!!! ผมกลัววิกฤติเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์(เลียนแบบต้มยำกุ้ง)!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 46
- ผู้ติดตาม: 0
!!! ผมกลัววิกฤติเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์(เลียนแบบต้มยำกุ้ง)!!!
โพสต์ที่ 1
อ่านเจอข้อความนี้......
ธปท.มั่นใจทุนสำรองฯแข็งแกร่ง รับความผันผวนตลาดเงิน-ทุนได้ โดย กระแสหุ้น
ผู้ว่าการ ธปท. มั่นใจทุนสำรองระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งถึงกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สามารถรับมือได้กับทุกสถานการณ์ หากเกิดกรณีนักลงทุนเทขายหุ้นทิ้ง หรือคืนหนี้ระยะสั้นต่างประเทศทั้งหมด แต่ยอมรับว่าเป็นห่วงหากตลาดหุ้นสหรัฐลดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในการสัมมนาเรื่อง "ประเทศไทยกับพลวัตรการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ" ว่า ประเทศไทยจะไม่เกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจเหมือนอดีต เพราะได้เรียนรู้ว่า การเปิดเสรี การเคลื่อนย้ายเงินทุน จะกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนตายตัวไม่ได้ แต่ต้องปล่อยลอยตัวไปตามแนวโน้มของโลก ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทของไทยก็เริ่มปรับตัวแข็งค่าขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศก็สูงถึง 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 3 เท่า ของหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ ซึ่งมีอยู่ไม่ถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น แม้ว่าจะมีการเรียกคืนหนี้ระยะสั้นต่างประเทศทั้งหมด ทุนสำรองระหว่างประเทศก็มีเพียงพอ จึงไม่น่าเป็นห่วง
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ปริมาณเงินทุนที่ไหลเข้าในตลาดหุ้นไทยยังมีต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2550 เนื่องจากสหรัฐใช้นโยบายดอลลาร์อ่อนค่าและกดดันให้เงินสกุลอื่นแข็งค่าขึ้น เพื่อลดปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลมากถึง 7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ดังนั้น จึงมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากสหรัฐฯ โดยขณะนี้เงินที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยและตราสารหนี้สูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแม้ว่าจะเทขายหุ้นออกมาทั้งหมด ระบบเศรษฐกิจไทยก็ยังรองรับได้ แต่ก็มั่นใจว่า จะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะเศรษฐกิจมีพื้นฐานที่ดี ดังนั้น นักลงทุนจึงไม่มีเหตุผลที่จะเทขายหุ้นออกมา
"มั่นใจว่าทุนสำรองของประเทศจะไม่ลดลงเหลือ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เพราะ ธปท. ระมัดระวัง มองไปข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น และตั้งรับไว้ทุกทาง เราจะพยายามให้เงินไหลเข้าในประเทศไม่ผันผวน และไม่ไหลกลับเร็ว หรือหากไหลกลับเร็วก็สามารถรับมือได้ ซึ่งก็ต้องดูแลพื้นฐานให้ดีและมีศักยภาพ" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า สิ่งที่ ธปท. กังวลที่สุด คือ หากตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลงอย่างรุนแรง เพราะกองทุนเก็งกำไรจะขายหุ้นออกมาพร้อมกัน 4-5 เท่าตัว เพราะวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาการขาดดุลของสหรัฐ ซึ่งยังนึกภาพไม่ออกว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อทั่วโลก แต่ก็ยังมั่นใจว่าการที่ไทยมีทุนสำรองกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ น่าจะช่วยประคับประคองสถานการณ์ได้ เพราะเงินสำรองมีการกระจายในเงินหลายสกุล ทั้งยูโร ดอลลาร์ และเยน
=====
ทำให้ผมกังวลมากเลยเพราะผมเพิ่งเริ่มลงทุนในตลาดโดยเฉพาะข่าวของหม่อมอุ๋ย บอกตรงๆว่ากลัวมาก เพราะรู้มาว่าทางสหรัฐเองก็มีปัญหาเรื่องอสังหาเหมือนกัน
แถมด้วยข่าว ที่ว่า รัฐบาลใหม่ไทย ต้องรับมือกับกลุ่มปัญหาทางการเมืองด้วย (ผมว่ามีแน่ๆ)และกลุ่มที่มีปัญหาปากท้องจากรัฐบาลชุดเก่าเรื่องหนี้สิน
เรื่องการเมืองนั้นในไทยเองมองว่าน่าจะโอเคกัน แต่ผมไม่แน่ใจนะ แต่ฝรั่งยังไม่โอเคแหง น่าจะรอดูท่าทีก่อน(ผมอาจคิดผิดก็ได้)
พร่งนี้ผมกะว่าจะโอนกองทุนหุ้นผมไปเข้ากองทุนพันธบัตรแล้วขายหุ้นในพอร์ททิ้งดีกว่าหักลบแล้วกำไรไม่ถึงพัน (ได้กำไร mcot) แล้วรอดูท่าทีทุกอย่างดีกว่าเพราะข่าวที่ออกมาต้องพูดในแง่ดีทุกอย่างอยู่แล้วแต่จริงๆแล้วข้างในดีไม่ดีต้องดูกันวิเคราะห์กันเอง (เหมือนกรณีลดค่าเงินบาทขนาดนายกออกมาพูดเองว่าไม่ลดแล้วเป็นไง)
พล่ามมาซะเยอะ......ขอถามเพื่อนๆนะ
1. มีความเสี่ยงแค่ไหนเรื่องกองทุนสหรัฐจะทำแบบนั้น ทำไมหม่อมอุ๋ยถึงกังวลแล้วพูดออกมา
2. ผมปอดแหกไปไหมครับ ถามจริงๆ
ธปท.มั่นใจทุนสำรองฯแข็งแกร่ง รับความผันผวนตลาดเงิน-ทุนได้ โดย กระแสหุ้น
ผู้ว่าการ ธปท. มั่นใจทุนสำรองระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งถึงกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สามารถรับมือได้กับทุกสถานการณ์ หากเกิดกรณีนักลงทุนเทขายหุ้นทิ้ง หรือคืนหนี้ระยะสั้นต่างประเทศทั้งหมด แต่ยอมรับว่าเป็นห่วงหากตลาดหุ้นสหรัฐลดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในการสัมมนาเรื่อง "ประเทศไทยกับพลวัตรการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ" ว่า ประเทศไทยจะไม่เกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจเหมือนอดีต เพราะได้เรียนรู้ว่า การเปิดเสรี การเคลื่อนย้ายเงินทุน จะกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนตายตัวไม่ได้ แต่ต้องปล่อยลอยตัวไปตามแนวโน้มของโลก ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทของไทยก็เริ่มปรับตัวแข็งค่าขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศก็สูงถึง 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 3 เท่า ของหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ ซึ่งมีอยู่ไม่ถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น แม้ว่าจะมีการเรียกคืนหนี้ระยะสั้นต่างประเทศทั้งหมด ทุนสำรองระหว่างประเทศก็มีเพียงพอ จึงไม่น่าเป็นห่วง
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ปริมาณเงินทุนที่ไหลเข้าในตลาดหุ้นไทยยังมีต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2550 เนื่องจากสหรัฐใช้นโยบายดอลลาร์อ่อนค่าและกดดันให้เงินสกุลอื่นแข็งค่าขึ้น เพื่อลดปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลมากถึง 7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ดังนั้น จึงมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากสหรัฐฯ โดยขณะนี้เงินที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยและตราสารหนี้สูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแม้ว่าจะเทขายหุ้นออกมาทั้งหมด ระบบเศรษฐกิจไทยก็ยังรองรับได้ แต่ก็มั่นใจว่า จะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะเศรษฐกิจมีพื้นฐานที่ดี ดังนั้น นักลงทุนจึงไม่มีเหตุผลที่จะเทขายหุ้นออกมา
"มั่นใจว่าทุนสำรองของประเทศจะไม่ลดลงเหลือ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เพราะ ธปท. ระมัดระวัง มองไปข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น และตั้งรับไว้ทุกทาง เราจะพยายามให้เงินไหลเข้าในประเทศไม่ผันผวน และไม่ไหลกลับเร็ว หรือหากไหลกลับเร็วก็สามารถรับมือได้ ซึ่งก็ต้องดูแลพื้นฐานให้ดีและมีศักยภาพ" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า สิ่งที่ ธปท. กังวลที่สุด คือ หากตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลงอย่างรุนแรง เพราะกองทุนเก็งกำไรจะขายหุ้นออกมาพร้อมกัน 4-5 เท่าตัว เพราะวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาการขาดดุลของสหรัฐ ซึ่งยังนึกภาพไม่ออกว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อทั่วโลก แต่ก็ยังมั่นใจว่าการที่ไทยมีทุนสำรองกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ น่าจะช่วยประคับประคองสถานการณ์ได้ เพราะเงินสำรองมีการกระจายในเงินหลายสกุล ทั้งยูโร ดอลลาร์ และเยน
=====
ทำให้ผมกังวลมากเลยเพราะผมเพิ่งเริ่มลงทุนในตลาดโดยเฉพาะข่าวของหม่อมอุ๋ย บอกตรงๆว่ากลัวมาก เพราะรู้มาว่าทางสหรัฐเองก็มีปัญหาเรื่องอสังหาเหมือนกัน
แถมด้วยข่าว ที่ว่า รัฐบาลใหม่ไทย ต้องรับมือกับกลุ่มปัญหาทางการเมืองด้วย (ผมว่ามีแน่ๆ)และกลุ่มที่มีปัญหาปากท้องจากรัฐบาลชุดเก่าเรื่องหนี้สิน
เรื่องการเมืองนั้นในไทยเองมองว่าน่าจะโอเคกัน แต่ผมไม่แน่ใจนะ แต่ฝรั่งยังไม่โอเคแหง น่าจะรอดูท่าทีก่อน(ผมอาจคิดผิดก็ได้)
พร่งนี้ผมกะว่าจะโอนกองทุนหุ้นผมไปเข้ากองทุนพันธบัตรแล้วขายหุ้นในพอร์ททิ้งดีกว่าหักลบแล้วกำไรไม่ถึงพัน (ได้กำไร mcot) แล้วรอดูท่าทีทุกอย่างดีกว่าเพราะข่าวที่ออกมาต้องพูดในแง่ดีทุกอย่างอยู่แล้วแต่จริงๆแล้วข้างในดีไม่ดีต้องดูกันวิเคราะห์กันเอง (เหมือนกรณีลดค่าเงินบาทขนาดนายกออกมาพูดเองว่าไม่ลดแล้วเป็นไง)
พล่ามมาซะเยอะ......ขอถามเพื่อนๆนะ
1. มีความเสี่ยงแค่ไหนเรื่องกองทุนสหรัฐจะทำแบบนั้น ทำไมหม่อมอุ๋ยถึงกังวลแล้วพูดออกมา
2. ผมปอดแหกไปไหมครับ ถามจริงๆ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
!!! ผมกลัววิกฤติเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์(เลียนแบบต้มยำกุ้ง)!!!
โพสต์ที่ 2
ผมเคยทายเล่นๆ ไว้ว่าหุ้นสหรัฐกำลังอยู่ในขาขึ้น ตอนนี้ก็ขึ้นมาจนทำ record high แล้ว แต่ผมก็ยังคิดว่ามันน่าจะขึ้นไปอีกครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
!!! ผมกลัววิกฤติเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์(เลียนแบบต้มยำกุ้ง)!!!
โพสต์ที่ 3
ขอเรียนถามพี่สุมาอี้เพื่อเป็นความรู้นิดนึงนะครับ ว่าอะไรถึงทำให้พี่สุมาอี้คิดว่าน่าจะไปต่อครับสุมาอี้ เขียน:ผมเคยทายเล่นๆ ไว้ว่าหุ้นสหรัฐกำลังอยู่ในขาขึ้น ตอนนี้ก็ขึ้นมาจนทำ record high แล้ว แต่ผมก็ยังคิดว่ามันน่าจะขึ้นไปอีกครับ
Impossible is Nothing
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
!!! ผมกลัววิกฤติเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์(เลียนแบบต้มยำกุ้ง)!!!
โพสต์ที่ 4
แรงกดดันที่ทำให้ดอลล่าร์อ่อนมันน้อยลงเรื่อยๆ เงินที่หายไปจากสหรัฐฯ เพื่อหนีดอลล่าร์อ่อนในช่วงปีที่ผ่านมาจะทยอยกลับเข้ามาเรื่อยๆwoody เขียน:ขอเรียนถามพี่สุมาอี้เพื่อเป็นความรู้นิดนึงนะครับ ว่าอะไรถึงทำให้พี่สุมาอี้คิดว่าน่าจะไปต่อครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
!!! ผมกลัววิกฤติเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์(เลียนแบบต้มยำกุ้ง)!!!
โพสต์ที่ 5
ด้วยพฤติกรรมการใช้เงินของชาวสหรัฐฯ และวิธีการ "กู้เงิน"
ที่พิศดารมาก คือเอา home equity มาเป็นทุนในการกู้
รวมถึง stock equity ด้วย ทำให้ชาวอเมริกันกู้เงินกันมหาศาล
ดอกเบี้ยที่คาดว่าจะต่ำลง ราคาอสัวหาฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูง
และ DJI ที่ทำ new high (แต่จริงๆ ภาพรวมทั้งตลาด
คือ NYSE กับ NASDAQ ยังไม่ได้ทำ new high เลย)
ทำให้อเมริกันชนมีอำนาจการกู้สูงมาก เลยกู้กันกระหน่ำ
และทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว
แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่เป็นใจ เช่น
ตลาดอสังหากลับเข้าสู่ภาวะซบเซา
home equity ลดค่าลง ทำให้อัตราส่วน D/E
เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แบงก์อาจจะต้องเรียก equity เพิ่ม
หรือไม่ก็ขอให้ลูกค้าลดหนี้ลง (โปะ)
และต้องเรียกดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
ซึ่งก็หมายความว่า จะต้องเทขายหุ้นส่วนหนึ่ง
ทำให้ market cap ลดลง ซึ่งยิ่งทำให้ stock equity ลดลง
fed ต้องพยายามแก้ปัญหา ด้วยการลดดอกเบี้ย
ซึ่งอาจจะนำไปสู่การด้อยค่าของ USD ในที่สุด
ดังนั้น ผมคิดว่า ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังดีต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
กลไกทุกอย่างก็จะทำงานได้ วิกฤตแฮมเบอเกอร์คงไม่เกิด
แต่ถ้ากลไกตัวหนึ่งเกิดหยุดหมุน....
มันจะเกิดการปีนเกลียวขนานใหญ่
และผลกระทบจะ devastating มากๆ
แต่อย่างเร็วคงเป็นไตรมาสสอง ปีหน้ามังครับ
ตอนนี้ คริสตมาสอีฟเฟ๊กต์ คงทำงานของมันอย่างขันแข็ง
ที่พิศดารมาก คือเอา home equity มาเป็นทุนในการกู้
รวมถึง stock equity ด้วย ทำให้ชาวอเมริกันกู้เงินกันมหาศาล
ดอกเบี้ยที่คาดว่าจะต่ำลง ราคาอสัวหาฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูง
และ DJI ที่ทำ new high (แต่จริงๆ ภาพรวมทั้งตลาด
คือ NYSE กับ NASDAQ ยังไม่ได้ทำ new high เลย)
ทำให้อเมริกันชนมีอำนาจการกู้สูงมาก เลยกู้กันกระหน่ำ
และทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว
แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่เป็นใจ เช่น
ตลาดอสังหากลับเข้าสู่ภาวะซบเซา
home equity ลดค่าลง ทำให้อัตราส่วน D/E
เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แบงก์อาจจะต้องเรียก equity เพิ่ม
หรือไม่ก็ขอให้ลูกค้าลดหนี้ลง (โปะ)
และต้องเรียกดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
ซึ่งก็หมายความว่า จะต้องเทขายหุ้นส่วนหนึ่ง
ทำให้ market cap ลดลง ซึ่งยิ่งทำให้ stock equity ลดลง
fed ต้องพยายามแก้ปัญหา ด้วยการลดดอกเบี้ย
ซึ่งอาจจะนำไปสู่การด้อยค่าของ USD ในที่สุด
ดังนั้น ผมคิดว่า ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังดีต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
กลไกทุกอย่างก็จะทำงานได้ วิกฤตแฮมเบอเกอร์คงไม่เกิด
แต่ถ้ากลไกตัวหนึ่งเกิดหยุดหมุน....
มันจะเกิดการปีนเกลียวขนานใหญ่
และผลกระทบจะ devastating มากๆ
แต่อย่างเร็วคงเป็นไตรมาสสอง ปีหน้ามังครับ
ตอนนี้ คริสตมาสอีฟเฟ๊กต์ คงทำงานของมันอย่างขันแข็ง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
!!! ผมกลัววิกฤติเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์(เลียนแบบต้มยำกุ้ง)!!!
โพสต์ที่ 6
ถ้าราคาน้ำมันไม่ขึ้นอย่างมากมายอีก
นั้นคงทำให้อัตราเงินเฟ้อไม่สูงมาก
อัตราดอกเบี้ยคงหยุดขึ้น และอาจลงได้ถ้าจำเป็น
ถ้าเป็นดังว่าปัญหาต่างๆก็คงบรรเทาลงได้ ตามกาละเวลา
นั้นคงทำให้อัตราเงินเฟ้อไม่สูงมาก
อัตราดอกเบี้ยคงหยุดขึ้น และอาจลงได้ถ้าจำเป็น
ถ้าเป็นดังว่าปัญหาต่างๆก็คงบรรเทาลงได้ ตามกาละเวลา
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 697
- ผู้ติดตาม: 0
!!! ผมกลัววิกฤติเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์(เลียนแบบต้มยำกุ้ง)!!!
โพสต์ที่ 7
ยุคหนึ่งในอดีตเราพึ่งพาทองคำ เป็นตัวค้ำประกันเงิน เมื่อเกิดภาวะ supply ทองคำมากขึ้น จึงเกิดการค้ำประกันอ้างอิงด้วย เงิน$ + ชาวอเมริกันบริโภคแบบฟุ่มเฟือย
ปัจจุบัน เงิน euro หยวน เกิดการอ้างอิงมากขึ้น เงิน$ มีความต้องการน้อยลง
+ นโยบายการเงิน fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ย ยิ่งกดเงิน $ ให้อ่อนลงไปอีก
เหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อง ดอลล่าอ่อนลงอย่างต่อเนื่อง ?
1. ปริมาณเงิน ดอลล่า จะเพิ่มขึ้นมาก ตามการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
2. มีการเพิ่ม demand ในตลาดอย่างต่อเนื่อง นำมาสู่ภาวะ เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
3. recession ต่อนักลงทุนมีมากขึ้น
4. งบดุลย์ จะกลับมาเป็นบวกในระยะสั้น นำไปสู่ภาวะตลาดที่ร้อนแรงขึ้นในระยะสั้น
5. รัฐบาลอาจจะหันมาใช้ นโยบาย ลดภาษีลงอีก คงอัตราดอกเบี้ย supply ให้มากขึ้น ช่วงนี้เศษรฐกิจน่าจะเกิดภาวะซบเซาอย่างต่อเนื่อง กินเวลา 4-5 ปี แต่จะไม่รุนแรงเหมือนต้มยำกุ้งในบ้านเรา
ปัจจุบัน เงิน euro หยวน เกิดการอ้างอิงมากขึ้น เงิน$ มีความต้องการน้อยลง
+ นโยบายการเงิน fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ย ยิ่งกดเงิน $ ให้อ่อนลงไปอีก
เหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อง ดอลล่าอ่อนลงอย่างต่อเนื่อง ?
1. ปริมาณเงิน ดอลล่า จะเพิ่มขึ้นมาก ตามการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
2. มีการเพิ่ม demand ในตลาดอย่างต่อเนื่อง นำมาสู่ภาวะ เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
3. recession ต่อนักลงทุนมีมากขึ้น
4. งบดุลย์ จะกลับมาเป็นบวกในระยะสั้น นำไปสู่ภาวะตลาดที่ร้อนแรงขึ้นในระยะสั้น
5. รัฐบาลอาจจะหันมาใช้ นโยบาย ลดภาษีลงอีก คงอัตราดอกเบี้ย supply ให้มากขึ้น ช่วงนี้เศษรฐกิจน่าจะเกิดภาวะซบเซาอย่างต่อเนื่อง กินเวลา 4-5 ปี แต่จะไม่รุนแรงเหมือนต้มยำกุ้งในบ้านเรา
-
- Verified User
- โพสต์: 46
- ผู้ติดตาม: 0
!!! ผมกลัววิกฤติเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์(เลียนแบบต้มยำกุ้ง)!!!
โพสต์ที่ 8
ดูๆเหมือนกับปัจจัยเสี่ยง ที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่ดี น่าจะมีอยุ่หลักๆ
1. ราคาน้ำมัน หากราคายังขึ้น เฟด อาจต้องปรับดอกเบี้ยขึ้นเพราะเงินเฟ้อ
2. ตลาดอสังหาของสหรัฐเอง หากซบเซา ต้องระวัง ซึ่งน่าจะแปรผันตรงกับข้อ 1 ด้วย .....อ้าว ถ้างั้น ดูที่ปัจจัยน้ำมันอย่างเดียวเลยเด่ะ ?
ทั้งนี้ทั้งนั้นให้ดู ตลาดหุ้นของอเมริกาเป็นตัวส่งสัญญาณ
สรุปอย่างนี้ได้ไหมครับเนี่ย
1. ราคาน้ำมัน หากราคายังขึ้น เฟด อาจต้องปรับดอกเบี้ยขึ้นเพราะเงินเฟ้อ
2. ตลาดอสังหาของสหรัฐเอง หากซบเซา ต้องระวัง ซึ่งน่าจะแปรผันตรงกับข้อ 1 ด้วย .....อ้าว ถ้างั้น ดูที่ปัจจัยน้ำมันอย่างเดียวเลยเด่ะ ?
ทั้งนี้ทั้งนั้นให้ดู ตลาดหุ้นของอเมริกาเป็นตัวส่งสัญญาณ
สรุปอย่างนี้ได้ไหมครับเนี่ย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
!!! ผมกลัววิกฤติเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์(เลียนแบบต้มยำกุ้ง)!!!
โพสต์ที่ 9
อิอิ ผมก็ดูอยู่ครับeak1111 เขียน:ทั้งนี้ทั้งนั้นให้ดู ตลาดหุ้นของอเมริกาเป็นตัวส่งสัญญาณ
แต่อย่าดู DJI ตัวเดียวนะครับ ดู NYSE ด้วยครับ
เพราะน้ำหนักของ DJI ตอนนี้อิงกับบริษัทน้ำมันพอควร
เห็นเพื่อนผู้เชี่ยวด้านเทคนิกบอกว่า
DJI กำลังจะเข้าสู่ภาวะ overbought ระดับวีค
ซึ่งเมื่อเข้าแล้ว จะมีแรงเทขายทำกำไรออกมา
หนักหน่วงและยาวนาน (พอควร)
ก็กำลังดูอยู่ครับ ว่าจะจริงหรือไม่
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
!!! ผมกลัววิกฤติเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์(เลียนแบบต้มยำกุ้ง)!!!
โพสต์ที่ 10
ผมว่าท่านไม่ได้พูดให้พวกเราฟังนะ
พูดถึง DJIA แล้วผมว่ามันเป็นดัชนีโลกนะ เพราะรายได้มากกว่าครึ่งน่าจะเป็นรายได้นอกอเมริกา ลองดูรายชื่อทั้ง 30 บริษัทที่อยู่ในดัชนี
Ticker Company Name
MMM 3M Corporation
AA Alcoa
AIG American Int'l Group
MO Altria (was Philip Morris)
AXP American Express
BA Boeing
CAT Caterpillar
C CitiGroup
KO Coca Cola
DD E.I. DuPont de Nemours
XOM Exxon Mobil
GE General Electric
GM General Motors
HPQ Hewlett-Packard
HD Home Depot
HON Honeywell
INTC Intel
IBM International Business Machines
JPM JP Morgan Chase
JNJ Johnson & Johnson
MCD McDonalds
MRK Merck
MSFT Microsoft
PFE Pfizer
PG Procter and Gamble
SBC SBC Communications
UTX United Technologies
VZ Verizon Communications
WMT Wal-Mart Stores
DIS Walt Disney
บริษัทใดบ้างที่ติดอยู่ในดัชนีดาวโจนส์ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงปัจจุบัน :?:
พูดถึง DJIA แล้วผมว่ามันเป็นดัชนีโลกนะ เพราะรายได้มากกว่าครึ่งน่าจะเป็นรายได้นอกอเมริกา ลองดูรายชื่อทั้ง 30 บริษัทที่อยู่ในดัชนี
Ticker Company Name
MMM 3M Corporation
AA Alcoa
AIG American Int'l Group
MO Altria (was Philip Morris)
AXP American Express
BA Boeing
CAT Caterpillar
C CitiGroup
KO Coca Cola
DD E.I. DuPont de Nemours
XOM Exxon Mobil
GE General Electric
GM General Motors
HPQ Hewlett-Packard
HD Home Depot
HON Honeywell
INTC Intel
IBM International Business Machines
JPM JP Morgan Chase
JNJ Johnson & Johnson
MCD McDonalds
MRK Merck
MSFT Microsoft
PFE Pfizer
PG Procter and Gamble
SBC SBC Communications
UTX United Technologies
VZ Verizon Communications
WMT Wal-Mart Stores
DIS Walt Disney
