อคติ vs การเรียนรู้ / โดย Dome Perth

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
always24
Verified User
โพสต์: 820
ผู้ติดตาม: 0

อคติ vs การเรียนรู้ / โดย Dome Perth

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อคติ vs การเรียนรู้

คนเราหากยังไม่เคยกิน “บัวลอยไข่เค็มมะพร้าวอ่อน” ก็จะคิดว่า “ลอดช่องแตงไทย” อร่อยที่สุดในอาหารประเภทขนมหวานไทย หากยังไม่เคยเคี้ยว “บอระเพ็ด” ก็จะคิดว่า “มะระขี้นก” มันเป็นสิ่งที่ขมที่สุดแล้ว

ผมขอเปรียบเทียบในเรื่องของหนทางของการลงทุนว่า เราอย่าพึ่งไปตัดสินหรือปักใจ ต่อมุมมองความคิดของเราเป็นใหญ่ ทำให้มองหุ้นของตนในแต่ทางที่ตนชอบแล้วปักใจว่าเป็นหุ้นที่ดีที่สุด บางทีหากเราได้ฟังได้การวิเคราะห์มุมมอง เหตุผลของคนอื่น เราอาจมีได้เจอหุ้นที่ดีกว่าหุ้นของเราหรือหุ้นที่เราชอบก็ได้

จากประสบการณ์ของผม ได้เห็นได้อ่านกระทู้หุ้นรายตัว จากเวปบอร์ดต่างๆ โดยเฉพาะบอร์ดร้อยคนร้อยหุ้นในเวปไทยวีไอ ในช่วงเวลา 4-5 ปีก่อน เป็นช่วงหุ้นขาขึ้น เป็นช่วงกระทิงดุมากๆ แน่นอนว่ามันย่อมมีความผันผวนค่อยข้างสูงเช่นกัน ซึ่งมีดราม่าเกิดขึ้นกับหุ้นหลายตัวมากๆ เหตุจากการหลงรักหุ้นของตัวเอง อยากปกป้องไม่ให้ราคาหุ้นถูกกระทบในทางลบ ทำให้ปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลหรือความเห็นในทางลบโดยสิ้นเชิง

ตลอดระยะเวลา 10ปีที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้ว่าการปิดกั้น การไม่เปิดใจรับการเรียนรู้ ไม่ขยายขอบเขตความรู้ มันคือการปิดกั้นโอกาสที่จะเห็นสิ่งดีกว่าที่เรามีอยู่ สิ่งหนึ่งที่มันคอยขัดขวางอยู่การเรียนรู้ของเรา คือ ทิฐิมานะ หรือ น้ำเต็มแก้ว หรือ ความฝังใจในอะไรสักอย่าง ความโกรธ ความน้อยใจ ความผิดหวังเสียใจในอดีต หรือ ความหลงชอบ สิ่งเหล่านี้นี้แหละ มันคือ “อคติ” มันตัวทำให้ใจเราปิดกั้นการรับรู้ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ปิดกั้นการลองทำสิ่งที่แตกต่างจากเดิมที่เราทำอยู่คิดอยู่ เมื่อวันเวลามันผ่านไป ผมลองมองย้อนหลัง จะเห็นหลายเหตุการณ์ หากเรายังปิดกั้นตัวเองอยู่ตรงนั้น คงไม่ได้มายืนในจุดนี้ได้เป็นแน่

ผมเห็นว่า เราควรละวาง และก้าวข้าม อคติ หรือ ปัจจัยที่เป็นสิ่งกีดขวางพวกนี้ลงซะ แล้วเราน่าจะเบาตัวขึ้น เดินได้เร็วขึ้น …เรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ดีขึ้นเร็วขึ้น ซึ่งมันเป็นเหตุปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในลงทุน แม้กระทั่งการดำเนินชีวิต

ผมเชื่อว่าเราทุกคนมีเป้าหมายชีวิต เดียวกัน คือความสำเร็จในหน้าที่การงาน การลงทุน การนำทางไปสู่ความสุขสบายในวันข้างหน้า ของตนและครอบครัว

ซึ่งแต่ละคน อาจเลือกทางเดินไปได้หลายแบบ ตรงบ้าง โค้งบ้าง อุปสรรคบ้าง ราบรื่นบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรระลึกอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเลือกเดินทางไหนมันไม่ได้ปูด้วยกลีบกุหลาบ หรือราบรื่นขนาดที่มันจะทำรันเวย์ให้คุณเทคออฟเหาะเหินเดินอากาศ ถึงเป้าหมายความสำเร็จได้ง่าย

เราต้องใช้ความใส่ใจพยายามหาความรู้สะสมประสบการณ์ มุ่งมั่น ลงมือทำสม่ำเสมอ และออดทนรอให้ได้ แล้วเป้าหมายมันจะเข้ามาใกล้เราเองในวันหนึ่ง สิ่งสำคัญระหว่าทาง ขอแค่อย่าให้มี “อคติ” ที่จะมาปิดกั้นการเรียนรู้ของเรา หากเราละวางมันลง เปิดใจกว้าง แล้วเราจะรู้ว่า ความสนุกและความสุข มันเกิดจากการได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น และมันไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเป้าหมาย มันเกิดขึ้นในระหว่างทางที่เรากำลังเดินนี่แหละ.

ขอบคุณพี่นักลงทุนใจดี Dome Perth
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: อคติ vs การเรียนรู้ / โดย Dome Perth

โพสต์ที่ 2

โพสต์

พี่โดมเขียนได้ดีมากเลยครับ ผมขออนุญาตแจมหน่อยนะครับ

จริงๆ แล้วเมื่อเราลงทุนถึงจุดหนึ่ง เราก็มักจะเริ่มเห็นปัญหาของอคติ คำถามที่ตามมา คือ เราจะทำอย่างไรให้ไม่มีอคติในการลงทุน?

จากที่ผมได้ศึกษามา เครื่องมือในการกำจัดอคติที่ดีที่สุด ก็คือ การฝึกสมาธิในทางพุทธ เพราะ เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิดีแล้ว จนถึงระดับที่เข้าถึงสภาพจิตที่เป็นอิสระ หลุดพ้น ปลดเปลื้องจิต จากการเกาะกุม ปรุงแต่ง สภาพนั้นจะเป็นสภาพจิตที่ใส สะอาด ปราศจากอคติ ควรแค่แก่การงาน สามารถที่จะมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ตามความเป็นจริง เหมาะสมแก่การเอาไปใช้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เป็นฐานที่มั่นให้เกิดปัญญาต่างๆ ได้

โดยธรรมชาติแล้ว จิต มีสภาพ หน้าที่ในการ "รับรู้" หากจิตอยู่ในสภาพที่สับสนวุ่นวาย สกปรก ขุ่นมัว เหมือนน้ำที่ขุ่นคลัก การจะมองเห็น หรือรับรู้สิ่งต่างๆ ให้ชัดเจนก็ทำได้ยาก จึงเป็นผลทำให้เห็นผิด คิดผิด พูดผิด และทำผิด ทั้งหมดนี้เป็นผลอันเนื่องมาจากการรับรู้ของเราที่มีสิ่งสกปรกเจือปนอยู่

แต่ถ้าหากน้ำถูกทำให้ใส ฝุ่น ละอองต่างๆ ถูกทำให้ตกตระกอน การจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ศึกษาสิ่งต่างๆ ก็ทำได้ง่าย ชัดเจน เมื่อเห็น เมื่อสังเกตุสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ตามความเป็นจริง เราก็สามารถที่จะวิเคราะห์การลงทุน ทั้งข้อดี ข้อเสีย ปัจจัยที่สำคัญต่อความสำเร็จในการลงทุนได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น มีอคติน้อยลง ซึ่งเครื่องมือในการทำน้ำให้ใส ก็คือ สมาธินั่นเอง

วิธีในการเข้าถึงสภาพจิตที่เป็นสมาธิ เราจะมีเครื่องมือที่เรียกว่า "กรรมฐาน" ซึ่งแปลว่า ฐานที่มั่นที่โน้มจิตเข้าไปทำงานเพื่อให้เกิดสมาธิ ซึ่งคนแต่ละคนก็มีเครื่องมือในการเข้าถึงสมาธิที่เหมาะสมแตกต่างกัน บางคนอาจจะเหมาะกับโน้มจิตเข้าไปดูลมหายใจ บางคนเหมาะกับการดูสี ดูดิน น้ำ ไฟ ลม บางคนอาจจะเหมาะกับการระลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ของทาน ศีล เป็นต้น

แต่ละคนจะใช้เครื่องมืออะไรก็แล้วแต่ แต่เป้าหมายก็เพื่อให้จิตเข้าถึงสภาพที่ควรค่าแก่การงาน เป็นจิตที่สงบ เป็นอิสระจากความวุ่นวาย โดยวิธีการที่ใช้ คือ เราจะโน้มจิตไปที่อารมณ์เป้าหมาย หรืออารมณ์กรรมฐานนั้นบ่อยๆ เนื่องๆ โดยไม่ให้ความสนใจกับอารมณ์ที่เข้ามาขัดขวางสิ่งที่เรากำลังใช้เป็นเป้าหมายมากนัก ไม่ใช่ปฏิเสธไม่ให้มันเกิดนะครับ เพียงแต่เมื่อเกิดก็ไม่ต้องให้ความสนใจสิ่งที่ไม่ใช่เป้าหมายมากนัก เมื่อจิตโน้มเข้าไปสนใจเป้าหมายจนจิตเกาะติดได้ ก็จะเกิดสภาพจิตที่เป็นสมาธิขึ้นเอง

ทั้งนี้สภาพจิตที่เป็นสมาธินี้มีระดับที่หลากหลาย หยาบ ละเอียด ลุ่มลึกแบ่งได้เป็นขั้นๆ ยิ่งเข้าถึงสภาพที่สงบลุ่มลึกลงไปได้มากเท่าไร สภาพความพร้อมของจิตที่ออกจากสมาธิ แล้วเอาจิตนั้นๆ ไปใช้งาน ยิ่งมีกำลังที่แตกต่างกันตามลำดับขั้น ระดับขั้นที่จิตพอที่จะเป็นอิสระจากอคติ คือ สมาธิในระดับขั้นที่เรารับรู้ถึงตัวจิตได้อย่างชัดเจน โดยเป็นอิสระจากทางกายโดยสมบูรณ์แล้ว กล่าวคือ สภาพของสมาธิที่ไม่สนใจกายแล้ว ทิ้งกาย เหลือแต่จิต

ระดับของสมาธิในขั้นนี้ถ้าเข้าถึงได้ จะทำให้การลงทุนง่ายขึ้นมาก เพราะ สภาพจิตจะมีความพร้อมที่จะเห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นแค่กระบวนการปรุงแต่งของเหตุปัจจัย และจะทำให้เราเห็นข้อดี ข้อเสีย ปัจจัยที่สำคัญของการลงทุนได้ชัดเจนมายิ่งขึ้น ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น มีอคติน้อยลง
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: อคติ vs การเรียนรู้ / โดย Dome Perth

โพสต์ที่ 3

โพสต์

https://m.facebook.com/story.php?story_ ... 0446254070

เมื่อจิตสงบ ก็จะเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
dome@perth
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4740
ผู้ติดตาม: 0

Re: อคติ vs การเรียนรู้ / โดย Dome Perth

โพสต์ที่ 4

โพสต์

โอ้ววว...ไม่ได้เข้ามา คอมเมนต์ในบอร์ดนานมากกก แล้วบทความนี้น่าจะได้มาจากเพจหุ้นใน FB ...ขอบคุณนัองตี่ picatos สำหรับคอมเม้นค์และลิ้งค์ FB ครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง
"
โพสต์โพสต์