ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง VI
- Skyforever
- Verified User
- โพสต์: 1203
- ผู้ติดตาม: 0
ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง VI
โพสต์ที่ 1
(สำหรับคนพอร์ตไม่ใหญ่ ไม่ถึง 9 หลัก)
การลงทุนตามแนวทาง VI ได้พลิกชีวิตการลงทุนของผมมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน ชีวิตการลงทุนดีขึ้นแต่ไม่ถึงกับสุดยอด ผมเข้ามาติดกับดักซ้ำแล้วซ้ำอีกบนเส้นทางนี้ถึง 5 ปี จึงจะสามารถก้าวข้ามมาได้ และผลตอบแทนสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกมหาศาล ผมไม่อยากให้คนอื่นๆต้องมาเสียเวลาติดกับดักบนเส้นทางนี้เหมือนผม ผมจึงอยากแบ่งปันแนวคิดให้เพื่อนๆพี่น้องนักลงทุนได้อ่านและพิจารณาดูว่า เนื้อหาส่วนใดที่อาจจะเป็นประโยชน์จะได้นำไปประยุกต์ใช้ได้ แต่ถ้าไม่เห็นด้วยหรือคิดว่าไม่เป็นประโยชน์ก็สามารถมาแลกเปลี่ยนความคิด หรือมองข้ามไปได้นะครับ
(ปล. ผมลงทุนโดยไม่ใช้กราฟในการซื้อหรือขายหุ้นเลยนะครับ และไม่ได้เล่น Tfex หรือ ตลาด Future/Option เลย ใช้ปัจจัยพื้นฐานในการเลือกซื้อหุ้นอย่างเดียว)
ผมเริ่มเข้าสู่ตลาดหุ้นครั้งแรกในปี 2002 แต่เล่นหุ้นแบบมั่วๆเป็นเวลาถึง 4 ปี จนกระทั่งหมดตัวในปี 2005 แถมมีหนี้ติดตัวมาอีก ชีวิตก็ตกต่ำลงมาก ใช้ชีวิตแบบเบลอๆ เรื่องอนาคตเรื่องความหวังความฝันก็ดับมืด เลิกคิดไปเลย วันๆจดจ่อแต่กับหน้าที่และงานที่ต้องทำ จนกระทั่งปีเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2008 เห็นราคาหุ้นลงมามาก จึงได้ตัดสินใจเอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 2-3 หมื่นบาทกลับเข้ามาในตลาดหุ้นอีกครั้ง โดยเริ่มศึกษาหุ้นจริงจัง และได้รู้จักกับ VI เป็นครั้งแรกในชีวิต อ่านหนังสือของ ดร.นิเวศน์ และหนังสือแปลเกี่ยวกับวอร์เรน บัฟเฟตต์ มาจำนวนหลายสิบเล่ม จนซึมซับวิธีคิดเข้ามาเป็น Mindset การลงทุนของตัวเอง ผลที่ได้คือ สามารถลงทุนสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้นมาก ชนะตลาดปีละ 12-18% ต่อเนื่อง 3 ปีติด คือปี 2009-2011 หลังจากนั้นเมื่อมีความมั่นใจมากขึ้นจึงเริ่มใช้บัญชีมาร์จิ้นกู้เงินมาซื้อหุ้น แต่กลับแพ้ตลาดต่อเนื่อง 2 ปี คือปี 2012-2013 จึงเลิกใช้บัญชีมาร์จิ้นอีกเลย และกลับมา ทบทวนว่าเราผิดพลาดตรงไหน เมื่อดูนักลงทุนเก่งๆหลายๆคนก็สามารถสร้างผลตอบแทนมากๆได้โดยไม่ใช้มาร์จิ้น และศึกษาวิธีคิดของคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ นำมาปรับเปลี่ยน mindset ใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้น ชีวิตการลงทุนผมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะผมสามารถสร้างผลตอบแทนได้เกิน 100% ได้ต่อเนื่องกันถึงปัจจุบัน คือปี 2014-2016 และผมอยากจะแชร์ให้ฟังว่า ทำไมในช่วงแรกที่ผมเดินตามเส้นทาง VI ถึงได้ผลตอบแทนที่ดีพอใช้เท่านั้น ไม่สามารถทำผลตอบแทนที่ดีมากๆได้ ผมติดกับดักความคิด VI บางอย่าง ทันทีที่หลุดจากกับดักความคิดเหล่านั้น ชีวิตการลงทุนของผมก็เปลี่ยนไปทันที กับดักเหล่านั้นมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันครับ
กับดักความคิดที่ 1: "อย่าโลภ อย่าคาดหวังสูง การลงทุนแบบ VI คาดหวังผลตอบแทนอย่างมากแค่ 15-20% ต่อปีก็เก่งแล้ว ขนาดคนเก่งๆระดับโลกอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังทำได้แค่ 19.7% จากปี 1965 ถึงปี 2012 เท่านั้นเอง"
ความจริงคือ: สมัยก่อนผมก็มีความคิดอนุรักษ์นิยมเช่นนี้ แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ในระหว่างประชุมผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway วอร์เรน บัฟเฟตต์ บอกว่า เขารู้จักเป็นการส่วนตัวกับคน 6 คนที่สามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ 50% ต่อปี ด้วยเงินลงทุนที่ไม่มากนัก และถ้าย้อนไปในปี 1999 เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขารับประกันว่าเขาสามารถทำผลตอบแทนได้ถึง 50% ต่อปีแน่นอนหากเขามีเงินทุนเพียง 1 ล้านเหรียญเท่านั้น ตามคำพูดนี้
“If I was running $1 million today, or $10 million for that matter, I’d be fully invested. Anyone who says that size does not hurt investment performance is selling. The highest rates of return I’ve ever achieved were in the 1950s. I killed the Dow. You ought to see the numbers. But I was investing peanuts then. It’s a huge structural advantage not to have a lot of money. I think I could make you 50% a year on $1 million. No, I know I could. I guarantee that.”
แน่นอนเพราะในสมัยที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังมีพอร์ตไม่ใหญ่นัก ประมาณ 1 ล้านเหรียญ ในตอนที่ยังไม่ได้ตั้งบริษัทขึ้นมา ประมาณทศวรรษที่ 1950 เขาทำผลงานได้สูงถึง 60% ต่อปี ดังนั้นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องเปลี่ยนคือเปลี่ยนความคิด อย่าคิดหรือทำอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ ในปัจจุบันนี้ แต่จงคิดเหมือน วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในช่วงก่อนปี 2000 หรือถ้ามามองในไทย หลายปีก่อนเคยได้ยิน พี่โจ อนุรักษ์ บุญแสวง ให้สัมภาษณ์ว่าสามารถทำผลตอบแทนได้มากกว่า 50% ต่อเนื่องกันนานเกือบสิบปี แสดงว่าการคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนแนว VI ให้ได้มากกว่า 50% ต่อปีในขณะที่พอร์ตของเรายังไม่ใหญ่ขนาดหลายร้อยล้าน หลายพันล้าน ย่อมเป็นเรื่องที่ควรทำ และเป็นไปได้
อ้างอิง
http://basehitinvesting.com/how-buffett ... -per-year/
http://www.thebuffett.com/performance.html#.WH2gQ1N96Uk
http://www.businessinsider.com/warren-b ... kshire-hat…
กับดักความคิดที่ 2: "ถือหุ้นเหมือนเป็นเจ้าของกิจการ ถือตราบที่บริษัทยังดีอยู่ (รักหุ้น)"
ความจริงคือ: แนวคิดนี้ฝังในหัวผมตลอด 5 ปีแรกของการลงทุนในเส้นทาง VI ผมเองเคยเป็นคนที่รักหุ้นมาก เคยศึกษาทุ่มเทเจาะลึกจนเข้าใจกิจการหลายๆอย่างในเชิงลึก รู้สึกมั่นใจและรู้สึกผูกพันกับบริษัทนั้นๆโดยไม่รู้ตัว และคิดไบอัสว่ารู้จักบริษัทนั้นๆดี พยายามจะถือหุ้นกับบริษัทไปนานๆโดยไม่ได้คิดว่ามีหุ้นตัวอื่นที่ดีกว่า ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ผิด เพราะการทำแบบนี้ทำให้ข้อได้เปรียบของการเป็นนักลงทุนที่แตกต่างจากการเป็นเจ้าของกิจการนั้นหมดไป และทำให้ข้อได้เปรียบของการเป็นรายย่อยหมดไปด้วยเช่นกัน ในขณะที่เรามีพอร์ตไม่ใหญ่นัก การซื้อขายหุ้นทำได้ง่ายและเร็ว การหาหุ้นหาบริษัทใหม่ๆที่น่าลงทุนกว่า เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำอยู่เสมอๆ เราจะต้องคิดว่าอาจจะมีบางบริษัทที่ดีกว่าหุ้นที่เราถือแต่เรายังค้นหาไม่เจออยู่เสมอ ทำให้เราพยายามหาหุ้นใหม่ๆ และมีการปรับพอร์ตเปลี่ยนหุ้นเป็นระยะ เพื่อให้ได้บริษัทที่จะสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่พอร์ตของเรา
กับดักความคิดที่ 3: "ผลตอบแทนสูงๆต้องแลกมาด้วยการเสี่ยงมากขึ้น หุ้นตัวเล็กๆที่ขึ้นแรงๆเป็นหุ้นปั่นทั้งนั้น"
ความจริงคือ: ความคิดแบบนี้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการลงทุนอย่างมาก ผมเองก็เคยเป็น ทำให้เราตีกรอบตัวเองว่าห้ามมองหาหุ้นที่ผลตอบแทนสูงๆ ทุกครั้งที่เห็นหุ้นบางตัวขึ้นแรงๆต่อเนื่องเราก็จะเหมาว่าเป็นหุ้นปั่นไปหมด ทั้งที่ความจริงไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป ในตลาดหุ้นทุกวันนี้ไม่ได้มีประสิทธิภาพตลอดเวลา หุ้นบางตัวปัจจัยพื้นฐานดีขึ้นมาก บางตัวคนเพิ่งจะมองเห็นเข้าใจพื้นฐานที่ดีของบริษัท ก็เข้ามาซื้อพร้อมๆกันทำให้ราคาขึ้นเร็ว ผมเองยังเจอหุ้นที่ราคาไม่สมเหตุสมผลอยู่เป็นระยะ ดังนั้นเราไม่ควรจำกัดตีกรอบความคิดตัวเองแคบๆ เราควรเปิดกว้างทางความคิด และพร้อมจะศึกษาค้นหาเหตุผลว่าทำไมหุ้นเหล่านั้นถึงปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง เพราะไม่ใช่ทุกตัวที่ขึ้นแรงๆจะเป็นหุ้นปั่น
เมื่อเราเข้าใจความจริง 3 ข้อนี้แล้ว ความคิดและใจของเราจะเปิดรับมากขึ้น เราจะพยายามศึกษาหาคำตอบ หาบริษัทที่จะสร้างผลตอบแทนที่สูงๆให้เรามากขึ้น แน่นอนว่าไม่ง่าย แต่มีอยู่จริง แต่ถ้าเรายังไม่ปรับเปลี่ยนความคิด ใจเราก็จะไม่เปิดรับ เราจะปฏิเสธทุกๆโอกาส ทุกๆหุ้นที่อาจจะให้ผลตอบแทนสูงมากๆ ที่เข้ามาในชีวิตของเรา ดังนั้นเริ่มต้นที่วิธีคิดก่อน ส่วนวิธการนั้นไม่ใช่เรื่องยาก มีคนสอนกันอยู่มากมาย
การลงทุนตามแนวทาง VI ได้พลิกชีวิตการลงทุนของผมมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน ชีวิตการลงทุนดีขึ้นแต่ไม่ถึงกับสุดยอด ผมเข้ามาติดกับดักซ้ำแล้วซ้ำอีกบนเส้นทางนี้ถึง 5 ปี จึงจะสามารถก้าวข้ามมาได้ และผลตอบแทนสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกมหาศาล ผมไม่อยากให้คนอื่นๆต้องมาเสียเวลาติดกับดักบนเส้นทางนี้เหมือนผม ผมจึงอยากแบ่งปันแนวคิดให้เพื่อนๆพี่น้องนักลงทุนได้อ่านและพิจารณาดูว่า เนื้อหาส่วนใดที่อาจจะเป็นประโยชน์จะได้นำไปประยุกต์ใช้ได้ แต่ถ้าไม่เห็นด้วยหรือคิดว่าไม่เป็นประโยชน์ก็สามารถมาแลกเปลี่ยนความคิด หรือมองข้ามไปได้นะครับ
(ปล. ผมลงทุนโดยไม่ใช้กราฟในการซื้อหรือขายหุ้นเลยนะครับ และไม่ได้เล่น Tfex หรือ ตลาด Future/Option เลย ใช้ปัจจัยพื้นฐานในการเลือกซื้อหุ้นอย่างเดียว)
ผมเริ่มเข้าสู่ตลาดหุ้นครั้งแรกในปี 2002 แต่เล่นหุ้นแบบมั่วๆเป็นเวลาถึง 4 ปี จนกระทั่งหมดตัวในปี 2005 แถมมีหนี้ติดตัวมาอีก ชีวิตก็ตกต่ำลงมาก ใช้ชีวิตแบบเบลอๆ เรื่องอนาคตเรื่องความหวังความฝันก็ดับมืด เลิกคิดไปเลย วันๆจดจ่อแต่กับหน้าที่และงานที่ต้องทำ จนกระทั่งปีเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2008 เห็นราคาหุ้นลงมามาก จึงได้ตัดสินใจเอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 2-3 หมื่นบาทกลับเข้ามาในตลาดหุ้นอีกครั้ง โดยเริ่มศึกษาหุ้นจริงจัง และได้รู้จักกับ VI เป็นครั้งแรกในชีวิต อ่านหนังสือของ ดร.นิเวศน์ และหนังสือแปลเกี่ยวกับวอร์เรน บัฟเฟตต์ มาจำนวนหลายสิบเล่ม จนซึมซับวิธีคิดเข้ามาเป็น Mindset การลงทุนของตัวเอง ผลที่ได้คือ สามารถลงทุนสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้นมาก ชนะตลาดปีละ 12-18% ต่อเนื่อง 3 ปีติด คือปี 2009-2011 หลังจากนั้นเมื่อมีความมั่นใจมากขึ้นจึงเริ่มใช้บัญชีมาร์จิ้นกู้เงินมาซื้อหุ้น แต่กลับแพ้ตลาดต่อเนื่อง 2 ปี คือปี 2012-2013 จึงเลิกใช้บัญชีมาร์จิ้นอีกเลย และกลับมา ทบทวนว่าเราผิดพลาดตรงไหน เมื่อดูนักลงทุนเก่งๆหลายๆคนก็สามารถสร้างผลตอบแทนมากๆได้โดยไม่ใช้มาร์จิ้น และศึกษาวิธีคิดของคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ นำมาปรับเปลี่ยน mindset ใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้น ชีวิตการลงทุนผมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะผมสามารถสร้างผลตอบแทนได้เกิน 100% ได้ต่อเนื่องกันถึงปัจจุบัน คือปี 2014-2016 และผมอยากจะแชร์ให้ฟังว่า ทำไมในช่วงแรกที่ผมเดินตามเส้นทาง VI ถึงได้ผลตอบแทนที่ดีพอใช้เท่านั้น ไม่สามารถทำผลตอบแทนที่ดีมากๆได้ ผมติดกับดักความคิด VI บางอย่าง ทันทีที่หลุดจากกับดักความคิดเหล่านั้น ชีวิตการลงทุนของผมก็เปลี่ยนไปทันที กับดักเหล่านั้นมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันครับ
กับดักความคิดที่ 1: "อย่าโลภ อย่าคาดหวังสูง การลงทุนแบบ VI คาดหวังผลตอบแทนอย่างมากแค่ 15-20% ต่อปีก็เก่งแล้ว ขนาดคนเก่งๆระดับโลกอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังทำได้แค่ 19.7% จากปี 1965 ถึงปี 2012 เท่านั้นเอง"
ความจริงคือ: สมัยก่อนผมก็มีความคิดอนุรักษ์นิยมเช่นนี้ แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ในระหว่างประชุมผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway วอร์เรน บัฟเฟตต์ บอกว่า เขารู้จักเป็นการส่วนตัวกับคน 6 คนที่สามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ 50% ต่อปี ด้วยเงินลงทุนที่ไม่มากนัก และถ้าย้อนไปในปี 1999 เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขารับประกันว่าเขาสามารถทำผลตอบแทนได้ถึง 50% ต่อปีแน่นอนหากเขามีเงินทุนเพียง 1 ล้านเหรียญเท่านั้น ตามคำพูดนี้
“If I was running $1 million today, or $10 million for that matter, I’d be fully invested. Anyone who says that size does not hurt investment performance is selling. The highest rates of return I’ve ever achieved were in the 1950s. I killed the Dow. You ought to see the numbers. But I was investing peanuts then. It’s a huge structural advantage not to have a lot of money. I think I could make you 50% a year on $1 million. No, I know I could. I guarantee that.”
แน่นอนเพราะในสมัยที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังมีพอร์ตไม่ใหญ่นัก ประมาณ 1 ล้านเหรียญ ในตอนที่ยังไม่ได้ตั้งบริษัทขึ้นมา ประมาณทศวรรษที่ 1950 เขาทำผลงานได้สูงถึง 60% ต่อปี ดังนั้นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องเปลี่ยนคือเปลี่ยนความคิด อย่าคิดหรือทำอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ ในปัจจุบันนี้ แต่จงคิดเหมือน วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในช่วงก่อนปี 2000 หรือถ้ามามองในไทย หลายปีก่อนเคยได้ยิน พี่โจ อนุรักษ์ บุญแสวง ให้สัมภาษณ์ว่าสามารถทำผลตอบแทนได้มากกว่า 50% ต่อเนื่องกันนานเกือบสิบปี แสดงว่าการคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนแนว VI ให้ได้มากกว่า 50% ต่อปีในขณะที่พอร์ตของเรายังไม่ใหญ่ขนาดหลายร้อยล้าน หลายพันล้าน ย่อมเป็นเรื่องที่ควรทำ และเป็นไปได้
อ้างอิง
http://basehitinvesting.com/how-buffett ... -per-year/
http://www.thebuffett.com/performance.html#.WH2gQ1N96Uk
http://www.businessinsider.com/warren-b ... kshire-hat…
กับดักความคิดที่ 2: "ถือหุ้นเหมือนเป็นเจ้าของกิจการ ถือตราบที่บริษัทยังดีอยู่ (รักหุ้น)"
ความจริงคือ: แนวคิดนี้ฝังในหัวผมตลอด 5 ปีแรกของการลงทุนในเส้นทาง VI ผมเองเคยเป็นคนที่รักหุ้นมาก เคยศึกษาทุ่มเทเจาะลึกจนเข้าใจกิจการหลายๆอย่างในเชิงลึก รู้สึกมั่นใจและรู้สึกผูกพันกับบริษัทนั้นๆโดยไม่รู้ตัว และคิดไบอัสว่ารู้จักบริษัทนั้นๆดี พยายามจะถือหุ้นกับบริษัทไปนานๆโดยไม่ได้คิดว่ามีหุ้นตัวอื่นที่ดีกว่า ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ผิด เพราะการทำแบบนี้ทำให้ข้อได้เปรียบของการเป็นนักลงทุนที่แตกต่างจากการเป็นเจ้าของกิจการนั้นหมดไป และทำให้ข้อได้เปรียบของการเป็นรายย่อยหมดไปด้วยเช่นกัน ในขณะที่เรามีพอร์ตไม่ใหญ่นัก การซื้อขายหุ้นทำได้ง่ายและเร็ว การหาหุ้นหาบริษัทใหม่ๆที่น่าลงทุนกว่า เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำอยู่เสมอๆ เราจะต้องคิดว่าอาจจะมีบางบริษัทที่ดีกว่าหุ้นที่เราถือแต่เรายังค้นหาไม่เจออยู่เสมอ ทำให้เราพยายามหาหุ้นใหม่ๆ และมีการปรับพอร์ตเปลี่ยนหุ้นเป็นระยะ เพื่อให้ได้บริษัทที่จะสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่พอร์ตของเรา
กับดักความคิดที่ 3: "ผลตอบแทนสูงๆต้องแลกมาด้วยการเสี่ยงมากขึ้น หุ้นตัวเล็กๆที่ขึ้นแรงๆเป็นหุ้นปั่นทั้งนั้น"
ความจริงคือ: ความคิดแบบนี้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการลงทุนอย่างมาก ผมเองก็เคยเป็น ทำให้เราตีกรอบตัวเองว่าห้ามมองหาหุ้นที่ผลตอบแทนสูงๆ ทุกครั้งที่เห็นหุ้นบางตัวขึ้นแรงๆต่อเนื่องเราก็จะเหมาว่าเป็นหุ้นปั่นไปหมด ทั้งที่ความจริงไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป ในตลาดหุ้นทุกวันนี้ไม่ได้มีประสิทธิภาพตลอดเวลา หุ้นบางตัวปัจจัยพื้นฐานดีขึ้นมาก บางตัวคนเพิ่งจะมองเห็นเข้าใจพื้นฐานที่ดีของบริษัท ก็เข้ามาซื้อพร้อมๆกันทำให้ราคาขึ้นเร็ว ผมเองยังเจอหุ้นที่ราคาไม่สมเหตุสมผลอยู่เป็นระยะ ดังนั้นเราไม่ควรจำกัดตีกรอบความคิดตัวเองแคบๆ เราควรเปิดกว้างทางความคิด และพร้อมจะศึกษาค้นหาเหตุผลว่าทำไมหุ้นเหล่านั้นถึงปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง เพราะไม่ใช่ทุกตัวที่ขึ้นแรงๆจะเป็นหุ้นปั่น
เมื่อเราเข้าใจความจริง 3 ข้อนี้แล้ว ความคิดและใจของเราจะเปิดรับมากขึ้น เราจะพยายามศึกษาหาคำตอบ หาบริษัทที่จะสร้างผลตอบแทนที่สูงๆให้เรามากขึ้น แน่นอนว่าไม่ง่าย แต่มีอยู่จริง แต่ถ้าเรายังไม่ปรับเปลี่ยนความคิด ใจเราก็จะไม่เปิดรับ เราจะปฏิเสธทุกๆโอกาส ทุกๆหุ้นที่อาจจะให้ผลตอบแทนสูงมากๆ ที่เข้ามาในชีวิตของเรา ดังนั้นเริ่มต้นที่วิธีคิดก่อน ส่วนวิธการนั้นไม่ใช่เรื่องยาก มีคนสอนกันอยู่มากมาย
ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ กำไรเพราะไม่โลภ ลงทุนอย่างมีความสุขเพราะจิตใจอยู่เหนืออารมณ์ตลาด
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
-
- Verified User
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 5
ข้อ 2 สำหรับผมทำยากอยู่ครับ
กำลังพยายามจะแบ่ง Port สำหรับตัวที่ถือยาว ลืมๆ ออกไปอีกพอร์ตอยู่
กำลังพยายามจะแบ่ง Port สำหรับตัวที่ถือยาว ลืมๆ ออกไปอีกพอร์ตอยู่
- TBJTBT
- Verified User
- โพสต์: 404
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณสำหรับหรับไอเดียการลงทุนดีๆครับ
2-3 ปีมานี้ผมก็ติดกับดักตามที่คุณ Skyforever กล่าวมาอยู่ไม่น้อย
พอพอร์ตมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ผลตอบแทนกลับลดลง บางปีมีขาดทุนด้วย
ยังยึดอยู่กับแนวทางเดิมๆ ตั้งเป้าผลตอบแทนไว้ค่อนข้างต่ำ
ไม่ค่อยเปิดรับสิ่งใหม่ๆ หรือวิธีการใหม่ๆ มากนัก
เพิ่มมาปรับแนวการลงทุนใหม่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจในระดับนึง
เรื่องรักหุ้นนี่ก็ใช่เลยเช่นกัน ทั้งหุ้นสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าขวัญใจชาวต่างจังหวัด
และหุ้นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ปันผลสูง ตั้งแต่หลัง subprime เป็นต้นมา
หุ้นสองตัวนี้ให้ผลตอบแทนกับผมจนพอร์ตมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก
แต่ช่วงหลังผลประกอบการดูไม่สวยงามเท่าไหร่ แต่ก็ยังถือต่อ แถมซื้อเพิ่มนิดๆด้วย
เพราะเราคิดว่าเราเข้าใจกิจการ เรารู้เรื่องราวความเป็นไปของบริษัทไม่น้อย
ชีวิตเราดีขึ้นมาเพราะหุ้นเหล่านี้ จนผมเพิกเฉยกับหุ้นตัวอื่นๆ หรือ ลงทุนในสัดส่วนไม่มาก
ขาดโอกาสการทำกำไรไปอย่างน่าเสียดาย ในขณะที่หุ้นทั้งสองตัวนั้นกลับให้ผลตอบแทนติดลบ
หลังจากทีคิดได้ และขายออกไป แม้จะไม่ขาดทุน แต่มูลค่าในพอร์ตก็หายไปเยอะอยู่พอสมควร
ตอนนี้วิธีการลงทุนของผมเปลี่ยนไปพอสมควร
แต่ก็ยังอยู่บนแนวคิดของ VI และ ปัจจัยพื้นฐาน ไม่ได้สนใจอะไรกับแนว Technical
คิดแต่เพียงว่าเราต้องขยายขอบเขตความรู้ ความชำนาญของเราออกไปให้มากขึ้น
เปิดรับสิ่งใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ แต่ยังคงมีจุดยืนในแนวทางการลงทุนแบบที่ตัวเองถนัดอยู่เช่นเดิม
ตลอดจนขจัดอคติในการลงทุนออกไปให้มากที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น อคติเรื่องของกลุ่มพลังงานซึ่งเป็น commodities ทำให้ผมพลาด IVL กับ PTTEP ไปในปีที่แล้ว
และสำคัญที่สุดคือ ผมเน้นเรื่องของ Portfolio management มากขึ้นครับ
2-3 ปีมานี้ผมก็ติดกับดักตามที่คุณ Skyforever กล่าวมาอยู่ไม่น้อย
พอพอร์ตมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ผลตอบแทนกลับลดลง บางปีมีขาดทุนด้วย
ยังยึดอยู่กับแนวทางเดิมๆ ตั้งเป้าผลตอบแทนไว้ค่อนข้างต่ำ
ไม่ค่อยเปิดรับสิ่งใหม่ๆ หรือวิธีการใหม่ๆ มากนัก
เพิ่มมาปรับแนวการลงทุนใหม่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจในระดับนึง
เรื่องรักหุ้นนี่ก็ใช่เลยเช่นกัน ทั้งหุ้นสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าขวัญใจชาวต่างจังหวัด
และหุ้นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ปันผลสูง ตั้งแต่หลัง subprime เป็นต้นมา
หุ้นสองตัวนี้ให้ผลตอบแทนกับผมจนพอร์ตมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก
แต่ช่วงหลังผลประกอบการดูไม่สวยงามเท่าไหร่ แต่ก็ยังถือต่อ แถมซื้อเพิ่มนิดๆด้วย
เพราะเราคิดว่าเราเข้าใจกิจการ เรารู้เรื่องราวความเป็นไปของบริษัทไม่น้อย
ชีวิตเราดีขึ้นมาเพราะหุ้นเหล่านี้ จนผมเพิกเฉยกับหุ้นตัวอื่นๆ หรือ ลงทุนในสัดส่วนไม่มาก
ขาดโอกาสการทำกำไรไปอย่างน่าเสียดาย ในขณะที่หุ้นทั้งสองตัวนั้นกลับให้ผลตอบแทนติดลบ
หลังจากทีคิดได้ และขายออกไป แม้จะไม่ขาดทุน แต่มูลค่าในพอร์ตก็หายไปเยอะอยู่พอสมควร
ตอนนี้วิธีการลงทุนของผมเปลี่ยนไปพอสมควร
แต่ก็ยังอยู่บนแนวคิดของ VI และ ปัจจัยพื้นฐาน ไม่ได้สนใจอะไรกับแนว Technical
คิดแต่เพียงว่าเราต้องขยายขอบเขตความรู้ ความชำนาญของเราออกไปให้มากขึ้น
เปิดรับสิ่งใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ แต่ยังคงมีจุดยืนในแนวทางการลงทุนแบบที่ตัวเองถนัดอยู่เช่นเดิม
ตลอดจนขจัดอคติในการลงทุนออกไปให้มากที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น อคติเรื่องของกลุ่มพลังงานซึ่งเป็น commodities ทำให้ผมพลาด IVL กับ PTTEP ไปในปีที่แล้ว
และสำคัญที่สุดคือ ผมเน้นเรื่องของ Portfolio management มากขึ้นครับ
- 6666666v
- Verified User
- โพสต์: 1089
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 8
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ตอนนี้ผมก็ลงทุนแล้วอินกับบริษัทระดับนึงก็พอให้เกิดความมั่นใจและถือข้ามผ่านเวลาที่มีความผันผวนแรงๆก็พอครับเพราะถ้าไม่อินกับบริษัทจะถือไม่ทนครับ
I Like To Invest.
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1369
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 9
พี่Skyforeverพอเล่าให้ฟังช่วง2014-2016ได้มั้ยครับว่าพอร์ต7-8หลัก ทำอย่างไรให้ได้ผลตอบแทน100%
เพราะพอร์ตใหญ่ๆมักเจอปัญหาสภาพคล่อง ทำให้ไปลงทุนหุ้นตัวเล็กๆที่เติบโตสูงได้ยาก ทางเลือกจำกัดในระดับหนึ่ง
เพราะพอร์ตใหญ่ๆมักเจอปัญหาสภาพคล่อง ทำให้ไปลงทุนหุ้นตัวเล็กๆที่เติบโตสูงได้ยาก ทางเลือกจำกัดในระดับหนึ่ง
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 915
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณมากครับ
เรื่องข้อ 2 นี่นะ บอกตรงๆว่ายากพอควร คนที่ศึกษากิจการมามักจะไบแอสเสมอว่ากิจการที่ตัวเองศึกษามานั้นดี แต่แล้วก็พบว่าตลาดไม่เห็นด้วย แล้วมันก็จริง กำไรมันไม่มา หรือมาแล้วราคาไม่ขยับ เราจำเป็นต้องออกเหมือนกัน ผมนี่เป็นมากเลย ถือจนกำไรแล้วกลับมาขาดทุนหรือแทบไม่มีกำไรเพื่อให้รู้ว่าเราผิด เสียเงินไม่เท่ากับเสียโอกาส เวลาผ่านแล้วผ่านเลยมันไม่ย้อนกลับมาอีก ตอนนี้กำลังพยายามปรับทัศนคติอยู่ครับ
จริงๆผมเห็นหัวข้อที่คุณ sky post แล้วนึกว่าจะโดนกดลบซะอีก 555
เรื่องข้อ 2 นี่นะ บอกตรงๆว่ายากพอควร คนที่ศึกษากิจการมามักจะไบแอสเสมอว่ากิจการที่ตัวเองศึกษามานั้นดี แต่แล้วก็พบว่าตลาดไม่เห็นด้วย แล้วมันก็จริง กำไรมันไม่มา หรือมาแล้วราคาไม่ขยับ เราจำเป็นต้องออกเหมือนกัน ผมนี่เป็นมากเลย ถือจนกำไรแล้วกลับมาขาดทุนหรือแทบไม่มีกำไรเพื่อให้รู้ว่าเราผิด เสียเงินไม่เท่ากับเสียโอกาส เวลาผ่านแล้วผ่านเลยมันไม่ย้อนกลับมาอีก ตอนนี้กำลังพยายามปรับทัศนคติอยู่ครับ
จริงๆผมเห็นหัวข้อที่คุณ sky post แล้วนึกว่าจะโดนกดลบซะอีก 555
- Skyforever
- Verified User
- โพสต์: 1203
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 13
เป็นเกียรติอย่างสูงครับ ที่คุณ charllui มาโพสต์ในกระทู้นี้ เป็นโพสต์แรกของคุณ charllui ทั้งที่เป็นสมาชิกมาตั้งแต่ปี 2014 แล้วcharllui เขียน:มือใหม่ขอเรียนรู้เทคนิคการเป็นVI ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ด้วยครับ
ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ กำไรเพราะไม่โลภ ลงทุนอย่างมีความสุขเพราะจิตใจอยู่เหนืออารมณ์ตลาด
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
- Skyforever
- Verified User
- โพสต์: 1203
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 14
พอร์ต 7 หลักยังไม่ค่อยเป็นปัญหาครับ แต่ 8 หลักเริ่มมีปัญหาแล้ว ผมถึงบอกว่าคนที่พอร์ตเล็กนั้นได้เปรียบ ใครที่ยังพอร์ตเล็กอยู่ จงใช้ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของคุณนี้ให้เกิดประโยชน์ คุณมีสิ่งที่รายใหญ่และกองทุนไม่มี จงอย่าทิ้งแต้มต่อของคุณไป เมื่อถึง 8 หลัก จะต้องหาหุ้นที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือไม่ก็ต้องหาหุ้นเล็กๆให้ได้จำนวนมากขึ้นครับ ลำบากขึ้นแน่นอน และในระยะยาว ผลตอบแทนจะน้อยลงไปเรื่อยๆanubist เขียน:พี่Skyforeverพอเล่าให้ฟังช่วง2014-2016ได้มั้ยครับว่าพอร์ต7-8หลัก ทำอย่างไรให้ได้ผลตอบแทน100%
เพราะพอร์ตใหญ่ๆมักเจอปัญหาสภาพคล่อง ทำให้ไปลงทุนหุ้นตัวเล็กๆที่เติบโตสูงได้ยาก ทางเลือกจำกัดในระดับหนึ่ง
ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ กำไรเพราะไม่โลภ ลงทุนอย่างมีความสุขเพราะจิตใจอยู่เหนืออารมณ์ตลาด
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
-
- Verified User
- โพสต์: 2
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 15
เพราะนิ่งไปนานแต่ก็ติดตามอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ปีนี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเข้ามาเรียนรู้เรื่องหุ้นอย่างเข้มข้นมากขึ้น เริ่มจากเข้ามาในห้องThai VI และได้เห็นข้อความของคุณSkyfoever มีประโยชน์และโดนใจครับ การเรียนรู้และค้นพบตนเอง อันนี้เป็นคุณสมบัติของคนที่จะประสบความสำเร็จได้ และขอให้ประสบความสำเร็จอย่างยาวนานด้วยนะครับSkyforever เขียน:เป็นเกียรติอย่างสูงครับ ที่คุณ charllui มาโพสต์ในกระทู้นี้ เป็นโพสต์แรกของคุณ charllui ทั้งที่เป็นสมาชิกมาตั้งแต่ปี 2014 แล้วcharllui เขียน:มือใหม่ขอเรียนรู้เทคนิคการเป็นVI ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ด้วยครับ
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1369
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 18
ขอถามรายละเอียดช่วง2014-2016เพิ่มนะครับ
ช่วงนั้นพี่ถือหุ้นที่มีนัยสำคัญกับพอร์ตพร้อมกันกี่ตัว
สัดส่วนหุ้นที่สูงสุดในพอร์ตกี่% ณ ราคาซื้อ
มีการleverageโดยใช้มาร์จิ้น option warrantบ้างมั้ยครับ
Market capต่ำสุดของหุ้นที่ลงทุนมีมูลค่าเท่าไหร่ ณ ราคาซื้อ
สนใจสภาพคล่องของหุ้นที่ซื้อมั้ย(ผมพบว่าหุ้นหลายตัวที่เข้าลงทุนมีสภาพคล่องดีขึ้นเมื่อราคาเพิ่มขึ้น)
ช่วงนั้นพี่ถือหุ้นที่มีนัยสำคัญกับพอร์ตพร้อมกันกี่ตัว
สัดส่วนหุ้นที่สูงสุดในพอร์ตกี่% ณ ราคาซื้อ
มีการleverageโดยใช้มาร์จิ้น option warrantบ้างมั้ยครับ
Market capต่ำสุดของหุ้นที่ลงทุนมีมูลค่าเท่าไหร่ ณ ราคาซื้อ
สนใจสภาพคล่องของหุ้นที่ซื้อมั้ย(ผมพบว่าหุ้นหลายตัวที่เข้าลงทุนมีสภาพคล่องดีขึ้นเมื่อราคาเพิ่มขึ้น)
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
- Skyforever
- Verified User
- โพสต์: 1203
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 19
- ปี 2014-2016 ส่วนใหญ่ถือหุ้นครั้งละ 1-3 ตัวครับanubist เขียน:ขอถามรายละเอียดช่วง2014-2016เพิ่มนะครับ
ช่วงนั้นพี่ถือหุ้นที่มีนัยสำคัญกับพอร์ตพร้อมกันกี่ตัว
สัดส่วนหุ้นที่สูงสุดในพอร์ตกี่% ณ ราคาซื้อ
มีการleverageโดยใช้มาร์จิ้น option warrantบ้างมั้ยครับ
Market capต่ำสุดของหุ้นที่ลงทุนมีมูลค่าเท่าไหร่ ณ ราคาซื้อ
สนใจสภาพคล่องของหุ้นที่ซื้อมั้ย(ผมพบว่าหุ้นหลายตัวที่เข้าลงทุนมีสภาพคล่องดีขึ้นเมื่อราคาเพิ่มขึ้น)
- สัดส่วนมากที่สุดตอน port ยัง 7 หลัก เคยถือตัวเดียว 100% ครับ
- ไม่เคยซื้อ option ไม่มีการใช้มาร์จิ้นครับ แต่เคยถือ warrant ครับ ถือในปริมาณที่มีเงินพร้อมแปลงเป็นหุ้นแม่ และเห็นว่าคุ้มที่จะแปลงในอนาคต ไม่ได้ทุ่มซื้อ warrant หมดพอร์ตโดยไม่มีเงินพร้อมแปลง
- ลงทุน market cap ต่ำสุด ประมาณ 1 พันล้านกว่าบาท แต่พอ port ใหญ่ขึ้นก็กระจายหลายตัวมากขึ้น ปัจจุบันมี 4-5 ตัวก็ยังรู้สึกว่าบางตัวมีปัญหาสภาพคล่องอยู่เลยครับ
- สนใจสภาพคล่องครับ บางตัวคิดว่า upside เยอะ แต่เห็นสภาพคล่องน้อย ก็จะไม่กล้าลงทุนในสัดส่วนที่เยอะ เพราะเผื่อโอกาสในการคิดผิดไว้ครับ สมัยก่อนถ้าคิดผิด รีบขายออกไป หุ้นลงแค่ 1-2 ช่อง แต่ตอนนี้รีบขายแบบนั้นกับหุ้นเล็กๆไม่ได้แล้ว ดังนั้นสภาพคล่องมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจลงทุนครับ บางตัวถ้าคิดถูก ตอนซื้อสภาพคล่องน้อย แต่ถือไปๆสภาพคล่องมากขึ้นเพราะหุ้นดี แต่บางตัวอาจจะคิดผิด สภาพคล่องน้อยลงเรื่อยๆ ผลประกอบการก็ไม่มาสักที จะอึดอัดครับ ขายก็ไม่ได้ ยังไงต้องเผื่อโอกาสผิดพลาดไว้ด้วยครับ สภาพคล่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เป็นแค่แนวทางหนึ่งเท่านั้นนะครับ วิธีการแต่ละคนอาจจะต่างกัน วิธีการของผมคงไม่ได้ดีที่สุดแต่ถ้าให้ผลลัพธ์ที่ดีก็โอเคครับ สำคัญคือวิธีคิดมากกว่า
ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ กำไรเพราะไม่โลภ ลงทุนอย่างมีความสุขเพราะจิตใจอยู่เหนืออารมณ์ตลาด
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 274
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 21
ขอบคุณคุณ skyforeverที่ให้แนวทางการลงทุนดีๆครับ เพียงแต่อยากตั้งข้อสังเกตุ
หน่อยครับ
1.นักลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงๆส่วนใหญ่จะลงทุนน้อยตัวมากหรือตัวเดียว ซึ่งต้องเข้าใจว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวในการเลือกบริษัทได้ถูกต้อง แต่คงมีน้อยคนที่เก่งและทำได้ (คนที่ตายไม่ได้พูด ถึงพูดก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจเพราะคุณล้มเหลว) ทุกบริษัทมีความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงเสมอพึงระมัดระวังจุดนี้ด้วยสำหรับคนที่จะลงทุนน้อยตัว
2. ผมคิดว่าตลาดในช่วง 3-4 ปีมานี้มีการเก็งกำไรค่อนข้างสูง นักเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยมีมากทีเดียวดูจากวอลุ่มการซื้อขายและความสนุกในการซื้อขายแต่ละวัน การเข้ามาผสมโรงกับหุ้นที่ดีทำให้ราคาขึ้นได้เร็วแรงและให้มูลค่าหุ้นสูงมากซึ่งรวมความคาดหวังในอนาคตไปมากทีเดียว ผมไม่แน่ใจว่าตลาดแบบนี้จะคงอยู่ต่อไปได้นานแค่ไหนและถ้าอนาคตที่คาดหวังกันไว้เกิดต้องสะดุดกันบ้างจะเกิดอะไรขึ้น
หน่อยครับ
1.นักลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงๆส่วนใหญ่จะลงทุนน้อยตัวมากหรือตัวเดียว ซึ่งต้องเข้าใจว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวในการเลือกบริษัทได้ถูกต้อง แต่คงมีน้อยคนที่เก่งและทำได้ (คนที่ตายไม่ได้พูด ถึงพูดก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจเพราะคุณล้มเหลว) ทุกบริษัทมีความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงเสมอพึงระมัดระวังจุดนี้ด้วยสำหรับคนที่จะลงทุนน้อยตัว
2. ผมคิดว่าตลาดในช่วง 3-4 ปีมานี้มีการเก็งกำไรค่อนข้างสูง นักเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยมีมากทีเดียวดูจากวอลุ่มการซื้อขายและความสนุกในการซื้อขายแต่ละวัน การเข้ามาผสมโรงกับหุ้นที่ดีทำให้ราคาขึ้นได้เร็วแรงและให้มูลค่าหุ้นสูงมากซึ่งรวมความคาดหวังในอนาคตไปมากทีเดียว ผมไม่แน่ใจว่าตลาดแบบนี้จะคงอยู่ต่อไปได้นานแค่ไหนและถ้าอนาคตที่คาดหวังกันไว้เกิดต้องสะดุดกันบ้างจะเกิดอะไรขึ้น
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 274
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 22
เพิ่มเติมนิดครับ ผมว่าช่วงหลังมานี้หุ้นแนววีไอ และมีกำไรดี+แนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต กำลังเป็นพิมพ์นิยมที่เข้ามาเล่นเก็งกำไรกันเลยแหละครับ เลิกเล่นพระกันแล้ว อิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 1426
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 23
หลักการลงทุนทั้ง 3 ข้อ ตั้งบนพื้นฐาน ผลตอบแทนลงทุนสมเหตุสมผลและความเสี่ยงระดับยอมรับได้
เป็นหลักการลงทุนแบบทั่วไปที่ใคร ๆ สามารถทำตามได้ โดยเป็นการลงทุนต่อเนื่องเพื่อหวังผลระยะยาว ยาว
ส่วนการลงทุนเพื่อสร้างพอร์ต เพิ่มขนาดพอร์ต หรือเร่งขนาดพอร์ตให้โตเร็วหรือโตตามเป้า(อิสสระภาพทางการเงิน)
ของแต่ละคน นั้น
น่าจะต้องมีการเพิ่มเติมกลยุทธ ยุทธวิธีอื่น ๆ เป็นรายกรณีและเป็นรายบุคคล (ความสามารถส่วนบุคคล)
...................................................................................................................................
ออกจากบ้าน เราล็อกบ้านไม่ให้คนอื่นเข้า เมื่ออยู่ในบ้าน เราก็ยังล็อกประตูบ้านไม่ให้คนนอกเข้าอีก แปลกเนอะ
เป็นหลักการลงทุนแบบทั่วไปที่ใคร ๆ สามารถทำตามได้ โดยเป็นการลงทุนต่อเนื่องเพื่อหวังผลระยะยาว ยาว
ส่วนการลงทุนเพื่อสร้างพอร์ต เพิ่มขนาดพอร์ต หรือเร่งขนาดพอร์ตให้โตเร็วหรือโตตามเป้า(อิสสระภาพทางการเงิน)
ของแต่ละคน นั้น
น่าจะต้องมีการเพิ่มเติมกลยุทธ ยุทธวิธีอื่น ๆ เป็นรายกรณีและเป็นรายบุคคล (ความสามารถส่วนบุคคล)
...................................................................................................................................
ออกจากบ้าน เราล็อกบ้านไม่ให้คนอื่นเข้า เมื่ออยู่ในบ้าน เราก็ยังล็อกประตูบ้านไม่ให้คนนอกเข้าอีก แปลกเนอะ
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 24
เห็นด้วยและอยากเพิ่มเติมจากพี่ satit นิดนึงนะคับ
ถ้าจะถือหุ้นน้อยตัว เช่นตัวเดียว มันไม่มีการสอน วิธี หนี อย่างเป็นจริงเป็นจัง
บางที ชีวิต มันกะดีกว่า เทรดเดอร์นิดเดียว เพราะ
risk exposure มันกว้างมาก ถ้าคิดผิด ตามข่าวไม่ทัน ประเมินผิด
มีข้อมูลใหม่ แล้วท่านไม่ทันเขาเทขาย บางทีกะจุกเยอะนะคับ
อยากบอกว่า หลายคน เขาผลตอบแทนดี จากการถือหุ้นน้อยตัวได้
ไม่ใช่เพราะเขา เลือกหุ้นเก่งอย่างเดียว
แต่เขาหนีเป็น และหนีเก่งด้วย และเขาอาจจะไม่เคยเล่าตรงส่วนนี้
ถ้าท่านไม่มี ทักษะ หรือไม่มีเคยฝึกหรือมีความชำนาญใดๆ
ให้พึงระวังไว้ด้วย เพราะ ศาสตร์ ตรงนี้ มันไม่ค่อยมีใครสอน
และเป็นเรื่อง ที่ reluctant พอสมควรที่จะเล่าหรือสอนต่อสำหรับคนพูด
อย่าลืมว่าจังหวะซื้อ เขาอาจจะยอมบอกท่านก่อน แล้วซื้อหลังท่านหรือซือ้พร้อมกัน อย่างมากกะซื้อแพงนิดเดียว
แต่ถ้าจังหวะหนี ไม่มีใครให้ท่านหนีก่อนแน่
ถ้าจะถือหุ้นน้อยตัว เช่นตัวเดียว มันไม่มีการสอน วิธี หนี อย่างเป็นจริงเป็นจัง
บางที ชีวิต มันกะดีกว่า เทรดเดอร์นิดเดียว เพราะ
risk exposure มันกว้างมาก ถ้าคิดผิด ตามข่าวไม่ทัน ประเมินผิด
มีข้อมูลใหม่ แล้วท่านไม่ทันเขาเทขาย บางทีกะจุกเยอะนะคับ
อยากบอกว่า หลายคน เขาผลตอบแทนดี จากการถือหุ้นน้อยตัวได้
ไม่ใช่เพราะเขา เลือกหุ้นเก่งอย่างเดียว
แต่เขาหนีเป็น และหนีเก่งด้วย และเขาอาจจะไม่เคยเล่าตรงส่วนนี้
ถ้าท่านไม่มี ทักษะ หรือไม่มีเคยฝึกหรือมีความชำนาญใดๆ
ให้พึงระวังไว้ด้วย เพราะ ศาสตร์ ตรงนี้ มันไม่ค่อยมีใครสอน
และเป็นเรื่อง ที่ reluctant พอสมควรที่จะเล่าหรือสอนต่อสำหรับคนพูด
อย่าลืมว่าจังหวะซื้อ เขาอาจจะยอมบอกท่านก่อน แล้วซื้อหลังท่านหรือซือ้พร้อมกัน อย่างมากกะซื้อแพงนิดเดียว
แต่ถ้าจังหวะหนี ไม่มีใครให้ท่านหนีก่อนแน่
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 365
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 25
ขอบคุณมากครับ คุณ Skyforever
โดนใจทุกข้อ ... ซึ่งเป็นกับดักที่ผมติดอยู่ตอนนี้ทั้งนั้นเลยครับ
ก่อนหน้านี้ ผมถือคติ "เราไม่รู้ว่าจะเกิดพายุเมื่อไหร่ ให้เราเลือกเรือที่แข็งแรงที่สุดที่จะฝ่าพายุไปได้"
แต่เรือเราไปช้าเหลือเกิน เห็นเรือเล็กๆ ลำอื่นๆ วิ่งเอาๆ
คิดแล้วก็สะท้อนใจ ... คิดว่าต่อไปนี้ต้องปรับความคิด มีการปรับพอร์ต บริหารพอร์ตมากกว่านี้
(แต่ก่อนซื้อถือทิ้งยาว 2-3 ปี ไม่เคยทำอะไร)
ปล. ผมติดตามมาจากในเวป pantip ด้วย แฮ่ๆ
โดนใจทุกข้อ ... ซึ่งเป็นกับดักที่ผมติดอยู่ตอนนี้ทั้งนั้นเลยครับ
ก่อนหน้านี้ ผมถือคติ "เราไม่รู้ว่าจะเกิดพายุเมื่อไหร่ ให้เราเลือกเรือที่แข็งแรงที่สุดที่จะฝ่าพายุไปได้"
แต่เรือเราไปช้าเหลือเกิน เห็นเรือเล็กๆ ลำอื่นๆ วิ่งเอาๆ
คิดแล้วก็สะท้อนใจ ... คิดว่าต่อไปนี้ต้องปรับความคิด มีการปรับพอร์ต บริหารพอร์ตมากกว่านี้
(แต่ก่อนซื้อถือทิ้งยาว 2-3 ปี ไม่เคยทำอะไร)
ปล. ผมติดตามมาจากในเวป pantip ด้วย แฮ่ๆ
- Skyforever
- Verified User
- โพสต์: 1203
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 27
อย่าโกรธกันน้าาา ถ้าจะขอพูดตรงๆว่า ความคิดแบบนี้ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตัวเอง คือถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไรครับ เพียงแต่ถ้าเรานั่งมองคนที่ทำผลตอบแทนได้สูงๆ นั่งมองคนที่ประสบความสำเร็จบนเส้นทาง VI แล้วบอกกับตัวเองว่า "คนแบบนี้มีน้อย คนแบบนี้มีความสามารถเฉพาะตัวสูง คนแบบนี้ไม่ใช่เรา" เราก็จะอยู่แต่ comfort zone ไม่พยายามมองหาช่องทางในการพัฒนาตัวเอง สมัยก่อนผมก็เป็นครับ นั่งมองดูพี่โจ ทำผลตอบแทนได้ปีละมากกว่า 50% ต่อเนื่องนับสิบปี นั่งดู คุณ blueblood คุณโย ทำผลตอบแทนได้มากกว่า 300% และอีกหลายๆคน ที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ ถามว่าสมัยก่อนคนเหล่านี้เก่งแต่แรกเลยมั้ย คำตอบคือไม่ใช่ ถามว่าสมัยก่อนผมทำได้มั้ย คำตอบคือไม่ใช่ แล้วอะไรที่ทำให้คนเหล่านี้สามารถสร้างผลตอบแทนสูงๆได้ จุดเริ่มต้น ต้องเริ่มจากปรับความคิดก่อนครับ หากเราย้ำกับตัวเองว่าไม่ใช่เรา เราทำไม่ได้แน่ นั่นคือ ชีวิตนี้เราจะไม่มีวันทำได้จริง แต่ถ้าเราเริ่มเปิดใจ ทำตัวเหมือนน้ำครึ่งแก้ว ศึกษาพัฒนาตัวเองเพิ่มเติม เรายังอาจจะมีโอกาสทำได้บ้าง หรือถ้าทำไม่ได้ อย่างน้อยผลตอบแทนก็จะดีขึ้นกว่าการที่เราไม่เปิดใจศึกษาแน่นอนครับsatit เขียน:ขอบคุณคุณ skyforeverที่ให้แนวทางการลงทุนดีๆครับ เพียงแต่อยากตั้งข้อสังเกตุ
หน่อยครับ
1.นักลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงๆส่วนใหญ่จะลงทุนน้อยตัวมากหรือตัวเดียว ซึ่งต้องเข้าใจว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวในการเลือกบริษัทได้ถูกต้อง แต่คงมีน้อยคนที่เก่งและทำได้ (คนที่ตายไม่ได้พูด ถึงพูดก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจเพราะคุณล้มเหลว) ทุกบริษัทมีความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงเสมอพึงระมัดระวังจุดนี้ด้วยสำหรับคนที่จะลงทุนน้อยตัว
2. ผมคิดว่าตลาดในช่วง 3-4 ปีมานี้มีการเก็งกำไรค่อนข้างสูง นักเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยมีมากทีเดียวดูจากวอลุ่มการซื้อขายและความสนุกในการซื้อขายแต่ละวัน การเข้ามาผสมโรงกับหุ้นที่ดีทำให้ราคาขึ้นได้เร็วแรงและให้มูลค่าหุ้นสูงมากซึ่งรวมความคาดหวังในอนาคตไปมากทีเดียว ผมไม่แน่ใจว่าตลาดแบบนี้จะคงอยู่ต่อไปได้นานแค่ไหนและถ้าอนาคตที่คาดหวังกันไว้เกิดต้องสะดุดกันบ้างจะเกิดอะไรขึ้น
และอย่าเข้าใจผิดนะครับว่าผมแนะนำให้เล่นเก็งกำไร ให้ซื้อขายเร็วๆ .... ไม่ใช่ครับ ผมยังคงลงทุนตามแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าทุกประการ ผมศึกษาหนักขึ้น ผมเจาะลึกประเมินกิจการเพื่อจะมองอนาคตขอบริษัทให้ออก เพื่อที่ผมประมาณการกำไรในอนาคตให้ได้ หาหุ้นที่มี margin of safety มากพอ หาหุ้นที่กำไรโตได้อย่างยั่งยืน และลงทุนโดยมองไปถึงอนาคตอีก 2-3 ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อย แต่ที่ผมบอกให้พยายามปรับพอร์ตตลอด เพราะต้องการกระตุ้นให้ศึกษาหุ้นใหม่ๆเพิ่มเสมอๆ เพราะผมเชื่อว่า ในตอนที่เราลงทุนหุ้นตัวใดตัวหนึ่งลงไป เรายังไม่ได้ศึกษาเทียบลงลึกกับหุ้นทุกตัวในตลาด นั่นแปลว่าจะมีหุ้นบางตัวที่เรามองข้าม และอาจจะดีกว่าหุ้นที่เราถืออยู่ การไม่รักหุ้น และเปิดใจหาหุ้นใหม่ๆที่คิดว่ามีปัจจัยพื้นฐานและ MOS ดีกว่า ย่อมเป็นสิ่งที่ควรทำ
เรื่องวิธีการหาหุ้น การประเมินมูลค่าหุ้น มีสอนกันอยู่ทั่วไป แต่น้อยคนจะมาพูดถึงวิธีคิดแบบนี้ วิธีคิดสำคัญมาก เป็นจุดเริ่มต้น สมัยก่อนถ้ามีคนที่ทำผลตอบแทนสูงๆมาพูดให้ผมฟังแบบนี้ ผมคงจะดีใจมากและคงจะก้าวผ่านสิ่งเหล่านี้ได้เร็วขึ้น แต่ที่ผ่านมาผมต้องก้าวข้ามมาด้วยตัวเอง ผมมาอธิบายแบบนี้ผมรู้ดีว่าสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้กลุ่มคนที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม (ตามแนวทางของบัฟเฟตต์ในปัจจุบันซึ่งมีพอร์ตใหญ่แล้วทำอยู่) ไม่เห็นด้วย หรือไม่พอใจได้ ถ้าผมอยากเขียนเพื่อให้ตัวเองดูดี คงทำได้ไม่ยาก แค่โพสต์ข้อความที่มีสอนกันทั่วไป ที่คนส่วนใหญ่เรียนรู้และทำกัน แต่ผมเลือกจะเขียนสิ่งเหล่านี้ ตามแนวทางของบัฟเฟตต์ในอดีต เพื่อจะปลดล็อคความคิดของคนที่ยังมีพอร์ตไม่ใหญ่นักให้สามารถสร้างผลตอบแทนให้สูงขึ้นได้
ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ กำไรเพราะไม่โลภ ลงทุนอย่างมีความสุขเพราะจิตใจอยู่เหนืออารมณ์ตลาด
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
- Skyforever
- Verified User
- โพสต์: 1203
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 29
ผมลงทุนตามแนวทางพื้นฐานล้วนๆครับ ไม่มีใช้กราฟ จังหวะซื้อจึงไม่มี ถ้าเจอหุ้นมี upside สูง มี Mos มากพอ ผมก็ซัดเลยครับ ส่วนจังหวะหนี ก็ง่ายๆครับ เราจะหนีก็ต่อเมื่อผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาด หรือมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านพื้นฐานที่ทำให้ราคาเหมาะสมที่คำนวณไว้ลดลงมากจนไม่เหลือ MOS ไม่เหลือ upside ขายทันทีครับ ไม่ต้องดูจังหวะอะไรทั้งสิ้นnut776 เขียน:เห็นด้วยและอยากเพิ่มเติมจากพี่ satit นิดนึงนะคับ
ถ้าจะถือหุ้นน้อยตัว เช่นตัวเดียว มันไม่มีการสอน วิธี หนี อย่างเป็นจริงเป็นจัง
บางที ชีวิต มันกะดีกว่า เทรดเดอร์นิดเดียว เพราะ
risk exposure มันกว้างมาก ถ้าคิดผิด ตามข่าวไม่ทัน ประเมินผิด
มีข้อมูลใหม่ แล้วท่านไม่ทันเขาเทขาย บางทีกะจุกเยอะนะคับ
อยากบอกว่า หลายคน เขาผลตอบแทนดี จากการถือหุ้นน้อยตัวได้
ไม่ใช่เพราะเขา เลือกหุ้นเก่งอย่างเดียว
แต่เขาหนีเป็น และหนีเก่งด้วย และเขาอาจจะไม่เคยเล่าตรงส่วนนี้
ถ้าท่านไม่มี ทักษะ หรือไม่มีเคยฝึกหรือมีความชำนาญใดๆ
ให้พึงระวังไว้ด้วย เพราะ ศาสตร์ ตรงนี้ มันไม่ค่อยมีใครสอน
และเป็นเรื่อง ที่ reluctant พอสมควรที่จะเล่าหรือสอนต่อสำหรับคนพูด
อย่าลืมว่าจังหวะซื้อ เขาอาจจะยอมบอกท่านก่อน แล้วซื้อหลังท่านหรือซือ้พร้อมกัน อย่างมากกะซื้อแพงนิดเดียว
แต่ถ้าจังหวะหนี ไม่มีใครให้ท่านหนีก่อนแน่
ส่วนการขายกรณีอื่นที่ไม่ใช่การหนี ก็เช่น ขายเมื่อราคาขึ้นมาจน Upside เหลือน้อย หรือไม่เหลือแล้ว หรือขายเมื่อเจอหุ้นใหม่ที่ดีกว่าครับ
การลงทุนตามแนวพื้นฐานไม่เหมือนการใช้กราฟหรือเก็งกำไรนะครับ ที่จะต้องมาคอยดูราคาหุ้นว่าลงมาถึงไหนแล้วต้องรีบขายหนี
ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ กำไรเพราะไม่โลภ ลงทุนอย่างมีความสุขเพราะจิตใจอยู่เหนืออารมณ์ตลาด
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
-
- Verified User
- โพสต์: 94
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
โพสต์ที่ 30
ขอบคุณ พี่ skyforever ที่แบ่งปันประสบการณ. มีประโยชนมากๆครับ
เรียนถามเพิ่ม. พี่มีวางกลยุทธ stop ความเสียหายไหม ในกรณีเจอเหตุการณ์ พิเศษ เช่นเดือนตุลา ปี 16. เช่น ถ้าพอร์ตลดลง ถึงระดับนี้ ให้ ขายลดความเสี่ยงก่อนแล้วค่อยกลับมาซื้อไหม.หรือ ไม่ทำอะไรเลย เพราะมั่นใจในหุ้นที่เลือกมาแล้ว. ขอบคุณครับ
เรียนถามเพิ่ม. พี่มีวางกลยุทธ stop ความเสียหายไหม ในกรณีเจอเหตุการณ์ พิเศษ เช่นเดือนตุลา ปี 16. เช่น ถ้าพอร์ตลดลง ถึงระดับนี้ ให้ ขายลดความเสี่ยงก่อนแล้วค่อยกลับมาซื้อไหม.หรือ ไม่ทำอะไรเลย เพราะมั่นใจในหุ้นที่เลือกมาแล้ว. ขอบคุณครับ