|0 คอมเมนต์
ขอร่วมแชร์ด้วยคนครับ
การสัมมนานี้มีการแบ่งปันกระบวนการคิดในการซื้อการขายหุ้นจากประสบการณ์ของนักลงทุนแต่ละท่าน
เป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้และเป็นประโยชน์มากครับ ซึ่งในที่นี้คงไม่กล่าวถึงเรื่องหุ้นรายตัว
แต่โดยหลักการตัดสินใจอยู่ในสิ่งที่คุณ kongkiti สรุปเอาไว้
@ขอบคุณ คุณนักเดินทาง ด้วยครับที่ช่วยกันแชร์ต่อยอด
อยากขอแชร์ช่วงปิดท้ายที่พี่ๆนักลงทุน แบ่งปันในประเด็น
"บทเรียนหลักของแต่ละท่าน"
คุณคเชนทร์
1) ไม่ได้อยากให้ถึงกับการลงทุนคือชีวิตแล้วไม่สนใจเรื่องอื่น
ที่ผ่านมาเป็นคนเริ่มลงทุนเร็วตั้งแต่อายุราว 20 ปี
จึงเกิดคำถามขึ้นว่าใช้เวลากับการลงทุนมากไปหรือเปล่า
บางอย่างที่ผ่านไปแล้วย้อนกลับมาทำไม่ได้
ยกตัวอย่างเรื่องเล็กๆเช่นการเตะฟุตบอล เราไม่ได้ทำในวันที่ทำได้
มาวันนี้เตะไม่ไหวแล้วก็ได้แต่เล่นวินนิ่งกับเพื่อนแทน
แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ๆที่ย้อนกลับมาไม่ได้ล่ะ?
2) เงินไม่ได้แปรผันกับความสุข
วันหนึ่งที่มีเงินถึงในจุดที่ต้องการ ความสุขมันก็ไม่ได้ต่างจากเดิมมาก
มีอิสรภาพทางการเงินอาจจะดีขึ้นหน่อยที่เลือกงานที่อยากทำได้ ได้ทำด้านการศึกษา สอนเยาวชน
คุณหมอพงษ์ศักดิ์
ถ้าให้สอนลูกจะบอกว่า อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วจะมีความสุข
พอใจและทำให้ได้ตามเป้าหมายตัวเองต้องการก็พอแล้ว
จะได้มีความสุขสงบทางใจ
ความสุขต้องถามคนรอบข้างด้วย ส่วนตัวเป็นคนใช้จ่ายประหยัด
ซึ่งถ้าครอบครัวมีความรู้สึกขัดแย้งกัน เราก็จะไม่เป็นสุขไปด้วย
บางทีก็ต้องยอมปรับเราให้ยอมรับได้กับการที่เขาจะใช้เงิน
ซึ่งก็ทำให้บรรยากาศมีความสุขกันมากขึ้น
คุณโน๊ต(นัทธี)
โชคดีที่มีตลาดหุ้นเป็นทางลัดสู่ความมั่งคั่ง ถ้าทำแต่งานประจำก็ใช้เวลานานมาก
ทั้งนี้ต้องอาศัยการศึกษา เรียนรู้ เพื่อยกระดับ
เป้าหมายจำนวนเงิน ถ้าเราคิดว่าพอมันก็คือพอ
ส่วนตัวคิดจาก ค่าใช้จ่ายต่อวันเราเป็นเท่าไร และถ้าซื้อพันธบัตรได้ 5% ต้องมีเงินต้นเท่าไร
เช่น ใช้ 5 พันบาทต่อวัน ต้องมีเงินต้น 36 ล้านบาท
พอมีถึงก็ควรมีความสุขพอได้แล้ว
ช่วงที่ลงทุน 10 ปีแรกก็แลกความสุข เก็บออมไม่ค่อยใช้เงินเพราะหวังผลตอบแทนทบต้น
เมื่อถึงเป้าหมายก็ควรใช้เงินซื้อเวลาที่เหลือในชีวิตแทน
คุณชาย
ได้เรียนรู้คำว่า ไม่แน่นอน
ลงทุนมาได้ผ่านมาหลายอย่างทั้งวิกฤติต่างๆ เครื่องบินชนตึก
ไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่ง
เปรียบเราเหมือนเป็นชาวประมงออกหาปลา
ก็ขึ้นอยู่กับเรือ ทะเล ลมฟ้าอากาศ หลายปัจจัยจึงทำให้มีวันนี้
การเดินเข้าป่าก็มีอันตรายอยู่ตลอด
เราต้องเรียนรู้และปรับตัวไปกับสิ่งที่มันเป็น
ไม่ต้องพยายามไปเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนแปลงคนอื่น
เราล้วนอยู่ด้วยสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน
ถ้าประสบความสำเร็จก็ควรแบ่งปันกลับไปให้สังคม
คุณฉัตรชัย
เริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 33 แต่กว่าจะเริ่มสำเร็จก็ปี 41
เวลาผ่านไปก็มีรู้สึกท้อแท้บ้าง
ถ้าจะสอนให้ลูก ซึ่งเห็นตอนที่สำเร็จแล้วก็จะบอกว่า
มันต้องใช้ความอดทน การต่อสู้ ต้องมีใจรัก
ไม่งั้นคงทนไม่ได้ทั้งที่ผ่านความไม่สำเร็จมานาน
พอถึงจุดหนึ่งความสำเร็จก็จะมาถึง
ถ้าใจรักอย่าท้อ อย่าล้มเลิก
คุณเพนียง
1) เรื่องการลงทุน คิดว่าวินัยสำคัญมาก
ชาลีมังเจอร์บอกว่า ถ้ารู้ว่าจะไปตายที่ไหนอย่าไปที่นั่น
สิ่งที่ทำให้พัฒนามาตลอดคือการทำผิดเยอะๆแล้วจดหรือจำไว้เพื่อ
ครั้งหน้าเราจะไม่ทำผิดอีก ถ้าเราเรียนรู้ที่จะไม่ทำพลาดไปเรื่อยๆต่อให้โง่ก็จะฉลาดเอง
หลักการถือหุ้นไม่ได้ขึ้นกับตลาด คิดว่าถ้ายังหาหุ้น undervalue ได้ก็ยังถือเต็มพอร์ตได้
2) เรื่องชีวิต ที่ผ่านมาลงทุนมา 7 ปีบั่นทอนชีวิตมาก
ต้องแลกกับการไม่ค่อยมีเวลาให้คนรอบข้าง ดูหุ้นถึงดึกดื่น
เพราะทุ่มเทเพื่อมีอิสรภาพทางการเงินให้ได้ คิดไว้ว่าถ้าถึงตรงนั้นจะชีวิตดี มีความสุขมากขึ้น
สุดท้ายตอนนี้คุณพ่อก็ไม่อยู่แล้ว สุขภาพตา หลัง เข่าก็เริ่มไม่ดี ถึงจุดนี้ก็ยังเป็นทุกข์
ต้องมีอิสรภาพทางใจ ถ้ามีพอกินพอใช้ไม่เดือดร้อนก็ควรมีความสุข
ทำอะไรต้องมีความสุขระหว่างทางด้วย
เป้าหมายไม่ควร aggressive เกินไป
คุณมาริโอ กานต์
มีหลักคิด 4 ข้อใช้ได้กับทุกเรื่อง
1.ใจรักในสิ่งที่ทำ ถึงเป็นงานที่ไม่ชอบหรือไม่ถนัดก็พิจารณา
ให้เห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อตนเองและผู้อื่นถ้างานนั้นสำเร็จได้
2.ใจสู้อดทน พากเพียร มองงานที่ยากลำบาก
เป็นสิ่งที่ท้าทายให้ได้พัฒนาตนเอง ไม่ย่อท้อ ล้มแล้วลุกขึ้นสู้เสมอ
3.ใจจดจ่อมุ่งมั่นทุ่มเท ต่อเนื่องยาวนาน
ไม่วอกแวกทำสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ดีงามในระยะยาว
เพียงเพราะหวังผลประโยชน์ระยะสั้น
4.ใจกล้าลงมือทำ
ลองผิดลองถูก เรียนรู้จากทั้ง ประสบการณ์ตรงของตัวเอง และของผู้อื่น
รวมทั้งคิดปรับปรุงวิธีการให้ดียิ่งๆขึ้น
ในพุทธศาสนาเรียก 4 สิ่ง ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันนี้ว่า
"อิทธิบาท 4"
(ปล. แอบก๊อบมาจากหน้าเฟซพี่มาริโอ้ อิอิ)
สุดท้ายขอขอบคุณพี่เว็บ แม่งานใหญ่ที่จัดงาน,พี่ๆนักลงทุนที่สละเวลามาแบ่งปันความรู้ และทีมช่วยจัดงานทุกท่านด้วยครับ
งานการสัมมนาการกุศลนี้นอกจากได้เงินเข้าคณะเภสัชแล้ว ยังได้ความรู้กับนักลงทุนอีกมากมาย
จนผมรู้สึกเหมือนยังไม่ได้บริจาคการกุศลเท่าไรครับ ได้มาเรียนก็เกินคุ้มแล้วครับ
ด้วยเหตุนี้ สัปดาห์หน้าผมจะไปลองเปิดดูข้อมูลองค์กรการกุศลแล้วจะขอบริจาคเงินเพิ่มเติมครับ
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_biggrin.gif)
Go against and stay alive.