อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
watgolf
Verified User
โพสต์: 204
ผู้ติดตาม: 0

อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

อยากทราบว่า ทุกท่านที่มีประสบการณ์ เคยผ่านวิกฤติ มีแนวคิด การปรับพอร์ต หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ มีกลยุทธ์ต่อจากนี้อย่างไร อยากให้ช่วยกันแชร์กันครับ

เราจะผ่านไปด้วยกัน Covid-19 :wall: :wall: :wall:
Eakchai56
Verified User
โพสต์: 100
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมผ่านวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์มา ไม่ได้ทำอะไรเลย ถือหุ้นดอยรับปันผลอย่างเดียว
ผ่านไปปีเดียวฟื้น ได้กำไรพอสมควร(11%)
ถัดมาอีกปียิ่งฟื้น ได้กำไรเยอะ(33%)
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขั้นแรก ต้องรักษาใจตัวเองให้ได้ก่อนครับ ถ้าสามารถรักษาใจไม่ให้ตกไปตามราคาหุ้นที่ตกได้ วิกฤตนี้ก็ถือเป็นโอกาสทองเป็นอย่างยิ่ง

ผมผ่านวิกฤตปี 2008 มา ผมสามารถบอกและยืนยันจากประสบการณ์ได้เลยว่า ความสำเร็จ ความมั่งมี ที่ผมมีอยู่ที่วันนี้ ก็ได้มาจากการผ่านวิกฤตครั้งที่แล้ว

ดังนั้นเมื่อผมได้มาเจอกับวิกฤตครั้งนี้อีก ผมไม่กลัวนะ ผมดีใจมาก ดีใจที่ได้เจอมันอีก สถานการณ์ที่เราจะได้ทดสอบ เรียนรู้ และ สนุกกับการงาน การศึกษาการลงทุน เลยทำให้ชีวิตผมในช่วงนี้ ร่าเริง และมีพลังงานมากๆ

ในบรรดาโอกาสทองที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ โอกาสที่สำคัญที่สุด คือ โอกาสในการฝึก พัฒนา เครื่องมือ ในการที่จะรักษาใจตัวเอง ให้มีความกล้าหาญ เข็มแข็ง ในการเผชิญกับปัญหา วิกฤต อุปสรรค ที่จะสามารถนำไปใช้ได้อีกเยอะมากในอนาคต

เครื่องมือ ตลอดจน องค์ความรู้ที่ใช้ในการพัฒนาตัวเองในช่วงนี้ มีหลายอย่างมาก แต่สำหรับผม ถ้าให้เลือกเครื่องมือที่ดีที่สุด ที่สำคัญที่สุด ก็คือ เครื่องมือในการเข้าใจความทุกข์ของเรา และเรียนรู้ที่อยู่กับความไม่ได้ดังใจ ความที่ไม่เป็นไปตามสิ่งที่เราหวัง โดยที่เราไม่ไปทุกข์ใจกับมัน ถ้าฝึกจนเก่ง จนแก่กล้า จะมีความสามารถในการอยู่กับสภาพนี้ด้วยทัศนคติเชิงบวก มีความสุขได้ในทุกๆ สถานการณ์

เครื่องมือในการเข้าถือความสามารถนี้ได้ สำหรับผม คือ สติปัฎฐาน 4 หรือ ที่ตั้งของการเอาสติเข้าไปวาง 4 อย่าง ที่พระพุทธเจ้าของเราได้ทรงบัญญัติเอาไว้ในสมัยพุทธกาล

หากถามว่า จะไปศึกษาเรื่องนี้อย่างไร ผมศรัทธา และขอ แนะนำ คุณดังตฤณ อาจารย์ร่วมสมัย ที่เผยแพร่ธรรมะนี้ ผ่านทางโลก ออนไลน์ ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ผ่านจากบ้าน ในยามที่เราต้อง Work From Home


ขั้นที่ 2 เมื่อรักษาใจตัวเองได้ สภาพของใจของเราจะมีความสามารถอย่างหนึ่งที่เพิ่มขึ้น คือ อยู่ในสถานการณ์ แต่ไม่จมลงไปกับสถานการณ์ เราจะมีความสามารถในการถอยใจของเรา มาอยู่กับฐานของสติที่เราได้ฝึกขึ้น เมื่อเรามีความสามารถในการถอยออกมาจากสถานการณ์ ออกมามองปัญหาต่างๆ ในมุมของคนนอก ในหลายๆ มุม หลายๆ มิติ ทั้งภาพกว้าง และภาพลึก ทั้งมิติในเชิงโครงสร้าง และเชิงเวลา ทั้งความสัมพันธ์ และแรงส่งแรงกระทบกันของปัญหาที่ซ้อนกันเป็นทอดๆ เราก็จะสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น

เมื่อมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ตามความเป็นจริง ไม่ได้ยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สภาพใดสภาพหนึ่ง ว่าเป็นตัวตน เป็นอัตตาที่เราควรยึดมั่นถือมั่น หุ้นที่เคยเป็นหุ้นของเรา ก็จะกลายเป็นหุ้นที่ควรลงทุน ที่น่าลงทุน ที่มีโอกาสเท่าไร มีความเสี่ยงเท่าไร มี Upside เท่าไร มี Downside เท่าไร มีแนวโน้มอย่างไร มีตัวเร่งอย่างไร มีจังหวะเวลาอย่างไร

เมื่อสามารถเห็นการลงทุนต่างๆ ได้ตามความเป็นจริงมากขึ้น การลงทุน ก็เหลือเป็นเพียงการจัดสรรสัดส่วนของเครื่องมือทางการเงินแต่ละชิ้น ที่มีประโยชน์และโทษ มีคุณลักษณะของโอกาสความเสี่ยง เข้ามาอยู่ในพอร์ต ผสมสัดส่วนตามความรู้ความเข้าใจของเรา เพื่อทำให้โอกาสและความเสี่ยงของพอร์ตของเราพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

วิกฤตก็สักแต่ว่าเป็นสภาพปัจจัยแวดล้อมอันหนึ่ง ที่ทำให้ โอกาสและความเสี่ยงของพอร์ตเราเปลี่ยนไป เราก็แต่ Optimize สัดส่วนการลงทุนของเราให้อยู่สภาพที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใหม่อันเกิดจากวิกฤต

ตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดวิกฤต Covid ผลกระทบนี้มีผลกระทบในเชิงลบกับหุ้นแต่ละตัวมากน้อยขนาดไหน มีผลในเชิงบวกต่อกิจการอะไรบ้าง upside/downside ของสินทรัพย์แต่ละประเภทเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ผลกระทบนี้ในเชิงเวลามีอย่างไร ในเชิงจิตวิทยามีอย่างไร เครื่องมือเครื่องไม้ที่เรามีอยู่พร้อมแล้วหรือยังกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เราควรจะในกลยุทธ์ไหนอย่างไร

ทั้งหมดนี้ ศึกษา แล้วเขียนมันออกมา เมื่อศึกษาแล้วเขียนออกมาแล้วก็ศึกษาเพิ่มขึ้นไป ลึกลงไป จนได้เป็น Action Plan ออกมาว่า เราจะทำอะไรอย่างไร ต่อไป เมื่อเกิดเหตุการณ์แต่ละอย่าง ถ้าหุ้นตัวนี้ ราคานี้เราจะซื้อเท่าไร ขายเท่าไร ถ้าสถานการณ์ความรุนแรงหนักขึ้น หรือเบาลง เราจะดำเนินการอะไรอย่างไร

ทั้งหมดนี้ เขียนมาออกมา ในยามที่ใจสงบ พ้นจากสภาพความวุ่ยวายทางใจ จากการวางสติอย่างถูกต้อง เขียนให้เราสามารถเข้าใจมันได้ง่ายๆ สามารถที่จะหยิบขึ้นมาพร้อมกับการใช้งาน

และเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ใจของเราถูกตลาดทุบ ทำร้าย ให้ตกกระหน่ำลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ให้หายใจออกยาวๆ แล้วค่อยๆ ดึงใจกลับมาอยู่ที่ฐานของสติที่ได้ฝึกเอาไว้ จนรู้สึกว่าใจสงบลง ค่อยๆ หยิบสมุด หรือ กระดาษที่เราจด เอาไว้ ว่าเราวางแผนว่าเราจะทำอะไรในสถานการณ์นี้นะ แล้วก็ตัดสินใจทำตามแผนซะ แรงต้านที่จะไม่ทำจะมีอยู่ ความไม่แน่ใจที่จะไม่ทำยังมีอยู่

แต่ว่าแต่... ก็สิ่งที่เราเขียนเอาไว้ เราคิด เราวางแผนตอนที่ใจของเราสงบและเป็นปกติที่สุด มันน่าจะดีกว่าใจของเราที่กำลังวุ่นวายอยู่ตอนนี้นี่นา ดังนั้น ตัดใจทำมันซะ ถึงทำไม่ได้ 100% ก็ลงทำ 50% ของที่วางแผนดูแล้วกัน แต่ถ้าทำ 50% ไม่ได้ ผมว่า 25% ยังไงก็ต้องทำตามแผนนะครับ

นี่แหละครับ คำแนะนำของผม...

สรุป
1. รักษาใจตัวเองให้ได้
2. มีเครื่องมือในการรักษาใจ
3. ศึกษาความเสี่ยง/โอกาส หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่จำเป็นในการบริหารจัดการกับพอร์ต
4. วิเคราะห์ และกำหนดแผนในการดำเนินการ ในยามที่ใจสงบ ปราศจากความวุ่นวาย
5. ทำตามแผนที่เขียนเอาไว้ ในยามที่เกิดเหตุต่างๆ โดยเฉพาะ ในยามที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ที่ทำให้ใจของเราสั่นไหว

ปล.
1) ที่ว่าโอกาสทอง โอกาสทองนี้เป็นโอกาสทองระดับไหน ผมบอกได้เลยว่าจากวิกฤตปี 2008 ผ่านมา 10 ปี พอร์ตของผมโตขึ้น 300 เท่า

2) ด้วยสิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ วิกฤตครั้งนี้ พอร์ตของผมไม่เสียหายครับ Drawdown ลงไปเล็กน้อยในช่วงต้น หลังจากทำไปตามแผน พอร์ตก็กลับมาที่เดิมตอนก่อนเกิดวิกฤต
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
A44950

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 4

โพสต์

รบกวนสอบถามพี่picatosครับว่าพี่ทำยังไงพอร์ตถึงแทบไม่เสียหายเลย ใช้ short against portขายไปตั้งแต่แรกๆ หรือshortหุ้นรายตัวหรือตลาด etc. ครับ
picatos เขียน:
ศุกร์ มี.ค. 20, 2020 5:20 am
ขั้นแรก ต้องรักษาใจตัวเองให้ได้ก่อนครับ ถ้าสามารถรักษาใจไม่ให้ตกไปตามราคาหุ้นที่ตกได้ วิกฤตนี้ก็ถือเป็นโอกาสทองเป็นอย่างยิ่ง

ผมผ่านวิกฤตปี 2008 มา ผมสามารถบอกและยืนยันจากประสบการณ์ได้เลยว่า ความสำเร็จ ความมั่งมี ที่ผมมีอยู่ที่วันนี้ ก็ได้มาจากการผ่านวิกฤตครั้งที่แล้ว

ดังนั้นเมื่อผมได้มาเจอกับวิกฤตครั้งนี้อีก ผมไม่กลัวนะ ผมดีใจมาก ดีใจที่ได้เจอมันอีก สถานการณ์ที่เราจะได้ทดสอบ เรียนรู้ และ สนุกกับการงาน การศึกษาการลงทุน เลยทำให้ชีวิตผมในช่วงนี้ ร่าเริง และมีพลังงานมากๆ

ในบรรดาโอกาสทองที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ โอกาสที่สำคัญที่สุด คือ โอกาสในการฝึก พัฒนา เครื่องมือ ในการที่จะรักษาใจตัวเอง ให้มีความกล้าหาญ เข็มแข็ง ในการเผชิญกับปัญหา วิกฤต อุปสรรค ที่จะสามารถนำไปใช้ได้อีกเยอะมากในอนาคต

เครื่องมือ ตลอดจน องค์ความรู้ที่ใช้ในการพัฒนาตัวเองในช่วงนี้ มีหลายอย่างมาก แต่สำหรับผม ถ้าให้เลือกเครื่องมือที่ดีที่สุด ที่สำคัญที่สุด ก็คือ เครื่องมือในการเข้าใจความทุกข์ของเรา และเรียนรู้ที่อยู่กับความไม่ได้ดังใจ ความที่ไม่เป็นไปตามสิ่งที่เราหวัง โดยที่เราไม่ไปทุกข์ใจกับมัน ถ้าฝึกจนเก่ง จนแก่กล้า จะมีความสามารถในการอยู่กับสภาพนี้ด้วยทัศนคติเชิงบวก มีความสุขได้ในทุกๆ สถานการณ์

เครื่องมือในการเข้าถือความสามารถนี้ได้ สำหรับผม คือ สติปัฎฐาน 4 หรือ ที่ตั้งของการเอาสติเข้าไปวาง 4 อย่าง ที่พระพุทธเจ้าของเราได้ทรงบัญญัติเอาไว้ในสมัยพุทธกาล

หากถามว่า จะไปศึกษาเรื่องนี้อย่างไร ผมศรัทธา และขอ แนะนำ คุณดังตฤณ อาจารย์ร่วมสมัย ที่เผยแพร่ธรรมะนี้ ผ่านทางโลก ออนไลน์ ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ผ่านจากบ้าน ในยามที่เราต้อง Work From Home


ขั้นที่ 2 เมื่อรักษาใจตัวเองได้ สภาพของใจของเราจะมีความสามารถอย่างหนึ่งที่เพิ่มขึ้น คือ อยู่ในสถานการณ์ แต่ไม่จมลงไปกับสถานการณ์ เราจะมีความสามารถในการถอยใจของเรา มาอยู่กับฐานของสติที่เราได้ฝึกขึ้น เมื่อเรามีความสามารถในการถอยออกมาจากสถานการณ์ ออกมามองปัญหาต่างๆ ในมุมของคนนอก ในหลายๆ มุม หลายๆ มิติ ทั้งภาพกว้าง และภาพลึก ทั้งมิติในเชิงโครงสร้าง และเชิงเวลา ทั้งความสัมพันธ์ และแรงส่งแรงกระทบกันของปัญหาที่ซ้อนกันเป็นทอดๆ เราก็จะสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น

เมื่อมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ตามความเป็นจริง ไม่ได้ยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สภาพใดสภาพหนึ่ง ว่าเป็นตัวตน เป็นอัตตาที่เราควรยึดมั่นถือมั่น หุ้นที่เคยเป็นหุ้นของเรา ก็จะกลายเป็นหุ้นที่ควรลงทุน ที่น่าลงทุน ที่มีโอกาสเท่าไร มีความเสี่ยงเท่าไร มี Upside เท่าไร มี Downside เท่าไร มีแนวโน้มอย่างไร มีตัวเร่งอย่างไร มีจังหวะเวลาอย่างไร

เมื่อสามารถเห็นการลงทุนต่างๆ ได้ตามความเป็นจริงมากขึ้น การลงทุน ก็เหลือเป็นเพียงการจัดสรรสัดส่วนของเครื่องมือทางการเงินแต่ละชิ้น ที่มีประโยชน์และโทษ มีคุณลักษณะของโอกาสความเสี่ยง เข้ามาอยู่ในพอร์ต ผสมสัดส่วนตามความรู้ความเข้าใจของเรา เพื่อทำให้โอกาสและความเสี่ยงของพอร์ตของเราพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

วิกฤตก็สักแต่ว่าเป็นสภาพปัจจัยแวดล้อมอันหนึ่ง ที่ทำให้ โอกาสและความเสี่ยงของพอร์ตเราเปลี่ยนไป เราก็แต่ Optimize สัดส่วนการลงทุนของเราให้อยู่สภาพที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใหม่อันเกิดจากวิกฤต

ตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดวิกฤต Covid ผลกระทบนี้มีผลกระทบในเชิงลบกับหุ้นแต่ละตัวมากน้อยขนาดไหน มีผลในเชิงบวกต่อกิจการอะไรบ้าง upside/downside ของสินทรัพย์แต่ละประเภทเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ผลกระทบนี้ในเชิงเวลามีอย่างไร ในเชิงจิตวิทยามีอย่างไร เครื่องมือเครื่องไม้ที่เรามีอยู่พร้อมแล้วหรือยังกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เราควรจะในกลยุทธ์ไหนอย่างไร

ทั้งหมดนี้ ศึกษา แล้วเขียนมันออกมา เมื่อศึกษาแล้วเขียนออกมาแล้วก็ศึกษาเพิ่มขึ้นไป ลึกลงไป จนได้เป็น Action Plan ออกมาว่า เราจะทำอะไรอย่างไร ต่อไป เมื่อเกิดเหตุการณ์แต่ละอย่าง ถ้าหุ้นตัวนี้ ราคานี้เราจะซื้อเท่าไร ขายเท่าไร ถ้าสถานการณ์ความรุนแรงหนักขึ้น หรือเบาลง เราจะดำเนินการอะไรอย่างไร

ทั้งหมดนี้ เขียนมาออกมา ในยามที่ใจสงบ พ้นจากสภาพความวุ่ยวายทางใจ จากการวางสติอย่างถูกต้อง เขียนให้เราสามารถเข้าใจมันได้ง่ายๆ สามารถที่จะหยิบขึ้นมาพร้อมกับการใช้งาน

และเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ใจของเราถูกตลาดทุบ ทำร้าย ให้ตกกระหน่ำลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ให้หายใจออกยาวๆ แล้วค่อยๆ ดึงใจกลับมาอยู่ที่ฐานของสติที่ได้ฝึกเอาไว้ จนรู้สึกว่าใจสงบลง ค่อยๆ หยิบสมุด หรือ กระดาษที่เราจด เอาไว้ ว่าเราวางแผนว่าเราจะทำอะไรในสถานการณ์นี้นะ แล้วก็ตัดสินใจทำตามแผนซะ แรงต้านที่จะไม่ทำจะมีอยู่ ความไม่แน่ใจที่จะไม่ทำยังมีอยู่

แต่ว่าแต่... ก็สิ่งที่เราเขียนเอาไว้ เราคิด เราวางแผนตอนที่ใจของเราสงบและเป็นปกติที่สุด มันน่าจะดีกว่าใจของเราที่กำลังวุ่นวายอยู่ตอนนี้นี่นา ดังนั้น ตัดใจทำมันซะ ถึงทำไม่ได้ 100% ก็ลงทำ 50% ของที่วางแผนดูแล้วกัน แต่ถ้าทำ 50% ไม่ได้ ผมว่า 25% ยังไงก็ต้องทำตามแผนนะครับ

นี่แหละครับ คำแนะนำของผม...

สรุป
1. รักษาใจตัวเองให้ได้
2. มีเครื่องมือในการรักษาใจ
3. ศึกษาความเสี่ยง/โอกาส หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่จำเป็นในการบริหารจัดการกับพอร์ต
4. วิเคราะห์ และกำหนดแผนในการดำเนินการ ในยามที่ใจสงบ ปราศจากความวุ่นวาย
5. ทำตามแผนที่เขียนเอาไว้ ในยามที่เกิดเหตุต่างๆ โดยเฉพาะ ในยามที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ที่ทำให้ใจของเราสั่นไหว

ปล.
1) ที่ว่าโอกาสทอง โอกาสทองนี้เป็นโอกาสทองระดับไหน ผมบอกได้เลยว่าจากวิกฤตปี 2008 ผ่านมา 10 ปี พอร์ตของผมโตขึ้น 300 เท่า

2) ด้วยสิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ วิกฤตครั้งนี้ พอร์ตของผมไม่เสียหายครับ Drawdown ลงไปเล็กน้อยในช่วงต้น หลังจากทำไปตามแผน พอร์ตก็กลับมาที่เดิมตอนก่อนเกิดวิกฤต
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 5

โพสต์

1. แบ่งพอร์ตออกเป็น 3 ส่วน Long-Term (ตั้งใจถือเกิน 10 ปี) , Medium-Term (ตั้งใจถือตราบเท่าที่ยังมี MOS) และ Short-Term (ตั้งใจถือตราบเท่าที่แนวโน้มกิจการระยะสั้นยังดีอยู่)

2. ส่วนที่เป็น Long-Term หากเกิด Crisis ยังไงก็จะไม่ขาย ส่วนนี้ผมมีอยู่ 30% ของพอร์ต

3. เมื่อ Identify ได้ว่ากำลังเกิด Crisis ขึ้น ขาย Short-Term กับ Medium-Term ทิ้งให้หมด

4. ส่วนที่เป็น Long-Term เรา Hedge การลดลงของตลาดด้วย Index Futures และ Options

5. หากหุ้นที่เราถือดีกว่าตลาดจริงๆ จะลงน้อยกว่าตลาด กำไรที่ได้จากการ Short Futures จะมากกว่าขาดทุนที่เสียไปจากหุ้นที่เราถือ (ที่จุดนี้จะทำให้พอร์ตกลับขึ้นไปจุดก่อน Crisis)

6. Identify Indicator ที่จะ Unhedged Index Derivatives ของเรา รอจังหวะที่จะ Unhedged Port จนเป็นกลายเป็น Neutral Position (สำหรับในเคส Crisis ผมจะไม่รีบซื้อ ตั้งใจจะไม่ซื้อ จนกว่าตลาดจะ Bottom Out ยอมซื้อแพงกว่าจุดต่ำสุด แต่ขอให้ชัวร์หน่อยว่า ตลาดลงมาสุดก่อนที่จะเริ่มซื้อหุ้นจริงๆ จังๆ แต่ก็อาจจะมีมือบอนเข้าไปซื้อหุ้นบางตัวได้ถ้าหุ้นตัวนั้น P/E ต่ำกว่า 2 เท่า)

7. ระหว่างรอให้หุ้นลง เพื่อเก็บหุ้น ตั้งใจศึกษากิจการที่เราอยากจะลงทุน โอกาสช่วงนี้จะเยอะมาก ต้องศึกษาต้องอ่านเยอะมาก
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ลูกเต่า
Verified User
โพสต์: 501
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 6

โพสต์

รบกวนสอบถามครับ
Bottom Out ของตลาดมีจุดสังเกตุหรือวิธีดูอย่างไรบ้างครับ
picatos เขียน:
ศุกร์ มี.ค. 20, 2020 10:07 am
1. แบ่งพอร์ตออกเป็น 3 ส่วน Long-Term (ตั้งใจถือเกิน 10 ปี) , Medium-Term (ตั้งใจถือตราบเท่าที่ยังมี MOS) และ Short-Term (ตั้งใจถือตราบเท่าที่แนวโน้มกิจการระยะสั้นยังดีอยู่)

2. ส่วนที่เป็น Long-Term หากเกิด Crisis ยังไงก็จะไม่ขาย ส่วนนี้ผมมีอยู่ 30% ของพอร์ต

3. เมื่อ Identify ได้ว่ากำลังเกิด Crisis ขึ้น ขาย Short-Term กับ Medium-Term ทิ้งให้หมด

4. ส่วนที่เป็น Long-Term เรา Hedge การลดลงของตลาดด้วย Index Futures และ Options

5. หากหุ้นที่เราถือดีกว่าตลาดจริงๆ จะลงน้อยกว่าตลาด กำไรที่ได้จากการ Short Futures จะมากกว่าขาดทุนที่เสียไปจากหุ้นที่เราถือ (ที่จุดนี้จะทำให้พอร์ตกลับขึ้นไปจุดก่อน Crisis)

6. Identify Indicator ที่จะ Unhedged Index Derivatives ของเรา รอจังหวะที่จะ Unhedged Port จนเป็นกลายเป็น Neutral Position (สำหรับในเคส Crisis ผมจะไม่รีบซื้อ ตั้งใจจะไม่ซื้อ จนกว่าตลาดจะ Bottom Out ยอมซื้อแพงกว่าจุดต่ำสุด แต่ขอให้ชัวร์หน่อยว่า ตลาดลงมาสุดก่อนที่จะเริ่มซื้อหุ้นจริงๆ จังๆ แต่ก็อาจจะมีมือบอนเข้าไปซื้อหุ้นบางตัวได้ถ้าหุ้นตัวนั้น P/E ต่ำกว่า 2 เท่า)

7. ระหว่างรอให้หุ้นลง เพื่อเก็บหุ้น ตั้งใจศึกษากิจการที่เราอยากจะลงทุน โอกาสช่วงนี้จะเยอะมาก ต้องศึกษาต้องอ่านเยอะมาก
ปัจจุบันขณะ
seedbanbo
Verified User
โพสต์: 14
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอไอเดียในการเลือกหุ้นตีแตกหน่อยครับ
หลังจากวิกฤตครั้งนั้น พี่picatosทำไมถึงเลือกหุ้นตัวนั้น มีวิธีวิเคราะห์ยังไงคับ
A44950

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณมากครับพี่picatos รอบนี้ผมน่าจะพลาดที่ไม่ได้hedgeเอาไว้สำหรับpositionที่ยังเหลืออยู่กับทิ้งบางตัวช้าไป(ทยอยขายทีละนิด)เลยโดนมาบ้าง+underestimateผลกระทบเลยมีมือบอนเข้าไปรับระหว่างทางนิดๆหน่อยๆแต่สุดท้ายดูทรงตลาดแล้วเลยตัดสินใจโยนทิ้งอยู่ดี :cry:
picatos เขียน:
ศุกร์ มี.ค. 20, 2020 10:07 am
1. แบ่งพอร์ตออกเป็น 3 ส่วน Long-Term (ตั้งใจถือเกิน 10 ปี) , Medium-Term (ตั้งใจถือตราบเท่าที่ยังมี MOS) และ Short-Term (ตั้งใจถือตราบเท่าที่แนวโน้มกิจการระยะสั้นยังดีอยู่)

2. ส่วนที่เป็น Long-Term หากเกิด Crisis ยังไงก็จะไม่ขาย ส่วนนี้ผมมีอยู่ 30% ของพอร์ต

3. เมื่อ Identify ได้ว่ากำลังเกิด Crisis ขึ้น ขาย Short-Term กับ Medium-Term ทิ้งให้หมด

4. ส่วนที่เป็น Long-Term เรา Hedge การลดลงของตลาดด้วย Index Futures และ Options

5. หากหุ้นที่เราถือดีกว่าตลาดจริงๆ จะลงน้อยกว่าตลาด กำไรที่ได้จากการ Short Futures จะมากกว่าขาดทุนที่เสียไปจากหุ้นที่เราถือ (ที่จุดนี้จะทำให้พอร์ตกลับขึ้นไปจุดก่อน Crisis)

6. Identify Indicator ที่จะ Unhedged Index Derivatives ของเรา รอจังหวะที่จะ Unhedged Port จนเป็นกลายเป็น Neutral Position (สำหรับในเคส Crisis ผมจะไม่รีบซื้อ ตั้งใจจะไม่ซื้อ จนกว่าตลาดจะ Bottom Out ยอมซื้อแพงกว่าจุดต่ำสุด แต่ขอให้ชัวร์หน่อยว่า ตลาดลงมาสุดก่อนที่จะเริ่มซื้อหุ้นจริงๆ จังๆ แต่ก็อาจจะมีมือบอนเข้าไปซื้อหุ้นบางตัวได้ถ้าหุ้นตัวนั้น P/E ต่ำกว่า 2 เท่า)

7. ระหว่างรอให้หุ้นลง เพื่อเก็บหุ้น ตั้งใจศึกษากิจการที่เราอยากจะลงทุน โอกาสช่วงนี้จะเยอะมาก ต้องศึกษาต้องอ่านเยอะมาก
THEERA.TTT
Verified User
โพสต์: 105
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 9

โพสต์

อุ๋ย100 จุดผมรอด แทงสวนเข้าไป กำไรนิดหน่อย
ตอนสับพาม ผมไม่รอด ไปต่างประเทศพอดี โดนเต็มๆ
ตอนนี้ โคขวิด19 ก็น่าจะรอดแล้ว แต่บาดเจ็บเยอะเหมือนกัน
วิธีการก็ซื้อหุ้นให้หมดแล้วปิดจอไม่ต้องดูเดียวจะเครียด แล้วหาอะไรทำ ตอนนี้ก็เล่นหมากรุกไปพลางๆ
ตราบใดที่ยังไม่ตาย ก็มีโอกาสแก้ตัวเสมอครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ลูกเต่า เขียน:
ศุกร์ มี.ค. 20, 2020 10:45 am
รบกวนสอบถามครับ
Bottom Out ของตลาดมีจุดสังเกตุหรือวิธีดูอย่างไรบ้างครับ
จริงๆ มันยากนะ ของผมก็มั่วๆ เอา ไม่ได้กะจะซื้อที่ต่ำสุด แต่จะยอมซื้อแพงกว่าจุดต่ำสุดขึ้นมาหน่อย โดยมีจุดสังเกต คือ

1. Valuation ต่ำกว่าในขอบเขตด้านล่างเมื่อเทียบกับในอดีต

2. ราคาหุ้นไม่ทำ lower low มีข่าวร้ายที่หนักกว่าเดิม แต่ราคาหุ้นไม่ลงไปมากกว่าเดิม (คนที่ถอดใจสุดๆ เลิกเล่นหุ้นขายแล้ว แต่ก็ไม่ลงไปต่ำกว่าเดิม)

3. ถ้ามอง scenario เป็น V-Shape ราคาอาจจะเป็น double bottom แล้วเด้ง แต่ผมว่า เคสนี้น่าจะซึมๆ volume บางๆ เป็น U shape มากกว่า ช่วงเก็บหุ้นน่าจะยาวๆ คนจะไม่อยากพูดถึงเรื่องหุ้น หันไปสนใจเรื่องอื่นกัน


ยกตัวอย่าง สำหรับช่วงนี้ที่หุ้นเด้ง ยังไม่สามารถตอบได้ว่าผ่าน bottom ไปหรือยัง ต้องรอดูว่าถ้าเด้งขึ้นไปแล้ว จะลงไปทำจุดต่ำสุดกว่าเดิมไหม
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 11

โพสต์

seedbanbo เขียน:
ศุกร์ มี.ค. 20, 2020 10:54 am
ขอไอเดียในการเลือกหุ้นตีแตกหน่อยครับ
หลังจากวิกฤตครั้งนั้น พี่picatosทำไมถึงเลือกหุ้นตัวนั้น มีวิธีวิเคราะห์ยังไงคับ
มาหาหุ้นตีแตกอะไรช่วงนี้ครับ หาทางรอดวิกฤตดีกว่าไหมครับ? รอดให้ได้ก่อน ค่อยทำกำไรครับ ถ้ายังไม่รอด อย่าคิดทำกำไร
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
romee
Verified User
โพสต์: 1850
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ลอกกับฟลุกครับ
ตอนซัพไพร์ม ติดลบไปครึ่งนึงของพอร์ต ยอมขายหุ้นที่คุณภาพแย่ๆออกหมดพอร์ต แล้วได้หุ้นจากคนอื่นได้มา2-3ตัว ตอนนั้นมัน PE2-3เองมั้ง...ถือไปจนมันก็ค่อยๆขึ้นมา

แล้วก็เกาะกระแสหุ้นขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเข้าใจมาตลอดว่าตัวเองเอาตัวรอดในตลาดได้
พึ่งมารู้ตัว ช่วงปีหลังๆนี่ละครับ ว่าแค่เข้าตลาดถูกเวลา แบบที่ดร.แกเคยบอกนั้นละครับ (เพราะเงินที่ได้มา ก็คืนตลาดไปบ้างแล้ว :B )

ปล.ที่ตปท.มีการทำbacktest กลยุทธ์การลงทุนGrowth, momentum, PE หรือPBVต่ำในช่วงตลาดขาขึ้น ช่วงซัพไพร์มหรือช่วงต้มยำกุ้ง (หรือวิกฤติหนักๆในตปท)
พบว่ากลยุทธ์ด้านPE,PBVต่ำ พอตลาดฟื้นตัว2ปี จากจุดต่ำสุด เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดใน3แบบนี้
You only live once, but if you do it right, once is enough.
yamajung
Verified User
โพสต์: 282
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 13

โพสต์

picatos เขียน:
ศุกร์ มี.ค. 20, 2020 10:07 am
1. แบ่งพอร์ตออกเป็น 3 ส่วน Long-Term (ตั้งใจถือเกิน 10 ปี) , Medium-Term (ตั้งใจถือตราบเท่าที่ยังมี MOS) และ Short-Term (ตั้งใจถือตราบเท่าที่แนวโน้มกิจการระยะสั้นยังดีอยู่)

2. ส่วนที่เป็น Long-Term หากเกิด Crisis ยังไงก็จะไม่ขาย ส่วนนี้ผมมีอยู่ 30% ของพอร์ต

3. เมื่อ Identify ได้ว่ากำลังเกิด Crisis ขึ้น ขาย Short-Term กับ Medium-Term ทิ้งให้หมด

4. ส่วนที่เป็น Long-Term เรา Hedge การลดลงของตลาดด้วย Index Futures และ Options

5. หากหุ้นที่เราถือดีกว่าตลาดจริงๆ จะลงน้อยกว่าตลาด กำไรที่ได้จากการ Short Futures จะมากกว่าขาดทุนที่เสียไปจากหุ้นที่เราถือ (ที่จุดนี้จะทำให้พอร์ตกลับขึ้นไปจุดก่อน Crisis)

6. Identify Indicator ที่จะ Unhedged Index Derivatives ของเรา รอจังหวะที่จะ Unhedged Port จนเป็นกลายเป็น Neutral Position (สำหรับในเคส Crisis ผมจะไม่รีบซื้อ ตั้งใจจะไม่ซื้อ จนกว่าตลาดจะ Bottom Out ยอมซื้อแพงกว่าจุดต่ำสุด แต่ขอให้ชัวร์หน่อยว่า ตลาดลงมาสุดก่อนที่จะเริ่มซื้อหุ้นจริงๆ จังๆ แต่ก็อาจจะมีมือบอนเข้าไปซื้อหุ้นบางตัวได้ถ้าหุ้นตัวนั้น P/E ต่ำกว่า 2 เท่า)

7. ระหว่างรอให้หุ้นลง เพื่อเก็บหุ้น ตั้งใจศึกษากิจการที่เราอยากจะลงทุน โอกาสช่วงนี้จะเยอะมาก ต้องศึกษาต้องอ่านเยอะมาก
ทำยังไงถึงจะรู้ตัวเร็วว่าวิกฤตครับ
ผมเจอปัญหาว่ากว่าจะรู้ตัวมันก็ลงมาลึกมากแล้ว พอคิดว่าลึก จะมาเฮจจิ้งตอนนี้ก็กลัวกินหญ้า
แต่กลับกลายเป็นว่าที่ลงมาลึก เพิ่งจะแค่ครึ่งทาง ลงต่ออีกพรวด ตายละรู้งี้เฮจจิ้งไปดีกว่า

คือขาขึ้นที่ยาวนานมันทำไห้เราไม่กล้าชอตอะครับเพราะกลัวว่าตลาดจะบ้าๆบอๆ ขึ้นสวนแบบแพงแล้วแพงอีก แต่ยังดีที่รู้สึกว่าราคาหุ้นมันแพงแบบไร้เหตผล เลยไม่ได้สวน ตลอดทางลง สรุปว่า 1 ปีที่ผ่านมาทั้งตกรถและไม่ติดดอยเลยงงๆ ว่า นี่ทำถูกรึเปล่า ช่วยชี้แนะด้วยครับ พี่ตี๋
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 14

โพสต์

yamajung เขียน:
เสาร์ มี.ค. 21, 2020 9:02 am
ทำยังไงถึงจะรู้ตัวเร็วว่าวิกฤตครับ
ผมเจอปัญหาว่ากว่าจะรู้ตัวมันก็ลงมาลึกมากแล้ว พอคิดว่าลึก จะมาเฮจจิ้งตอนนี้ก็กลัวกินหญ้า
แต่กลับกลายเป็นว่าที่ลงมาลึก เพิ่งจะแค่ครึ่งทาง ลงต่ออีกพรวด ตายละรู้งี้เฮจจิ้งไปดีกว่า

คือขาขึ้นที่ยาวนานมันทำไห้เราไม่กล้าชอตอะครับเพราะกลัวว่าตลาดจะบ้าๆบอๆ ขึ้นสวนแบบแพงแล้วแพงอีก แต่ยังดีที่รู้สึกว่าราคาหุ้นมันแพงแบบไร้เหตผล เลยไม่ได้สวน ตลอดทางลง สรุปว่า 1 ปีที่ผ่านมาทั้งตกรถและไม่ติดดอยเลยงงๆ ว่า นี่ทำถูกรึเปล่า ช่วยชี้แนะด้วยครับ พี่ตี๋
ไม่มันมีสูตรตายตัวหรอกครับ ถ้ามันมีสูตรตายตัว มันก็ไม่เป็นวิกฤตอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ สิ่งๆ นั้นก็จะไม่เกิดอยู่แล้ว

วิธีการ คือ ศึกษาครับ ศึกษาว่าวิกฤตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ศึกษาเกี่ยวกับฟองสบู่ กับการแตกของฟองสบู่ ศึกษาเกี่ยวกับจิตวิทยาของนักลงทุน กับ Economic และ Market Cycle ศึกษาเยอะๆ ถ้าอ่านไปสัก 10-20 เล่ม ผมเชื่อว่าเราน่าจะพัฒนาเซนส์ในการรับรู้ได้ว่า ความน่าจะเป็นในการเกิดวิกฤต ณ ขณะหนึ่งๆ มีมากน้อยขนาดไหน

ที่สำคัญ เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นแล้ว อย่างในเคสนี้ ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะมีอะไร จนกระทั่งเกิดเคสคุณป้ามหาภัยที่เกาหลี ตลอดจนตลาดขายหนักมากในสัปดาห์ถัดมา สุดสัปดาห์ตอนตลาดปิด ลองตบหน้าตัวเอง เอาน้ำราดหัว แล้วถอยออกมามอง มาวิเคราะห์สถานการณ์ดีๆ ด้วยความสงบที่ตัวเองได้ฝึกมาก่อนหน้านั้นแล้ว ถามตัวเองง่ายๆ ว่า Upside / Downside ตอนนี้เป็นอย่างไร ถ้าถือต่อมีโอกาสจะขึ้นได้มากขนาดไหน? ถ้าเราไม่มีหุ้นอยู่เราอยากจะมีหุ้นไหม? แล้วถ้าลง มันจะลงได้ขนาดไหน? พอผมพิจารณาโอกาส และความเสี่ยงจบ ผมได้ข้อสรุปว่าผมมีเวลาไม่นานในการ Take Action ผมก็กำหนดแผนในการขาย ในการเข้า Position ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์

พอต้นสัปดาห์มา ก็เดินหน้า ลุยตามแผน กัดฟันตัดแขน ตัดขา เท่าที่จำเป็น... อย่ากลัวเจ็บ อย่ากลัวเสียอวัยวะ กับเรื่องที่จะทำให้เราเสียชีวิต... มันจะเสียวๆ เจ็บๆ จี๊ดๆ ตอน ทำตามแผน ซึ่งถ้าไม่มีเครื่องมือในการจัดการกับใจตัวเอง สุดท้ายก็จบ เพราะ มนุษย์เรา ถูกออกแบบมาใน DNA ให้เวลากลัวมากๆ ตัวจะแข็ง Freeze หรือไม่ก็หนีตายโดยไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่ช่วงเวลาวิกฤต จำเป็นต้องมีเหตุผล มีจังหวะหยุด จังหวะกระทำ จังหวะถอย จังหวะลุก ซึ่งถ้าไม่เขียนออกมาเป็นแผนตอนที่ใจสงบๆ สุดท้าย พอกลับเข้าไปในตลาด ก็มืออ่อน เท้าอ่อน กดขายไม่ลง มีข้ออ้างให้กับตัวเองตลอดเวลา

ปล ผมไม่ได้ชื่อ ตี๋ ครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
nuthan
Verified User
โพสต์: 6
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 15

โพสต์

picatos เขียน:
เสาร์ มี.ค. 21, 2020 9:33 am
ไม่มันมีสูตรตายตัวหรอกครับ ถ้ามันมีสูตรตายตัว มันก็ไม่เป็นวิกฤตอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ สิ่งๆ นั้นก็จะไม่เกิดอยู่แล้ว

วิธีการ คือ ศึกษาครับ ศึกษาว่าวิกฤตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ศึกษาเกี่ยวกับฟองสบู่ กับการแตกของฟองสบู่ ศึกษาเกี่ยวกับจิตวิทยาของนักลงทุน กับ Economic และ Market Cycle ศึกษาเยอะๆ ถ้าอ่านไปสัก 10-20 เล่ม ผมเชื่อว่าเราน่าจะพัฒนาเซนส์ในการรับรู้ได้ว่า ความน่าจะเป็นในการเกิดวิกฤต ณ ขณะหนึ่งๆ มีมากน้อยขนาดไหน

ที่สำคัญ เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นแล้ว อย่างในเคสนี้ ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะมีอะไร จนกระทั่งเกิดเคสคุณป้ามหาภัยที่เกาหลี ตลอดจนตลาดขายหนักมากในสัปดาห์ถัดมา สุดสัปดาห์ตอนตลาดปิด ลองตบหน้าตัวเอง เอาน้ำราดหัว แล้วถอยออกมามอง มาวิเคราะห์สถานการณ์ดีๆ ด้วยความสงบที่ตัวเองได้ฝึกมาก่อนหน้านั้นแล้ว ถามตัวเองง่ายๆ ว่า Upside / Downside ตอนนี้เป็นอย่างไร ถ้าถือต่อมีโอกาสจะขึ้นได้มากขนาดไหน? ถ้าเราไม่มีหุ้นอยู่เราอยากจะมีหุ้นไหม? แล้วถ้าลง มันจะลงได้ขนาดไหน? พอผมพิจารณาโอกาส และความเสี่ยงจบ ผมได้ข้อสรุปว่าผมมีเวลาไม่นานในการ Take Action ผมก็กำหนดแผนในการขาย ในการเข้า Position ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์

พอต้นสัปดาห์มา ก็เดินหน้า ลุยตามแผน กัดฟันตัดแขน ตัดขา เท่าที่จำเป็น... อย่ากลัวเจ็บ อย่ากลัวเสียอวัยวะ กับเรื่องที่จะทำให้เราเสียชีวิต... มันจะเสียวๆ เจ็บๆ จี๊ดๆ ตอน ทำตามแผน ซึ่งถ้าไม่มีเครื่องมือในการจัดการกับใจตัวเอง สุดท้ายก็จบ เพราะ มนุษย์เรา ถูกออกแบบมาใน DNA ให้เวลากลัวมากๆ ตัวจะแข็ง Freeze หรือไม่ก็หนีตายโดยไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่ช่วงเวลาวิกฤต จำเป็นต้องมีเหตุผล มีจังหวะหยุด จังหวะกระทำ จังหวะถอย จังหวะลุก ซึ่งถ้าไม่เขียนออกมาเป็นแผนตอนที่ใจสงบๆ สุดท้าย พอกลับเข้าไปในตลาด ก็มืออ่อน เท้าอ่อน กดขายไม่ลง มีข้ออ้างให้กับตัวเองตลอดเวลา

ปล ผมไม่ได้ชื่อ ตี๋ ครับ

พี่พอจะมีหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาในการลงทุนแนะนำบ้างไหมครับผม
A57630

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 16

โพสต์

รอบนี้ส่วนตัวดวงช่วยครับ งบบริษัทที่ถืออยู่ออกมาใช้ได้แต่ดันเพิ่มทุน ซึ่งงบออกช่วงวิกฤติมาพอดี (เหมือนสูตรคณิตฯ ลบเจอลบเป็นบวก) เลยขายออกมาแบบไม่ลังเล ถ้างบดีPEต่ำกว่า10แล้วยังเติบโตสูง ปันผลสูง ผมเชื่อว่าผมไม่ขายและติดดอยไปกับวิกฤติทั้งพอร์ทแน่ๆครับ , แล้วเวลาวิกฤติมาใหม่ๆ มันจะมองผลกระทบไม่ออกจริงๆครับ ยิ่งนึกย้อนไปเรารู้สึกหุ้นเราถือมันถูกและโตมันจะขายไม่ลงครับ กว่าจะเห็นว่าวิกฤติที่เกิดมันเป็นลูกโซ่มาโดนหุ้นเรา พอร์ทเราคงเละเกินทำใจคัท

สรุป ผมว่าเวลาลงทุนหุ้นลงทุนแนววีไอ แต่ปรับพอร์ทตามสายเทคนิคบ้างก็ดีนะครับเพื่อลดความเสี่ยง เพราะสายเทคนิคกราฟเสียเค้าก็ล้างพอร์ทกันแล้วใช่มั๊ยครับ น่าจะรอดตายก่อนวีไอที่คิดว่าลงทุนถือยาวถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยน ซึ่งจริงๆในอนาคตมันอาจจะเปลี่ยนแต่เรามองไม่ออก จากผลกระทบจากวิกฤติที่เรายังเห็นภาพไม่ชัดตอนเริ่มต้น

ฟังเรื่องวิกฤติย้อนหลังมาเยอะ เจอจริงๆก็ยังยากตามที่บอกอ่ะครับขายไม่ทันแค่2วันตลาดหายไป200จุดแบบนี้มันก็ไม่ทันแล้ว

แต่ถ้าใครติดหุ้นไปแล้วผมแนะว่าอย่าคิดมาก ให้หาเงินก้อนใหม่มารอเข้าเพิ่มดีกว่า แต่ก็ต้องระวังแบบสุดๆแล้วนะครับ...
yamajung
Verified User
โพสต์: 282
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 17

โพสต์

picatos เขียน:
เสาร์ มี.ค. 21, 2020 9:33 am
ไม่มันมีสูตรตายตัวหรอกครับ ถ้ามันมีสูตรตายตัว มันก็ไม่เป็นวิกฤตอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ สิ่งๆ นั้นก็จะไม่เกิดอยู่แล้ว

วิธีการ คือ ศึกษาครับ ศึกษาว่าวิกฤตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ศึกษาเกี่ยวกับฟองสบู่ กับการแตกของฟองสบู่ ศึกษาเกี่ยวกับจิตวิทยาของนักลงทุน กับ Economic และ Market Cycle ศึกษาเยอะๆ ถ้าอ่านไปสัก 10-20 เล่ม ผมเชื่อว่าเราน่าจะพัฒนาเซนส์ในการรับรู้ได้ว่า ความน่าจะเป็นในการเกิดวิกฤต ณ ขณะหนึ่งๆ มีมากน้อยขนาดไหน

ที่สำคัญ เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นแล้ว อย่างในเคสนี้ ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะมีอะไร จนกระทั่งเกิดเคสคุณป้ามหาภัยที่เกาหลี ตลอดจนตลาดขายหนักมากในสัปดาห์ถัดมา สุดสัปดาห์ตอนตลาดปิด ลองตบหน้าตัวเอง เอาน้ำราดหัว แล้วถอยออกมามอง มาวิเคราะห์สถานการณ์ดีๆ ด้วยความสงบที่ตัวเองได้ฝึกมาก่อนหน้านั้นแล้ว ถามตัวเองง่ายๆ ว่า Upside / Downside ตอนนี้เป็นอย่างไร ถ้าถือต่อมีโอกาสจะขึ้นได้มากขนาดไหน? ถ้าเราไม่มีหุ้นอยู่เราอยากจะมีหุ้นไหม? แล้วถ้าลง มันจะลงได้ขนาดไหน? พอผมพิจารณาโอกาส และความเสี่ยงจบ ผมได้ข้อสรุปว่าผมมีเวลาไม่นานในการ Take Action ผมก็กำหนดแผนในการขาย ในการเข้า Position ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์

พอต้นสัปดาห์มา ก็เดินหน้า ลุยตามแผน กัดฟันตัดแขน ตัดขา เท่าที่จำเป็น... อย่ากลัวเจ็บ อย่ากลัวเสียอวัยวะ กับเรื่องที่จะทำให้เราเสียชีวิต... มันจะเสียวๆ เจ็บๆ จี๊ดๆ ตอน ทำตามแผน ซึ่งถ้าไม่มีเครื่องมือในการจัดการกับใจตัวเอง สุดท้ายก็จบ เพราะ มนุษย์เรา ถูกออกแบบมาใน DNA ให้เวลากลัวมากๆ ตัวจะแข็ง Freeze หรือไม่ก็หนีตายโดยไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่ช่วงเวลาวิกฤต จำเป็นต้องมีเหตุผล มีจังหวะหยุด จังหวะกระทำ จังหวะถอย จังหวะลุก ซึ่งถ้าไม่เขียนออกมาเป็นแผนตอนที่ใจสงบๆ สุดท้าย พอกลับเข้าไปในตลาด ก็มืออ่อน เท้าอ่อน กดขายไม่ลง มีข้ออ้างให้กับตัวเองตลอดเวลา

ปล ผมไม่ได้ชื่อ ตี๋ ครับ

ขอบคุณครับ
GENTECH
Verified User
โพสต์: 868
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ขอบคุณ ปสก มากครับ

ขออนุญาตแชร์นิดหน่อยนะครับ

ตอนนี้ผมอยู่เฉย ๆ ครับไม่ได้ทำอะไรเลย
เพราะผมเล่น short ไม่เป็น เลยไม่รู้จะทำยังไง
ใช้ชีวิตตามปกติ อาศัยฟังธรรมะเอาครับเลยทำใจได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1464
ผู้ติดตาม: 1

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 19

โพสต์

สมมุติย้อนเวลากลับไปได้นะครับ สูตรก็เหมือนเดิมครับ

1. ลงทุนในธุรกิจดี ๆ ที่เข้าใจ
2. อย่ากู้หนี้ยืมสินมาเล่น หุ้นที่ลงทุนส่วนนึงก็ควรมีสภาพคล่อง
3. กระจายความเสี่ยงในหลายอุตสาหกรรม สร้างพอร์ตโฟลิโอขึ้นมา
4. ไม่ซื้อหุ้นในราคาแพงเกินไป

ถ้าเราทำในสี่อย่างข้างบน เราก็เจ็บครับ แต่ไม่มีวันตาย ผมก็ผ่านวิกฤตแต่ละรอบมาด้วยแนวคิดแบบนี้
รอบนี้ก็ทำแบบนี้ครับ เจ็บน่ะเจ็บครับ เพราะผมถือหุ้นค่อนข้างเยอะตลอดเวลา แต่นี่คือต้นทุนชีวิตของการลงทุน
ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ จากการกด ๆ Steaming หรอกครับ

แต่ถ้าเป็น ณ เวลานี้แล้ว สิ่งที่ผมพอแนะนำได้
1. ถ้าเราทำงานไปลงทุนไปก็ง่ายมากเลยครับ เงินเดือนออกก็ทะยอยซื้อไปเรื่อย ๆ ครับ โดยยึดหลักสี่ข้อด้านบนที่ผมบอกครับ เกษียณอายุ สบายแน่นอน

2. คนน่ะ Panic พร้อมกันครับ ลงมาทั้งแผง แต่หุ้นน่ะแข็งแกร่งต่างกัน มูลค่าก็ต่างกัน ดังนั้นก็ควรแยกให้ออก

3. ควรคิด worst case ไว้ หุ้นที่ลงเยอะ ๆ ก็มีเหตุผลของมันครับ อย่าไปโลภสวนกระแส จนกว่าเราจะแน่ใจ หรือยอมรับความเสี่ยงได้

4. คนมีหุ้นอยู่เยอะ ๆ ก็ค่อย ๆ ทบทวนหุ้นแต่ละตัว จัดพอร์ตใหม่ โอกาสมีอยู่ทุกวันครับ

5. วิกฤตมาแบบไม่มีคนคิด ดังนั้นวิกฤตจะไปแบบไม่มีคนคิดเช่นเดียวกันครับ

สำหรับประสบการณ์ผมนะครับ
วิกฤตรอบที่แล้ว ผมลงทุนคนเดียว แถมจังหวะนั้นก็ไปเรียนต่อโทที่ตปท. โดดเดี่ยวมากครับ

วิกฤตรอบนั้น มันมืดยิ่งกว่ามืด เงินเก็บหายกว่าครึ่ง กำไรหายหมด แถมไม่ได้ทำงานด้วย ต้องเอาเงินควักมาเรียนหนังสือ วัน ๆ ประหยัดเงินกินแต่ข้าวเปล่ากับมันผัดกับ roommate คนจีน นั่งรถเมล์หนึ่งยูโรผมยังไม่กล้านั่งเลย ใช้เดินไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเอา

พอผ่านมาแล้ว เราก็เรียนรู้ และค่อย ๆ สร้างใหม่

มาวันนี้ผมมีเพื่อน ๆ ที่ลงทุนด้วยกันเป็นเพื่อนร่วมทางเต็มไปหมด มีอาจารย์ดี ๆ มีน้อง ๆ น่ารัก ที่เคยมาเรียนในหลักสูตรมากมาย

เหนือสิ่งอื่นใด เวลานี้ ผมมีคู่ชีวิต มีลูกสามคน ซื้อบ้านและวางหลักปักฐานให้ลูก ๆ ทุกคนเสร็จสิ้นแล้ว

แม้ว่าพอร์ตจะพังไปบ้าง แต่ถ้าเราพยายามมองรอบ ๆ ตัว มันก็มีมุมที่สวยงามเหลืออยู่ดีครับ

กรุง Rome กรุง London สร้างใหม่ตั้งหลายรอบครับ เปลวเพลิงทำลายแค่วัตถุ ที่เหลืออยู่คือจิตใจของผู้คน

ถ้าเราไม่ย่อท้อ เมืองที่สร้างใหม่ และ พอร์ตที่สร้างใหม่ มักจะสวยขึ้นยิ่งกว่าเดิมครับ ผมรับประกัน

ณ เวลานี้ คนลำบากกว่าคนในตลาดหุ้นมีเยอะแยะครับ
ผมถึงยังไม่ค่อยห่วงพอร์ตตัวเอง และไม่เป็นห่วงสมาชิก THAIVI เลยครับ

นี่มันเป็นแค่จุด ๆ เดียวในชีวิตการลงทุนของเราแน่นอนครับ
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
ภาพประจำตัวสมาชิก
watgolf
Verified User
โพสต์: 204
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 20

โพสต์

รอพี่ๆมาแนะนำกลยุทธ์อีกนะครับ

ขอบคุณครับ
krisps108
Verified User
โพสต์: 15
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ขอบคุณมากครับพี่ๆ รอฟังประสบการณดีๆ จากพี่อีกคนครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 22

โพสต์

Linzhi เขียน:
เสาร์ มี.ค. 21, 2020 7:06 pm
...

ณ เวลานี้ คนลำบากกว่าคนในตลาดหุ้นมีเยอะแยะครับ
ผมถึงยังไม่ค่อยห่วงพอร์ตตัวเอง และไม่เป็นห่วงสมาชิก THAIVI เลยครับ

นี่มันเป็นแค่จุด ๆ เดียวในชีวิตการลงทุนของเราแน่นอนครับ
ก่อนหน้านี้ พอพอร์ตใหญ่ถึงจุดหนึ่ง ผมไม่มีแรงบันดาลใจในการที่จะพยายามที่จะหาเงินเพิ่มเลยครับ พอเข้าวิกฤติช่วงแรกๆ จำเป็นต้องขยัน แต่ข้อสอบใหม่ที่เข้ามาก็ดูเหมือนจะทำได้ ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ก็ถามตัวเองว่า จะพยายามทำไปทำไม จะพยายามหาเพิ่มไปทำไม ในเมื่อชีวิตก็ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้ว

แต่พอมองไปรอบๆ ตัว วิกฤติครั้งนี้หนักหนานัก โดยเฉพาะกับคนรากหญ้าที่กำลังโดน หรือจะโดนผลกระทบอยู่ แม้ว่าหลายๆ คนจะไม่ตายเพราะโรค แต่ก็อาจจะอดตายเพราะความกลัวโรค บางทีที่คนอดตายเพราะความกลัวโรค อาจจะมากกว่าความตายจากโรคด้วยซ้ำ

เคยคิดเหมือนกันว่าอาชีพนักลงทุน เป็นอาชีพที่ไม่ค่อยได้สร้าง Productivity อะไรกับโลกใบนี้ ยิ่งผมเรียนจบตรีทางวิศวะมา เหมือนช่วงหนึ่งจะมีกระแสที่ตำหนิคนแบบผม ที่ทิ้งความรู้ความสามารถในการพัฒนาโลกให้ดีขึ้นแบบเป็นชิ้นเป็นอัน มาหาเงินแบบนี้โดยไม่ได้ทำอะไรให้โลกนี้ดีขึ้น

มาถึงตอนนี้ เหมือนจะพอมองเห็นประโยชน์ของอาชีพตัวเอง พอที่จะรู้สึกได้ว่า เราจะทำประโยชน์อะไรให้กับโลกใบนี้ได้ ในเวลาที่โลกนี้กำลังต้องการความช่วยเหลือ แล้วเรามีกำลัง มีความสามารถที่เกิดจากการมองปัญหาได้ล่วงหน้า ทำให้สามารถจัดสรรให้มีเงินและทรัพยากรในการที่จะเอามาช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากในช่วงนี้

ผมเลยตั้งงบในการบริจาค ในการเอาไปช่วยเหลือคนอื่นทุกๆ เดือน ค่อยทำให้รู้สึกว่าเงินที่หามาได้ มีค่า มีประโยชน์ขึ้นมาหน่อย ค่อยรู้สึกว่า ความพยายามในการหาเงินของเรา มีคุณค่ามีความหมายหน่อย

ขอเป็นส่วนหนึ่ง และอยากเชิญชวนเพื่อนๆ นักลงทุน ที่พอจะมีกำลัง มีเงินเหลือมากกว่าที่ต้องใช้ หากพอแบ่งมาได้ อยากให้ช่วยๆ กันแบ่งมันกลับไปสู่สังคม ช่วยคนที่จำเป็น ช่วยคนที่กำลังขาดแคลนอยู่บ้าง สักเล็กน้อย จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

ผมรู้ว่าในมุมของนักลงทุน ในยามนี้เราก็อยากจะเก็บเงินเอาไว้ให้มากที่สุดในการเอาไว้ใช้รับมือกับวิกฤติ และใช้ซื้อของถูกให้มากที่สุด แต่ถ้าเป็นไปได้ หากมองไปรอบๆ ตัว แล้วเห็นความลำบากที่กำลังเกิดขึ้น ต้นทุนค่าเสียโอกาสของเราในการทำให้กับตัวเองให้รวยขึ้นอีกเล็กน้อย ให้ตัวเรามีความสุขขึ้นอีกเล็กน้อยในอนาคต อาจจะช่วยต่อลมหายใจที่กำลังรวยริน ของคนบางคนที่กำลังจะตายอยู่ในขณะนี้

หากคุณกำลังแข็งแรงดี มั่นใจว่าเอาตัวรอดจากวิกฤตครั้งนี้ได้แน่ๆ สามารถพูดได้อย่างเชื่อมั่นว่า "แล้วมันก็จะผ่านไป" อยากให้ลองคิดถึงคนอื่นที่กำลังไม่รอด กำลังลำบากอยู่บ้าง อยากให้ช่วยกันเปลี่ยนวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาส ในการทำบุญใหญ่ ที่ร้อยปีอาจจะมีสักครั้ง ที่เราจะได้ช่วยคนในเวลาแบบนี้

สำหรับคนที่ยังไม่รอด และพยายามที่จะเอาตัวรอด อยากได้ไอเดียในการเอาตัวรอด ถามคำถามมาครับ ผมจะพยายามช่วยเท่าที่ผมจะช่วยได้ครับ จะตอบหากคิดว่าเป็นประโยชน์

ตอนแรกที่ผมตั้งใจจะไม่โพสต์อะไรที่ไหนอีกแล้ว แต่วิกฤติครั้งนี้รุนแรงยิ่งนัก หากไม่รังเกียจผมขอเป็นเทียน หรือ หิ่งห้อยตัวเล็กๆ ให้กับสังคมวีไอ ให้กับโลกใบนี้ ในยามที่ดูเหมือนว่าโลกนี้ช่างมืดมิดเสียเหลือเกิน เป็นแสงสว่างให้แก่กันและกัน และช่วยกันส่งต่อความสว่างและความอบอุ่นอันให้กับคนอื่นได้เท่าที่เราจะช่วยกันได้
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
happymom
Verified User
โพสต์: 104
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ขอบคุณคุณตี่ Picatos มากๆค่ะ ที่สอนให้รักษาใจก่อนอื่น
รวมถึงการเผื่อแผ่ผู้ที่กำลังลำบาก จะขอร่วมเป็นหิ่งห้อยด้วยค่ะ
แม้ port ตอนนี้ไม่ดีเลย แต่ก็คิดว่า “แล้วมันจะผ่านไป” ค่ะ
ขอบคุณนะคะ
smallpunk
Verified User
โพสต์: 171
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 24

โพสต์

picatos เขียน:
อาทิตย์ มี.ค. 22, 2020 3:41 am
เคยคิดเหมือนกันว่าอาชีพนักลงทุน เป็นอาชีพที่ไม่ค่อยได้สร้าง Productivity อะไรกับโลกใบนี้
จุดนี้เป็นจุดที่ผมคิดมาตลอดครับ เห็นมาหลายคนพอร์ต ร้อย พัน หมื่น เพิ่มขึ้นๆ แต่การริเริ่มหรือขับเคลื่อน productivity แทบไม่ได้มาจากอาชีพนี้เลยจริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
นายมานะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1116
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 25

โพสต์

ขอบคุณอาจารย์ picatos มากๆ เลยครับ ทั้งความรู้ด้านการลงทุนและข้อคิดดีๆ สำหรับการทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น ผมได้มีบริจาคเงินบางส่วนแล้วผ่านโครงการหาชุดหมีให้พี่หมอ แต่คิดว่ายังเล็กน้อยมากเทียบกับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ขอบคุณอาจารย์สำหรับคำแนะนำครับ
krisps108
Verified User
โพสต์: 15
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 26

โพสต์

picatos เขียน:
เสาร์ มี.ค. 21, 2020 9:33 am
ไม่มันมีสูตรตายตัวหรอกครับ ถ้ามันมีสูตรตายตัว มันก็ไม่เป็นวิกฤตอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ สิ่งๆ นั้นก็จะไม่เกิดอยู่แล้ว

วิธีการ คือ ศึกษาครับ ศึกษาว่าวิกฤตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ศึกษาเกี่ยวกับฟองสบู่ กับการแตกของฟองสบู่ ศึกษาเกี่ยวกับจิตวิทยาของนักลงทุน กับ Economic และ Market Cycle ศึกษาเยอะๆ ถ้าอ่านไปสัก 10-20 เล่ม ผมเชื่อว่าเราน่าจะพัฒนาเซนส์ในการรับรู้ได้ว่า ความน่าจะเป็นในการเกิดวิกฤต ณ ขณะหนึ่งๆ มีมากน้อยขนาดไหน

ที่สำคัญ เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นแล้ว อย่างในเคสนี้ ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะมีอะไร จนกระทั่งเกิดเคสคุณป้ามหาภัยที่เกาหลี ตลอดจนตลาดขายหนักมากในสัปดาห์ถัดมา สุดสัปดาห์ตอนตลาดปิด ลองตบหน้าตัวเอง เอาน้ำราดหัว แล้วถอยออกมามอง มาวิเคราะห์สถานการณ์ดีๆ ด้วยความสงบที่ตัวเองได้ฝึกมาก่อนหน้านั้นแล้ว ถามตัวเองง่ายๆ ว่า Upside / Downside ตอนนี้เป็นอย่างไร ถ้าถือต่อมีโอกาสจะขึ้นได้มากขนาดไหน? ถ้าเราไม่มีหุ้นอยู่เราอยากจะมีหุ้นไหม? แล้วถ้าลง มันจะลงได้ขนาดไหน? พอผมพิจารณาโอกาส และความเสี่ยงจบ ผมได้ข้อสรุปว่าผมมีเวลาไม่นานในการ Take Action ผมก็กำหนดแผนในการขาย ในการเข้า Position ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์

พอต้นสัปดาห์มา ก็เดินหน้า ลุยตามแผน กัดฟันตัดแขน ตัดขา เท่าที่จำเป็น... อย่ากลัวเจ็บ อย่ากลัวเสียอวัยวะ กับเรื่องที่จะทำให้เราเสียชีวิต... มันจะเสียวๆ เจ็บๆ จี๊ดๆ ตอน ทำตามแผน ซึ่งถ้าไม่มีเครื่องมือในการจัดการกับใจตัวเอง สุดท้ายก็จบ เพราะ มนุษย์เรา ถูกออกแบบมาใน DNA ให้เวลากลัวมากๆ ตัวจะแข็ง Freeze หรือไม่ก็หนีตายโดยไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่ช่วงเวลาวิกฤต จำเป็นต้องมีเหตุผล มีจังหวะหยุด จังหวะกระทำ จังหวะถอย จังหวะลุก ซึ่งถ้าไม่เขียนออกมาเป็นแผนตอนที่ใจสงบๆ สุดท้าย พอกลับเข้าไปในตลาด ก็มืออ่อน เท้าอ่อน กดขายไม่ลง มีข้ออ้างให้กับตัวเองตลอดเวลา

ปล ผมไม่ได้ชื่อ ตี๋ ครับ
รบกวนถามนะครับพี่

1. เราควรแบ่ง Port ทั้ง 3 (ยาว กลาง สั่น) สัดส่วนอย่างไรคับ
2. ในวิกฤตแบบนี้ หุ้นที่จะเพิ่มเข้าไปใน Port ควรเลือกหุ้นที่กะว่าจะถือยาวใช่ไหมครับ
3. ถ้าเรากะเข้า 3 ไม้ ความวางแผนเข้า ตอนลงกว่า ไม้แรก หรือ ให้ดูว่า ไม่ทำ new low แล้ว ค่อยเข้า ดีกว่าครับ
4. แต่ละตัวที่เข้าไม่ควรเกิน 20-25% ของPort อันนี้พี่แนะนำอย่างไรครับ
5. แล้วระหว่างทางมีเทคนิคการปรับพอร์ต อย่างไรครับ ที่จะสร้างพอร์ตให้โต

ขอบคุณมากเลยครับ
mu-ek
Verified User
โพสต์: 33
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ขอบคุณอาจารย์ picatos มากๆ เลยครับที่เป็นที่ปรึกษาให้เพื่อนๆ พี่ น้อง ในยามที่จิตใจอ่อนแอ
เห็นถึงความอบอุ่นของครอบครัว thaivi อย่างยิ่งเลยครับ
ปล.อาจเป็นเพราะความขี่ขาด เลยบาดเจ็บเล็กน้อยครับ
yoko
Verified User
โพสต์: 4337
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 28

โพสต์

หุ้นตกครั้งใหญ่มาถึงแล้ว โอกาสซื้อหุ้นดีๆถูกๆมีให้เลือกมากมาย
อ่านเยอะๆ หาที่ถูกใจ ได้ราคาเป้าหมาย ก็ซื้อและรอ
มีเงินก้อนใหม่จากปันผล เงินเดือน ก็ซื้อเพิ่ม
ขอให้โชคดีครับ
sukit2020
Verified User
โพสต์: 181
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 29

โพสต์

ผมผ่านวิกฤตปี 2008 มา ผมสามารถบอกและยืนยันจากประสบการณ์ได้เลยว่า ความสำเร็จ ความมั่งมี ที่ผมมีอยู่ที่วันนี้ ก็ได้มาจากการผ่านวิกฤตครั้งที่แล้ว

ดังนั้นเมื่อผมได้มาเจอกับวิกฤตครั้งนี้อีก ผมไม่กลัวนะ ผมดีใจมาก ดีใจที่ได้เจอมันอีก สถานการณ์ที่เราจะได้ทดสอบ เรียนรู้ และ สนุกกับการงาน การศึกษาการลงทุน เลยทำให้ชีวิตผมในช่วงนี้ ร่าเริง และมีพลังงานมากๆ
ระหว่างรอให้หุ้นลง เพื่อเก็บหุ้น ตั้งใจศึกษากิจการที่เราอยากจะลงทุน โอกาสช่วงนี้จะเยอะมาก ต้องศึกษาต้องอ่านเยอะมาก
2. ราคาหุ้นไม่ทำ lower low มีข่าวร้ายที่หนักกว่าเดิม แต่ราคาหุ้นไม่ลงไปมากกว่าเดิม (คนที่ถอดใจสุดๆ เลิกเล่นหุ้นขายแล้ว แต่ก็ไม่ลงไปต่ำกว่าเดิม)

3. ถ้ามอง scenario เป็น V-Shape ราคาอาจจะเป็น double bottom แล้วเด้ง แต่ผมว่า เคสนี้น่าจะซึมๆ volume บางๆ เป็น U shape มากกว่า ช่วงเก็บหุ้นน่าจะยาวๆ คนจะไม่อยากพูดถึงเรื่องหุ้น หันไปสนใจเรื่องอื่นกัน
มาหาหุ้นตีแตกอะไรช่วงนี้ครับ หาทางรอดวิกฤตดีกว่าไหมครับ? รอดให้ได้ก่อน ค่อยทำกำไรครับ ถ้ายังไม่รอด อย่าคิดทำกำไร
สำหรับคนที่ยังไม่รอด และพยายามที่จะเอาตัวรอด อยากได้ไอเดียในการเอาตัวรอด ถามคำถามมาครับ ผมจะพยายามช่วยเท่าที่ผมจะช่วยได้ครับ จะตอบหากคิดว่าเป็นประโยชน์

ตอนแรกที่ผมตั้งใจจะไม่โพสต์อะไรที่ไหนอีกแล้ว แต่วิกฤติครั้งนี้รุนแรงยิ่งนัก หากไม่รังเกียจผมขอเป็นเทียน หรือ หิ่งห้อยตัวเล็กๆ ให้กับสังคมวีไอ ให้กับโลกใบนี้ ในยามที่ดูเหมือนว่าโลกนี้ช่างมืดมิดเสียเหลือเกิน เป็นแสงสว่างให้แก่กันและกัน และช่วยกันส่งต่อความสว่างและความอบอุ่นอันให้กับคนอื่นได้เท่าที่เราจะช่วยกันได้
ขอบคุณอาจารย์ picatos มากๆ เลยครับที่กลับมาโพสต์ให้ความรู้ และคำแนะนำในช่วงสำคัญอย่างนี้
เพราะผมเชื่อว่าหลายคน (รวมถึงตัวผม) กำลังหาทางเอาตัวรอด จากวิกฤตินี้อยู่ เพราะขึ้นชื่อว่าวิกฤติมักมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว เผลอแป๊บเดียวพอร์ตอาจจะเสียหาย 20-40% ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้เป็นจุดยากที่จะตัดสินใจว่าจะทนถือ หรือจะขายหนีออกมาก่อน

ในมุมมองของอาจารย์ตี่ คิดว่าผลกระทบวิกฤติครั้งนี้ต่อตลาดหุ้นไทยจะหนักและยาวนานแค่ไหน เพราะดูจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิท19 ของไทยและของโลกก็แย่ลงเรื่อยๆ การลงของ SET ตอนนี้คือ 28%จากต้นปี ถือเป็นการลงที่เหมาะสมแล้ว หรือเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นของการลงของวิกฤติรอบนี้ครับ (ในความเห็น อ.ตี่)

ขออนุญาตเกาะแสงเทียน เดินตาม อ.ตี่ ออกจากถ้ำด้วย..ครับ :)
panuwaww
Verified User
โพสต์: 162
ผู้ติดตาม: 0

Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?

โพสต์ที่ 30

โพสต์

ส่วนตัวผมมองเรื่องการบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องแรกคับ
พยามคิด worst case scenario กับพอร์ทการลงทุนของเรา เพื่อบริหารความเสี่ยง
โดยส่วนตัวเคยผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง แต่ละครั้งราคาหุ้นมันจะลงจนเราคาดไม่ถึง
ถ้าเรามีการบริหารความเสี่ยงที่ดี การที่เราถือหุ้นอยู่บ้างในช่วงวิกฤติ (ไม่ใช่ถือหุ้นเต็มพอร์ท) มันจะไม่ทำให้สภาพจิตใจเราแย่ลงไปด้วย
โพสต์โพสต์