สหรัฐอเมริกาลงทุนกว่าหมื่นล้านเหรียญ ในโครงการ Operation Warp Speed เพื่อเร่งค้นคว้าและผลิตวัคซีนเข้าสู่ตลาดภายในไม่เกินหนึ่งปี มี 11 บริษัทสามารถผ่านการทดสอบขั้นสุดท้ายขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) นับว่าเป็นความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์การแพทย์อย่างไม่คาดคิด วัคซีนสามยี่ห้อจากโครงการนี้กำลังใช้แพร่หลายอยู่ในอเมริกา และปริมาณผลิตปัจจุบันเกินกว่าความต้องการ
จากการสำรวจเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ชาวอเมริกันกว่า 72% อยากฉีดวัคซีน แต่ตัวเลขนี้ตกลงไปเหลือ 51% ในเดือนกันยายน และ 60% ในเดือนพฤศจิกายน โดย 39% บอกว่าจะไม่รับวัคซีนเด็ดขาด
ปัจจุบัน อเมริกาจัดฉีดวัคซีนแล้วกว่า 252 ล้านเข็ม โดยเฉลี่ยวันละประมาณ 2.09 ล้านเข็ม
ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนแล้ว 12,300 ล้านเข็ม กระจายไป 174 ประเทศ หรือประมาณ 19.4 ล้านเข็มต่อวัน ครอบคลุมประชากรโลก 8.1% แต่ 27ประเทศร่ำรวยที่มีประชากรประมาณ 10.5% ของโลก รับการฉีดไป 35.5%
เป้าหมายให้ถึงภูมิคุ้มกันหมู่ ตามหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ควรจะทำให้ได้ประมาณ 70% ขึ้นไป ในกรณีของอเมริกาหากสามารถเกลี้ยกล่อมประชาชนให้เห็นประโยชน์ และทำได้ต่อเนื่อง ก็จะถึงจุดนั้นภายในสี่เดือน แต่ประชาชนเริ่มลังเล สถานที่ฉีดวัคซีนในปัจจุบันต้องลดจำนวนพนักงานลง เนื่องจากมีผู้มาใช้บริการน้อย
รัฐจอร์เจียที่ผมอยู่ ประกาศเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามารับการฉีดวัคซีนแบบเข็มเดียว ยี่ห้อ J&J ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม โดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า แต่การตอบรับของประชาชนยังไม่เป็นที่น่าพอใจ
ปริมาณผลิตของวัคซีนยี่ห้อยอดนิยมทั้งสาม (Pfizer, Moderna, J&J) กำลังล้นตลาด และยังมีน้องใหม่อีกหลายยี่ห้อกำลังตามมา เช่น NOVAVAX, INOVIO etc. ซึ่งล้วนได้รับเงินช่วยเหลือวิจัยจากรัฐบาล แต่ทุกบริษัทก็หวังผลกำไร และวางแผนการตลาดเผื่อไว้ระยะยาว นักลงทุนในตลาดหุ้นก็เก็งกำไรกับบริษัทเหล่านี้ เพราะการระบาดอย่างรุนแรงทั่วโลกโดยเฉพาะการกลายพันธุ์ต่างๆ จะทำให้เกิดความต้องการวัคซีนต่อเนื่องไป
สัปดาห์นี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงในทำเนียบขาว ส่งสัญญาณชัดเจนตอบรับเสียงเรียกร้องจากนักการเมืองของพรรคเดโมแครต ให้ประธานาธิบดีใช้อำนาจออกคำสั่งยกเว้นการคุ้มครองสิทธิบัตร คือเปิดโอกาสให้ทุกบริษัทจากทุกประเทศ สามารถเอาส่วนผสมและกรรมวิธีของการผลิตวัคซีนที่ทำได้สำเร็จเหล่านี้ ไปทำด้วยตัวเอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ชาวโลกสามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ร่วมกันทันเวลา และเป็นการแสดงถึงความเป็นผู้นำของสหรัฐอเมริกา
ประเทศที่ร่ำรวยกว่าควรใช้โอกาสนี้ในการแสดงน้ำใจ หากมีวัคซีนเหลือใช้และปล่อยให้หมดอายุหรือดูแลเพียงประเทศที่มีพรมแดนติดกัน จะเป็นผลเสียระยะยาว ส่วนประเทศที่เป็นฝ่ายรับความช่วยเหลือก็ควรเตรียมพร้อมในการรับ วางแผนเรื่องการขนส่ง แสดงความสามารถในการแจกจ่ายวัคซีน ลดขั้นตอนของกฎระเบียบบางอย่างที่จะทำให้เกิดความล่าช้า อย่าประมาท นโยบายทำผิดพลาดไปแล้วก็ถือว่าเป็นบทเรียน รอบนี้เป็นโอกาสใหม่ให้แก้ตัว รัฐบาลที่ทำสัญญากับประชาชนไว้ แต่หากปฏิบัติไม่ได้ก็คงจะอยู่ไม่รอด
ประเทศที่กำลังรอวัคซีนด้วยใจจดจ่อ เวลาที่ผ่านไปและสถานการณ์อันตรายรุมเร้าในชุมชนใกล้ตัวเข้ามาทุกวัน ประกอบกับการกลายพันธุ์อีกหลายแบบ ซ้ำเติมความลำบากของการดำรงชีพ และความสับสนในการประสานงานแบ่งปันวัคซีนหรือวิธีการผลิตวัคซีนในประชาคมโลก การกระทบกระทั่งด้วยวาจาของผู้นำในแต่ละประเทศ แถมโดนกระพือกระจายข่าวโดยโซเชียลมีเดียต่างๆเหล่านี้ ยิ่งทำให้เกิดความหงุดหงิดในระดับผู้บริโภค
วัคซีนผลิตจากหลายประเทศทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะในอเมริกาเท่านั้น หากท่านมีโอกาสรับยี่ห้อใดก็ตามที่ทางการจัดให้ ผมแนะนำว่าท่านควรรับตามสิทธิ์ที่ได้ อย่ารอเลือกยี่ห้อ ถึงแม้ว่าเราจะมีข้อมูลละเอียดให้เปรียบเทียบมากมายซึ่งทำให้เราลังเล (ยกเว้นแพทย์จัดเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว)
วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่เราสามารถจะหาได้เร็วที่สุดครับ
จีนซึ่งใช้เฉพาะวัคซีนที่ผลิตเองในประเทศ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้และกลับมาสู่เศรษฐกิจเกือบปกติ ผู้นำจีนแทบทุกระดับรับการฉีดวัคซีนเป็นตัวอย่าง รัสเซียก็คล้ายกัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ในสหรัฐ ระบุว่าวัคซีนที่ต้องฉีดสองเข็มนั้นสามารถสลับยี่ห้อได้ และอาจมีประสิทธิภาพดีกว่าฉีดยี่ห้อเดียวกันซ้ำ ซึ่งหมายความว่าเมื่อรับฉีดวัคซีนเข็มที่หนึ่งตามความเหมาะสมของสถานการณ์แล้ว เข็มที่สองอาจจะเป็นยี่ห้อที่ท่านปรารถนาก็ได้ และในอนาคตหากมีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนอีกปีละหนึ่งครั้ง ความแพร่หลายของวัคซีนต่างยี่ห้อก็จะมีให้เลือกโดยสะดวก
ผมมั่นใจว่าวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยในปัจจุบัน มีมาตรฐานสูงและจะพัฒนาต่อไปอีก และเมื่อมีโอกาสใช้ส่วนผสมและกรรมวิธีของบริษัทชั้นนำทางตะวันตก ก็จะทำให้ความสามารถในการพึ่งตนเองของเราเกิดขึ้น และไทยอาจจะเป็นที่พึ่งของประเทศรอบข้าง ซึ่งกำลังพัฒนาระบบสาธารณสุขอยู่
การแสดงน้ำใจของประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกาเป็นนิมิตหมายอันดี สอดคล้องกับการรีบเร่งแบ่งปันวัคซีนจากรัสเซียและจีน ซึ่งจำเป็นมากสำหรับหลายประเทศที่ไม่มีทางเลือก เรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าชมเชย
ประเทศไทยได้รับคำชมเชยจากนานาชาติ เรื่องความสามารถในการหยุดยั้งการระบาดของโควิด-19 ในรอบที่แล้ว ครั้งนั้นไม่มีวัคซีน แต่ทำได้เนื่องจากความร่วมมือกันทุกระดับ ด้วยวินัยและความสามัคคี เสียสละอดกลั้นอดทน มาถึงรอบนี้การกลายพันธุ์ที่ทำให้การติดเชื้อเร็วขึ้น จึงทำให้ตัวเลขน่าวิตก แต่การที่เราทำได้ดีมากในรอบแรกและปัจจุบันมีวัคซีนบ้างแล้ว เชื่อว่าประสบการณ์รวมทั้งเครื่องมือใหม่จะเป็นตัวนำให้เราผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้อีกรอบหนึ่งอย่างแน่นอน
สหรัฐเจอบทเรียนสาหัสถึงขั้นเสียชีวิตกว่า 570,000 คน การติดเชื้อและการตายลดลงเนื่องจากมีวัคซีนเข้ามาช่วย แต่การระบาดยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ ผู้นำต้องการให้ 70% ของประชากรมีการฉีดวัคซีน อย่างน้อยคนละหนึ่งเข็ม ภายในวันที่ 4 กรกฎาคม ขวัญและกำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ อัตราว่างงานลดลง เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ดัชนีตลาดหุ้นเพิ่มเป็นประวัติการณ์
หากเทียบอเมริกากับไทย อเมริกาเดินทางผิดมานาน ผู้นำใหม่มาเปลี่ยนทิศทางให้ดีขึ้น ความเสียหายของอเมริกานั้นเทียบกับไทยไม่ได้เลย เรื่องนี้เป็นวินัยของประเทศในระยะยาว โครงสร้างสาธารณสุขของไทยมีแก่นที่แน่นมาก ผมจะไม่ประหลาดใจเลยหากอีกหนึ่งปีข้างหน้า อเมริกาที่ออกตัวแรงเร็วจะรับการฉีดวัคซีนประมาณ 50% ขณะที่ไทยซึ่งช้าหน่อยจะทำได้กว่า 70% ตามเป้าหมาย
ผมมั่นใจในฝีมือและกลยุทธ์ของผู้บริหารประเทศครับ และยิ่งกว่านั้นคือมั่นใจในวินัยและความเสียสละของประชาชน ความวิตกกังวลเรื่องความล่าช้าของวัคซีนนั้นเป็นสิ่งที่เราทุกคนเข้าใจ แต่ต้องอดทนต่อไปครับ ระหว่างที่รอก็ใช้โอกาสปรับปรุงกิจกรรมประจำวัน เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์และสมดุลมากขึ้น โลกชะลอลงเพื่อให้เราคิดด้วยสติ และลงทุนกับสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต ซึ่งก็คือสุขภาพที่ดี
วัคซีนดีที่สุด อยู่ไหน เมื่อไหร่จะมา/กฤษฎา บุญเรือง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1593
- ผู้ติดตาม: 2
วัคซีนดีที่สุด อยู่ไหน เมื่อไหร่จะมา/กฤษฎา บุญเรือง
โพสต์ที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 100
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วัคซีนดีที่สุด อยู่ไหน เมื่อไหร่จะมา/กฤษฎา บุญเรือง
โพสต์ที่ 3
สรุปว่ามั่นใจในฝีมือและกลยุทธ์ของผู้บริหารประเทศยังไงครับ ในเมื่อกลยุทธ์ของผู้บริหารประเทศนั่นแหละที่พาเราย่ำแย่หนักในขณะนี้ เขาวางกลยุทธ์ให้เราพึ่งพาวัคซีนที่จะผลิตเองโดยยอมทอดเวลาการฉีดวัคซีนให้ยาวนานออกไป(ซึ่งเสียหายทางเศรษกิจมาก) ส่วนเรื่องฝีมือการบริหารนั้นคงไม่ต้องพูดถึง กลับไปกลับมามั่วซั่วไปหมด