ขอความรู้เรื่องของราคาหุ้นค่ะ

[penpha]

หุ้นที่มีราคาแพงๆ มักจะมีการขายและซื้อต่อวันเยอะๆ อันนี้เกิดจากการที่นักเก็งกำไรเข้าช้อนซื้อและเทขายกันใช่ไหมคะ เหมือนการปั่นหุ้นหรือเปล่าคะ

แล้วสำหรับนักลงทุนแบบ VI จะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ราคาหุ้นดูนิ่งๆ แต่มีปันผลดีแบบนี้ถือว่าดีหรือเปล่าคะ แล้วอย่างค่า PE ที่เราเห็นของแต่ละบริษัทเชื่อได้ไหมคะว่าเป็นค่านั้นจริงๆ (หรือควรคำนวณเองดูค่ะ)

รบกวนพี่ๆเพื่อนๆนักลงทุนแชร์ความรู้กันได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ

[FarmSabuy]

หุ้นที่มีราคาแพงๆ มักจะมีการขายและซื้อต่อวันเยอะๆ อันนี้เกิดจากการที่นักเก็งกำไรเข้าช้อนซื้อและเทขายกันใช่ไหมคะ เหมือนการปั่นหุ้นหรือเปล่าคะ

แล้วสำหรับนักลงทุนแบบ VI จะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ราคาหุ้นดูนิ่งๆ แต่มีปันผลดีแบบนี้ถือว่าดีหรือเปล่าคะ แล้วอย่างค่า PE ที่เราเห็นของแต่ละบริษัทเชื่อได้ไหมคะว่าเป็นค่านั้นจริงๆ (หรือควรคำนวณเองดูค่ะ)

รบกวนพี่ๆเพื่อนๆนักลงทุนแชร์ความรู้กันได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ

ถ้าหุ้นที่มีพื้นฐานดี ราคาอาจจะขยับช้าๆ มอง 2-3 เดือนอาจจะไม่ออกนะครับ แต่ถ้าพื้นฐานดีจริงผมว่า 2-3 ปี ราคาต้องขยับให้เห็นชัดเจนทีละนิดบ้างนะครับ

ยกเว้นแต่กิจการเค้าจะมีโปรเจคขยายการลงทุน ต่อยอดไปอีก ทำให้ใช้เงินลงทุนและระยะเวลาการคืนทุนเพื่อทำกำไรกลับคืนมา อาจทำให้ส่งผลต่อราคาหุ้นด้วยหรือไม่ อันนี้เดี๋ยวรอพี่ๆในบอร์ดมาช่วยกันตอบอีกทีนะครับ

ขอบคุณครับ

[dojii]

แล้วอย่างค่า PE ที่เราเห็นของแต่ละบริษัทเชื่อได้ไหมคะว่าเป็นค่านั้นจริงๆ (หรือควรคำนวณเองดูค่ะ)

P/E ที่เราเห็นเป็นค่านั้นจริงๆ ที่รวมกำไรทั้งปกติและกำไรพิเศษเข้าไปครับ รวมถึงเป็น P/E ย้อนหลังซึ่งเกิดขึ้นแล้ว ส่วน P/E ที่น่าจะใช้คิดว่าเป็น Forward P/E ที่เราควรคำนวณเองครับ

[syj]

หุ้นที่มีราคาแพงๆ มักจะมีการขายและซื้อต่อวันเยอะๆ อันนี้เกิดจากการที่นักเก็งกำไรเข้าช้อนซื้อและเทขายกันใช่ไหมคะ เหมือนการปั่นหุ้นหรือเปล่าคะ

แล้วสำหรับนักลงทุนแบบ VI จะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ราคาหุ้นดูนิ่งๆ แต่มีปันผลดีแบบนี้ถือว่าดีหรือเปล่าคะ แล้วอย่างค่า PE ที่เราเห็นของแต่ละบริษัทเชื่อได้ไหมคะว่าเป็นค่านั้นจริงๆ (หรือควรคำนวณเองดูค่ะ)

รบกวนพี่ๆเพื่อนๆนักลงทุนแชร์ความรู้กันได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ

"Price is What You Pay, Value is What You Get"
ครับ ราคาคือสิ่งที่เราจ่าย(เงิน)ซื้อ แต่คุณค่าคือสิ่งที่เราได้รับ

หุ้นราคาถูกหรือแพง ไม่ได้อยู่ที่ราคาครับ หุ้นราคาสูงๆ (คือ
ราคาต่อหุ้นสูงๆ) อาจจะเป็นหุ้นที่ไม่แพง หรือถูกก็ได้ ถ้ายัง
ต่ำกว่า มูลค่า(คุณค่า)ของหุ้นตัวนั้นๆ (ซึ่งในที่นี้หมายถึง บริษัท
หรือกิจการ ที่แทนด้วย ตัวย่อชื่อของหุ้น)

โดยมาก PE (Price Earning Ratio) เป็นตัวเลขอัตราส่วนที่ใช้กัน
ในการประเมินความถูกแพงของหุ้น หรือกิจการ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น
ต้องดูอย่างอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น เป็นกิจการประเภทใด อาทิกิจการ
ที่เป็นวัฎจักรอาจดู PE ณ ขณะนั้นๆ ว่าถูกแพงไม่ได้ กิจการที่มีกำไร
พิเศษ เช่นขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ การดำเนินงานหลักๆ ได้ ก็ต้องมีการ
ปรับค่าคำนวณกันใหม่ แต่ละอุตสาหกรรม และ แต่ละช่วงเวลา
PE ที่ถูกหรือแพง ก็แตกต่างกันครับ ค่านี้ดูไม่ยาก แต่ต้องมี "ศิลป์"
ประกอบการใช้งาน

อีกค่าหนึ่งที่(เคย)นิยมใช้ในยุคแรกๆ ของ VI ปัจจุบันก็อาจจะใช้ประกอบได้
คือ PBV หรือ Price per Book Value สมัยเริ่มยุค VI ก็ใช้ค่านี้ในการ
ค้นหา หุ้นถูก ที่มีมูลค่าที่แท้จริง สูงกว่า ราคาในตลาด ได้ ปัจจุบัน
หุ้นธนาคารไทย และอีกหลายประเทศ มักจะมี PBV น้อยกว่า 1 เท่า แต่
อาจจะไม่ถูก ก็ได้ในสถานการณ์ทีี่คาดเดาอนาคตไม่ค่อยจะได้ หุ้นอสังหา
หลายบริษัท ก็มี PBV ต่ำกว่าหนึ่ง ก็อาจจะไม่ถูกก็ได้ครับ

อีกตัวเลขหนึ่งที่มีการใช้กันบ่อยๆ คือ PEG (Price Earning Growth Ratio)
เอาไว้เป็นการบ้านให้ จขกท ก็แล้วกันครับ

[penpha]

ขอบคุณทุกท่านนะคะ ที่แขร์และให้ความรู้ดีๆค่ะ

[AnieLee]

หุ้นที่มีราคาแพงๆ มักจะมีการขายและซื้อต่อวันเยอะๆ อันนี้เกิดจากการที่นักเก็งกำไรเข้าช้อนซื้อและเทขายกันใช่ไหมคะ เหมือนการปั่นหุ้นหรือเปล่าคะ

แล้วสำหรับนักลงทุนแบบ VI จะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ราคาหุ้นดูนิ่งๆ แต่มีปันผลดีแบบนี้ถือว่าดีหรือเปล่าคะ แล้วอย่างค่า PE ที่เราเห็นของแต่ละบริษัทเชื่อได้ไหมคะว่าเป็นค่านั้นจริงๆ (หรือควรคำนวณเองดูค่ะ)

รบกวนพี่ๆเพื่อนๆนักลงทุนแชร์ความรู้กันได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ

นิยามคำว่า "หุ้นที่มีราคาแพง/หุ้นที่มีราคาถูก" เราควรเทียบราคาหุ้นในปัจจุบันกับมูลค่าหุ้นในอนาคตครับ สำหรับการซื้อ-ขายในตลาดต่อวันเยอะๆ นั้น อาจเป็นได้ทั้งการเก็งกำไร/การลงทุนก็ได้ เพราะมุมมองของนักลงทุนที่แตกต่างกันไป (ไม่อาจจะสรุปได้หมดว่า เป็นหุ้นปั่น) บางครั้งก็อาจมีเจ้ามือคอยดูแลก็ได้ หรือบางทีกิจการนั้น นลท ให้คุณค่ามากในอนาคตก็เป็นไปได้ทั้งนั้น สิ่งที่เราควรทำในการพิจารณาความถูกแพงของราคาหุ้นคือ ประเมินมูลค่าหุ้นด้วยตนเอง และต้องเข้าใจด้วยว่า มูลค่าหุ้นเป็น Dynamic นั่นคือ มูลค่าจะเปลี่ยนไปตลอดตามพื้นฐาน/ปัจจัยต่างๆในอนาคต มูลค่าปีนี้ อาจมากหรือน้อยกว่าปีหน้า แต่ในปีต่อๆ ไป ก็อาจมากหรือน้อยกว่าปีหน้าอีกก็ได้

ส่วนเรื่อง นักลงทุนวีไอ ก็ต้องเข้าใจคำนิยามของคำนี้ก่อนเช่นกัน จากคำถามที่ถามมา ผมว่า ยังไม่เข้าใจนิยามเพียงพอครับ เอาง่ายๆ คำว่า Value Investing หรือที่เราเรียกกันว่า VI นั้น ก็บอกชัดเจนครับว่า ลงทุนแนวมูลค่า นั่นคือ การมองมูลค่าของบริษัทเป็นหลัก ไม่มีเรื่องของเวลาถือครองหรือปันผลเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เรื่องของเวลาจะเกี่ยวทางอ้อมก็ตรงที่ Value มันคือ Dynamic ตราบใดที่กิจการดีต่อเรื่องๆ มูลค่าหุ้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การถือนาน ย่อมได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการถือสั้นๆ ส่วนเรื่องปันผล ก็เป็นลักษณะผลพลอยได้ที่เป็นกระแสเงินสดระหว่างการถือครองหุ้น เพราะถ้าเราถือหุ้นในระยะเวลาหนึ่ง เงินปันผลก็มาช่วยให้เรามีกระแสเงินสดหมุนเวียนได้บ้าง สิ่งที่จะสื่อตรงนี้ เพื่อจะบอกว่า Value Investing ไม่จำเป็นต้องจำกัดความที่คุณบอกมา (หุ้นที่มีพื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ราคาหุ้นดูนิ่งๆ แต่มีปันผลดี) ตราบใดที่เรามองว่า ราคาหุ้นซื้อขายกันต่ำกว่ามูลค่าหุ้นในอนาคต และเราไปลงทุนหุ้นนั้น ไม่ว่าจะถือยาวหรือถือสั้น พื้นฐานดีหรือไม่ดี ล้วนเป็นการลงทุนแบบ Value Investing ทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม การเลือกหุ้น ควรเลือกหุ้นที่มี Business Model ที่ดี ก็ได้เปรียบกว่าหุ้นที่มี Business Model ไม่ดี ส่วนราคาหุ้นที่จะลงทุน แน่นอน ย่อมต้องมองว่า อนาคตมูลค่าหุ้นมากกว่าที่เราซื้อครับ

สำหรับ P/E ที่เราเห็นจาก SET.or.th หรือจาก Streaming หรือแหล่งต่างๆ ที่อ้างอิง มักเป็น Trailing P/E นั่นคือ P/E ในอดีต โดยเทียบราคาหุ้นปัจจุบันกับกำไรที่เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่ควรเอามาใช้ในการอ้างอิงว่า หุ้นแพงหรือหุ้นถูก เราควรคำนวณมูลค่าหุ้นด้วยตนเอง ด้วยการมองกำไรในอนาคต และมาเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบัน จึงสามารถสรุปได้ว่า ราคาหุ้นในปัจจุบันแพงหรือถูก เมื่อเทียบมูลค่าในอนาคตครับ ส่วนการคำนวณหามูลค่าหุ้น มีหลากหลายวิธีมาก ก็ขึ้นกับความถนัดและความเข้าใจ ที่ง่ายสุดก็เป็น p/e แต่ก็ต้องเข้าใจการให้ค่า p/e ในกิจการแต่ละตัวด้วย บางบริษัทก็อาจไม่เหมาะที่จะใช้ p/e ก็มีเช่นกันครับ

[penpha]

นิยามคำว่า "หุ้นที่มีราคาแพง/หุ้นที่มีราคาถูก" เราควรเทียบราคาหุ้นในปัจจุบันกับมูลค่าหุ้นในอนาคตครับ สำหรับการซื้อ-ขายในตลาดต่อวันเยอะๆ นั้น อาจเป็นได้ทั้งการเก็งกำไร/การลงทุนก็ได้ เพราะมุมมองของนักลงทุนที่แตกต่างกันไป (ไม่อาจจะสรุปได้หมดว่า เป็นหุ้นปั่น) บางครั้งก็อาจมีเจ้ามือคอยดูแลก็ได้ หรือบางทีกิจการนั้น นลท ให้คุณค่ามากในอนาคตก็เป็นไปได้ทั้งนั้น สิ่งที่เราควรทำในการพิจารณาความถูกแพงของราคาหุ้นคือ ประเมินมูลค่าหุ้นด้วยตนเอง และต้องเข้าใจด้วยว่า มูลค่าหุ้นเป็น Dynamic นั่นคือ มูลค่าจะเปลี่ยนไปตลอดตามพื้นฐาน/ปัจจัยต่างๆในอนาคต มูลค่าปีนี้ อาจมากหรือน้อยกว่าปีหน้า แต่ในปีต่อๆ ไป ก็อาจมากหรือน้อยกว่าปีหน้าอีกก็ได้

ส่วนเรื่อง นักลงทุนวีไอ ก็ต้องเข้าใจคำนิยามของคำนี้ก่อนเช่นกัน จากคำถามที่ถามมา ผมว่า ยังไม่เข้าใจนิยามเพียงพอครับ เอาง่ายๆ คำว่า Value Investing หรือที่เราเรียกกันว่า VI นั้น ก็บอกชัดเจนครับว่า ลงทุนแนวมูลค่า นั่นคือ การมองมูลค่าของบริษัทเป็นหลัก ไม่มีเรื่องของเวลาถือครองหรือปันผลเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เรื่องของเวลาจะเกี่ยวทางอ้อมก็ตรงที่ Value มันคือ Dynamic ตราบใดที่กิจการดีต่อเรื่องๆ มูลค่าหุ้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การถือนาน ย่อมได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการถือสั้นๆ ส่วนเรื่องปันผล ก็เป็นลักษณะผลพลอยได้ที่เป็นกระแสเงินสดระหว่างการถือครองหุ้น เพราะถ้าเราถือหุ้นในระยะเวลาหนึ่ง เงินปันผลก็มาช่วยให้เรามีกระแสเงินสดหมุนเวียนได้บ้าง สิ่งที่จะสื่อตรงนี้ เพื่อจะบอกว่า Value Investing ไม่จำเป็นต้องจำกัดความที่คุณบอกมา (หุ้นที่มีพื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ราคาหุ้นดูนิ่งๆ แต่มีปันผลดี) ตราบใดที่เรามองว่า ราคาหุ้นซื้อขายกันต่ำกว่ามูลค่าหุ้นในอนาคต และเราไปลงทุนหุ้นนั้น ไม่ว่าจะถือยาวหรือถือสั้น พื้นฐานดีหรือไม่ดี ล้วนเป็นการลงทุนแบบ Value Investing ทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม การเลือกหุ้น ควรเลือกหุ้นที่มี Business Model ที่ดี ก็ได้เปรียบกว่าหุ้นที่มี Business Model ไม่ดี ส่วนราคาหุ้นที่จะลงทุน แน่นอน ย่อมต้องมองว่า อนาคตมูลค่าหุ้นมากกว่าที่เราซื้อครับ

สำหรับ P/E ที่เราเห็นจาก SET.or.th หรือจาก Streaming หรือแหล่งต่างๆ ที่อ้างอิง มักเป็น Trailing P/E นั่นคือ P/E ในอดีต โดยเทียบราคาหุ้นปัจจุบันกับกำไรที่เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่ควรเอามาใช้ในการอ้างอิงว่า หุ้นแพงหรือหุ้นถูก เราควรคำนวณมูลค่าหุ้นด้วยตนเอง ด้วยการมองกำไรในอนาคต และมาเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบัน จึงสามารถสรุปได้ว่า ราคาหุ้นในปัจจุบันแพงหรือถูก เมื่อเทียบมูลค่าในอนาคตครับ ส่วนการคำนวณหามูลค่าหุ้น มีหลากหลายวิธีมาก ก็ขึ้นกับความถนัดและความเข้าใจ ที่ง่ายสุดก็เป็น p/e แต่ก็ต้องเข้าใจการให้ค่า p/e ในกิจการแต่ละตัวด้วย บางบริษัทก็อาจไม่เหมาะที่จะใช้ p/e ก็มีเช่นกันครับ

ขอบคุณมากๆค่ะ ที่ให้ความรู้ดีๆค่ะ

[tono106]

จากคำถาม ผมว่า ลองหาหนังสือเกี่ยวกับ VI อ่านเยอะๆก่อนน่าจะดีกว่านะครับ
ดีกว่า เสียค่าความรู้ในตลาดด้วยเงินจริง

หุ้นที่มีราคาแพงๆ มักจะมีการขายและซื้อต่อวันเยอะๆ อันนี้เกิดจากการที่นักเก็งกำไรเข้าช้อนซื้อและเทขายกันใช่ไหมคะ เหมือนการปั่นหุ้นหรือเปล่าคะ
- หุ้นราคาแพงๆ คือ แพง หมายถึง ราคาต่อหุันสูงรึเปล่า
ขายและซื้อต่อวันเยอะๆ ถ้าเขาซื้อเยอะๆทุกวัน อาจจะหมายถึงพวก SET50 / SET 100 รึเปล่าครับ
ปกติการเก็งกำไร จะมีการซื้อขายมากกว่า ปริมาณเฉลี่ยต่อวันสูงมาก ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่การปั่นหุ้นทุกกรณีเล่นตามข่าวที่เข้ามาในวันนั้น

แล้วสำหรับนักลงทุนแบบ VI จะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ราคาหุ้นดูนิ่งๆ แต่มีปันผลดีแบบนี้ถือว่าดีหรือเปล่าคะ แล้วอย่างค่า PE ที่เราเห็นของแต่ละบริษัทเชื่อได้ไหมคะว่าเป็นค่านั้นจริงๆ (หรือควรคำนวณเองดูค่ะ)

พื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ถ้าราคาหุ้นนิ่งๆ แต่ปันผลดีถือว่าดีไหม
- ถ้าพื้นฐานดีจริง ปันผลดีต่อเนื่อง การขยายตัวต่อเนื่อง ราคามักไม่นิ่งๆ เพราะทุกคนเห็นเหมือนกัน ราคาน่าจะขึ้น
- ถ้าราคานิ่งๆ อาจจจะแปลว่า คนส่วนใหญ่ในตลาดเห็นบางด้านที่ไม่ดี จึงไม่กล้าซื้อในราคาที่แพงมาก
- ปันผลดี ไม่แน่ใจว่า ได้ดูประวัติปันผลย้อนหลังไปกี่ปีว่า ดีจริงไหม เช็ค 10 ปีก็ดี มีโครงการอะไรที่เขาต้องลงทุนเพิ่มรึเปล่า แล้วยังคิดว่าจะผลประกอบการดี ปันผลดีต่อไปอีกนานไหมครับ

PE ก็จริงทั้งนั้นครับ เพียงแต่มีวิธีคิดหลายแบบอย่างน้อยก็ trailing PE, หรือ Forward PE
PE ที่เห็นก็ไม่แน่ใจว่าเห็นที่ไหน ถ้าเห็นในบทวิเคราะห์ ก็ควรอ่านสมมุติฐานของเขาก่อนว่า เขาคิดอย่างไร และเชื่อในหลักคิดของเขาไหม ถ้าเราสนใจจะซื้อจริงๆ ก็ควรคำนวณเองครับ

[penpha]

จากคำถาม ผมว่า ลองหาหนังสือเกี่ยวกับ VI อ่านเยอะๆก่อนน่าจะดีกว่านะครับ
ดีกว่า เสียค่าความรู้ในตลาดด้วยเงินจริง

หุ้นที่มีราคาแพงๆ มักจะมีการขายและซื้อต่อวันเยอะๆ อันนี้เกิดจากการที่นักเก็งกำไรเข้าช้อนซื้อและเทขายกันใช่ไหมคะ เหมือนการปั่นหุ้นหรือเปล่าคะ
- หุ้นราคาแพงๆ คือ แพง หมายถึง ราคาต่อหุันสูงรึเปล่า
ขายและซื้อต่อวันเยอะๆ ถ้าเขาซื้อเยอะๆทุกวัน อาจจะหมายถึงพวก SET50 / SET 100 รึเปล่าครับ
ปกติการเก็งกำไร จะมีการซื้อขายมากกว่า ปริมาณเฉลี่ยต่อวันสูงมาก ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่การปั่นหุ้นทุกกรณีเล่นตามข่าวที่เข้ามาในวันนั้น

แล้วสำหรับนักลงทุนแบบ VI จะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ราคาหุ้นดูนิ่งๆ แต่มีปันผลดีแบบนี้ถือว่าดีหรือเปล่าคะ แล้วอย่างค่า PE ที่เราเห็นของแต่ละบริษัทเชื่อได้ไหมคะว่าเป็นค่านั้นจริงๆ (หรือควรคำนวณเองดูค่ะ)

พื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ถ้าราคาหุ้นนิ่งๆ แต่ปันผลดีถือว่าดีไหม
- ถ้าพื้นฐานดีจริง ปันผลดีต่อเนื่อง การขยายตัวต่อเนื่อง ราคามักไม่นิ่งๆ เพราะทุกคนเห็นเหมือนกัน ราคาน่าจะขึ้น
- ถ้าราคานิ่งๆ อาจจจะแปลว่า คนส่วนใหญ่ในตลาดเห็นบางด้านที่ไม่ดี จึงไม่กล้าซื้อในราคาที่แพงมาก
- ปันผลดี ไม่แน่ใจว่า ได้ดูประวัติปันผลย้อนหลังไปกี่ปีว่า ดีจริงไหม เช็ค 10 ปีก็ดี มีโครงการอะไรที่เขาต้องลงทุนเพิ่มรึเปล่า แล้วยังคิดว่าจะผลประกอบการดี ปันผลดีต่อไปอีกนานไหมครับ

PE ก็จริงทั้งนั้นครับ เพียงแต่มีวิธีคิดหลายแบบอย่างน้อยก็ trailing PE, หรือ Forward PE
PE ที่เห็นก็ไม่แน่ใจว่าเห็นที่ไหน ถ้าเห็นในบทวิเคราะห์ ก็ควรอ่านสมมุติฐานของเขาก่อนว่า เขาคิดอย่างไร และเชื่อในหลักคิดของเขาไหม ถ้าเราสนใจจะซื้อจริงๆ ก็ควรคำนวณเองครับ

ขอบคุณมากค่ะที่ให้ความรู้ดีๆค่ะ

[A61289]

ในมุมมองของผมนะครับ ขออนุญาตแชร์ดังนี้
1. หุ้นถูกและหุ้นแพง มีทั้งตัวที่ซื้อขายต่อวัน(สภาพคล่อง) ทั้งมากและน้อยนะครับ อันนี้แยกคนละประเด็น ไปเลยครับ
2. หุ้นที่มียอดซื้อขายเยอะๆ ไม่ใช่เกิดจากการเก็งกำไร เพียงอย่างเดียวนะครับ ต่างชาติกองทุน เงินมหาศาลเขา อาจซื้อยาวก็ได้ การเก็งกำไรก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในตลาด
3.VI ซื้อหุ้นคุณภาพดีปันผลดีถือยาวถูกต้องแล้วครับ
ถ้าเติบโตด้วยราคาหุ้นจะขึ้นตามไปเองครับ กำไร ที่มั่นคง คือปัจจัย ที่แท้จริง ที่ทำให้ราคาหุ้นขึ้น อย่างมั่นคง
4.PE ต้องเรียนรู้กันเยอะๆครับ กำไรที่มั่นคงเท่านั้นที่ควรนำมาคำนวณPE
กำไรครั้งเดียว กำไรหวือหวา กำไรที่เกิดจากเป็น first mover โดยที่ไม่มี moat อนาคตคนอื่นก็จะมาแบ่งไป ไม่ใช่กำไรที่มีคุณภาพในระยะยาวไม่ควรนำมาคำนวณ PE แต่เอามา+ เป็น equity แค่นั้นพอ

[penpha]

ในมุมมองของผมนะครับ ขออนุญาตแชร์ดังนี้ 1. หุ้นถูกและหุ้นแพง มีทั้งตัวที่ซื้อขายต่อวัน(สภาพคล่อง) ทั้งมากและน้อยนะครับ อันนี้แยกคนละประเด็น ไปเลยครับ2. หุ้นที่มียอดซื้อขายเยอะๆ ไม่ใช่เกิดจากการเก็งกำไร เพียงอย่างเดียวนะครับ ต่างชาติกองทุน เงินมหาศาลเขา อาจซื้อยาวก็ได้ การเก็งกำไรก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในตลาด 3.VI ซื้อหุ้นคุณภาพดีปันผลดีถือยาวถูกต้องแล้วครับถ้าเติบโตด้วยราคาหุ้นจะขึ้นตามไปเองครับ กำไร ที่มั่นคง คือปัจจัย ที่แท้จริง ที่ทำให้ราคาหุ้นขึ้น อย่างมั่นคง 4.PE ต้องเรียนรู้กันเยอะๆครับ กำไรที่มั่นคงเท่านั้นที่ควรนำมาคำนวณPEกำไรครั้งเดียว กำไรหวือหวา กำไรที่เกิดจากเป็น first mover โดยที่ไม่มี moat อนาคตคนอื่นก็จะมาแบ่งไป ไม่ใช่กำไรที่มีคุณภาพในระยะยาวไม่ควรนำมาคำนวณ PE แต่เอามา+ เป็น equity แค่นั้นพอ

ขอบคุณมากค่ะที่แชร์ความรู้ดีๆค่ะ

[Tibular]

หุ้นที่มีราคาแพงๆ มักจะมีการขายและซื้อต่อวันเยอะๆ อันนี้เกิดจากการที่นักเก็งกำไรเข้าช้อนซื้อและเทขายกันใช่ไหมคะ เหมือนการปั่นหุ้นหรือเปล่าคะ

แล้วสำหรับนักลงทุนแบบ VI จะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ราคาหุ้นดูนิ่งๆ แต่มีปันผลดีแบบนี้ถือว่าดีหรือเปล่าคะ แล้วอย่างค่า PE ที่เราเห็นของแต่ละบริษัทเชื่อได้ไหมคะว่าเป็นค่านั้นจริงๆ (หรือควรคำนวณเองดูค่ะ)

รบกวนพี่ๆเพื่อนๆนักลงทุนแชร์ความรู้กันได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ

1. หุ้นที่มีราคาแพงๆ
ตรงนี้คือแพงแบบไหน ราคาหุ้นหลักหน่วย หลักสิบ หลักร้อย หลักพัน หรือ แพงเมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐานและอนาคตของกิจการ

2. มักจะมีการขายและซื้อต่อวันเยอะๆ อันนี้เกิดจากการที่นักเก็งกำไรเข้าช้อนซื้อและเทขายกันใช่ไหมคะ
เป็นผู้เล่นในตลาดที่มาซื้อขาย ด้วยจุดประสงค์ต่างๆกันไป เช่น เก็งกำไร ลงทุน หรือเกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ

3. เหมือนการปั่นหุ้นหรือเปล่าคะ
ไม่เหมือนการปั่นหุ้น การปั่นหุ้นมักจะเป็นในหุ้นขนาดเล็ก กลาง และมักเป็นหุ้นที่ผลประกอบการไม่ดี หรือแม้กระทั่งมีกำไรเติบโตดีก็มีการปั่นกันได้
โดยมักจะมีการร่วมมือ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นนั้นทั้งทางตรงและทางอ้อม
โดยมี ข่าว ข่าวลือ ข่าววงใน คำแนะนำต่างๆ ทั้งจากโบรคเกอร์ ผบห. ผถห.ใหญ่ นักลงทุนรายใหญ่ เซียนหุ้น กูรู SNS ฯลฯ เป็นส่วนสนับสนุน
ทำให้มีปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติ มีราคาเหวี่ยงขึ้นลงหวือหวาน่าสนใจ
และ กลต. ไม่สามารถจะตรวจสอบได้ เพราะ กลต. บอกว่าไม่มี ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ

4. แล้วสำหรับนักลงทุนแบบ VI จะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ราคาหุ้นดูนิ่งๆ แต่มีปันผลดีแบบนี้ถือว่าดีหรือเปล่าคะ
ลำดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นมีสองอย่าง นั่นคือ ปันผล และ กำไร(ขาดทุน)จากการขายหุ้น
ปันผล เกิดจากการที่กิจการทำกำไรสุทธิได้ และจ่ายผลตอบแทนออกมา กิจการจะไม่จ่ายปันผลก็ได้อีกด้วย
กำไร(ขาดทุน)จากการขายหุ้น เกิดจาก ส่วนต่างราคาหุ้นที่เราซื้อ
ราคาหุ้น ณ.ขณะนั้น เกิดจาก ความต้องการซื้อ-ขายหุ้น ของผู้เล่นในตลาด
ความต้องการซื้อ-ขายหุ้น เกิดจาก ความต้องการผลตอบแทนของผู้เล่นในตลาด โดยการคาดเดาราคาหุ้นที่ควรจะเป็นในอนาคต
ราคาหุ้นที่ควรจะเป็นในอนาคต เกิดจาก พื้นฐานของกิจการ การเติบโตของกิจการ ภาวะแวดล้อมต่างๆในอนาคต และมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่ออนาคตของกิจการ
สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้หุ้นมีราคาขึ้นมา และทำให้ผู้เล่นในตลาดยินดีที่จะถือหุ้น ซื้อหรือขายหุ้น เพื่อผลตอบแทน

สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็น VI หรือไม่ก็ตาม ก็ควรเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีการเติบโต ต้องซื้อที่ราคาเหมาะสม หรือต่ำกว่ามูลค่า
มีปันผลหรือไม่มีก็ได้ แต่ต้องได้ผลตอบแทนในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ว่าจากปันผลหรือส่วนต่างของราคาก็ตาม ไม่จำเป็นที่ราคาหุ้นต้องดูนิ่งๆ หรือมีปันผลดีหรือไม่
นักลงทุนในตลาดหุ้นมีหน้าที่ต้องรักษาเงินลงทุน และขยายเงินลงทุนของตัวเอง เพื่อผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้
เพราะฉะนั้นการบริหารพอร์ตให้เติบโต เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่มีถือหุ้นยาวไปเรื่อยๆแบบไร้จุดหมาย

5. แล้วอย่างค่า PE ที่เราเห็นของแต่ละบริษัทเชื่อได้ไหมคะว่าเป็นค่านั้นจริงๆ (หรือควรคำนวณเองดูค่ะ)
ค่า PE มีวิธีคิดหลายแบบ ต้องลองศึกษาดู
ส่วนค่า PE ที่เราเห็นของแต่ละบริษัทในเวบ มักจะเป็นค่าคร่าวๆจากตัวเลขในอดีต
ค่า PE ถ้าเราอยากจะทราบ ณ.ปัจจุบัน หรืออนาคต เราต้องคำนวณเอง

[FarmSabuy]

1. หุ้นที่มีราคาแพงๆ
ตรงนี้คือแพงแบบไหน ราคาหุ้นหลักหน่วย หลักสิบ หลักร้อย หลักพัน หรือ แพงเมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐานและอนาคตของกิจการ

2. มักจะมีการขายและซื้อต่อวันเยอะๆ อันนี้เกิดจากการที่นักเก็งกำไรเข้าช้อนซื้อและเทขายกันใช่ไหมคะ
เป็นผู้เล่นในตลาดที่มาซื้อขาย ด้วยจุดประสงค์ต่างๆกันไป เช่น เก็งกำไร ลงทุน หรือเกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ

3. เหมือนการปั่นหุ้นหรือเปล่าคะ
ไม่เหมือนการปั่นหุ้น การปั่นหุ้นมักจะเป็นในหุ้นขนาดเล็ก กลาง และมักเป็นหุ้นที่ผลประกอบการไม่ดี หรือแม้กระทั่งมีกำไรเติบโตดีก็มีการปั่นกันได้
โดยมักจะมีการร่วมมือ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นนั้นทั้งทางตรงและทางอ้อม
โดยมี ข่าว ข่าวลือ ข่าววงใน คำแนะนำต่างๆ ทั้งจากโบรคเกอร์ ผบห. ผถห.ใหญ่ นักลงทุนรายใหญ่ เซียนหุ้น กูรู SNS ฯลฯ เป็นส่วนสนับสนุน
ทำให้มีปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติ มีราคาเหวี่ยงขึ้นลงหวือหวาน่าสนใจ
และ กลต. ไม่สามารถจะตรวจสอบได้ เพราะ กลต. บอกว่าไม่มี ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ

4. แล้วสำหรับนักลงทุนแบบ VI จะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี ถือกันยาวๆ แต่ราคาหุ้นดูนิ่งๆ แต่มีปันผลดีแบบนี้ถือว่าดีหรือเปล่าคะ
ลำดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นมีสองอย่าง นั่นคือ ปันผล และ กำไร(ขาดทุน)จากการขายหุ้น
ปันผล เกิดจากการที่กิจการทำกำไรสุทธิได้ และจ่ายผลตอบแทนออกมา กิจการจะไม่จ่ายปันผลก็ได้อีกด้วย
กำไร(ขาดทุน)จากการขายหุ้น เกิดจาก ส่วนต่างราคาหุ้นที่เราซื้อ
ราคาหุ้น ณ.ขณะนั้น เกิดจาก ความต้องการซื้อ-ขายหุ้น ของผู้เล่นในตลาด
ความต้องการซื้อ-ขายหุ้น เกิดจาก ความต้องการผลตอบแทนของผู้เล่นในตลาด โดยการคาดเดาราคาหุ้นที่ควรจะเป็นในอนาคต
ราคาหุ้นที่ควรจะเป็นในอนาคต เกิดจาก พื้นฐานของกิจการ การเติบโตของกิจการ ภาวะแวดล้อมต่างๆในอนาคต และมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่ออนาคตของกิจการ
สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้หุ้นมีราคาขึ้นมา และทำให้ผู้เล่นในตลาดยินดีที่จะถือหุ้น ซื้อหรือขายหุ้น เพื่อผลตอบแทน

สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็น VI หรือไม่ก็ตาม ก็ควรเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีการเติบโต ต้องซื้อที่ราคาเหมาะสม หรือต่ำกว่ามูลค่า
มีปันผลหรือไม่มีก็ได้ แต่ต้องได้ผลตอบแทนในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ว่าจากปันผลหรือส่วนต่างของราคาก็ตาม ไม่จำเป็นที่ราคาหุ้นต้องดูนิ่งๆ หรือมีปันผลดีหรือไม่
นักลงทุนในตลาดหุ้นมีหน้าที่ต้องรักษาเงินลงทุน และขยายเงินลงทุนของตัวเอง เพื่อผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้
เพราะฉะนั้นการบริหารพอร์ตให้เติบโต เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่มีถือหุ้นยาวไปเรื่อยๆแบบไร้จุดหมาย

5. แล้วอย่างค่า PE ที่เราเห็นของแต่ละบริษัทเชื่อได้ไหมคะว่าเป็นค่านั้นจริงๆ (หรือควรคำนวณเองดูค่ะ)
ค่า PE มีวิธีคิดหลายแบบ ต้องลองศึกษาดู
ส่วนค่า PE ที่เราเห็นของแต่ละบริษัทในเวบ มักจะเป็นค่าคร่าวๆจากตัวเลขในอดีต
ค่า PE ถ้าเราอยากจะทราบ ณ.ปัจจุบัน หรืออนาคต เราต้องคำนวณเอง

เข้ามาอ่านได้ความรู้ไปด้วย ขอบคุณมากครับ