กลัวจริงๆกับหลักคิดการแก้ปัญหาแบบราชการ

[CARPENTER]

1.วิธีคิดและการดำเนินนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย สมัยต้มยำกุ้ง
ทำความเสียหายหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อทำความเสียหายแล้วหลังจากนั้น
ก็กลัวเกินเหตุพร้อมๆกับช่วยธนาคารพาณิชย์ โดยการคงอัตราเบี้ยในอัตราที่สูงมาก
ผมจำได้ว่าผมต้องเสียดอกเบี้ยในอัตรา19.5% ไปเป็นเวลานาน ผลงานแบบนี้
แต่ผลที่พนักงานทุกระดับของธนาชาติได้รับ เงินเดือน โบนัสสวัสดิการสูงมาก
ปัจจุบัน ผู้ผลิตเพื่อการส่งออกอ่อนแอมากแข่งกับใครไม่ได้แล้ว ส่วนหนึ่งมาจาก
ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้สูงกว่าที่ควรตั้งแต่สหรัฐทำQE
ครั้งแรก
2.กระทรวงพาณิช วันดีคืนดีก็เอาน้ำปาล์มเข้ามา50,000ตัน ทั้งๆที่ราคาผลผลิต
การเกษตรทุกชนิดราคาตกต่ำมาก แทนที่จะปล่อยให้ชาวสวนปาล์ม ขายปาล์ม
ได้ราคาที่ดีบ้าง เหตุผลที่กระทรวงพาณิชย์ให้ดูดีไปหมด มาตอนนี้ปาล์ม ราคา
3.60บาท กระทรวงพาณิชย์จะทำยังงัยต่อ คงแก้ปัญหาตามที่ถนัดคือเอาเงิน
ภาษีไปรับซื้อปาล์ม ทั้งๆที่ถ้าไม่ทำอะไรตั้งแต่ต้นก็ไม่เกิดเหตุการณ์นี้
3.กองทุนน้ำมัน ชอบนักที่จะกองทุนนี้มีเงินเยอะๆ คิดว่าเป็นเงินของตัวเอง
รวมทั้งพวกกองทุนต่างๆ เช่นกองทุนยาง ชอบจังที่จะสะสมเงิน
4กระทรวงการคลัง วิธีคิดเรื่องภาษี การให้ส่วนลดหย่อน การเก็บ การไม่เก็บ
การเก็บแบบขั้นบรรได การแล่อยให้มีคณะบุคคล สารพัดความซับซ้อน
แค่เปลี่ยนวิธีการของคนเสียภาษี ก็ประหยัดภาษีได้มหาศาล
ยังมีอีกมาก

[CARPENTER]

ผลงานที่ผ่านมาของกระทรวงเกษตร
สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำไปทำมามีแต่หนี้ ที่ดินของปูย่าตายายก็ถูกยึด
สนับสนุนให้เกษตรกรเลี้ยงวัว (วัวพลาสติคเจ้งกันทั่วหน้า)
สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกยางหลายล้านไร่ นอกจากเจ้งแล้วหนี้ยังท่วมอีก
เมื่อไม่นานมานี้บอกว่าน้ำน้อยเลยสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกอ้อย
ราคาน้ำตาลตลาดโลกก็ตกต่ำเป็นประวัติกาล
ผมว่าข้าราชการ ส่วนมากรู้ไม่จริง มีผลประโยชน์แอบแฝง

[หมูน้อย]

อีกอย่างที่แปลกก็คือ มีคนไปสอบแข่งกันเป็นพันๆ หมื่นๆ คน รับแค่เพียงหลักร้อย อัตราส่วนที่รับน้อยมาก

แต่คนที่เข้ามาได้กลับไม่เก่งอย่างที่คิด เราๆ ท่านๆ ก็รู้ว่าเพราะอะไร น่าเห็นใจคนที่มีความรู้ความสามารถ

บางท่านที่ไม่ได้รับราชการ