ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 32
ผมกด Like ให้พันครั้งเลยครับpicatos เขียน: หลินจือ หลินจือ หลินจือ คุณเข้ามาเม้นท์ ทำให้ผมนึกอะไรบางอย่างได้... คุณเตรียมตัวงานเข้าได้เลย … ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ประกาศ ประกาศ พ่อแม่พี่น้องครับ ตอนผมสอน Valuation ให้กับทางสมาคมเป็นครั้งสุดท้ายผมได้ประกาศเจตนารมณ์โดยมีนักเรียนทุกคนเป็นสักขีพยาน มีตากล้องวีดีโอมาถ่ายเอาไว้เรียบร้อย คือ ในการสอนครั้งนั้นจะมีการอัดวีดีโอเพื่อเอาไปเผยแพร่ฟรี ภายหลังจากที่การสอนครั้งนั้นได้จบลงไปแล้วสักระยะเวลาหนึ่ง เพื่อไม่ให้คนที่จ่ายเงินมาเรียนเสียประโยชน์ ทั้งนี้เจตนาในการสอนทุกครั้งของผมเป็นการสอนเพื่อการกุศล เงินที่ผมได้จากการสอนทุกครั้ง ผมเอาไปบริจาคหมดทุกครั้ง และในครั้งสุดท้ายก็จะเป็นการเอาไปอัพโหลดขึ้น youTube ให้คนดูกันฟรีๆ
บัดนี้เวลาได้เลยผ่านจากเหตุการณ์ตอนล่าสุดที่ผมสอนเมื่อกลางปี 2014 ไปเกิน 1 ปีได้แล้ว ซึ่งก็ถึงเวลาที่พวกเราพี่น้องต้องมาทวงของฟรี เอ้ย สัญญาที่เราเคยมีให้กันไว้กับท่านหลินจือ
แม้ว่าของฟรีนี้อาจจะไม่ได้ดีเด่น ไม่มีอาหารอร่อยๆ ไม่มีสาวสวยๆ ไม่มีดนตรีเพราะๆ แต่ของฟรีก็ควรเป็นของฟรี มีก็ดีกว่าไม่ดี ได้ก็ดี ฟรีก็เบิ้ล
พี่น้องครับ ตอนนี้ผมขอยกสิทธิและหน้าที่ในการตามล่า ตามทวงหนี้จากหลินจือเอาไว้ให้กับพี่น้องแล้วนะครับ
ขอให้ "พลัง" จงอยู่กับทุกท่าน
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 33
เหวอ เดี๋ยวผมเอาให้ครับอาจารย์โยดา
เอาไว้ผมจะติดต่อเอาไปให้กับมือท่านนะครัช พอดีอยู่เขาใหญ่ อย่าเพิ่งรีบกลับเชียงใหม่ล่ะ
ตอนนี้ตลาดหุ้นไม่ดี ผมฝึกวิชานี้อยู่ครับ อิอิ
เอาไว้ผมจะติดต่อเอาไปให้กับมือท่านนะครัช พอดีอยู่เขาใหญ่ อย่าเพิ่งรีบกลับเชียงใหม่ล่ะ
ตอนนี้ตลาดหุ้นไม่ดี ผมฝึกวิชานี้อยู่ครับ อิอิ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 34
กำลังจะกลับแล้วครับท่านLinzhi เขียน:เหวอ เดี๋ยวผมเอาให้ครับอาจารย์โยดา
เอาไว้ผมจะติดต่อเอาไปให้กับมือท่านนะครัช พอดีอยู่เขาใหญ่ อย่าเพิ่งรีบกลับเชียงใหม่ล่ะ
ตอนนี้ตลาดหุ้นไม่ดี ผมฝึกวิชานี้อยู่ครับ อิอิ
คุณ Up ขึ้น youTube แล้วเผยแพร่ได้เลยครับ ไม่ต้องเอาแผ่นมาให้ผมก็ได้ครับ บ้านผมไม่มีเครื่องอ่าน DVD ครับ ได้มาก็เปิดไม่ได้ แถมต่างจังหวัก เน็ตช้าอีกต่างหาก ฮ่าฮ่า
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 35
ขออนุญาตกราบสวัสดีปีใหม่ทั้งอ.picatos กะอ.linzhiนะฮะ
อ.อย่าทิ้งพวกเราไปนานนะฮะ มาให้ความเห็น ประสบการณ์เป็นที่พึ่งลูกศิษย์นานๆครั้งก็ยังดีฮะ
ขอตามรอยอาจารย์แบบขี้เกียจ คือขออนุโมทนาส่วนบุญจากอาจารย์ล่วงหน้าเลยนะฮะ
ขี้เกียจไม่บำเพ็ญบุญเอง ขอส่วนบุญเอาดื้อๆเลย แฮ่ แฮ่..
เรื่ององค์กรร้อยปีเนี่ย ส่วนที่เป็นcontent อยู่มาได้มานานๆเช่นนิทานอีสปมั้ยฮะ mediaก็เป็นdisneyมาทำต่อ
รึเป็น ไตรปิฎก ไบเบิ้ล อัลกุรอ่าน แล้วมีองค์การนิกายต่างๆแตกสาขาไปทำmediaสื่อออกไปต่อ
อย่างองค์กรแถวปทุมนั่น ดูเหมือนเค้าจะตั้งใจเป็นองค์กรจานบินพันปี มีวิสัยทัศน์มาก่อนspace-Xอีกนะฮะ
แต่ไม่ทราบว่าจะเอาเข้าตลาดหุ้นให้นักลงทุนได้ลงมั้ย
ได้แกว่งปากหาเท้าแล้วเบิกบานไงไม่รู้แฮะ ฮี่ ฮี่..
อ.อย่าทิ้งพวกเราไปนานนะฮะ มาให้ความเห็น ประสบการณ์เป็นที่พึ่งลูกศิษย์นานๆครั้งก็ยังดีฮะ
ขอตามรอยอาจารย์แบบขี้เกียจ คือขออนุโมทนาส่วนบุญจากอาจารย์ล่วงหน้าเลยนะฮะ
ขี้เกียจไม่บำเพ็ญบุญเอง ขอส่วนบุญเอาดื้อๆเลย แฮ่ แฮ่..
เรื่ององค์กรร้อยปีเนี่ย ส่วนที่เป็นcontent อยู่มาได้มานานๆเช่นนิทานอีสปมั้ยฮะ mediaก็เป็นdisneyมาทำต่อ
รึเป็น ไตรปิฎก ไบเบิ้ล อัลกุรอ่าน แล้วมีองค์การนิกายต่างๆแตกสาขาไปทำmediaสื่อออกไปต่อ
อย่างองค์กรแถวปทุมนั่น ดูเหมือนเค้าจะตั้งใจเป็นองค์กรจานบินพันปี มีวิสัยทัศน์มาก่อนspace-Xอีกนะฮะ
แต่ไม่ทราบว่าจะเอาเข้าตลาดหุ้นให้นักลงทุนได้ลงมั้ย
ได้แกว่งปากหาเท้าแล้วเบิกบานไงไม่รู้แฮะ ฮี่ ฮี่..
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 381
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 36
ทุกครั้งที่ได้อ่านสิ่งที่คุณpicatosและLinzhiเขียน
จะรู้สึกทั้งสนุกและได้ความรู้
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
อ่านกระทู้นี้แล้วเห็นได้ชัดว่า
ในขณะที่นักลงทุนธรรมดาแบบผม
พยายามจะไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยน
โดยออกนอกวง circle of competenceของตัวเอง
นักลงทุนระดับเซียนกลับใช้ความขยัน ทุ่มเท และกําลังภายในทุกอย่าง
ขยายขอบฟ้าของตัวเองให้กว้างขึ้นอย่างมากมาย
เวลาลงทุน ผมประเมินอนาคตธุรกิจแค่3-5ปี
ถ้าถามว่าอีก10ปีหุ้นที่ผมถืออยู่จะเป็นอย่างไร
ผมว่าจะเริ่มเป็นการเดาสุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
การที่สามารถประเมินอนาคตระยะยาวได้เป็นสิ่งที่ดีมาก
แต่สําหรับผม เกินขอบเขตความสามารถไปมาก
ผมรู้ว่าต่างประเทศมีโอกาสมากกว่าหุ้นไทย
แต่ผมคุ้นเคยหุ้นไทยมากกว่ามาก
แทบไม่มีความรู้หุ้นต่างประเทศเลย
รวมทั้งไม่คิดว่าจะมีความขยันและเวลาไปเรียนรู้มัน
ลงทุนห้นไทยจึงนอนหลับสนิทกว่าลงทุนหุ้นต่างประเทศ
คุณpicatosรวยและประสพความสําเร็จมากแล้ว
การมาเล่าเรื่องต่างๆถือเป็นวิทยาทานที่มีค่า
ทั้งเปิดโลกทัศน์ สนุก และให้ความรู้
ว่างๆมาเขียนบ่อยๆนะครับ
เป็นประโยชน์กับชาวviอย่างยิ่ง
จะรู้สึกทั้งสนุกและได้ความรู้
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
อ่านกระทู้นี้แล้วเห็นได้ชัดว่า
ในขณะที่นักลงทุนธรรมดาแบบผม
พยายามจะไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยน
โดยออกนอกวง circle of competenceของตัวเอง
นักลงทุนระดับเซียนกลับใช้ความขยัน ทุ่มเท และกําลังภายในทุกอย่าง
ขยายขอบฟ้าของตัวเองให้กว้างขึ้นอย่างมากมาย
เวลาลงทุน ผมประเมินอนาคตธุรกิจแค่3-5ปี
ถ้าถามว่าอีก10ปีหุ้นที่ผมถืออยู่จะเป็นอย่างไร
ผมว่าจะเริ่มเป็นการเดาสุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
การที่สามารถประเมินอนาคตระยะยาวได้เป็นสิ่งที่ดีมาก
แต่สําหรับผม เกินขอบเขตความสามารถไปมาก
ผมรู้ว่าต่างประเทศมีโอกาสมากกว่าหุ้นไทย
แต่ผมคุ้นเคยหุ้นไทยมากกว่ามาก
แทบไม่มีความรู้หุ้นต่างประเทศเลย
รวมทั้งไม่คิดว่าจะมีความขยันและเวลาไปเรียนรู้มัน
ลงทุนห้นไทยจึงนอนหลับสนิทกว่าลงทุนหุ้นต่างประเทศ
คุณpicatosรวยและประสพความสําเร็จมากแล้ว
การมาเล่าเรื่องต่างๆถือเป็นวิทยาทานที่มีค่า
ทั้งเปิดโลกทัศน์ สนุก และให้ความรู้
ว่างๆมาเขียนบ่อยๆนะครับ
เป็นประโยชน์กับชาวviอย่างยิ่ง
- นายมานะ
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1116
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 37
สุดยอดมากครับพี่ picatos เหมือนพี่ picatos เดินทางในมิติที่ 4 ไปดูเหตุการณ์ในอนาคตแล้วกลับมาเล่าให้ฟังเลย
ขออนุญาตถามสัก 2 คำถามนะครับ
1. ในปีล่าสุด Alphabet ได้อันดับที่ 8 ในการจัดอันดับ best place to work ของ Glassdoor (อันดับ 1 = Airbnb) พี่ picatos มองว่าเกิดขึ้นเพราะ culture ของ Alphabet เริ่มไม่แกร่งเหมือนเดิม หรือเป็นแค่การปรับ structure ในองค์กร (จาก google เป็น alphabet) และจะกระทบกับการดึงคนเก่งๆ ในระยะยาวมั้ยครับ
2. สไตล์ของ Musk นี่ culture ขององค์กรจะค่อนข้างรวมศูนย์ ซึ่ง mission ที่จะ colonize Mars อาจจะไม่ได้ตายตาม Musk ไปก็จริง แต่ SpaceX ซึ่งมี culture แบบรวมศูนย์นี้อาจจะตายตาม Musk ไป โดยทิ้งภารกิจ colonize Mars ให้บริษัทอื่น หรือ NASA ไปทำต่อก็เป็นไปได้รึเปล่าครับ
ขอบคุณครับ ^^
ขออนุญาตถามสัก 2 คำถามนะครับ
1. ในปีล่าสุด Alphabet ได้อันดับที่ 8 ในการจัดอันดับ best place to work ของ Glassdoor (อันดับ 1 = Airbnb) พี่ picatos มองว่าเกิดขึ้นเพราะ culture ของ Alphabet เริ่มไม่แกร่งเหมือนเดิม หรือเป็นแค่การปรับ structure ในองค์กร (จาก google เป็น alphabet) และจะกระทบกับการดึงคนเก่งๆ ในระยะยาวมั้ยครับ
2. สไตล์ของ Musk นี่ culture ขององค์กรจะค่อนข้างรวมศูนย์ ซึ่ง mission ที่จะ colonize Mars อาจจะไม่ได้ตายตาม Musk ไปก็จริง แต่ SpaceX ซึ่งมี culture แบบรวมศูนย์นี้อาจจะตายตาม Musk ไป โดยทิ้งภารกิจ colonize Mars ให้บริษัทอื่น หรือ NASA ไปทำต่อก็เป็นไปได้รึเปล่าครับ
ขอบคุณครับ ^^
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 38
1. ผมว่าข้อมูลของ Glassdoor นี่เค้ามีวิธีการจัดอันดับอย่างไรผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ลองดูข้อมูลย้อนหลังไปก็กระโดดขึ้นกระโดดลง เข้าใจว่า Glassdoor เป็นบริษัท Agency จัดหางาน ซึ่งการทำ Survey จะใช้กลุ่มตัวอย่างมากน้อยขนาดไหน มีวิธีการ Survey อย่างไรผมก็ไม่รู้เหมือนกันนายมานะ เขียน:สุดยอดมากครับพี่ picatos เหมือนพี่ picatos เดินทางในมิติที่ 4 ไปดูเหตุการณ์ในอนาคตแล้วกลับมาเล่าให้ฟังเลย
ขออนุญาตถามสัก 2 คำถามนะครับ
1. ในปีล่าสุด Alphabet ได้อันดับที่ 8 ในการจัดอันดับ best place to work ของ Glassdoor (อันดับ 1 = Airbnb) พี่ picatos มองว่าเกิดขึ้นเพราะ culture ของ Alphabet เริ่มไม่แกร่งเหมือนเดิม หรือเป็นแค่การปรับ structure ในองค์กร (จาก google เป็น alphabet) และจะกระทบกับการดึงคนเก่งๆ ในระยะยาวมั้ยครับ
2. สไตล์ของ Musk นี่ culture ขององค์กรจะค่อนข้างรวมศูนย์ ซึ่ง mission ที่จะ colonize Mars อาจจะไม่ได้ตายตาม Musk ไปก็จริง แต่ SpaceX ซึ่งมี culture แบบรวมศูนย์นี้อาจจะตายตาม Musk ไป โดยทิ้งภารกิจ colonize Mars ให้บริษัทอื่น หรือ NASA ไปทำต่อก็เป็นไปได้รึเปล่าครับ
ขอบคุณครับ ^^
แล้วถามว่าการจัดอันดับหลังไหนที่น่าเชื่อถือที่สุด สำหรับผม ผมคิดว่า LinkedIn น่าจะเป็นอะไรที่เชื่อถือได้มากที่สุดในยุคนี้ โดยผลการสำรวจจะมาจาก Interaction ระหว่างสมาชิกใน LinkedIn จำนวนมากกว่า 380 ล้านคน ซึ่งปี 2015 Google ก็ยังอยู่อันดับที่ 1 นะครับ
https://business.linkedin.com/talent-so ... erica-2015
https://www.linkedin.com/indemand/global/2014
แต่ก็แล้วแต่จะเชื่อ เอาที่สบายใจก็แล้วกัน แต่สำหรับผม ถ้ายังมีผู้สมัครเข้าทำงานที่ Google มากกว่าปีละ 1 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีคนสมัครมากกว่าปีละ 2 ล้านคน ดังนั้นผมก็คิดว่า Google ก็คงพอจะหาคนดีๆ เข้าไปทำงานได้เพิ่มนะครับ
http://www.forbes.com/sites/stanphelps/ ... each-year/
http://www.theguardian.com/technology/2 ... ires-fires
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า พนักงานสามัญธรรมดาที่ผ่านการคัดเลือกมาจาก 2 ล้านคน ที่คัดเหลือประมาณ 1 หมื่นคน อัตราการแข่งขันที่สูงขนาดนี้ น่าจะได้คนเก่งๆ เข้ามาทำงานไม่น้อย และถ้าองค์กรที่มีคนเทพๆ รวมตัวกัน สิ่งมหัศจรรย์ก็น่าจะเกิดขึ้นได้ ถ้ามีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
2. สำหรับผม SpaceX นี่อารมณ์ฮีโร่กู้โลกมากเลยครับ ดังนั้นฮีโร่กู้โลกถ้าตาย ก็ต้องมีฮีโร่รุ่นใหม่ขึ้นมารับช่วงต่อไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโดยเหตุปัจจัยแล้ว เราจะได้จอมทัพที่มีความสามารถที่เก่งกว่า Elon Musk ขึ้นมานำทัพได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ก่อน Musk จะตาย Musk คงจะต้องวางตัวผู้สืบทอดที่เขาเห็นว่าเหมาะสมเอาไว้อย่างแน่นอน
องค์กรรวมศูนย์จริงๆ ไม่ได้เป็นองค์กรที่มีปัญหานะครับในความเห็นผม ถ้าหากสามารถหาผู้นำที่มีความสามารถมาแทนที่ได้ และก็ไม่ได้มีปัญหามากเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าจะมีความสามารถส่วนบุคคลสู้ผู้นำยุคที่แล้วไม่ได้ แต่ยังมีความฝัน และเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน แต่ปัญหาคือ ถ้าคนที่มานำทัพต่อไม่ได้แชร์ความฝันร่วมกับอดีตผู้นำ สิ่งที่สร้างมาอาจจะพังได้ในยุคถัดไป ซึ่งผมก็เชื่อว่าคนที่มีความฝัน มี Mission มี เป้าหมาย ร่วมไปกับ Musk คงจะมีไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะ เป้าหมายขององค์กรนี้มีความชัดเจนพอสมควร และ Nerd ทั้งหลาย Geek ทั้งมวล ฝันใฝ่ที่จะท่องอวกาศ อยากจะเป็นฮีโร่กู้โลกกับเขาบ้าง
โดยส่วนตัว ในแง่ของการหาคนที่มีความฝัน ทิศทาง เป้าหมาย มาแทน Steve Jobs ยังยากกว่าหาคนมาแทน Musk นะ ผมว่า...
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 240
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 40
ยังรอ upload อยู่นะครับpicatos เขียน:หลินจือ หลินจือ หลินจือ คุณเข้ามาเม้นท์ ทำให้ผมนึกอะไรบางอย่างได้... คุณเตรียมตัวงานเข้าได้เลย … ฮ่า ฮ่า ฮ่าLinzhi เขียน:สุโค่ยเลยครัช ได้อ่านบทความแบบนี้ ขอบคุณครับอ.ตี่
หลัง ๆ ปัจจัยที่ผมมองๆ คือการครอบครองทรัพยากรที่มีคุณค่าในอนาคต ผมมีเขียนทิ้งไว้ตอนปลายปี
แต่นสพ.ยังไม่ได้ลงให้ เรื่องเทรนด์เปลี่ยนโลก
เปรียบเทียบบรรพบุรุษสองคนที่ผมรู้จัก
คนนึงเอาเงินซื้อที่ไว้ในแถบเขตวัฒนาในปัจจุบัน
คนนึงเอาเงินไปซื้อที่สวนไว้ที่คลองดำเนิน
ในอดีตร้อยๆปี สมัยต้นรัตนโกสินทร์ที่มีการขุดคลองมากมาย ยังไม่มีถนน
สองที่นี้ราคาไม่ห่างกันมาก แต่ในปัจจุบันมูลค่าต่างกันมหาศาล
เขตทะเลทรายเคยแห้งแล้ง แต่ก็มีรัฐมหาเศรษฐีเกิดขึ้น เพราะการเกิดขึ้นของดินดำ อย่างน้ำมัน
ปัจจุบันก็เริ่มมีคำถามว่าดินดำ มันใช่ทรัพยากรที่มีคุณค่าขนาดนั้นรึเปล่า
การเลือกทรัพยากรที่ถูกต้องในระยะยาวมีผลต่อการลงทุนมาก ๆ
แต่ผมยอมรับว่าตั้งแต่มีครอบครัว ทรัพยากรที่มีค่ามาก ๆ ไม่ค่อยจะเป็นเรื่องเงินเท่าไหร่
สองคืนที่ผ่านมานั่งสมาธิกับลูก หายใจเข้าออก 20 ครั้ง มีค่ามากมาย
ดังนั้นการลงทุนตอนนี้ ผมต้องขอสมัครสมาชิกด้วยครับ เพราะขี้เกียจเหมือนกัน อิอิ
และผมจะมาติดตามต่ออย่างใกล้ชิด อยากหาหุ้น 100 ปีบ้าง
จริง ๆ ผมขอ 10 ปีขอพอและ
ประกาศ ประกาศ พ่อแม่พี่น้องครับ ตอนผมสอน Valuation ให้กับทางสมาคมเป็นครั้งสุดท้ายผมได้ประกาศเจตนารมณ์โดยมีนักเรียนทุกคนเป็นสักขีพยาน มีตากล้องวีดีโอมาถ่ายเอาไว้เรียบร้อย คือ ในการสอนครั้งนั้นจะมีการอัดวีดีโอเพื่อเอาไปเผยแพร่ฟรี ภายหลังจากที่การสอนครั้งนั้นได้จบลงไปแล้วสักระยะเวลาหนึ่ง เพื่อไม่ให้คนที่จ่ายเงินมาเรียนเสียประโยชน์ ทั้งนี้เจตนาในการสอนทุกครั้งของผมเป็นการสอนเพื่อการกุศล เงินที่ผมได้จากการสอนทุกครั้ง ผมเอาไปบริจาคหมดทุกครั้ง และในครั้งสุดท้ายก็จะเป็นการเอาไปอัพโหลดขึ้น youTube ให้คนดูกันฟรีๆ
บัดนี้เวลาได้เลยผ่านจากเหตุการณ์ตอนล่าสุดที่ผมสอนเมื่อกลางปี 2014 ไปเกิน 1 ปีได้แล้ว ซึ่งก็ถึงเวลาที่พวกเราพี่น้องต้องมาทวงของฟรี เอ้ย สัญญาที่เราเคยมีให้กันไว้กับท่านหลินจือ
แม้ว่าของฟรีนี้อาจจะไม่ได้ดีเด่น ไม่มีอาหารอร่อยๆ ไม่มีสาวสวยๆ ไม่มีดนตรีเพราะๆ แต่ของฟรีก็ควรเป็นของฟรี มีก็ดีกว่าไม่ดี ได้ก็ดี ฟรีก็เบิ้ล
พี่น้องครับ ตอนนี้ผมขอยกสิทธิและหน้าที่ในการตามล่า ตามทวงหนี้จากหลินจือเอาไว้ให้กับพี่น้องแล้วนะครับ
ขอให้ "พลัง" จงอยู่กับทุกท่าน
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 43
มาแอบตามติด ติดตามครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับพี่
ขอบคุณล่วงหน้าครับพี่
นักลงทุนที่ดี คือ นักลงทุนที่รู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 44
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 45
อ่านแล้วเพลินมากครับ
ขอบคุณมากๆครับ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 47
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 48
ขอบคุณมากครับ สำหรับ link TED ในคลิปพูดถึง kodak แล้วผมพึ่งเจอบทความที่ขยายตรงนี้เลยขอแป๊ะlink ไว้เพื่อสนใจไปอ่านครับ
http://techsauce.co/article/kodak-downfall-explanation/
http://techsauce.co/article/kodak-downfall-explanation/
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ฟินาเล่ ขี้เกียจให้สมใจ
โพสต์ที่ 51
เวลาผ่านมาจนตอนนี้ Story ของหุ้นที่ผมลงทุนน่าจะจบไปแล้ว และผมคิดว่าไม่น่าจะผิดกฎของ ThaiVI แล้ว ผมขออนุญาตตอบคุณ Loby นะครับ (แหะๆ ไม่รู้ว่ายังสนใจจะรู้อีกหรือเปล่า)picatos เขียน:ผมยังมีเงินลงทุนในไทยอยู่ครับ เพราะ ผมยังต้องใช้เงินบาทในการดำรงชีพ หุ้นไทยนี่หุ้นกะโหลกกะลาไม่ได้มีความสำคัญ เล่นไปก็ขาดทุนไป เล่นเพื่อความบันเทิงบ้าง เล่นเพื่อเงินปันผลบ้าง ไม่ใช่สาระอะไร อีกทั้งยังไม่มุมมองอะไรที่น่าสนใจอีกต่างหากLoby เขียน:.....
ขอบคุณมากครับ สำหรับแนวคิดที่น่าสนใจและประสบการณ์
แต่ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดขี้เกียจ ผมมีคำถามว่าหุ้นไทยตัวสุดท้ายที่คุณ picatos ซื้อ และตัวสุดท้ายที่จะขายคือตัวไหน พอจะแชร์มุมมองและแนวคิดได้หรือไม่ครับ ว่าเหตุใดจึงเลือกที่จะทำเช่นนั้น มีจุดไหนที่เข้าข่ายแนวคิดข้างต้นบ้างรึเปล่าครับ ถ้าไม่เข้าข่ายเลย เหตุใดถึงยังลงทุนในหุ้นไทยครับ ขอทราบเหตุผลหน่อยครับ
ขออภัยที่ไม่อาจระบุชื่อหุ้นได้ครับ เพราะ ผมเคารพกฎ บอร์ด ไทย วี ไอ มากมาย... อิๆ
หุ้นที่ผมถือในตอนนั้น และที่เอาเงินกลับมาจากต่างประเทศมาซื้อในช่วงต้นปี คือ JAS ครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 52
ได้ทั้งความบันเทิง และกำไร ส่วนมุมมองก็คือ ผมไม่เชื่อในสิ่งที่ไม่สมเหตุผล ยิ่งมันไม่สมเหตุผลเท่าไร สิ่งๆ นั้นยิ่งต้องมีเหตุผล และการยืนหยัดอย่างโดดเดี่ยวทางกลางพายุ และเสียงต่อต้าน นอกจากจะได้ฝึกจิตตัวเองแล้ว ยังได้กำไรที่คุ้มค่าทีเดียว
ถึงตอนนี้ก็ได้เวลาปรับพอร์ตออกไปต่างประเทศอีกครั้ง ซึ่งผมหวังว่าการปรับพอร์ตครั้งนี้จะนำมา ซึ่งความสงบสุขของจิตใจมากยิ่งๆ ขึ้น และในการปรับพอร์ตครั้งนี้ คงจะไม่มีหุ้นเสียวๆ อย่าง JAS ให้ต้องมาทดสอบจิตใจตัวเองอีกแล้ว
ถึงตอนนี้ก็ได้เวลาปรับพอร์ตออกไปต่างประเทศอีกครั้ง ซึ่งผมหวังว่าการปรับพอร์ตครั้งนี้จะนำมา ซึ่งความสงบสุขของจิตใจมากยิ่งๆ ขึ้น และในการปรับพอร์ตครั้งนี้ คงจะไม่มีหุ้นเสียวๆ อย่าง JAS ให้ต้องมาทดสอบจิตใจตัวเองอีกแล้ว
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 71
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 53
jas ในตอนนั้นไม่สมเหตุสมผลอย่างไรครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 54
ผมอึ้งกับความรู้ที่ อาจารย์ picatos มี จริงๆ เวลาผมเจอชื่อนี้ ต้องเป็นเข้าไปดูทุกที และมีอยู่บ่อยๆที่ค้นหาที่อาจารย์โพส เต็มไปด้วยเนื้อหา สาระที่แน่นๆ ผมรบกวนถามอาจารย์หน่อยได้ไหมครับ ว่าเว็บที่อาจารย์หาอ่านเป็นแหล่งความรู้อยู่บ่อยๆมีเว็บไหนบ้างครับ และมีหนังสือเล่มไหนบ้างที่ควรอ่าน ใจจริงอยากจะถามกิจวัตรประจำวันที่อาจารย์ทำทุกวันแต่กลัวล่วงเกินครับ ขอบคุณครับ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 55
เอาจริงๆ นะ... หลังๆ ผมไม่ค่อยได้อ่านมากสักเท่าไหร่ กิจวัตรประจำวันจะหมดไปกับการปฏิบัติธรรมกับปรนนิบัติเมียซะมากกว่า... ฮ่าๆๆTom Dwan เขียน:ผมอึ้งกับความรู้ที่ อาจารย์ picatos มี จริงๆ เวลาผมเจอชื่อนี้ ต้องเป็นเข้าไปดูทุกที และมีอยู่บ่อยๆที่ค้นหาที่อาจารย์โพส เต็มไปด้วยเนื้อหา สาระที่แน่นๆ ผมรบกวนถามอาจารย์หน่อยได้ไหมครับ ว่าเว็บที่อาจารย์หาอ่านเป็นแหล่งความรู้อยู่บ่อยๆมีเว็บไหนบ้างครับ และมีหนังสือเล่มไหนบ้างที่ควรอ่าน ใจจริงอยากจะถามกิจวัตรประจำวันที่อาจารย์ทำทุกวันแต่กลัวล่วงเกินครับ ขอบคุณครับ
และด้วยความที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่านสักเท่าไหร่ ก็เลยต้องเน้นไปที่ประสิทธิภาพของการอ่านและการรับรู้ ใช้ Concept ประมาณว่า เราคนไทยอ่านแค่ 8 บรรทัดพอ
หนังสือพิมพ์ไม่อ่าน อ่าน Feed ข่าว อ่านหัวข้อพอ และถ้าเจอหัวข้อที่สนใจ พอเปิดอะไรขึ้นมาอ่าน ก็กราดตาผ่านๆ อ่านแค่ 8 บรรทัดพอ ซึ่งส่วนใหญ่เนื้อหาหลายๆ อย่างที่เขียนๆ ให้อ่านมีแต่น้ำ เนื้อๆ จริงๆ ก็นี่แหละ ที่คนไทยอ่านกันแค่ 8 บรรทัด
หา 8 บรรทัด ที่สำคัญที่สุดของสิ่งที่อ่านให้เจอ แล้วถ้ามันมี Impact และน่าสนใจมากๆ จนเรารู้สึกว่าอยากอ่าน ไม่อ่านไม่ได้ หรือรู้สึกว่ามันต้องสนุกแน่ๆ กับการได้อ่านค่อยอ่านทั้งหมด แต่ถ้าอ่านแล้วไม่โดน ไม่น่าอ่าน อ่านแล้วน่าเบื่อ ผมก็จะผ่านมันไปซะ ถือว่าไม่รู้สักเรื่อง ไม่เห็นจะตายเลย
ที่ผมจะอ่านจริงๆ จังๆ ตั้งใจอ่านจริงๆ ก็คงจะมีแต่ธรรมะของพระพุทธเจ้า ในระดับพระไตรปิฎก คัมภีร์ และอรรถกถา ที่รู้สึกว่าต้องใช้ สติ สมาธิ อย่างยิ่งยวด ในการซึมซับแต่ละถ้อยคำ ดื่มด่ำ ลิ้มรส และแตกแขนงองค์ความรู้ที่เกิดจากพุทธวจน แต่ละคำ ตัวอย่างเช่น ประโยคที่ว่า
"การเข้าไปกำหนดรู้ขันธ์ ที่เป็น อดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายใน ภายนอก หยาบ ละเอียด ทราม ปราณีต ไกล ใกล้"
ประโยคดังกล่าวนี้มีความลุ่มลึก ละเอียดละออ ในระดับที่เรียนรู้กันทั้งชีวิตเลยทีเดียว พุทธวจนบางประโยคนี่จะเป็น Motto เป็นคำขวัญประจำใจ ที่ลอยขึ้นมา พิจารณาทวนไปทวนมาอยู่บ่อยๆ และหลายๆ ครั้งพอได้อ่านคัมภีร์ ได้อ่านอรรถกถา หรือคำอธิบายของอาจารย์บางท่านก็จะยิ่งซาบซึ้ง เห็นมิติมุมมองที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นๆ ก็เลยทำให้เวลาในการอ่านส่วนใหญ่ของผมหลังๆ ใช้ไปกับการอ่านธรรมะซะมากกว่า
อันที่จริงแล้ว ผมว่า โลกยุคนี้ มันไม่ใช่ว่าทุกวันนี้อ่านอะไรแล้วนะ แต่มันเป็นยุคที่ว่า ตอนนี้เราสนใจ อยากรู้เรื่องอะไรมากกว่า เพราะ อยากรู้เรื่องอะไร เรา Serch Google ก็มีองค์ความรู้ให้ศึกษาเต็มไปหมดแล้ว แค่อ่านผ่านๆ สิ่งที่ Search ขึ้นมาก็ได้องค์ความรู้เต็มไปหมดแล้ว
สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือ การตั้งคำถามมากเสียกว่า ตั้งคำถามให้ถูก เพื่อที่จะได้ศึกษาหาข้อมูลได้ถูก และเมื่อได้ข้อมูลบางอย่างแล้ว ก็อาจจะทำให้เราสนใจที่จะตั้งคำถามใหม่ๆ ขึ้น เพื่อที่จะได้ศึกษาต่อ
ดังนั้นสำหรับเรื่องการลงทุน ผมจะเริ่มต้นโดยโจทย์ในช่วงนั้นๆ ก่อน ถ้ามีโจทย์ ผมถึงจะศึกษา และผมถึงจะอ่าน... อย่างช่วงนี้ โจทย์มีอยู่ว่า พอผมเล่น JAS จบ ผมจะเอาเงินกลับออกไปต่างประเทศ ผมจะลงทุนอะไรดี?
พอมามองภาพใหญ่ ก็เห็นว่า Autonomous Vehicle (รถที่ขับตัวเองได้) น่าจะมาแน่ๆ ก็เลยไปศึกษา หา Paper มาอ่าน ว่าสุดท้ายแล้วใครจะได้ประโยชน์ ก็ค่อยๆ อ่านภาพของรถยนต์ในอนาคต แล้วก็ค่อยๆ เจาะลงไปจนเจอกิจการที่ทำระบบ ADAS (Advanced Driver Assistance System) บริษัทหนึ่ง ที่มี Market Share ในตลาดถึง 80-90% เป็นหัวใจที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Teslsa Autopilot และเป็น Partner กับกิจการรถยนต์มากมาย และบริษัทนี้น่าจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะเป็นระบบที่อยู่เบื้องหลังรถรุ่นใหม่ๆ ที่จะขับเคลื่อนตัวเองได้ในอนาคต
ยิ่งอ่านก็ยิ่งมัน แถมรู้สึกว่า น่าจะดีนะ ที่เราได้ลงทุนในกิจการที่ช่วยให้คนขับรถได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทำให้คนมีอิสระทางเวลา ไม่ต้องมาเสียเวลาขับรถ ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ว่าจะลงทุนดีไหม
เอาเป็นว่า... ประเด็นสำคัญ คือ ถ้าเราเป็นคนที่มีความสุข เป็นคนที่สนุกกับการเรียนรู้เรื่อง กับ การศึกษา แล้วเราก็ดื่มด่ำกับความสุขที่ได้ทำมัน ผลจากการศึกษาและเรียนรู้ ก็ทำให้เรารู้มากไปโดยปริยาย
โดยส่วนตัวแล้ว ผมลงทุนจะเน้นลงทุนเอามัน เอาสนุก ดังนั้นผมจะสนใจกิจการ หรือสิ่งที่มันเปลี่ยนโลก หรือมี Impact มากๆ กับตัวเรา จะให้ไปลงทุนธุรกิจน่าเบื่อๆ อย่างปู่บัฟเฟต ผมก็ไม่ไหวอ่ะ เบื่อตายเลย ผมขอกำไรน้อยหน่อยก็ได้ แต่ขอให้สนุกกับการได้ศึกษา สนุกกับการได้ติดตามกิจการที่เราชื่นชม และชื่นชอบ ก็แค่นั้นเอง
และถ้าถอยมาในภาพใหญ่ ผมสนุกกับการศึกษาเรื่องสุขเรื่องทุกข์ของตัวเราเอง และของคนอื่นๆ ทำให้เราสนใจว่าในสภาพที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นที่ไหน ทุกข์มากน้อยขนาดไหน ในสภาพที่สุขคนเราเป็นอย่างไร เลยทำให้สนุกกับการท่องเที่ยวไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ตามที่ต่างๆ ในอดีต สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และจะเป็นไปในอนาคต และสนุกกับการได้เข้ามาเรียนรู้ตัวเราเองจากภายใน ว่าการเกิดขึ้นของสุขและทุกข์ของเราแต่ละอย่าง มันเกิดขึ้นได้ยังไง และอย่างไร
ถ้าเราตั้งคำถามได้สนุก เราก็จะสนุกไปกับการหาคำตอบ
ขออภัยหากตอบนอกประเด็น และไม่เป็นโล้เป็นพายนะครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 56
picatos เขียน:เอาจริงๆ นะ... หลังๆ ผมไม่ค่อยได้อ่านมากสักเท่าไหร่ กิจวัตรประจำวันจะหมดไปกับการปฏิบัติธรรมกับปรนนิบัติเมียซะมากกว่า... ฮ่าๆๆTom Dwan เขียน:ผมอึ้งกับความรู้ที่ อาจารย์ picatos มี จริงๆ เวลาผมเจอชื่อนี้ ต้องเป็นเข้าไปดูทุกที และมีอยู่บ่อยๆที่ค้นหาที่อาจารย์โพส เต็มไปด้วยเนื้อหา สาระที่แน่นๆ ผมรบกวนถามอาจารย์หน่อยได้ไหมครับ ว่าเว็บที่อาจารย์หาอ่านเป็นแหล่งความรู้อยู่บ่อยๆมีเว็บไหนบ้างครับ และมีหนังสือเล่มไหนบ้างที่ควรอ่าน ใจจริงอยากจะถามกิจวัตรประจำวันที่อาจารย์ทำทุกวันแต่กลัวล่วงเกินครับ ขอบคุณครับ
และด้วยความที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่านสักเท่าไหร่ ก็เลยต้องเน้นไปที่ประสิทธิภาพของการอ่านและการรับรู้ ใช้ Concept ประมาณว่า เราคนไทยอ่านแค่ 8 บรรทัดพอ
หนังสือพิมพ์ไม่อ่าน อ่าน Feed ข่าว อ่านหัวข้อพอ และถ้าเจอหัวข้อที่สนใจ พอเปิดอะไรขึ้นมาอ่าน ก็กราดตาผ่านๆ อ่านแค่ 8 บรรทัดพอ ซึ่งส่วนใหญ่เนื้อหาหลายๆ อย่างที่เขียนๆ ให้อ่านมีแต่น้ำ เนื้อๆ จริงๆ ก็นี่แหละ ที่คนไทยอ่านกันแค่ 8 บรรทัด
หา 8 บรรทัด ที่สำคัญที่สุดของสิ่งที่อ่านให้เจอ แล้วถ้ามันมี Impact และน่าสนใจมากๆ จนเรารู้สึกว่าอยากอ่าน ไม่อ่านไม่ได้ หรือรู้สึกว่ามันต้องสนุกแน่ๆ กับการได้อ่านค่อยอ่านทั้งหมด แต่ถ้าอ่านแล้วไม่โดน ไม่น่าอ่าน อ่านแล้วน่าเบื่อ ผมก็จะผ่านมันไปซะ ถือว่าไม่รู้สักเรื่อง ไม่เห็นจะตายเลย
ที่ผมจะอ่านจริงๆ จังๆ ตั้งใจอ่านจริงๆ ก็คงจะมีแต่ธรรมะของพระพุทธเจ้า ในระดับพระไตรปิฎก คัมภีร์ และอรรถกถา ที่รู้สึกว่าต้องใช้ สติ สมาธิ อย่างยิ่งยวด ในการซึมซับแต่ละถ้อยคำ ดื่มด่ำ ลิ้มรส และแตกแขนงองค์ความรู้ที่เกิดจากพุทธวจน แต่ละคำ ตัวอย่างเช่น ประโยคที่ว่า
"การเข้าไปกำหนดรู้ขันธ์ ที่เป็น อดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายใน ภายนอก หยาบ ละเอียด ทราม ปราณีต ไกล ใกล้"
ประโยคดังกล่าวนี้มีความลุ่มลึก ละเอียดละออ ในระดับที่เรียนรู้กันทั้งชีวิตเลยทีเดียว พุทธวจนบางประโยคนี่จะเป็น Motto เป็นคำขวัญประจำใจ ที่ลอยขึ้นมา พิจารณาทวนไปทวนมาอยู่บ่อยๆ และหลายๆ ครั้งพอได้อ่านคัมภีร์ ได้อ่านอรรถกถา หรือคำอธิบายของอาจารย์บางท่านก็จะยิ่งซาบซึ้ง เห็นมิติมุมมองที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นๆ ก็เลยทำให้เวลาในการอ่านส่วนใหญ่ของผมหลังๆ ใช้ไปกับการอ่านธรรมะซะมากกว่า
อันที่จริงแล้ว ผมว่า โลกยุคนี้ มันไม่ใช่ว่าทุกวันนี้อ่านอะไรแล้วนะ แต่มันเป็นยุคที่ว่า ตอนนี้เราสนใจ อยากรู้เรื่องอะไรมากกว่า เพราะ อยากรู้เรื่องอะไร เรา Serch Google ก็มีองค์ความรู้ให้ศึกษาเต็มไปหมดแล้ว แค่อ่านผ่านๆ สิ่งที่ Search ขึ้นมาก็ได้องค์ความรู้เต็มไปหมดแล้ว
สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือ การตั้งคำถามมากเสียกว่า ตั้งคำถามให้ถูก เพื่อที่จะได้ศึกษาหาข้อมูลได้ถูก และเมื่อได้ข้อมูลบางอย่างแล้ว ก็อาจจะทำให้เราสนใจที่จะตั้งคำถามใหม่ๆ ขึ้น เพื่อที่จะได้ศึกษาต่อ
ดังนั้นสำหรับเรื่องการลงทุน ผมจะเริ่มต้นโดยโจทย์ในช่วงนั้นๆ ก่อน ถ้ามีโจทย์ ผมถึงจะศึกษา และผมถึงจะอ่าน... อย่างช่วงนี้ โจทย์มีอยู่ว่า พอผมเล่น JAS จบ ผมจะเอาเงินกลับออกไปต่างประเทศ ผมจะลงทุนอะไรดี?
พอมามองภาพใหญ่ ก็เห็นว่า Autonomous Vehicle (รถที่ขับตัวเองได้) น่าจะมาแน่ๆ ก็เลยไปศึกษา หา Paper มาอ่าน ว่าสุดท้ายแล้วใครจะได้ประโยชน์ ก็ค่อยๆ อ่านภาพของรถยนต์ในอนาคต แล้วก็ค่อยๆ เจาะลงไปจนเจอกิจการที่ทำระบบ ADAS (Advanced Driver Assistance System) บริษัทหนึ่ง ที่มี Market Share ในตลาดถึง 80-90% เป็นหัวใจที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Teslsa Autopilot และเป็น Partner กับกิจการรถยนต์มากมาย และบริษัทนี้น่าจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะเป็นระบบที่อยู่เบื้องหลังรถรุ่นใหม่ๆ ที่จะขับเคลื่อนตัวเองได้ในอนาคต
ยิ่งอ่านก็ยิ่งมัน แถมรู้สึกว่า น่าจะดีนะ ที่เราได้ลงทุนในกิจการที่ช่วยให้คนขับรถได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทำให้คนมีอิสระทางเวลา ไม่ต้องมาเสียเวลาขับรถ ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ว่าจะลงทุนดีไหม
เอาเป็นว่า... ประเด็นสำคัญ คือ ถ้าเราเป็นคนที่มีความสุข เป็นคนที่สนุกกับการเรียนรู้เรื่อง กับ การศึกษา แล้วเราก็ดื่มด่ำกับความสุขที่ได้ทำมัน ผลจากการศึกษาและเรียนรู้ ก็ทำให้เรารู้มากไปโดยปริยาย
โดยส่วนตัวแล้ว ผมลงทุนจะเน้นลงทุนเอามัน เอาสนุก ดังนั้นผมจะสนใจกิจการ หรือสิ่งที่มันเปลี่ยนโลก หรือมี Impact มากๆ กับตัวเรา จะให้ไปลงทุนธุรกิจน่าเบื่อๆ อย่างปู่บัฟเฟต ผมก็ไม่ไหวอ่ะ เบื่อตายเลย ผมขอกำไรน้อยหน่อยก็ได้ แต่ขอให้สนุกกับการได้ศึกษา สนุกกับการได้ติดตามกิจการที่เราชื่นชม และชื่นชอบ ก็แค่นั้นเอง
และถ้าถอยมาในภาพใหญ่ ผมสนุกกับการศึกษาเรื่องสุขเรื่องทุกข์ของตัวเราเอง และของคนอื่นๆ ทำให้เราสนใจว่าในสภาพที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นที่ไหน ทุกข์มากน้อยขนาดไหน ในสภาพที่สุขคนเราเป็นอย่างไร เลยทำให้สนุกกับการท่องเที่ยวไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ตามที่ต่างๆ ในอดีต สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และจะเป็นไปในอนาคต และสนุกกับการได้เข้ามาเรียนรู้ตัวเราเองจากภายใน ว่าการเกิดขึ้นของสุขและทุกข์ของเราแต่ละอย่าง มันเกิดขึ้นได้ยังไง และอย่างไร
ถ้าเราตั้งคำถามได้สนุก เราก็จะสนุกไปกับการหาคำตอบ
ขออภัยหากตอบนอกประเด็น และไม่เป็นโล้เป็นพายนะครับ
ยิ่งผมได้อ่าน comment อาจารย์มากขึ้นเท่าใด ผมยิ่งเหมือนมดปลวกมากขึ้นเท่านั้น ขอบคุณอาจารย์มากๆน่ะครับที่เสียสละเวลามาตอบ อยากให้ อาจารย์ มาเขียนบทความกับ comment บ่อยๆน่ะครับ เวลาที่ผมอ่านอาจารย์เหมือนเปิดโลกทัศน์ ให้ผมทุกครั้งที่อ่าน ขอบพระคุณอีกครั้งครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 57
ใช่บริษัท mobileye หรือเปล่าครับ แล้วถ้าใช่อจ. picatos มีความเห็นอย่างไรกับที่สัญญากับ tesla จะไม่ต่อออกไปครับ จะกระทบกับ tesla มากแค่ไหน ส่วน mobileye น่าจะไม่กระทบมากเพราะยังมี partner อีกหลายราย ขอบคุณครับpicatos เขียน:พอมามองภาพใหญ่ ก็เห็นว่า Autonomous Vehicle (รถที่ขับตัวเองได้) น่าจะมาแน่ๆ ก็เลยไปศึกษา หา Paper มาอ่าน ว่าสุดท้ายแล้วใครจะได้ประโยชน์ ก็ค่อยๆ อ่านภาพของรถยนต์ในอนาคต แล้วก็ค่อยๆ เจาะลงไปจนเจอกิจการที่ทำระบบ ADAS (Advanced Driver Assistance System) บริษัทหนึ่ง ที่มี Market Share ในตลาดถึง 80-90% เป็นหัวใจที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Teslsa Autopilot และเป็น Partner กับกิจการรถยนต์มากมาย และบริษัทนี้น่าจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะเป็นระบบที่อยู่เบื้องหลังรถรุ่นใหม่ๆ ที่จะขับเคลื่อนตัวเองได้ในอนาคต
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 58
จริงๆ ยอดขายที่ MobilEye ขายให้ Tesla นี่ไม่ถึง 1% ของยอดขายทั้งหมดนะครับ อย่างปี 2015 MobilEye ขายชิปไปทั้งหมด 4.4 ล้านชิ้น ดังนั้นผมว่าการที่แตกหักกับ Tesla อาจจะเป็นประโยชน์ต่อ MobilEye มากกว่า เพราะ ผมว่าพวก Conventional Car Company น่าจะเหม็นขี้หน้า Tesla อยู่พอสมควรlarge เขียน:ใช่บริษัท mobileye หรือเปล่าครับ แล้วถ้าใช่อจ. picatos มีความเห็นอย่างไรกับที่สัญญากับ tesla จะไม่ต่อออกไปครับ จะกระทบกับ tesla มากแค่ไหน ส่วน mobileye น่าจะไม่กระทบมากเพราะยังมี partner อีกหลายราย ขอบคุณครับpicatos เขียน:พอมามองภาพใหญ่ ก็เห็นว่า Autonomous Vehicle (รถที่ขับตัวเองได้) น่าจะมาแน่ๆ ก็เลยไปศึกษา หา Paper มาอ่าน ว่าสุดท้ายแล้วใครจะได้ประโยชน์ ก็ค่อยๆ อ่านภาพของรถยนต์ในอนาคต แล้วก็ค่อยๆ เจาะลงไปจนเจอกิจการที่ทำระบบ ADAS (Advanced Driver Assistance System) บริษัทหนึ่ง ที่มี Market Share ในตลาดถึง 80-90% เป็นหัวใจที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Teslsa Autopilot และเป็น Partner กับกิจการรถยนต์มากมาย และบริษัทนี้น่าจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะเป็นระบบที่อยู่เบื้องหลังรถรุ่นใหม่ๆ ที่จะขับเคลื่อนตัวเองได้ในอนาคต
การที่ MobilEye แตกหักกับ Tesla น่าจะช่วยให้เป็นอิสระในการพัฒนา Solution ให้กับบริษัทรถอื่นๆ ได้มากขึ้น และอาจจะได้ Order มากยิ่งๆ ขึ้นจากการแตกหักครั้งนี้ ซึ่งสวนทางกับราคาหุ้นที่ตกลงจากความกลัวที่ MobilEye จะมีคู่แข่งที่น่ากลัวเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่า การร่วมทำ Auto Pilot กับ Tesla ที่ผ่านมา นี่ถือว่าสร้าง Profile ให้กับ MobilEye จนเป็นบริษัทที่น่าจับตามอง และคนอยากจะได้ Technology ของ MobilEye มาใช้กับรถของตัวเอง ผมจึงเชื่อว่า โอกาสของ MobileEye น่าจะมีเพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และการออก Chip รุ่นใหม่ที่รองรับการขับเคลื่อนตัวเองในระดับ 4 ในปี 2018 น่าจะมีอะไรสนุกให้เราดูกันแน่ๆ
ส่วนกระทบกับ Tesla ขนาดไหนนี่ ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกัน แต่ Tesla น่าจะงานงอกหน้าดู เพราะ Technology ของ MobilEye เค้าสั่งสม สะสม Learning Curve มากกว่า 17 ปี การที่อยู่ๆ ก็เสีย Partner ที่สำคัญในขณะที่ประกาศออกมาว่าจะทำให้รถทุกคันในอนาคตของ Tesla รองรับ Autonomous Vehicle ในระดับ 5 ได้ แต่กลับต้องมาพัฒนาระบบใหม่ หรือไม่มีระบบที่ Redundance กับระบบของ nVidia ผมว่ายังไงก็ไม่ใช่ผลดีต่อ Tesla อย่างแน่นอน
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 59
จริงๆ แล้วความรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็ก อาจจะดูเหมือนเป็นควรรู้สึกที่ไม่ดี แต่ถ้าว่ากันตามทางธรรมแล้ว มันเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลยนะครับTom Dwan เขียน:...
ยิ่งผมได้อ่าน comment อาจารย์มากขึ้นเท่าใด ผมยิ่งเหมือนมดปลวกมากขึ้นเท่านั้น ขอบคุณอาจารย์มากๆน่ะครับที่เสียสละเวลามาตอบ อยากให้ อาจารย์ มาเขียนบทความกับ comment บ่อยๆน่ะครับ เวลาที่ผมอ่านอาจารย์เหมือนเปิดโลกทัศน์ ให้ผมทุกครั้งที่อ่าน ขอบพระคุณอีกครั้งครับ
เพราะ คนเรายิ่งมีปัญญามากขึ้น ก็จะยิ่งรู้สึกตัวเล็กลงๆ จนถึงขั้นว่าไม่มีตัวตน ไร้ตัวตน (อนัตตา) ดังนั้นยิ่งคนมีปัญญามากเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกไร้ตัวตน ปราศตัวตน
มันจะเหลือแค่สภาพธรรม หรือองค์ความรู้ที่ให้เราเรียนรู้ ซึมซับ เข้าไป ดังนั้นหากเราสละเสียได้ซึ่งความอหังการ มมังการ ในตัวในตน อันนั้นแหละเป็นสัญญาว่าเราพร้อมที่จะเรียนรู้มากยิ่งขึ้นๆ
แต่ถ้าเรายังเห็นว่าข้านี่เก่ง ข้านี่ใหญ่ มากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งรู้สึกอยากที่จะพองตัวเอง อยากที่จะแสดงความเป็นตัวเป็นตน ยัดเยียดความเป็นตัวเป็นตนของเราให้กับคนอื่น จนขาดโอกาสในการเรียนรู้
ดังนั้นผมจึงอยากให้กำลังใจคุณ Tom Dwan ครับ ว่าความรู้สึกว่าตัวเล็กนี่เป็นสิ่งที่ดี และเป็นจุดเริ่มต้นดีๆ ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในโลกที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเราเองอย่างมากมาย
และยิ่งเรียนรู้มากเท่าไหร่ ก็อยากไปกลัวครับที่จะรู้สึกว่าตัวเล็กลงไปอีก เล็กลงไปอีก... จะเล็กไปจนเหลือพารามีเซีย จนถึงขั้นแบคทีเรีย ไวรัส เลยก็อย่างไปกลัวครับ ยิ่งหายไปจนหมดตัวตนได้ยิ่งดีครับ
เพราะ ความเป็นจริงแล้ว ตัวเราก็เป็นเพียงแค่เศษธุลีในจักรวาล ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วสั้นๆ และก็ดับไปในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อเทียบกับกาลเวลาในจักรวาลที่เกิดดับนับครั้งไม่ถ้วน
ขอเป็นกำลังใจให้ สู้ๆ นะครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
โพสต์ที่ 60
ขอบคุณอจ. picatos มากครับ ความคิดความอ่านยังเฉียบคมเช่นเดิมครับ
โอ้ ข้อมูลนี้ผมพึ่งทราบจริงๆ นึกว่า tesla จะเป็นลูกค้ารายใหญ่ซะอีก ผมไม่ได้ติดตาม Mobileye จริงจังด้วยแหล่ะครับ น่าสนใจครับ อยากให้วันที่ driverless car มาถึงในเร็ววันจริงๆ จากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นpicatos เขียน:จริงๆ ยอดขายที่ MobilEye ขายให้ Tesla นี่ไม่ถึง 1% ของยอดขายทั้งหมดนะครับ อย่างปี 2015 MobilEye ขายชิปไปทั้งหมด 4.4 ล้านชิ้น ดังนั้นผมว่าการที่แตกหักกับ Tesla อาจจะเป็นประโยชน์ต่อ MobilEye มากกว่า เพราะ ผมว่าพวก Conventional Car Company น่าจะเหม็นขี้หน้า Tesla อยู่พอสมควร