การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
HolmesB
Verified User
โพสต์: 13
ผู้ติดตาม: 0
พุธ ส.ค. 01, 2018 7:44 pm | 0 คอมเมนต์
ตามแนวคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เป็นคุณจะเลือกลงทุนหุ้นตัวไหนระหว่าง
1) ลงทุนกับหุ้นที่ผันผวน แต่บริษัทมีการเติบโตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
2) ลงทุนกับหุ้นราคาถูกที่คนให้ความสนใจ ในขณะที่ค่าความนิยมของบริษัทลดลง
มาแสดงความคิดเห็นกันหน่อยนะครับ
HB.
yoko
Verified User
โพสต์: 4337
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ส.ค. 02, 2018 9:12 am | 0 คอมเมนต์
เลือกข้อ1ครับ แต่ลงทุนเฉพาะตอนหุ้นผันผวนดิ่งลงมาจนดูว่าราคาถูก
dr1
Verified User
โพสต์: 842
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ส.ค. 02, 2018 11:51 am | 0 คอมเมนต์
ผมเข้าใจถูกมั้ย ว่า
1. หมายถึงหุ้นเติบโต แต่ราคาผันผวน(เน้นที่ตัวกิจการ)
2. หมายถึงหุ้นถูกกว่ามูลค่า ที่ตลาดไม่สนใจ(เน้นที่นายตลาด) น่าจะเป็นหุ้นธรรมดา ไม่โต ตะวันตกดินไรงั้น
ถ้าเป็น”วีไอ” ก็ทั้ง1,2หมายถึงหุ้นที่”ถูกกว่ามูลค่า” วีไอลงทุนได้ทั้งสองตัวล่ะฮะ
แต่ส่วนตัวผม ถ้าลงทุนยาวก็ข้อ1.ฮะ
เพราะยังไม่เก่งพอ และรวยพอ จะลงทุนหุ้นที่ตลาดไม่สนใจให้ตลาดหันมามองได้
วีไอเยอะทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องตังค์ ตอบคำถาม
samatah
AnieLee
Verified User
โพสต์: 1436
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ส.ค. 02, 2018 1:40 pm | 0 คอมเมนต์
เห็นด้วยกับพี่หมอหนึ่ง dr1 ครับ
ก็ลงทุนทั้ง 2 แบบเลย ขอให้มีความเสี่ยงไม่มาก ในราคาที่เหมาะสม (ก็ต่ำกว่ามูลค่าในอนาคตนั่นล่ะครับ) ไม่จำเป็นต้องไปยึดติดแนวหุ้นกับทางใดทางหนึ่ง หากไปจำกัด ตัวเลือกก็ยิ่งเหลือน้อยลงด้วยครับ เพียงพิจารณาว่า ลงทุนหุ้นที่คุ้มค่าในราคาที่เหมาะสม ก็ดีทั้งนั้นครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ส.ค. 02, 2018 5:57 pm | 0 คอมเมนต์
เลือกซื้อหุ้นที่ชื่อประเทศอินเดียครับ
Night90
Verified User
โพสต์: 138
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ ส.ค. 03, 2018 10:50 am | 0 คอมเมนต์
เลือกข้อ 1 ครับ แต่ถ้า เป็นหุ้นถูกที่คนไม่สนใจ จะเลือกข้อ 2 แต่ในเมื่อ เงิน 1 ก้อนโยนไปได้หลาย บ.ผมว่าโยนไปใส่มันหมดนั่นหล่ะ ยอมที่จะพอร์ทโตช้า แต่สนุกสนานในการถือมากกว่า
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ส.ค. 07, 2018 9:18 am | 0 คอมเมนต์
ลงทุนแบบ1 ครับด้วยหลักการ 2 เรื่อง
1. ต้องดูว่าสินทรัพย์ที่ถือเป็นทรัพย์สินหรือหนี้สิน
ถ้าเป็นทรัพย์สิน มันต้อง generate รายได้ที่สูงขึ้นทุกปีจากกระแสเงินสดสุทธิรับในอนาคต แต่ถ้าเป็นหนี้สิน มันจะ generate cash น้อยลงจนกระทั่งอาจจะทำให้กระแสเงินสดสุทธิติดลบในอนาคต
ซึ่งมูลค่าหุ้นมันดูกันตรงนี้หละ และดูว่ามันเพิ่มค่าทุกปีหรือไม่ หรือมันด้อยค่าลงทุกปี
สรุปง่ายๆ คือต้องมี growthจึงถือยาวได้
2. ต้องดูผลตอบแทนเทียบกับทางเลือกการลงทุนแบบอื่นเพราะการลงทุนมีหลายทางเลือกในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว เช่น หุ้นกู้ พันธบัตร หุ้น ทองคำ และทางเลือกอื่นๆเรียกว่าทุกการลงทุนมันมีค่าเสียโอกาสของเงินบนทางเลือกลงทุนต่างๆซึ่งปกติเราจะดูผลตอบแทนผ่านอัตราผลตอบแทนทบต้นของทรัพย์สินในระยะยาวนั้นเอง คือต้นทุนกับมูลค่าหุ้น
การที่ growth stock มีความผันผวน ก็ทำให้เราสามารถเข้าลงทุนในราคาต้นทุนที่ต่ำเทียบกับข้อ1 คือมูลค่าหุ้นในอนาคตที่ได้รับ อย่างน้อยก็ควรลงทุนในผลตอบแทนทบต้นระยะยาวที่สูงกว่าทางเลือกในการลงทุนทรัพย์สินอื่นครับ
ถ้าลงทุน growth stock ที่ราคาสูงมากไป สุดท้ายเราอาจได้ผลตอบแทนทบต้นในอนาคตที่ต่ำกว่าการลงทุนอื่นก็ได้
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของหุ้น growth คือจะอิ่มตัวเมื่อใดคงไม่สามารถโตได้ตลอดไปอันนี้ต้องอาศัยความรู้ในธุรกิจและประสบการณ์ครับ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger