านบาท ไม่รู้จะไปเอามาจากไหนอีก (จริงๆ N-PARK มีให้ขายเยอะนะอยู่ที่ว่าจะเอามาขายหรือเปล่า)
ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก พ่อดันบอกว่าไปดูให้หน่อยว่าจะเจ๊งหรือเปล่า
ถ้าไม่เจ๊งแต่ไม่เห็นอนาคตจะวัดซัก 5 ปีดู ว่าจะเป็นไง
_________
-
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 23
ราคาต่ำติดดินขนาดนี้ อาจมีอภินิหารได้เหมือนกัน ยิ่งมีเงินนอกไหลเข้ามาแบบนี้ อาจจะได้ขายทรัพย์สินได้ราคาอีกหลายรายการ หรืออาจจะได้partnerทุนหนาๆก็เป็นได้ ก็ได้แต่หวังไว้ ติดไว้ตั้งบาทกว่าไม่เยอะ ก็ลองดูจะถือดูสัก 2 ปี
- โอ@
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4244
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 24
ผมว่าลำพังตัวธุรกิจของ N-PARK เนี่ย ขาดทุนกระหน่ำครับ ต้องเอาสินทรัพย์ทั้งหลายมาหากินประทังชีวิตไปเรื่อยๆ
เงินไม่เย็นจริงอย่ามาเข้าตัวนี้นะครับ ไม่งั้นถูกแล้วอาจเจอถูกอีกก็ได้ ไม่รู้อีกกี่ปีหุ้นตัวนี้จะเจอเจ้าเ้ข้า
เงินไม่เย็นจริงอย่ามาเข้าตัวนี้นะครับ ไม่งั้นถูกแล้วอาจเจอถูกอีกก็ได้ ไม่รู้อีกกี่ปีหุ้นตัวนี้จะเจอเจ้าเ้ข้า
_________
- Zumo
- Verified User
- โพสต์: 582
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 25
ช่วงนี้ n-park ข่าวเยอะเหลือเกิน
วันนี้ ก็มาอีกแล้วครับ SIRI บริษัทในเครือ N-PARK เพิ่มทุนแบบ PP-แจก warrant อีกรวม 2.9พันล้านหุ้น หาเงินกันทุกวิถีทาง สงสัยหนีตายสุดชีวิต หุ้น N-PARKจะมีอภินิหารไรหรือป่าวหลังจากที่เน่ามานาน ขอถือลุ้นดูซักตั้ง :D
วันนี้ ก็มาอีกแล้วครับ SIRI บริษัทในเครือ N-PARK เพิ่มทุนแบบ PP-แจก warrant อีกรวม 2.9พันล้านหุ้น หาเงินกันทุกวิถีทาง สงสัยหนีตายสุดชีวิต หุ้น N-PARKจะมีอภินิหารไรหรือป่าวหลังจากที่เน่ามานาน ขอถือลุ้นดูซักตั้ง :D
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 27
ดู N-PARK แล้วต้องบอกว่า เป็นหุ้นที่กระหายเงินสดมาก ๆ ครับ
ผมมองอย่างนี้ครับ
N-PARK ทำธุรกิจอะไร ตรงนั้นก็จะเป็นที่มาของเงินสดรับ และเงินสดจ่าย
ผมคิดว่าปัญหาที่สำคัญของ N-PARK ในขณะนี้คือ เงินที่ลงทุนไปจำนวนมาก หรือ Cash Out ออกไปก่อนหน้านี้ หลาย ๆ ตัวยังไม่สามารถคืนเงินสดกลับมาที่บริษัทแม่ได้เท่าที่ควรเลยครับ และหลายตัวก็สร้างความเสียหายให้กับบริษัทจำนวนมากด้วยครับ
ตัวอย่าง ลงทุนใน FNS ราคาที่ลงทุนก็เกือบ 40 บาท แต่ดูราคา FNS ตอนนี้ซิครับ อยู่ที่ประมาณ 8 บาทกว่า ๆ แถมปีที่ผ่านมา FNS จากที่เคยจ่ายปันผลได้ปีละ 0.50 บาท กลับไม่สามารถจ่ายได้ต่อเนื่อง เพราะธุรกิจขาดทุนมากครับ
ลงทุนใน PA หุ้นละเกือบ 8 บาท แต่บริษัทมีผลงานที่ขาดทุนอีกเช่นกัน ก็ไม่มีปันผลจ่ายคืนบริษัท ดีแต่ว่า ปีที่แล้ว N-PARK ขายโรงแรมเชดี เชียงใหม่ออกไปให้ PA ทำให้มีสภาพคล่องกลับมาที่ N-PARk บ้างครับ
ลงทุนในรถไฟใต้ดิน BMCL ราคาที่ลงทุนก็กว่า 1.50 บาท แต่ราคา BMCL ตอนนี้มีราคาอยู่ที่ 1 บาทเศษ ๆ ก็ขาดทุนไปกว่า 30 กว่า% ครับ
ลงทุนใน SIRI เกือบ 5 บาทกว่า ๆ แต่ตอนนี้ ราคา SIRI ก็อยู่ที่ไม่ถึง 3 บาท แต่ตัวนี้ก็มีการจ่ายปันผลต่อเนื่องดี ทำให้มีสภาพคล่องกับมาที่ N-PARK บ้างครับ
สำหรับตัวบริษัทแม่ที่ลงทุนในธุรกิจโรงแรมจำนวนมาก โรงละคร หลาย ๆ ธุรกิจ ก็อยู่ในช่วงก่อสร้างและต้องใช้เงินลงทุนที่สูง พวกนี้ก็ต้องใช้เวลาในการคืนเงินกลับมา
ดังนั้นที่ผ่านมา 2-3 ปี จึงใช้วิธีการขายทรัพย์สินเก่า ไม่ว่าจะเป็น Sevice Amartment หรือ โรงแรมเก่า เพื่อเอาเงินที่ขายมาลงทุนเพิ่ม
แถมเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่เอาไปลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก ก็ขาดทุนแทบทุกตัวมากกว่า 30% ขึ้นไปครับ และสถาบันการเงินที่ให้กู้ก็คงทวงถามให้ชำระหนี้ดังกล่าว จึงเห็นได้ว่า ปัญหาของเขา นอกจากจะมีปัญหาที่ Model ธุรกิจแล้ว ยังมีปัญหาในเรื่องหนี้สินอีกด้วยครับ
ดังนั้น หากจะลงทุนหุ้นตัวนี้ ก็คงต้องตอบว่า แล้วผลตอบแทนของผุ้ถือหุ้นจะมาจากธุรกิจอะไรในอนาคต และจะกลับมาในรูปเงินปันผลเมื่อไรครับ ความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นอย่างไร คุ้มค่าหรือไม่
ถ้ายังเป็นแบบเดิมอยู่ ก็คงลำบากมากครับ เพราะ Model แบบเดิมนั้น ขณะนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ค่อนข้างจะทำลายมูลค่าของผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง ดูจากราคาในอดีตที่ขึ้นไปถึง 12 บาท จนตกลงตำสุดกว่า 20 สต.ต่อหุ้น จนต้องเพิ่มทุนในที่สุดครับ
ผมมองอย่างนี้ครับ
N-PARK ทำธุรกิจอะไร ตรงนั้นก็จะเป็นที่มาของเงินสดรับ และเงินสดจ่าย
ผมคิดว่าปัญหาที่สำคัญของ N-PARK ในขณะนี้คือ เงินที่ลงทุนไปจำนวนมาก หรือ Cash Out ออกไปก่อนหน้านี้ หลาย ๆ ตัวยังไม่สามารถคืนเงินสดกลับมาที่บริษัทแม่ได้เท่าที่ควรเลยครับ และหลายตัวก็สร้างความเสียหายให้กับบริษัทจำนวนมากด้วยครับ
ตัวอย่าง ลงทุนใน FNS ราคาที่ลงทุนก็เกือบ 40 บาท แต่ดูราคา FNS ตอนนี้ซิครับ อยู่ที่ประมาณ 8 บาทกว่า ๆ แถมปีที่ผ่านมา FNS จากที่เคยจ่ายปันผลได้ปีละ 0.50 บาท กลับไม่สามารถจ่ายได้ต่อเนื่อง เพราะธุรกิจขาดทุนมากครับ
ลงทุนใน PA หุ้นละเกือบ 8 บาท แต่บริษัทมีผลงานที่ขาดทุนอีกเช่นกัน ก็ไม่มีปันผลจ่ายคืนบริษัท ดีแต่ว่า ปีที่แล้ว N-PARK ขายโรงแรมเชดี เชียงใหม่ออกไปให้ PA ทำให้มีสภาพคล่องกลับมาที่ N-PARk บ้างครับ
ลงทุนในรถไฟใต้ดิน BMCL ราคาที่ลงทุนก็กว่า 1.50 บาท แต่ราคา BMCL ตอนนี้มีราคาอยู่ที่ 1 บาทเศษ ๆ ก็ขาดทุนไปกว่า 30 กว่า% ครับ
ลงทุนใน SIRI เกือบ 5 บาทกว่า ๆ แต่ตอนนี้ ราคา SIRI ก็อยู่ที่ไม่ถึง 3 บาท แต่ตัวนี้ก็มีการจ่ายปันผลต่อเนื่องดี ทำให้มีสภาพคล่องกับมาที่ N-PARK บ้างครับ
สำหรับตัวบริษัทแม่ที่ลงทุนในธุรกิจโรงแรมจำนวนมาก โรงละคร หลาย ๆ ธุรกิจ ก็อยู่ในช่วงก่อสร้างและต้องใช้เงินลงทุนที่สูง พวกนี้ก็ต้องใช้เวลาในการคืนเงินกลับมา
ดังนั้นที่ผ่านมา 2-3 ปี จึงใช้วิธีการขายทรัพย์สินเก่า ไม่ว่าจะเป็น Sevice Amartment หรือ โรงแรมเก่า เพื่อเอาเงินที่ขายมาลงทุนเพิ่ม
แถมเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่เอาไปลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก ก็ขาดทุนแทบทุกตัวมากกว่า 30% ขึ้นไปครับ และสถาบันการเงินที่ให้กู้ก็คงทวงถามให้ชำระหนี้ดังกล่าว จึงเห็นได้ว่า ปัญหาของเขา นอกจากจะมีปัญหาที่ Model ธุรกิจแล้ว ยังมีปัญหาในเรื่องหนี้สินอีกด้วยครับ
ดังนั้น หากจะลงทุนหุ้นตัวนี้ ก็คงต้องตอบว่า แล้วผลตอบแทนของผุ้ถือหุ้นจะมาจากธุรกิจอะไรในอนาคต และจะกลับมาในรูปเงินปันผลเมื่อไรครับ ความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นอย่างไร คุ้มค่าหรือไม่
ถ้ายังเป็นแบบเดิมอยู่ ก็คงลำบากมากครับ เพราะ Model แบบเดิมนั้น ขณะนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ค่อนข้างจะทำลายมูลค่าของผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง ดูจากราคาในอดีตที่ขึ้นไปถึง 12 บาท จนตกลงตำสุดกว่า 20 สต.ต่อหุ้น จนต้องเพิ่มทุนในที่สุดครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 674
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 28
จำได้ว่าออกจากแผนฟื้นฟูโดยใส่เงินเพิ่มทุนเข้าไป 2 รอบ
รวมแล้วราว ๆ 6,000-8,000 ล้านบาท
หลังจากนั้นก็ถลุงเงินกันเป็นว่าเล่นโดนมีทั้งทำโครงการเอง และซื้อหุ้นคนอื่น
ไม่น่าเชื่อว่าบริษัทสามารถขาดสภาพคล่องได้หลังจากที่มีเงินสดจากการเพิ่มทุนขนาดนั้น ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี
ผมเคยมองว่าบริษัทต้องการเพียงหาผลประโยชน์จากการสร้างราคาหุ้นของตนเอง ในช่วงที่ปั่นราคาหุ้นไปสูง ๆ
แต่ก็หุ้นส่วนที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนเข้ามาไม่ได้ขายหุ้นออกไป อาจจะเป็นเพราะราคาดันมาร่วงลงก่อนหลุด silent period ก็เป็นได้
สรุปแล้วในความเห็นของผม การบริหารงานของคุณเสริมสินห่วยมากครับ
ไม่ว่าจะเป็นการบริหารเพือสร้างความมั่นคงให้บริษัทอย่างแท้จริง
หรือหวังเพียงสร้างราคาหุ้นในระยะสั่นเพือให้ผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนขายออกไปก็ตาม
รวมแล้วราว ๆ 6,000-8,000 ล้านบาท
หลังจากนั้นก็ถลุงเงินกันเป็นว่าเล่นโดนมีทั้งทำโครงการเอง และซื้อหุ้นคนอื่น
ไม่น่าเชื่อว่าบริษัทสามารถขาดสภาพคล่องได้หลังจากที่มีเงินสดจากการเพิ่มทุนขนาดนั้น ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี
ผมเคยมองว่าบริษัทต้องการเพียงหาผลประโยชน์จากการสร้างราคาหุ้นของตนเอง ในช่วงที่ปั่นราคาหุ้นไปสูง ๆ
แต่ก็หุ้นส่วนที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนเข้ามาไม่ได้ขายหุ้นออกไป อาจจะเป็นเพราะราคาดันมาร่วงลงก่อนหลุด silent period ก็เป็นได้
สรุปแล้วในความเห็นของผม การบริหารงานของคุณเสริมสินห่วยมากครับ
ไม่ว่าจะเป็นการบริหารเพือสร้างความมั่นคงให้บริษัทอย่างแท้จริง
หรือหวังเพียงสร้างราคาหุ้นในระยะสั่นเพือให้ผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนขายออกไปก็ตาม
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนของกลุ่มบาเรนในตัวN-park
โพสต์ที่ 29
ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น :twisted:
ไม่รู้ว่าได้ฤกษ์รวมหุ้นตามอย่าง TFI อย่าง LIVE รึ TRAF รึยังหนอ 8)
ไม่รู้ว่าได้ฤกษ์รวมหุ้นตามอย่าง TFI อย่าง LIVE รึ TRAF รึยังหนอ 8)
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร