03/08/2017.
สรุป “กลยุทธ์การลงทุนโดยดูธุรกิจของบริษัท”. ของบริษัทหลักทรัพย์ ASIA WEALTH SECURITIES COMPANY LIMITED.
คุณ สถาพร งามเรืองพงศ์ คุณชิณณ์ กิติภานุวัฒน์
การลงทุนนั้น โดยปัจจัยพื้นฐานนั้นที่ตลาดหลักทรัพย์ได้สอนเรามาจะมี 3 หัวข้อใหญ่ๆหลักคือ
1.การวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค (MACRO-ECONOMIC ANALYSIS).
2.การวิเคราะห์อุตสาหกรรม (INDUSTRY ANALYSIS).
3.การวิเคราะห์ธุรกิจตัวบริษัทที่เราจะลงทุน (COMPANY ANALYSIS).
อยากศึกษาเพิ่มเติมเปิดวาร์ปให้แล้วครับตามข้างล่าง COMMENT.
Ref.1
แต่อย่างไรก็ตามหลักจากสอบถามการลงทุนปัจจัยพื้นฐานนั้นโดยเราควรที่จะดูตัวเราเองก่อนว่าจริงๆแล้ว ในการที่เราจะลงทุนนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จไม่ได้เลยถ้าปัจจัยภายในเราไม่พร้อมดังนั้นปัจจัยภายในไม่พร้อมประกอบอะไรบ้างหลักๆคือ
1.การวางแผนทางการเงิน (FINANCIAL PLANNING). ตัวอย่างเช่น อย่าเพิ่งรีบมีภาระทางการเงิน สมัยก่อน ทำงานเงินเดือน 50K.นำเงินไปผ่อนรถยุโรปรถยี่ห้อสามแฉก ไปเที่ยว กินเหล้า ทำให้การวางแผนทางการเงินไม่สามารถทบต้นทบดอกได้ เพราะอันนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญ
ถ้าอยู่ในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัวต้องรู้จักวางแผนที่ทำให้เงินทบต้นทบดอกสูงไปได้เรื่อยๆ
ถ้าไปถึงจุด FINANCIAL FREEDOM ถ้าคุณกำลังหมดไฟ ต้องคิดว่าไฟที่เราจะเรียนรู้นั้น ไฟที่จะหาเงิน ทำยังไงไม่ให้ไฟมอด
2.ความรู้ อาจจะได้เงินมาจากมรดกพ่อแม่มามากๆ แต่ขาดความรู้ความเข้าใจในการลงทุน ซึ่งในสมัยปัจจุบันทุกวันนี้เราทำการ SEARCH จาก YOUTUBE. เราแทบจะรู้หมด ยกตัวอย่างเช่น DISRUPTION TECHNOLOGY, SUPPLY CHAIN MANAGEMENT, VALUE CHAIN PROPOSITION, STAGE GROWTH. ETC. นั้นซึ่งสามารถทำให้เราเข้าใจเรื่องการลงุทนแต่อย่างไรก็ตามแต่ ถ้าเรานั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปลงทุนที่ไม่เกี่ยวกับการลงทุน สุดท้ายเราจะไม่ได้อะไรเลย
สุดท้ายสิ่งสำคัญหัวใจสำคัญ
3.จิตใจนักลงทุน เราเอาโอวาทปาติโมกข์มาใช้ อย่างเช่น
อยากศึกษาเพิ่มเติมเปิดวาร์ปให้แล้วครับตามข้างล่าง COMMENT.
Ref.2
3.1สพพฺปาปสฺส อกรณํ(สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง) การไม่ทำความชั่วทั้วปวง
ในมุมมองนักลงทุนส่วนใหญ่บางครั้งอาจจะหลง ลงทุนไปซักพัก เดิมใช้สติปัญญาในการลงทุน เริ่มใช้หูลงทุนเริ่มจากการฟัง จากคนอื่น การไปเล่นหุ้นปั่น การเล่นหุ้นเก็งกำไร การที่ไปหวังผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว การคิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องง่าย การหาเงินเป็นเรื่องที่ง่าย เป็นความคิดที่ทำให้เกิดผิดพลาดได้ ควรมีวินัยใน MINDSET.
3.2 กุสลสฺสูปสมฺปทา (กุสะลัสสูปะสัมปะทา) การทำกุศลให้ถึงพร้อม ทำแต่ความดี
การปล่อยว่างสูงขึ้น การทำให้การตัดสินใจที่ทำให้ได้เงินให้ได้เร็วๆให้ได้มากๆ แค่ได้กำไรระดับพอเพียงอยู่ได้ที่เหลือทำบุญระดับหนึ่งก็เพียงพอ
การทำหน้าที่ของนักลงทุนที่ดี เป็นการทำกุศลอย่างหนึ่ง อย่างเช่น ทำไมถึงคุณซื้อหุ้น ดีอย่างไร ต่อไปจะเป็นอย่างไร บางครั้งไปเจอหุ้นที่ดี แต่ถือไม่ได้เพราะความรู้ความเข้าใจไม่ดีพอ เพราะทำหน้าที่ไม่ดีพอ การเข้าไปศึกษา เข้าไปลงลายละเอียดใน DETAIL เปรียบประหนึ่งเหมือนเป็นเจ้าของกิจการนั้น
3.3 สจิตฺตปริโยทปนฺ(สะจิตตะปะริโยทะปะนัง) การชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส
ซึ่งประกอบไปด้วย โลภะ โทสะ โมหะ
นักลงทุนส่วนใหญ่หลักเริ่มต้นจะอยู่ในโทสะ ไม่อยากที่จะขาดทุน เราไม่ต้องการสภาวะนี้
กระบวนการลงทุนจะขาดทุนประมาณนี้ ไม่เดือดร้อน เราจะไม่ถูกโทสะครอบงำ และเราได้เตรียมแผนการไว้แล้ว
โลภะ เราอยากได้กำไรเร็วๆ เราเจอหุ้น 2 ปี ขึ้นไป 100% มีเพื่อนมาสะกิด ไม่กี่เดือนได้หลายร้อยเปอร์เซ็นต์
คุณทำให้ตัวโลภะทำงานแทนสติปัญญาของคุณ
โมหะ เราจะเชื่อนึกเสมอว่าตัวเราเป็นของเรา ร่างกายเป็นของเรา เงินทองที่หามาได้เป็นของเรา พอมันเป็นของๆเรา ซึ่งมันทำให้เกิดโลภะ โทสะ ตามมา
ปัจจัยด้านจิตใจสำคัญที่สุด
ถ้าเราจะเลือกซื้อหุ้นซักตัวหนึ่งเราจะดูปัจจัยทางธุรกิจอย่างไร?
*ธุรกิจจริงๆแล้วเดินได้ด้วยผู้บริหารและเจ้าของกิจการ จะดีจะร้ายขึ้นอยู่กับผู้บริหารและกิจการแทบจะเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ ยกตัวอย่าง อย่างเช่น ผู้บริหารเจ้าไม่คิดที่จะทำ PROJECT ต่อไป แค่เค้าไม่ทำงาน
ยกตัวอย่างเช่น มีเพื่อนมาชวนหุ้นกัน ผมมี PROJECT อยากชวนไปลงทุน PROJECT นี้ผลตอบแทนดีแน่นอน คำถามคือ
1.มูลค่าที่ต้องลงหรือไม่
2.มองที่ PROJECT หรือไม่ สิ่งแรกที่ควรมองคือ คนที่มาชวนชื่ออะไร เขาเป็นใคร ที่ผ่านมาทำตัวแบบไหน อายุเท่าไร นิสัยอย่างไร อยากได้ผู้บริหารองค์กรที่อายุไม่มากนัก ยังมีไฟในการทำงาน
ที่ผ่านเขาไม่มีประวัติว่าพูดอะไรแล้วมันไม่เป็นไปตามนั้นอย่างไม่มีเหตุมีผล
3.ผู้บริหารเก่งไหม ความคิดทันสมัยไหม ในยุคนี้ ผู้บริหารต้องสร้าง NEW S-CURVE ใหม่เรื่อยๆ มี DISRUPTION ตลอดเวลา ถ้าผู้บริหารไม่มีความคิดที่จะลงทุนกับสติปัญญาตัวเอง ทำธุรกิจเดิมๆ แบบว่ายังอาศัยรูปแบบ BUSINESS เดิมๆ ไม่ได้คอยสำรวจว่ากิจการแย่ลง อย่างนี้เราจะรู้สึกว่าวันใดวันหนึ่ง หุ้นตัวนี้ จะทำธุรกิจล้าสมัย
1.ดูเศรษฐกิจว่าในพื้นที่ที่เขาหากินว่าดีหรือไม่ดี
2.ดูอุตสาหกรรมว่าแข่งขันสูงหรือไม่สูง ตัวธุรกิจมี MARGIN ดีหรือมี MARGIN ต่ำ
การดูธุรกิจในฐานะที่เป็นนักลงทุนที่จะสำเร็จได้ดี คุณจะต้องแทบเข้าใจอย่างลึกซึ้งพอๆอย่างกับเจ้าของ แบบแทบจะพูดได้ว่า หุ้นตัวนี้แทบจะตัดสินใจจะเกิดขึ้นอะไรในอนาคต
ต้องมีส่วนเผื่อเหลือเผื่อขาดอย่างเช่นสมมุติหุ้นนี้มีการเติบโตอยู่ใน STAGE การเติบโต มีความเสี่ยงที่จะขายของไม่ได้ ภายในเดือนสองเดือน เป็นธุรกิจหมุนเวียนได้เร็ว FASHION การลงทุนเราต้องควรจะลงทุนเผื่อเหลือเผื่อขาดเช่นกัน
การลงทุนในกิจการหนึ่งอย่างน้อยๆใน 2-3 ปี เราควรจะพอควรจะตอบได้ว่าเราจะน่าเห็นงบการเงินเป็นอย่างไร
มีกำไรเท่าไร มีการเติบโต มีการประมาณไหม มี MARGIN เท่าไร ตั้ง ASSUMPTION ที่มีเหตุมีผล
เพราะฉะนั้น
การลงทุนที่ดีมากๆนั้น ต้องพอประมาณการณ์ว่า 2-3 ปีจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีที่เปลี่ยนแปลงไปกว่านี้ จะทำ SCENARIO หลายเหตุการณ์หลักๆ หลายๆ SCENARIO อย่างเช่น ถ้าลูกค้า ถอนจอง ถ้าลูกค้าไม่โอนจะเกิดอะไรขึ้น เราจะมี RANGE ของผลประกอบการณ์ในใจว่าหุ้นที่เราตรงนี้มันรับได้กับ RANGE นั้น ยกตัวอย่างเรื่อง PE BAND.
สุดท้ายที่ หุ้นที่ชอบคือหุ้นที่ชอบเป็นลักษณะ B2C เป็นหลัก BUSINESS TO CUSTOMER เป็นธุรกิจที่มี HIGH-MARGIN มีความต่างระหว่างผู้ประกอบการและผู้บริโภค ค่อนข้างสูง เมื่อเศรษฐกิจดี เวลาขายของได้มาก ทำให้ SG&A ไม่ค่อยขยับ มันทำให้ กำไรบริษัทเติบโตได้สูง
อยากศึกษาเพิ่มเติมเปิดวาร์ปให้แล้วครับตามข้างล่าง COMMENT.
Ref.3
บริษัทที่เราจะลงทุนว่ามันอยู่ช่วงไหนในการเติบโต อย่างเช่น ซื้อหุ้นอยู่ในช่วง STABLE ทำให้เราลงทุนไม่ MATCHING. กัน ดังนั้นเราควรที่จะพยายามหาหุ้นใหม่ๆ ที่กำลังลงทุนไประดับหนึ่งแล้ว กำลังเริ่มเก็บเกี่ยว สิ่งเหล่านี้ตลาดยังมองไม่เห็น จะทำให้เราสามารถได้ตอบแทนเหนือตลาดได้
อยากศึกษาเพิ่มเติมเปิดวาร์ปให้แล้วครับตามข้างล่าง COMMENT.
Ref.4
คุณฮงมีโอกาสคุยกับรุ่นน้อง ตอนเริ่มลงทุน ช่วงแรกๆอ่านวันละ 8-9 ชั่วโมง
ผมสรุปเรื่องที่คุณฮงได้สอนว่าถ้าเราลงทุนกับตัวเองจริงๆแล้ว สุดท้ายแล้วมันจะเกินค่ากว่าในระยะยาว
ประเด็นหลักที่คุณฮงจะแชร์คือเรื่องที่คุณชิน ได้แชร์เรื่อง การดูผู้บริหาร เขาเป็นคนยังไง ยังไม่ต้องไปฟังว่าเขาเสนออะไร
ยกตัวอย่าง อย่างเช่นตอนเด็กเวลาเล่นไพ่กับเพื่อน มีคนชอบมาดูเรา แอบดู ซึ่งบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยได้
ในส่วนของคำถาม ผมได้ถามคุณชิณณ์ ว่าเราจะมีวิธีการสังเกตผู้บริหารว่าทำงานหรือไม่ทำงาน ลักษณะของผู้บริหาร
คำตอบ คือการไป งาน OPPORTUNITY DAY. , งาน ประชุมประจำปี ANNUAL GENERAL MEETING.
สินค้าและบริการที่เราเข้าถึงได้ แล้วเราจะสังเกตผู้บริหารว่าเก่งหรือไม่เก่ง เราต้องสังเกตความคิด มุมมอง.
ในส่วนการสรุปเพิ่มเติม ดูของคุณอมร Seminar knowledge by Amorn ควบคู่ได้เลยนะครับ
From Nook Nuke.
ปล.สุดท้ายต้องขอขอบพระคุณ บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด และ คุณ สถาพร งามเรืองพงศ์ คุณชิณณ์ กิติภานุวัฒน์ มากๆครับผม
Ref.1. https://www.set.or.th/education/th/begi ... tent04.pdf
Ref.2.https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82 ... 2%E0%B9%8C
Ref.3. http://www.investopedia.com/terms/b/btoc.asp
Ref.4. http://www.investopedia.com/terms/i/ind ... alysis.asp
สรุปกลยุทธ์การลงทุนโดยดูธุรกิจของบริษัท จัดโดย ASIA WEALTH.
-
- Verified User
- โพสต์: 397
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปกลยุทธ์การลงทุนโดยดูธุรกิจของบริษัท จัดโดย ASIA WEALTH.
โพสต์ที่ 1
Re: สรุปกลยุทธ์การลงทุนโดยดูธุรกิจของบริษัท จัดโดย ASIA WEALTH.
โพสต์ที่ 2
เนื้อหามีประโยชน์มากครับ คิดว่า เนื้อหาข้อมูลการลงทุนที่เป็นหลักการเช่นนี้ ใช้ได้ทุกยุคสมัยครับ ขอบคุณครับ อิอิ ขุดให้เพื่อนๆนักลงทุนได้อ่านกันครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 397
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปกลยุทธ์การลงทุนโดยดูธุรกิจของบริษัท จัดโดย ASIA WEALTH.
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณมากๆนะครับผม คุณ A10026.