CSI Seminar กับ คุณจิตรา รองกรรมการผู้จัดการ บล ฟินันเซีย
สรุปจากความเข้าใจของเพจ Seminar Knowledge
เมื่อวานได้มีโอกาสฟังคุณจิตรา นักวิเคราะห์ที่มาออกในรายการของ CSI ผ่าน Zoom
พอดีออกกำลังกายตอนเย็น เลยเข้าฟังช้าไปหน่อย แต่ก็ได้สาระมาฝากเพื่อนในเพจครับ
คุณจิตรา พูดถึงประมาณกำไรของตลาดSETปีนี้ว่าจะอยู่ที่ 75บาท ดังนั้นคิดจากPE 16 เท่า
ดัชนีควรอยู่ที่ 800 จุด แต่ที่ดัชนีลงไม่ถึงและขึ้นมาที่ 1250 จุด ได้เพราะ มีliquidity จากสถาบัน
เช่น กองทุนรวม ช่วงนี้มีกอง SSFextra ซึ่งสามารถซื้อได้สูงสุด 200,000 บาทเพิ่มเข้ามา
ทำให้ดัชนีไม่ลงไปที่ 800 จุด
แต่ต้องระวังเรื่องผลประกอบการในไตรมาสหนึ่งที่จะประกาศในช่วงนี้
บวกกับ guidance ที่บริษัทแต่ละที่จะบอกออกมา ซึ่งจะกำหนดราคาหุ้นของแต่ละกลุ่มและ แต่ละตัว
ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารที่ประกาศออกมา overstated เนื่องจากมาตราของรัฐ ที่ยังไม่ต้อง
ลงNPL สำหรับหนี้ที่ค้างชำระ รวมถึงมาตรการอื่นที่ช่วยให้SME และบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เรื่องตราสารหนี้
ทำให้ชะลอการการเพิ่มขึ้นของNPL
ผลประกอบการที่แท้จริงของกลุ่มนี้ จะออกมาจริงในQ2-Q3
กลุ่มโรงกลั่นผลประกอบการไม่ดี ถึงแม้ราคาน้ำมันที่นำมากลั่นจะถูก แต่demandน้ำมันลดลงด้วย
เนื่องจาก กิจกรรมธุรกิจหยุดไป คนอยู่บ้าน สายการบินก็หยุด และ ค่าการกลั่นยังไม่ฟื้นตั้งแต่ Q4 2019
ธุรกิจปลายน้ำของกลุ่มนี้ดี เช่น IVL เพราะซื้อน้ำมันถูกแต่เอามาผลิตพลาสติกทางการแพทย์สำหรับทำหน้ากากอนามัย
และชุด PPE
หุ้นอื่น เช่น TASCO วัตถุที่นำมาผลิต คือน้ำมัน ต้นทุนถูก แต่เสียดายที่ลูกค้าหลักอยู่ที่จีน ปิดทำธุรกรรมไป
ส่วนธุรกิจที่เป็นห้างสรรพสินค้า คุณจิตราได้สัมภาษณ์และพบว่า ช่วงแรกที่ห้างเริ่มกลับมาเปิดกิจการก็ลดค่าเช่า50%
ไปสามเดือน ช่วงต่อมาก็จะลดส่วนลดลงจนถึงปลายปีนี้ จึงมองว่าธุรกิจฟื้น ซึ่งจะกระทบกับ REITsที่เกี่ยวข้องกับห้าง
เช่น CPNREIT รวมถึง officeด้วย แต่ถ้าเป็น Infrastructure fund ที่ขายไฟฟ้าอาจโดนกระทบไม่มาก กองที่กระทบ
ก็จะเป็นกองที่มีลูกค้าที่เป็นธุรกิจเยอะ แต่บางกองขายไฟให้การไฟฟ้าก็ไม่ได้ผลกระทบ
ซึ่งกลุ่มนี้ราคาขึ้นมาพอสมควรแล้ว
ดังนั้นกลุ่มที่จะฟื้นตัวช้าสุด ได้แก่ กลุ่มโรงแรม ท่องเที่ยว และ กลุ่มธนาคร
ส่วนเงินที่ลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยขึ้นกับส่งออกและการท่องเที่ยว
ตอนนี้ทั้งสองส่วนโดนกระทบ ที่ยังดี ก็มีส่งออกอาหาร ดังนั้น เงินที่ไหลมาที่ Emerging Market
จะไหลไปที่ เกาหลีและไต้หวัน ยิ่งถ้าเงินบาทยิ่งอ่อน เงินต่างชาติจะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เงินจะไหลเข้ายาก
ต้องให้เงินบาทแข็ง จึงมีโอกาสที่เงินต่างชาติไหลเข้า ซึ่งปีที่แล้ว เงินบาทแข็ง จะเห็นว่าเงินไหลเข้ามาเยอะช่วงกลางปี
คุณจิตรามองว่า เงินบาทปีนี้น่าจะอยู่ในช่วง 33-34 บาท
คำถาม กลุ่มFood เช่น TU น่าสนใจมั้ย
ตอบ เนื่องจาก รายได้ของTU ประกอบด้วยสองกลุ่ม คือ อาหารกระป๋อง เช่น ทูน่า และ กลุ่มอาหารแช่แข็งที่ขาย ที่ภัตตาคารและ ร้านอาหาร Reb Lobster
กลุ่มแรก ขายดี รายได้เพิ่มขึ้น แต่รายได้ในส่วนร้านอาหาร ภัตตาคาร และ สายการบินจะหายไป เนื่องจากปิดตัวในช่วงCovid-19 ทำให้รายได้โตไม่มากใน Q1 (จากบทวิเคราะห์โบรคอื่นหลายที่ บอกว่า รายได้ลดลง)
คำถาม Deal ที่กลุ่มCP Take Lotus เป็นอย่างไร
ตอบ เนื่องจากกลุ่ม CP ประกอบด้วยสามบริษัท ที่เข้าไปลงทุน ทำให้ CPALL , CPF ไม่น่าจะเพิ่มทุน
แต่รายได้จาก Makro ที่ขายจากช่วงก่อนหน้าที่มีการซื้ออาหารไปเยอะ ถ้าเปิดให้คนออกมา ก็จะมีการซื้อของน้อยลง
เพราะได้ซื้อไปล่วงหน้าแล้ว
ช่วงที่ก่อนประกาศ Work from Home และ ปิดห้าง COM7 ขายสินค้า Notebook,Monitor ดีมาก
ในวันก่อนปิดห้าง และ มีการเสนอให้เช่าอุปกรณ์คอมเพื่อทำงานที่บ้านด้วย แต่ถ้าเปิดห้างใหม่
รายได้อาจไม่โต เพราะมีการซื้อไปล่วงหน้าแล้ว
คำถาม กลุ่ม Electronic น่าสนใจไหม
ตอบ 2บริษัทที่น่าสนใจคือ Hana , Delta
Hana ผลิตชิ้นส่วนในเครื่องคอมและมือถือ ส่วน Delta ผลิต Power supply ในคอมและอุปกรณ์การแพทย์
ตอนนี้เริ่มมีorderจากทางจีนแล้ว
ขอขอบคุณ คุณจิตรา และ ทางCSI มากๆนะครับที่จัดสัมมนาให้ครับ