เอาข่าวมาฝากครับ แฟนๆ มอเตอร์ไซด์
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 788
- ผู้ติดตาม: 0
เอาข่าวมาฝากครับ แฟนๆ มอเตอร์ไซด์
โพสต์ที่ 1
คัดลอกจาก หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
เกี่ยวกับ ยอดขายมอเตอร์ไซด์ และ สินเชื่อมอเตอร์ไซด์
ฟังหู ไว้หู นะครับ พิจารณาด้วยเหตุผล
เมื่อเดือน ประมาณ พฤษภาคม ผมอ่าน ฐานเศรษฐกิจ เห็นว่ายอด สี่เดือนแรก
ยังโตอยู่ ดูท่าตอนนี้คงเริ่มชะลอตัวลงบ้าง
ข้างล้างเป็นบทความที่ตัดมาบางส่วน ถ้าจะอ่านทั้งหมด กดเข้า Link นี้ ครับ
http://www.bangkokbiznews.com/2006/07/0 ... d=20999740
-------------------------------------------------------------------------
เศรษฐกิจพ่นพิษจักรยานยนต์ซึมยาว ยอดไฟแนนซ์ยึดรถในกทม.พุ่ง
ค่ายรถจักรยานยนต์ "ยามาฮ่า" ชี้เศรษฐกิจชะลอตัวจากราคาน้ำมัน ดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลต่อตลาดรวมสองล้อทรงตัวที่ 2 ล้านคัน เผยอัตราการยึดรถของไฟแนนซ์ในกรุงเทพฯ พุ่ง 30% จากการแข่งขันแคมเปญเงินดาวน์ต่ำ
นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทย ยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันที่มีปัจจัยลบราคาน้ำมันแพง ดอกเบี้ยขาขึ้น และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคในตลาดรถจักรยานยนต์ คาดว่า ยอดจำหน่ายปีนี้จะทรงตัวที่ประมาณ 2 ล้านคัน และยังเป็นแนวโน้มที่จะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง 2-3 ปีจากนี้ โดยตัวเลขดังกล่าวยังถือว่าเหมาะสมกับกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวไทยและสัดส่วนผู้ใช้ที่ 3-4 คน/รถจักรยานยนต์ 1 คัน
เกี่ยวกับ ยอดขายมอเตอร์ไซด์ และ สินเชื่อมอเตอร์ไซด์
ฟังหู ไว้หู นะครับ พิจารณาด้วยเหตุผล
เมื่อเดือน ประมาณ พฤษภาคม ผมอ่าน ฐานเศรษฐกิจ เห็นว่ายอด สี่เดือนแรก
ยังโตอยู่ ดูท่าตอนนี้คงเริ่มชะลอตัวลงบ้าง
ข้างล้างเป็นบทความที่ตัดมาบางส่วน ถ้าจะอ่านทั้งหมด กดเข้า Link นี้ ครับ
http://www.bangkokbiznews.com/2006/07/0 ... d=20999740
-------------------------------------------------------------------------
เศรษฐกิจพ่นพิษจักรยานยนต์ซึมยาว ยอดไฟแนนซ์ยึดรถในกทม.พุ่ง
ค่ายรถจักรยานยนต์ "ยามาฮ่า" ชี้เศรษฐกิจชะลอตัวจากราคาน้ำมัน ดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลต่อตลาดรวมสองล้อทรงตัวที่ 2 ล้านคัน เผยอัตราการยึดรถของไฟแนนซ์ในกรุงเทพฯ พุ่ง 30% จากการแข่งขันแคมเปญเงินดาวน์ต่ำ
นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทย ยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันที่มีปัจจัยลบราคาน้ำมันแพง ดอกเบี้ยขาขึ้น และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคในตลาดรถจักรยานยนต์ คาดว่า ยอดจำหน่ายปีนี้จะทรงตัวที่ประมาณ 2 ล้านคัน และยังเป็นแนวโน้มที่จะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง 2-3 ปีจากนี้ โดยตัวเลขดังกล่าวยังถือว่าเหมาะสมกับกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวไทยและสัดส่วนผู้ใช้ที่ 3-4 คน/รถจักรยานยนต์ 1 คัน
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
-
- Verified User
- โพสต์: 200
- ผู้ติดตาม: 0
เอาข่าวมาฝากครับ แฟนๆ มอเตอร์ไซด์
โพสต์ที่ 2
ยอดขายรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์ภายในประเทศคงไม่เติบโตเหมือนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแล้วครับ
แต่เห็นได้ข่าวว่า ยอดการส่งออกยังเติบโตดีอยู่ครับ โตโยต้าเองก็เพิ่งจะขยายโรงงานเพิ่มนะ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์/จักยานยนต์ น่าจะยังพอไปได้นะผมว่า
แต่ที่ไม่รู้ว่าจะแย่รึเปล่าคือ คนปล่อยกู้ซื้อรถมอเตอร์ไซด์ แข่งกันค่อนข้างเดือดจริงๆ ยอดเบี้ยวหนี้ก็พุ่ง จะลงทุนต้องระวังดีๆ
แต่เห็นได้ข่าวว่า ยอดการส่งออกยังเติบโตดีอยู่ครับ โตโยต้าเองก็เพิ่งจะขยายโรงงานเพิ่มนะ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์/จักยานยนต์ น่าจะยังพอไปได้นะผมว่า
แต่ที่ไม่รู้ว่าจะแย่รึเปล่าคือ คนปล่อยกู้ซื้อรถมอเตอร์ไซด์ แข่งกันค่อนข้างเดือดจริงๆ ยอดเบี้ยวหนี้ก็พุ่ง จะลงทุนต้องระวังดีๆ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
เอาข่าวมาฝากครับ แฟนๆ มอเตอร์ไซด์
โพสต์ที่ 4
ก็ขาดมืออยู่แล้วอ่ะครับคุณhot แปลกประหลาดใจตรงไหนครับ......ที่น่าแปลกธุระกิจรับจำนำ ทะเบียนมอเตอร์ไซด์
หรือรถยนต์ ตัวเลขพุ่งขึ้นสูง มากจนผมประหลาดใจว่า
คนไทยกำลังเงินขาดมือหรือไงกัน
ราคาน้ำมันขึ้นสูงที่สุดตั้งแต่โลกเราถือกำเนิดมา ข้าวของก็ต้องแพงตาม รายได้เท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นนิดหน่อย รายจ่ายมากกว่าเดิม ยิ่งช่วงนี้เปิดเทอมใหม่
ก็ต้องเข้าโรงจำนำสิครับ.....อิอิ
มีกลุ่มโอเปคมั้งครับที่อู้ฟู่หน่อย ที่เหลือก็อ่วมกันทั้งนั้นแหละครับ......
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
เอาข่าวมาฝากครับ แฟนๆ มอเตอร์ไซด์
โพสต์ที่ 6
ไม่หรอกครับ....ใช้เงินกู้ก็เสียดอกแพง ดอกเงินฝากนิดเดียวเองจะเก็บไว้ทำไม
แบบว่าคนรวยก็ร้วยรวยมีเงินฝากเยอะแยะ คนจนก็จ๊นจนอ่ะครับเงินไม่มีก็เข้าโรงจำนำ ฮิฮิ
แบบว่าคนรวยก็ร้วยรวยมีเงินฝากเยอะแยะ คนจนก็จ๊นจนอ่ะครับเงินไม่มีก็เข้าโรงจำนำ ฮิฮิ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
เอาข่าวมาฝากครับ แฟนๆ มอเตอร์ไซด์
โพสต์ที่ 7
บัตรเครดิตเริ่มมีสัญญาณค้างชำระเพิ่มขึ้น เคทีซีส่งเจ้าหน้าที่ทวงถามสกัดไม่ให้ยอดพุ่ง ยอมรับต้องระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น ขณะที่ภาวะน้ำมันแพงและอัตราดอกเบี้ยพุ่งทำให้ประชาชนหันมาใช้บริการมากขึ้น ด้าน กนง. ระบุไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเฟด
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี ยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณอัตราค้างชำระในธุรกิจบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิต โดยอัตราค้างชำระได้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 2.85% เป็น 3% และสินเชื่อบุคคลมีอัตราค้างชำระเพิ่มจาก 8% เป็น 9% อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามทวงถาม ก็สามารถหยุดตัวเลขอัตราค้างชำระไม่ให้เพิ่มขึ้นได้
"จากตัวเลขอัตราค้างชำระที่เพิ่มขึ้น ทำให้เห็นว่าในสถานการณ์ขณะนี้ จะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกิจ โดยบริษัทได้อนุมัติสินเชื่อบุคคลในสัดส่วนประมาณ 30% ของยอดขอสินเชื่อเท่านั้น และในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิตจะอนุมัติ 50% ของจำนวนผู้ขอ" นายนิวัตต์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย กล่าวด้วยว่า จากภาวะราคาน้ำมันและทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนมีความต้องการใช้บริการสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิต แต่บริษัทก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการอนุมัติ
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาชมรมบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทยได้เสนอไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอให้พิจารณาผ่อนปรนให้ลูกค้าบัตรเครดิตสามารถผ่อนชำระขั้นต่ำ 5% ต่อไปอีก ขณะเดียวกันก็ได้ขอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่งปัจจุบัน ธปท.กำหนดเพดานไว้ที่ไม่เกิน 18% ทำให้ผู้ให้บริการได้รับผลกระทบ เพราะอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ได้ปรับขึ้นไปมากแล้ว ทำให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ให้บริการเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิตที่ ธปท. กำหนดเพดานไว้ที่ 18% นั้น ธปท.กำหนดตั้งแต่อัตราดอกเบี้ยอาร์พีอยู่ที่ 2% แต่ขณะนี้ขยับไปที่ 5% อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนออกมาในเรื่องดังกล่าว
ด้านนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม หนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมสัปดาห์นี้ กนง. ก็ไม่จำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ระยะ 14 วันของไทยตาม
"อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นตาม เพราะปัจจัยหลักของ กนง. ต้องดูภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ภาวะเงินเฟ้อและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกัน" นายจักรมณฑ์ กล่าว
ทั้งนี้ เฟดจะประชุมในวันที่ 28-29 มิถุนายน 2549 โดยตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% มาที่ระดับ 5.25% และคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนสิงหาคม ขณะที่ดอกเบี้ยอาร์พี ระยะเวลา 14 วันของไทย ขณะนี้อยู่ที่ 5.00% ขณะที่ กนง.จะประชุมเพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในวันที่ 19 กรกฎาคม หลังขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ไปเมื่อ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา เนื่องจากมีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอัตราดอกเบี้ยอาร์พีในปัจจุบันนับเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 7 ปี
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี ยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณอัตราค้างชำระในธุรกิจบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิต โดยอัตราค้างชำระได้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 2.85% เป็น 3% และสินเชื่อบุคคลมีอัตราค้างชำระเพิ่มจาก 8% เป็น 9% อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามทวงถาม ก็สามารถหยุดตัวเลขอัตราค้างชำระไม่ให้เพิ่มขึ้นได้
"จากตัวเลขอัตราค้างชำระที่เพิ่มขึ้น ทำให้เห็นว่าในสถานการณ์ขณะนี้ จะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกิจ โดยบริษัทได้อนุมัติสินเชื่อบุคคลในสัดส่วนประมาณ 30% ของยอดขอสินเชื่อเท่านั้น และในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิตจะอนุมัติ 50% ของจำนวนผู้ขอ" นายนิวัตต์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย กล่าวด้วยว่า จากภาวะราคาน้ำมันและทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนมีความต้องการใช้บริการสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิต แต่บริษัทก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการอนุมัติ
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาชมรมบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทยได้เสนอไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอให้พิจารณาผ่อนปรนให้ลูกค้าบัตรเครดิตสามารถผ่อนชำระขั้นต่ำ 5% ต่อไปอีก ขณะเดียวกันก็ได้ขอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่งปัจจุบัน ธปท.กำหนดเพดานไว้ที่ไม่เกิน 18% ทำให้ผู้ให้บริการได้รับผลกระทบ เพราะอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ได้ปรับขึ้นไปมากแล้ว ทำให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ให้บริการเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิตที่ ธปท. กำหนดเพดานไว้ที่ 18% นั้น ธปท.กำหนดตั้งแต่อัตราดอกเบี้ยอาร์พีอยู่ที่ 2% แต่ขณะนี้ขยับไปที่ 5% อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนออกมาในเรื่องดังกล่าว
ด้านนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม หนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมสัปดาห์นี้ กนง. ก็ไม่จำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ระยะ 14 วันของไทยตาม
"อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นตาม เพราะปัจจัยหลักของ กนง. ต้องดูภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ภาวะเงินเฟ้อและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกัน" นายจักรมณฑ์ กล่าว
ทั้งนี้ เฟดจะประชุมในวันที่ 28-29 มิถุนายน 2549 โดยตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% มาที่ระดับ 5.25% และคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนสิงหาคม ขณะที่ดอกเบี้ยอาร์พี ระยะเวลา 14 วันของไทย ขณะนี้อยู่ที่ 5.00% ขณะที่ กนง.จะประชุมเพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในวันที่ 19 กรกฎาคม หลังขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ไปเมื่อ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา เนื่องจากมีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอัตราดอกเบี้ยอาร์พีในปัจจุบันนับเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 7 ปี
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
เอาข่าวมาฝากครับ แฟนๆ มอเตอร์ไซด์
โพสต์ที่ 8
กู้ได้ยากขึ้น
ท้ายสุดคนไทยจะหันไปกู้นอกระบบอยู่ดี
นี่เป็นความจริง
ที่คนไทยเข้าใจผิดเกี่ยวกับเงินกู้
คือ
การได้เงินมา โดยไม่สนภาระการผ่อนจ่าย
กู้ในระบบ หนึหนี้ง่ายกว่า
กู้ในระบบ หนีหนี้ยาก แต่ยอมจ่ายทุกงวด
หรือเขาชอบการบังคับกันนะสงสัย
ท้ายสุดคนไทยจะหันไปกู้นอกระบบอยู่ดี
นี่เป็นความจริง
ที่คนไทยเข้าใจผิดเกี่ยวกับเงินกู้
คือ
การได้เงินมา โดยไม่สนภาระการผ่อนจ่าย
กู้ในระบบ หนึหนี้ง่ายกว่า
กู้ในระบบ หนีหนี้ยาก แต่ยอมจ่ายทุกงวด
หรือเขาชอบการบังคับกันนะสงสัย