ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 242
ที่ออก MONEY TALK ผมดาวน์โหลดจาก Sorawut channel มาเก็บ Hard disk ไว้เลย
ใครอยากได้เป็นไฟล์มาเก็บ คลิกขวา แล้วสั่ง save ครับ
MONEY TALK Daily - สัมภาษณ์อาเหลียงFriday, November 07, 2008 9:55 AM
Media files
Sorawut-MONEYTALKDaily988.wmv (83.0 MB) http://blip.tv/file/get/Sorawut-MONEYTALKDaily988.wmv
Sorawut-MONEYTALKDaily850.flv (Flash Video, 154 MB) http://blip.tv/file/get/Sorawut-MONEYTALKDaily850.flv
ใครอยากได้เป็นไฟล์มาเก็บ คลิกขวา แล้วสั่ง save ครับ
MONEY TALK Daily - สัมภาษณ์อาเหลียงFriday, November 07, 2008 9:55 AM
Media files
Sorawut-MONEYTALKDaily988.wmv (83.0 MB) http://blip.tv/file/get/Sorawut-MONEYTALKDaily988.wmv
Sorawut-MONEYTALKDaily850.flv (Flash Video, 154 MB) http://blip.tv/file/get/Sorawut-MONEYTALKDaily850.flv
- SawScofield
- Verified User
- โพสต์: 236
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 243
ขอบคุณพี่มากจริงๆครับ ชีวิตพี่มันแบบ Level up ขึ้นมาเรื่อยๆ
เหมือนตัวละครในเกมยังไงอย่างงั้นเลยครับ (ถ้าเป็นนาทีนี้ก็ต้อง Diablo 3 >o<)
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้ คือ ไม่ว่าจะสะดุด จะหกล้ม ซักกี่ครั้ง
ดูเหมือนพี่จะลุกขึ้นมาและก้าวข้ามอุปสรรคไปได้ทุกครั้ง
สุดยอดแรงบันดาลใจจริงๆครับ สนุก มีสาระ ครบทุกอรรถรสจริงๆ
ปล.ชอบที่พี่เอากลับมาให้อ่านทุกปีจังเลยครับ (สังเกตจากปีที่ดันกระทู้)
เพราะนักลงทุน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในทุกๆวัน หวังว่าซักวันผมจะตกผลึกได้เช่นพี่ครับ ^^
เหมือนตัวละครในเกมยังไงอย่างงั้นเลยครับ (ถ้าเป็นนาทีนี้ก็ต้อง Diablo 3 >o<)
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้ คือ ไม่ว่าจะสะดุด จะหกล้ม ซักกี่ครั้ง
ดูเหมือนพี่จะลุกขึ้นมาและก้าวข้ามอุปสรรคไปได้ทุกครั้ง
สุดยอดแรงบันดาลใจจริงๆครับ สนุก มีสาระ ครบทุกอรรถรสจริงๆ
ปล.ชอบที่พี่เอากลับมาให้อ่านทุกปีจังเลยครับ (สังเกตจากปีที่ดันกระทู้)
เพราะนักลงทุน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในทุกๆวัน หวังว่าซักวันผมจะตกผลึกได้เช่นพี่ครับ ^^
Respect, Persistence then Deserve
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 490
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 244
ผมเพิ่งได้อ่านแบบเต็มๆครับ อ่านมาสองวัน (ไม่ค่อยมีเวลา) เป็นประสบการณ์ที่ได้รับที่ดีมากครับ นึกถึงตัวเองตอนเข้าห้องค้าเคจีไอ(สมัยก่อนชื่อเอกธำรงมั้งถ้าจำไม่ผิด) ตอนสมัยเรียน เล่นหุ้นแบบงูๆปลาๆ ตัวไหนวิ่งก็ซื้อ จนขาดทุนมหาศาล แถมใช้พอร์ทแม่เพื่อนเล่นด้วย
ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ
ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 245
ขอบคุณมากครับ เขียนได้สนุกดี ถ้าเป็นไปได้
ขอรบกวนเขียนต่อจนถึงปัจจุบันนะครับ
ขอรบกวนเขียนต่อจนถึงปัจจุบันนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 246
เป็นกระทู้ที่ดีมาก กระทู้หนึ่งเลยครรับ อ่านแล้วได้กำลังใจและแนวคิดดีๆเยอะ
ว. วีไอ อดทน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 728
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 249
ทุกวันที่ 21-22 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันสำคัญของ areliang อะไรหรือเปล่าครับ
ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องดีๆ และขอให้คุณ และคุณพ่อที่ใจดีของคุณสุขภาพแข็งแรงนะครับ
ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องดีๆ และขอให้คุณ และคุณพ่อที่ใจดีของคุณสุขภาพแข็งแรงนะครับ
areliang เขียน:
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 251
ขอบคุณ อาเหลียงมากๆ ครับ อ่านจบแล้วต้องกลับไปทบทวนตัวเองใหม่หมด
" ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา....
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
แค่บินให้ไปถึงฝัน เท่านั้นพอ"
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
แค่บินให้ไปถึงฝัน เท่านั้นพอ"
-
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 252
ขอบคุณครับ
"สำเร็จได้ เริ่มต้นที่ใจ"
“Compound interest is the eighth wonder of the world. He who understands it, earns it ... he who doesn't ... pays it.” Albert Einstein
“Compound interest is the eighth wonder of the world. He who understands it, earns it ... he who doesn't ... pays it.” Albert Einstein
-
- Verified User
- โพสต์: 490
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 254
ขอบคุณ อาเหลียง มากครับ ที่ขุดขึ้นมาให้อ่าน ไม่งั้นผมคงพลาดไปอีก
น่าจะออกเป็นหนังสือนะครับ สำหรับ หลายๆคน ที่ยังคงไม่ได้มาเจอกระทู้นี้
ผมอายุมากก่าคุณอาเหลียง หลายปี ความรู้ ความสามารถ IQ ในการเรียนรู้ก็ไม่น่าด้อยกว่า
แต่ผมกลับหลงทางวนเวียน ในเส้นทางการลงทุน ในตลาดหุ้นนี้หลายสิบปี
นับถือคุณอาเหลียง ที่ค้นพบเส้นทางการลงทุนดีๆ ภายในไม่กี่ปี
แต่เส้นทางการลงทุนมันไม่น่าจะจบ เมื่อปี 2008
ผ่านมา 5ปี แล้ว ผมว่ามีเหตุการณ ที่ผ่านมาอีกมากมาย
อยากให้ถ่ายทอดแง่คิด เพิ่มเติม ต่อได้อีกนะครับ
ผมเชื่อว่าคนเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้แต่คุณอาเหลียง
น่าจะออกเป็นหนังสือนะครับ สำหรับ หลายๆคน ที่ยังคงไม่ได้มาเจอกระทู้นี้
ผมอายุมากก่าคุณอาเหลียง หลายปี ความรู้ ความสามารถ IQ ในการเรียนรู้ก็ไม่น่าด้อยกว่า
แต่ผมกลับหลงทางวนเวียน ในเส้นทางการลงทุน ในตลาดหุ้นนี้หลายสิบปี
นับถือคุณอาเหลียง ที่ค้นพบเส้นทางการลงทุนดีๆ ภายในไม่กี่ปี
แต่เส้นทางการลงทุนมันไม่น่าจะจบ เมื่อปี 2008
ผ่านมา 5ปี แล้ว ผมว่ามีเหตุการณ ที่ผ่านมาอีกมากมาย
อยากให้ถ่ายทอดแง่คิด เพิ่มเติม ต่อได้อีกนะครับ
ผมเชื่อว่าคนเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้แต่คุณอาเหลียง
“Survival of the fittest”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
-
- Verified User
- โพสต์: 1217
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 256
สิ่งที่ต้องทำในขณะนี้ของคุณ areliang คืออย่ายอมแพ้ กลับไปดูอดีตที่ผ่านมา ค้นหาข้อผิดพลาด แก้ไขและเดินหน้าต่อ พัฒนามุมมองอย่างง่ายเหมือนที่เราใช้ชีวิต บางครั้งเรื่องยากกับง่ายกับอยู่ใกล้กันจนไม่น่าเชื่อ (back to basic) เข้าใจว่าตอนนี้อาจจะรู้สึกเหงาและท้อถ้อยในบางช่วง แต่อย่ายอมแพ้นะครับ เราเป็นเรา ซึ่งความคิดเปลี่ยน การกระทำเปลี่ยน ผลย่อมเปลี่ยนแปลงไป สักวันโอกาสที่เหมาะสมกับเราจะเข้ามาเอง โชคดีนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 259
หลังจาก และ หลังจาก
ลองนึกภาพว่า มีเด็กหนุ่ม วัยรุ่น อายุสัก 16-18 ปี หน้าตาก็ดูได้พอสมควรใส่ชุดนักศึกษา วาดฝัน แล้ววิ่งไล่ตามหาฝันซึ่งยาวนานหลายปี สะดุดล้มแล้วก็ลุก ล้มแล้วล้มอีก ลุกแล้วลุกอีก คำว่าไม่เหนื่อยคงเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่คำว่าเหนื่อย และรวมถึงคำว่าพยายามนี้ จะพาผมไปได้ถึงที่ไหน
ถ้าคิดภาพให้เป็นหนัง เป็นละคร คงไม่ใช่หนังแนวเกาหลี รักหวานซึ้งจับใจ เป็นแน่ คงจะไปคล้าย การ์ตูนญี่ปุ่นหลายๆเรื่องมากกว่า ที่ตัวละครเอก มักจะเริ่มจากอะไรอะไรที่ธรรมดา และก็ชอบอะไรบางอย่าง ฝันอะไรบางอย่าง และอยากทำให้ดีในสิ่งๆนั้น การ์ตูนที่ผมชอบที่สุดคงไม่พ้น Dragon ball ตัวละครเอก โงกุน ซึ่งโดยเนื้อเรื่อง โงกุน จะเป็นตัวเพื่อสื่อถึง ความอยากพัฒนาขึ้นซึ่งความเก่งกาจในการต่อสู้ จากใจที่ใสซื่อ และความที่เก่งกว่าปกติสักเล็กน้อย แล้วถูกขอให้ช่วยก็ทำให้ โงกุน ต้องเข้าไปช่วยในหลายๆเรื่อง เจอคู่ต่อกรที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และการช่วยเหลือที่เข้าไปของโงกุนแต่ละครั้ง ก็กลับซึมเข้าไปในตัวละครโงกุนเองอย่างไม่รู้ตั้งใจรึไม่ คุณธรรม การปกป้องสิ่งที่ถูกต้อง และถึงขั้นปกป้องโลก และยังไปถึงปกป้องจักรวาล และสิ่งสำคัญที่ผมจำอยู่ได้ไม่รู้ทำไม คือ เมื่อโงกุน เจอคู่ต่อกรที่แข็งแกร่งกว่า และตอนแรกก็ต้องเป็นผู้พ่ายแพ้อย่างยับเยิน เมื่อฟื้นตัวจะหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองเก่งขึ้น ทั้งจากไปหาอาจารย์ และฝึกฝนด้วยตัวเอง และนั่นคือความจำเป็นในการ์ตูนเรื่องนี้ทีเดียวที่จะต้องเก่งขึ้นให้ได้ เพราะถ้า โงกุน ไม่ชนะ ก็จะไม่มีใครในเรื่องนี้ที่จะหยุด การรุกรานของคู่ต่อกรได้
การที่ต้องพัฒนาขึ้นไปอีก เมื่อไปสะดุดล้มกับปัญหา กลับเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะ ถ้าเรามีสิ่งที่จะต้องปกป้อง
และก็ยังมีอีกหลายเรื่อง เซนต์เซย่า การ์ตูนที่ตัวเอกต้องล้มลงไปกองไม่รู้กี่ครั้ง แล้วก็ต้องลุกขึ้นมาอีกเพื่อปกป้องอะไรบางอย่าง และก็จะมีพวก เจ้าหนูกังฟู เจ้าหนูนักซิ่ง เจ้าหนูทำขนมปัง ที่เริ่มจาก อะไรอะไรที่ธรรมดา และก็ชอบอะไรบางอย่าง ฝันอะไรบางอย่าง และอยากทำให้ดีในสิ่งๆนั้น แต่ไม่ได้ถึงขึ้นปกป้องโลก
แต่โดเรมอน คงไม่ใช่เนอะ 555
ลองนึกภาพว่า มีเด็กหนุ่ม วัยรุ่น อายุสัก 16-18 ปี หน้าตาก็ดูได้พอสมควรใส่ชุดนักศึกษา วาดฝัน แล้ววิ่งไล่ตามหาฝันซึ่งยาวนานหลายปี สะดุดล้มแล้วก็ลุก ล้มแล้วล้มอีก ลุกแล้วลุกอีก คำว่าไม่เหนื่อยคงเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่คำว่าเหนื่อย และรวมถึงคำว่าพยายามนี้ จะพาผมไปได้ถึงที่ไหน
ถ้าคิดภาพให้เป็นหนัง เป็นละคร คงไม่ใช่หนังแนวเกาหลี รักหวานซึ้งจับใจ เป็นแน่ คงจะไปคล้าย การ์ตูนญี่ปุ่นหลายๆเรื่องมากกว่า ที่ตัวละครเอก มักจะเริ่มจากอะไรอะไรที่ธรรมดา และก็ชอบอะไรบางอย่าง ฝันอะไรบางอย่าง และอยากทำให้ดีในสิ่งๆนั้น การ์ตูนที่ผมชอบที่สุดคงไม่พ้น Dragon ball ตัวละครเอก โงกุน ซึ่งโดยเนื้อเรื่อง โงกุน จะเป็นตัวเพื่อสื่อถึง ความอยากพัฒนาขึ้นซึ่งความเก่งกาจในการต่อสู้ จากใจที่ใสซื่อ และความที่เก่งกว่าปกติสักเล็กน้อย แล้วถูกขอให้ช่วยก็ทำให้ โงกุน ต้องเข้าไปช่วยในหลายๆเรื่อง เจอคู่ต่อกรที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และการช่วยเหลือที่เข้าไปของโงกุนแต่ละครั้ง ก็กลับซึมเข้าไปในตัวละครโงกุนเองอย่างไม่รู้ตั้งใจรึไม่ คุณธรรม การปกป้องสิ่งที่ถูกต้อง และถึงขั้นปกป้องโลก และยังไปถึงปกป้องจักรวาล และสิ่งสำคัญที่ผมจำอยู่ได้ไม่รู้ทำไม คือ เมื่อโงกุน เจอคู่ต่อกรที่แข็งแกร่งกว่า และตอนแรกก็ต้องเป็นผู้พ่ายแพ้อย่างยับเยิน เมื่อฟื้นตัวจะหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองเก่งขึ้น ทั้งจากไปหาอาจารย์ และฝึกฝนด้วยตัวเอง และนั่นคือความจำเป็นในการ์ตูนเรื่องนี้ทีเดียวที่จะต้องเก่งขึ้นให้ได้ เพราะถ้า โงกุน ไม่ชนะ ก็จะไม่มีใครในเรื่องนี้ที่จะหยุด การรุกรานของคู่ต่อกรได้
การที่ต้องพัฒนาขึ้นไปอีก เมื่อไปสะดุดล้มกับปัญหา กลับเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะ ถ้าเรามีสิ่งที่จะต้องปกป้อง
และก็ยังมีอีกหลายเรื่อง เซนต์เซย่า การ์ตูนที่ตัวเอกต้องล้มลงไปกองไม่รู้กี่ครั้ง แล้วก็ต้องลุกขึ้นมาอีกเพื่อปกป้องอะไรบางอย่าง และก็จะมีพวก เจ้าหนูกังฟู เจ้าหนูนักซิ่ง เจ้าหนูทำขนมปัง ที่เริ่มจาก อะไรอะไรที่ธรรมดา และก็ชอบอะไรบางอย่าง ฝันอะไรบางอย่าง และอยากทำให้ดีในสิ่งๆนั้น แต่ไม่ได้ถึงขึ้นปกป้องโลก
แต่โดเรมอน คงไม่ใช่เนอะ 555
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 260
หลังจาก ที่ผมได้เริ่มโดยก้าวเดินผ่านมาสัมผัสกับตลาดหุ้น ที่แสนจะน่าตื่นเต้น จนเข้าไปแตะได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของมัน
สัมผัสได้ถึงการขึ้นของหุ้นที่ตื่นเต้น โลดโผน อย่างกับรถไฟเหาะ ที่บางครั้งมันก็ตีลังกา ผมไม่สามารถแม้แต่จะยอมกระพริบตา เพื่อที่จะได้ดูหุ้นที่มองอยู่ ถูกกระชากขึ้น ไม่อยากพลาด การเห็นรายการซื้อขายแม้แต่อันเดียว
สัมผัสได้ถึงการลงของหุ้น ที่แสนจะโหดร้าย ทิ้งทุกราคา อย่างเลือดเย็น แบบ ไม่ floor ไม่หยุด และคำนึงถึง คนเล่นหุ้น ตัวนั้นที่จริงแล้วมีเหตุให้ต้องขายด้วยมูลค่าราคาที่จะได้รับลดลง ตลาดหุ้นมันไม่สนใจจริงๆว่าคุณเป็นใคร เดือดร้อนยังไง
แม้การเดินเข้ามาในตลาดหุ้นของผม เริ่มจากความฝันความต้องการที่จะร่ำรวยจากสิ่งนี้อย่างมาก เพราะได้ยินการกล่าวถึงโอกาสอันมากมายที่จะร่ำรวยในตลาดหุ้น แม้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
พอผมมองย้อนหลังกลับไป ที่ตัวผมเองนั่นแหละ เด็กหนุ่มที่มีอายุประมาณ 16-18 ปีคนนั้น ใส่ชุดนักศึกษาไปเรียนมหาลัย แต่จริงก็เป็นเด็กหนุ่มที่ดูดี นะ 555
ผมที่อยู่ตรงนี้มองเห็นความไม่นิ่ง ของเด็กหนุ่มคนนั้นได้อย่างชัดเจน
สัมผัสได้ถึงการขึ้นของหุ้นที่ตื่นเต้น โลดโผน อย่างกับรถไฟเหาะ ที่บางครั้งมันก็ตีลังกา ผมไม่สามารถแม้แต่จะยอมกระพริบตา เพื่อที่จะได้ดูหุ้นที่มองอยู่ ถูกกระชากขึ้น ไม่อยากพลาด การเห็นรายการซื้อขายแม้แต่อันเดียว
สัมผัสได้ถึงการลงของหุ้น ที่แสนจะโหดร้าย ทิ้งทุกราคา อย่างเลือดเย็น แบบ ไม่ floor ไม่หยุด และคำนึงถึง คนเล่นหุ้น ตัวนั้นที่จริงแล้วมีเหตุให้ต้องขายด้วยมูลค่าราคาที่จะได้รับลดลง ตลาดหุ้นมันไม่สนใจจริงๆว่าคุณเป็นใคร เดือดร้อนยังไง
แม้การเดินเข้ามาในตลาดหุ้นของผม เริ่มจากความฝันความต้องการที่จะร่ำรวยจากสิ่งนี้อย่างมาก เพราะได้ยินการกล่าวถึงโอกาสอันมากมายที่จะร่ำรวยในตลาดหุ้น แม้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
พอผมมองย้อนหลังกลับไป ที่ตัวผมเองนั่นแหละ เด็กหนุ่มที่มีอายุประมาณ 16-18 ปีคนนั้น ใส่ชุดนักศึกษาไปเรียนมหาลัย แต่จริงก็เป็นเด็กหนุ่มที่ดูดี นะ 555
ผมที่อยู่ตรงนี้มองเห็นความไม่นิ่ง ของเด็กหนุ่มคนนั้นได้อย่างชัดเจน
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 262
ไม่นิ่ง คำสั้นๆ ที่มีทุกอย่างรวมอยู่ในนั้น ความฝัน ความหวัง ความสับสน คำถาม คำตอบ ถูกผิด จริงแท้ เท็จลวง อย่างไร ทำยังไง และ ทำทำไม ได้อะไร และเพื่ออะไร และคำถามอีกมากมาย ทั้งหมด รวมอยู่ในใจของเด็กคนนั้นเสมอมา
ในตอนนั้นแม้ย้อนกลับไปคิด อยากจะตั้งคำถามเพื่อถามใครสักคน ยังตั้งให้ตรงกับจุดประสงค์ที่แท้จริงของตัวเองไม่ค่อยได้เลย อาจจะเป็นเพราะเราไม่เข้าใจจุดหมายที่แท้จริงของตัวเราก็ได้มั้ง หรือแม้แต่บางทีที่ตั้งคำถามออกมาได้ บางทีผู้ที่เป็นคนตอบและตอบปัญหานี้ได้จริงก็มีน้อย หรือ อาจจะตอบได้แต่ไม่สามารถอธิบายให้เราเข้าใจได้
หรือในตอนนั้นเป็นผมเองที่ไม่สามารถ หาใครที่เข้าใจทุกอย่างที่ผมอยากรู้เพื่อมาตอบคำถามของผมได้
ความฝัน เช่น ฝันว่าจะรวย ผมยังไม่รู้เลย มันเข้ามาเป็นความฝันของผมได้ยังไง มันเป็นฝันของผมเอง หรืออะไรบางอย่างสร้างมันให้เป็นความฝันของผม
อะไรถูก อะไรผิด หลายครั้งเด็กหนุ่มน้อยคนนี้เดินผ่าน ขอทาน และหลายครั้ง ก็เอาเงินค่าขนมที่เหลือซึ่งน้อยอยู่แล้วนะ ใส่ถ้วยของขอทานไป ก็มีผู้ใหญ่ที่เคียงข้างจำนวนมาก ก็บอกเรา เราทำสิ่งที่ดี ทำสิ่งที่ถูกต้อง คือทำบุญ แต่มาวันนึง เราไปเล่าให้ผู้ใหญ่คนนึงฟังว่า เราให้เงินขอทานมาด้วยแหละ เขากลับบอกเราว่า ให้ทำไม ยิ่งให้ก็ยิ่งมีขอทานเยอะขึ้น
อ่าววววว... นี่งงแล้วนะ อะไรถูก อะไรผิดกันแน่ แม้เพิ่งเจอเพียงคนเดียวที่พูดกับเราอย่างนี้ จนนานเข้าโตขึ้น กลับต้องคิดว่าผู้ใหญ่ที่ตอบอย่างนั้นเค้าคิดอะไรอยู่ และนานเข้า นานเข้า ถึงจะเข้าใจ ทำไมมมม!! ไม่อธิบายมาตั้งแต่วันแรกที่บอกว่า ให้ทำไม ยิ่งให้ก็ยิ่งมีขอทานเยอะขึ้น
แต่ถึงเข้าใจแล้ว และก็ยังคงตอบกับตัวเองว่า การทำบุญ เป็นสิ่งที่ดีเสมอ ถ้าเรารู้ว่าเราควรทำบุญอย่างไร
ซึ่งนั่นคงเป็นช่วง ที่มีคำถามมากมาย และผมคงทำอะไรไม่ได้มาก
ผมจึงต้องเดินต่อ ไปพร้อมๆกับ คำถามมากมายนั้น (ด้วยรอยยิ้มปนน้ำตา 555)
ในตอนนั้นแม้ย้อนกลับไปคิด อยากจะตั้งคำถามเพื่อถามใครสักคน ยังตั้งให้ตรงกับจุดประสงค์ที่แท้จริงของตัวเองไม่ค่อยได้เลย อาจจะเป็นเพราะเราไม่เข้าใจจุดหมายที่แท้จริงของตัวเราก็ได้มั้ง หรือแม้แต่บางทีที่ตั้งคำถามออกมาได้ บางทีผู้ที่เป็นคนตอบและตอบปัญหานี้ได้จริงก็มีน้อย หรือ อาจจะตอบได้แต่ไม่สามารถอธิบายให้เราเข้าใจได้
หรือในตอนนั้นเป็นผมเองที่ไม่สามารถ หาใครที่เข้าใจทุกอย่างที่ผมอยากรู้เพื่อมาตอบคำถามของผมได้
ความฝัน เช่น ฝันว่าจะรวย ผมยังไม่รู้เลย มันเข้ามาเป็นความฝันของผมได้ยังไง มันเป็นฝันของผมเอง หรืออะไรบางอย่างสร้างมันให้เป็นความฝันของผม
อะไรถูก อะไรผิด หลายครั้งเด็กหนุ่มน้อยคนนี้เดินผ่าน ขอทาน และหลายครั้ง ก็เอาเงินค่าขนมที่เหลือซึ่งน้อยอยู่แล้วนะ ใส่ถ้วยของขอทานไป ก็มีผู้ใหญ่ที่เคียงข้างจำนวนมาก ก็บอกเรา เราทำสิ่งที่ดี ทำสิ่งที่ถูกต้อง คือทำบุญ แต่มาวันนึง เราไปเล่าให้ผู้ใหญ่คนนึงฟังว่า เราให้เงินขอทานมาด้วยแหละ เขากลับบอกเราว่า ให้ทำไม ยิ่งให้ก็ยิ่งมีขอทานเยอะขึ้น
อ่าววววว... นี่งงแล้วนะ อะไรถูก อะไรผิดกันแน่ แม้เพิ่งเจอเพียงคนเดียวที่พูดกับเราอย่างนี้ จนนานเข้าโตขึ้น กลับต้องคิดว่าผู้ใหญ่ที่ตอบอย่างนั้นเค้าคิดอะไรอยู่ และนานเข้า นานเข้า ถึงจะเข้าใจ ทำไมมมม!! ไม่อธิบายมาตั้งแต่วันแรกที่บอกว่า ให้ทำไม ยิ่งให้ก็ยิ่งมีขอทานเยอะขึ้น
แต่ถึงเข้าใจแล้ว และก็ยังคงตอบกับตัวเองว่า การทำบุญ เป็นสิ่งที่ดีเสมอ ถ้าเรารู้ว่าเราควรทำบุญอย่างไร
ซึ่งนั่นคงเป็นช่วง ที่มีคำถามมากมาย และผมคงทำอะไรไม่ได้มาก
ผมจึงต้องเดินต่อ ไปพร้อมๆกับ คำถามมากมายนั้น (ด้วยรอยยิ้มปนน้ำตา 555)
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 263
หลังจากที่สัมผัส ตลาดหุ้นอยู่นานพอสมควร ลองเทรดซื้อขาย จำนวนแบบนับครั้งได้เยอะมากๆ
นั่งดูกระดาน นับร้อย นับ... ชั่วโมง( แบบอยากพูดจำนวนชั่วโมง น้อยหน่อยอ่ะ กลัวหาว่าหมกมุ่น)
ได้รับกำไรทีละเล็กทีละน้อย และขาดทุนมากพอควรอีกหลายครั้ง
ได้ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา เกี่ยวกับ หุ้น ตลาดหุ้นมากมาย จากนักวิเคราะห์ทั้งหลาย
สัมผัสอารมณ์มากมายในตลาดหุ้น
การได้เข้าใจ PE P/BV หลักการทางการเงิน
และการค้นหาคำตอบต่างๆอย่างตั้งใจ จนได้พบหนังสือล้ำค่า warren buffett way และ peter lynch และยังได้อ่านหนังสืออีกหลายเล่ม
ทุกๆอย่างที่ผมสัมผัส มันค่อยๆซึม เข้าไปในตัวผม
อยู่ในความคิดหรือสมองของผมในทุกๆเหตุผลที่เข้ามา ทั้ง ถูก และ ผิด หรือ อาจจะถูกอาจจะผิด
ทุกๆความรู้สึก ทุกอารมณ์ที่เคยสัมผัส ก็ไปยึดแน่นอยู่ในส่วนหนึ่งของหัวใจ
ทุกๆการกระทำก็ฝังลึกเข้าไปในร่างกาย
มันอยู่ในตัวผมอย่างที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ โดยที่ผมไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ
มันเป็นส่วนประกอบจาก เรื่องที่ผมเคยเล่าไปแล้วทั้งหมด และก็อีกหลายส่วนที่ผมไม่สามารถเล่าออกไปได้ในขณะนั้น รวมถึง วิธีง่ายๆที่น่าประหลาดใจ เช่น
เรื่อง นักแม่นธนู ที่สื่อถึงว่า ถ้าพยายาม ตั้งใจ อดทน ต่อการมองบางสิ่ง และแค่เพียงทำเช่นนั้นไปเรื่อยๆ เราก็น่ามีโอกาสที่มองเห็นรายละเอียดต่างๆได้ดี และเข้าใจมากขึ้น มันง่าย เพียงแค่ยังคงตั้งใจมอง
และ เรื่อง หม้อน้ำที่ไม่เคยเดือด สิ่งที่เตือนเสมอ ว่าอย่าลืมตัวเราเอง อะไรคือตัวเรากันแน่
และ เรื่อง 75 ปีก็ที่ว่า 75 ปีถ้าเราโชคดี แล้วเราได้อยู่สัมผัสมัน เราจะเลือกอะไร
และที่ขาดไม่ได้ เรื่อง ป้ากวาดถนน หลังจากที่ผมเห็น ผมมองหาความสุขที่แท้จริงๆเสมอ ดังนั้น ผมจะพยายามไม่หลงทางจากมัน
เคยมีบางคนถามว่า อยากเป็นนักลงทุนต้องทำยังไงอย่างไรบ้าง
เป็นคำถามที่ผมพยายามหาคำตอบนะ อย่างน้อยก็ตอบตัวผมเอง ผมพยายามคิด แต่ด้วยปัญญาอันน้อยนิด ผมไม่สามารถคิดออกได้ ว่าประโยคที่พูดว่าอะไร ที่ใช้เพียงไม่กี่ประโยค และเวลาไม่นานมากนัก แต่สามารถส่งความคิด ของคนที่เดินทางมาหลายปี ส่งความรู้สึกในจิตใจ ของคนที่โดนความรู้สึกพรั่งพรูเข้าใส่อย่างยาวนาน ส่งการกระทำ ที่เกิดความพากเพียรอดทนนาน เหล่านั้นไปให้ได้ แม้พยายามคิดถึงคำว่าทางลัด หลายครั้งที่อยู่ๆผมก็ลองเดินเข้าทางลัด แต่หลายครั้งผมหลงทางในทางลัดนั้น และสิ่งที่ทำได้ก็คือ เดินกลับออกมาทางเดิมก่อน การใช้ทางลัดให้ได้ดีและไม่เสี่ยงต่อการหลงทาง นั้นก็ไม่พ้น ต้องเข้าใจในสภาพภูมิศาสตร์โดยรวมให้ดีก่อนอยู่ดี หรือแม้แต่หลักการย่นระยะทาง อาจจะรู้สิ่งที่อ่าน เข้าใจสิ่งที่เจอได้เร็วขึ้น แต่ก็คงไม่พ้นการต้องเดินด้วยตัวเองพร้อมกับการ แบกคำถามเหล่านั้นไปด้วย 555
การอธิบายให้ ปลา ฟังว่าการอยู่บนบกเป็นอย่างไร ต่อให้ใช้เวลาสักพันปี ก็คงไม่เท่า การที่ ปลา ได้มายืนอยู่บนบก แค่เพียงนาทีเดียว ( เอามาจากหนังสือ น่าจะเกี่ยวกับคำพูด ของ warren buffett นะครับ 555 ผมอ่ะก็อบหนังสือตลอด)
ทั้งหมดที่ผมเคยเล่าถ้าไม่สามารถเป็นประโยชน์ คงเป็นเพราะมีอะไรที่ยากต่อการเข้าใจ และผมก็คงยังไม่สามารถให้อะไรได้เพิ่มในขั้นตอนที่ผ่านมา
นั่งดูกระดาน นับร้อย นับ... ชั่วโมง( แบบอยากพูดจำนวนชั่วโมง น้อยหน่อยอ่ะ กลัวหาว่าหมกมุ่น)
ได้รับกำไรทีละเล็กทีละน้อย และขาดทุนมากพอควรอีกหลายครั้ง
ได้ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา เกี่ยวกับ หุ้น ตลาดหุ้นมากมาย จากนักวิเคราะห์ทั้งหลาย
สัมผัสอารมณ์มากมายในตลาดหุ้น
การได้เข้าใจ PE P/BV หลักการทางการเงิน
และการค้นหาคำตอบต่างๆอย่างตั้งใจ จนได้พบหนังสือล้ำค่า warren buffett way และ peter lynch และยังได้อ่านหนังสืออีกหลายเล่ม
ทุกๆอย่างที่ผมสัมผัส มันค่อยๆซึม เข้าไปในตัวผม
อยู่ในความคิดหรือสมองของผมในทุกๆเหตุผลที่เข้ามา ทั้ง ถูก และ ผิด หรือ อาจจะถูกอาจจะผิด
ทุกๆความรู้สึก ทุกอารมณ์ที่เคยสัมผัส ก็ไปยึดแน่นอยู่ในส่วนหนึ่งของหัวใจ
ทุกๆการกระทำก็ฝังลึกเข้าไปในร่างกาย
มันอยู่ในตัวผมอย่างที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ โดยที่ผมไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ
มันเป็นส่วนประกอบจาก เรื่องที่ผมเคยเล่าไปแล้วทั้งหมด และก็อีกหลายส่วนที่ผมไม่สามารถเล่าออกไปได้ในขณะนั้น รวมถึง วิธีง่ายๆที่น่าประหลาดใจ เช่น
เรื่อง นักแม่นธนู ที่สื่อถึงว่า ถ้าพยายาม ตั้งใจ อดทน ต่อการมองบางสิ่ง และแค่เพียงทำเช่นนั้นไปเรื่อยๆ เราก็น่ามีโอกาสที่มองเห็นรายละเอียดต่างๆได้ดี และเข้าใจมากขึ้น มันง่าย เพียงแค่ยังคงตั้งใจมอง
และ เรื่อง หม้อน้ำที่ไม่เคยเดือด สิ่งที่เตือนเสมอ ว่าอย่าลืมตัวเราเอง อะไรคือตัวเรากันแน่
และ เรื่อง 75 ปีก็ที่ว่า 75 ปีถ้าเราโชคดี แล้วเราได้อยู่สัมผัสมัน เราจะเลือกอะไร
และที่ขาดไม่ได้ เรื่อง ป้ากวาดถนน หลังจากที่ผมเห็น ผมมองหาความสุขที่แท้จริงๆเสมอ ดังนั้น ผมจะพยายามไม่หลงทางจากมัน
เคยมีบางคนถามว่า อยากเป็นนักลงทุนต้องทำยังไงอย่างไรบ้าง
เป็นคำถามที่ผมพยายามหาคำตอบนะ อย่างน้อยก็ตอบตัวผมเอง ผมพยายามคิด แต่ด้วยปัญญาอันน้อยนิด ผมไม่สามารถคิดออกได้ ว่าประโยคที่พูดว่าอะไร ที่ใช้เพียงไม่กี่ประโยค และเวลาไม่นานมากนัก แต่สามารถส่งความคิด ของคนที่เดินทางมาหลายปี ส่งความรู้สึกในจิตใจ ของคนที่โดนความรู้สึกพรั่งพรูเข้าใส่อย่างยาวนาน ส่งการกระทำ ที่เกิดความพากเพียรอดทนนาน เหล่านั้นไปให้ได้ แม้พยายามคิดถึงคำว่าทางลัด หลายครั้งที่อยู่ๆผมก็ลองเดินเข้าทางลัด แต่หลายครั้งผมหลงทางในทางลัดนั้น และสิ่งที่ทำได้ก็คือ เดินกลับออกมาทางเดิมก่อน การใช้ทางลัดให้ได้ดีและไม่เสี่ยงต่อการหลงทาง นั้นก็ไม่พ้น ต้องเข้าใจในสภาพภูมิศาสตร์โดยรวมให้ดีก่อนอยู่ดี หรือแม้แต่หลักการย่นระยะทาง อาจจะรู้สิ่งที่อ่าน เข้าใจสิ่งที่เจอได้เร็วขึ้น แต่ก็คงไม่พ้นการต้องเดินด้วยตัวเองพร้อมกับการ แบกคำถามเหล่านั้นไปด้วย 555
การอธิบายให้ ปลา ฟังว่าการอยู่บนบกเป็นอย่างไร ต่อให้ใช้เวลาสักพันปี ก็คงไม่เท่า การที่ ปลา ได้มายืนอยู่บนบก แค่เพียงนาทีเดียว ( เอามาจากหนังสือ น่าจะเกี่ยวกับคำพูด ของ warren buffett นะครับ 555 ผมอ่ะก็อบหนังสือตลอด)
ทั้งหมดที่ผมเคยเล่าถ้าไม่สามารถเป็นประโยชน์ คงเป็นเพราะมีอะไรที่ยากต่อการเข้าใจ และผมก็คงยังไม่สามารถให้อะไรได้เพิ่มในขั้นตอนที่ผ่านมา
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 264
ณ ที่แห่งหนึ่ง ที่แสนสงบ มีบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ ท่ามกลาง ทุ่งหญ้าและทุ่งนากว้างใหญ่
มีฝูงนกออกหากิน บินไปแล้วก็บินมา มีชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งตัวเรียบง่าย นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในบ้านหลังนั้น ซึ่งทุกอย่างๆในบ้านก็ตกแต่งด้วยความเรียบง่าย
หลังชายหนุ่มนั่งคิดเรื่องราวอะไรต่างๆได้สักพัก ก็คิดที่จะออกไปเดินเล่นสักหน่อย ก็ค่อยๆลุกและเดินไปที่ประตู
พอก้าวออกจะบ้านปุ๊ป ก็พบสัตว์เลี้ยงตัวใหญ่ ผิวสีดำมีเขาอันใหญ่ 2 ข้าง อยู่ท่ามกลางทุ่งนาที่สวยงาม
ชายหนุ่มยืนนิ่ง แล้วค่อยๆตั้งสติหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน แล้วปิดประตู ยืนนิ่งไม่ไหวติง และก็คิดว่า
แป้ววว แป้ววว แป้ววว นี่มันผิดเรื่องแล้วนะ นี่มันฉากในเรื่อง แผลเก่า รึเปล่า 555
เอาใหม่
ณ บ้านหลังหนึ่งใจกลางเมืองที่ทุกๆอย่างดูแสนจะวุ่นวาย ทุกอย่างเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา แบบอยู่ติดถนนใหญ่เลยล่ะ
มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูดีเสมอ (ในความคิดของตัวเขาเองอ่ะนะ ) นั่งอยู่ในบ้าน ตรงส่วนที่เป็นโต๊ะทำงานของเขา ซึ่งรายล้อมตัวเอง ด้วย ของกินของใช้ ต่างๆนานา เยอะแยะมากมาย ของคนอื่นในบ้านทั้งนั้น
แล้วก็นั่งคิด งาน ไป หวังที่จะได้ความสงบ เพื่อจะได้คิดงาน หรือ อะไร ไบร์ทไบร์ท ออกมาได้บ้าง ก็นั่งไขว่ห้าง เท้ากระดิก คิดงานไป ทุกๆอย่างเริ่มสงบ สมองเริ่มปลอดโปร่ง หัวเริ่มไบร์ท
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังเกิดขึ้น เป็นเสียงผู้ชาย เสียงดังเลย มาจากนอกบ้าน “ จดหมาย ครับ จดหมาย ”
ไอ้เราก็ตกใจสะดุ้ง แล้วก็รีบวิ่งออกไปรับจดหมาย พอรับเสร็จ ในใจก็คิดว่า มันจะตะโกนทำไมเนี่ย เฮ้อ แต่เออ ถ้ามันไม่ตะโกนเราจะได้ยินมั้ยเนี่ยว่ามี จดหมาย มาส่ง
จดหมายปึกใหญ่มาก ผมรับมา ผมก็เริ่มดู พลางเดินเข้ามาในบ้าน
มีจดหมายอะไรบ้างเอ่ย 55 เยอะขนาดนี้ต้องมีของเราสักซองอยู่แล้วมั้ง
อันแรก จ่าหน้าซองไม่ใช่ชื่อผม อืม..ดูต่อไป อันที่ 2 ก็ไม่ใช่ชื่อผม อันที่ 3 อันที่ 4 ก็ไม่ใช่ชื่อผม อะไรกันเนี่ย
ในใจคิด อุตสาห์ตกใจ รีบวิ่งมารับจดหมาย แต่ไม่มีจดหมายของตัวผมเองเลยงั้นเหรอ ดีจริงๆเลยนะ งาน อะไรที่คิดอยู่ หัวที่เริ่มไบร์ท ต้องกลับไปนั่งตั้งต้นเริ่มกันใหม่ เซ็ง... พลางดูซองจดหมายไปเรื่อยๆ
แต่น!!! แต่น!!! แต้น!!! ซองนี้ชื่อเรา สุดยอด ในที่สุดก็มีจนได้ 555 แต่เอ มันเป็นจดหมายเกี่ยวกับอะไรอ่ะ
มีฝูงนกออกหากิน บินไปแล้วก็บินมา มีชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งตัวเรียบง่าย นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในบ้านหลังนั้น ซึ่งทุกอย่างๆในบ้านก็ตกแต่งด้วยความเรียบง่าย
หลังชายหนุ่มนั่งคิดเรื่องราวอะไรต่างๆได้สักพัก ก็คิดที่จะออกไปเดินเล่นสักหน่อย ก็ค่อยๆลุกและเดินไปที่ประตู
พอก้าวออกจะบ้านปุ๊ป ก็พบสัตว์เลี้ยงตัวใหญ่ ผิวสีดำมีเขาอันใหญ่ 2 ข้าง อยู่ท่ามกลางทุ่งนาที่สวยงาม
ชายหนุ่มยืนนิ่ง แล้วค่อยๆตั้งสติหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน แล้วปิดประตู ยืนนิ่งไม่ไหวติง และก็คิดว่า
แป้ววว แป้ววว แป้ววว นี่มันผิดเรื่องแล้วนะ นี่มันฉากในเรื่อง แผลเก่า รึเปล่า 555
เอาใหม่
ณ บ้านหลังหนึ่งใจกลางเมืองที่ทุกๆอย่างดูแสนจะวุ่นวาย ทุกอย่างเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา แบบอยู่ติดถนนใหญ่เลยล่ะ
มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูดีเสมอ (ในความคิดของตัวเขาเองอ่ะนะ ) นั่งอยู่ในบ้าน ตรงส่วนที่เป็นโต๊ะทำงานของเขา ซึ่งรายล้อมตัวเอง ด้วย ของกินของใช้ ต่างๆนานา เยอะแยะมากมาย ของคนอื่นในบ้านทั้งนั้น
แล้วก็นั่งคิด งาน ไป หวังที่จะได้ความสงบ เพื่อจะได้คิดงาน หรือ อะไร ไบร์ทไบร์ท ออกมาได้บ้าง ก็นั่งไขว่ห้าง เท้ากระดิก คิดงานไป ทุกๆอย่างเริ่มสงบ สมองเริ่มปลอดโปร่ง หัวเริ่มไบร์ท
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังเกิดขึ้น เป็นเสียงผู้ชาย เสียงดังเลย มาจากนอกบ้าน “ จดหมาย ครับ จดหมาย ”
ไอ้เราก็ตกใจสะดุ้ง แล้วก็รีบวิ่งออกไปรับจดหมาย พอรับเสร็จ ในใจก็คิดว่า มันจะตะโกนทำไมเนี่ย เฮ้อ แต่เออ ถ้ามันไม่ตะโกนเราจะได้ยินมั้ยเนี่ยว่ามี จดหมาย มาส่ง
จดหมายปึกใหญ่มาก ผมรับมา ผมก็เริ่มดู พลางเดินเข้ามาในบ้าน
มีจดหมายอะไรบ้างเอ่ย 55 เยอะขนาดนี้ต้องมีของเราสักซองอยู่แล้วมั้ง
อันแรก จ่าหน้าซองไม่ใช่ชื่อผม อืม..ดูต่อไป อันที่ 2 ก็ไม่ใช่ชื่อผม อันที่ 3 อันที่ 4 ก็ไม่ใช่ชื่อผม อะไรกันเนี่ย
ในใจคิด อุตสาห์ตกใจ รีบวิ่งมารับจดหมาย แต่ไม่มีจดหมายของตัวผมเองเลยงั้นเหรอ ดีจริงๆเลยนะ งาน อะไรที่คิดอยู่ หัวที่เริ่มไบร์ท ต้องกลับไปนั่งตั้งต้นเริ่มกันใหม่ เซ็ง... พลางดูซองจดหมายไปเรื่อยๆ
แต่น!!! แต่น!!! แต้น!!! ซองนี้ชื่อเรา สุดยอด ในที่สุดก็มีจนได้ 555 แต่เอ มันเป็นจดหมายเกี่ยวกับอะไรอ่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 265
จดหมายธรรมดาที่จะเปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล เป็นจดหมายธรรมดา ที่มีตราตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และด้านในก็มี เช็คปันผล แนบมาด้วย และผมก็ดูไปที่เช็ค ดูไปที่ยอดเงินในเช็คปันผล
มันคือ 5 บาท ทั้งหมด 5 บาทจริงๆ
ซึ่งตอนนั้นที่ผมเข้าใจค่าการซื้อเช็คจากธนาคาร ก็ใบละ 10 บาทแล้วกระมัง แต่เช็คใบนี้ จ่ายเงินเพียง 5 บาทเท่านั้น แค่ซื้อเช็คก็ขาดทุนแล้ว
ในใจผมนั่งคิดว่าทำไมโลกนี้ถึงยอมทำธุรกิจกรรม ที่ดูเหมือนจะขาดทุน ซึ่งผมก็เข้าใจสิทธิดีว่าผมควรได้รับเงินปันผล 5 บาทนี้ จากการเป็นเจ้าของหุ้น 100 หุ้น
ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรก็นั่งมอง นั่งสงสัยอยู่กับกระดาษเช็คใบนี้
ผมเคยได้เงินปันผลนะ หลักร้อย หลักพัน ผมไม่รู้สึกอย่างนี้
แต่พอมันเป็นยอดเงิน 5 บาท นั่งคิดสักพัก ก็เริ่มคิดว่า เอาไปให้คนอื่นดูบ้างดีกว่า
ด้วยในใจก็ยังคงรู้สึก ว่า น่าแปลก น่าขำ น่าสงสารตัวเองที่ได้เช็คแค่ 5 บาท เท่านั้นเอง ทุกความรู้สึกไม่รู้ว่าพูดว่าอะไรดี แต่มันขำๆ
มุ่งหน้าหาชายคนหนึ่ง
มันคือ 5 บาท ทั้งหมด 5 บาทจริงๆ
ซึ่งตอนนั้นที่ผมเข้าใจค่าการซื้อเช็คจากธนาคาร ก็ใบละ 10 บาทแล้วกระมัง แต่เช็คใบนี้ จ่ายเงินเพียง 5 บาทเท่านั้น แค่ซื้อเช็คก็ขาดทุนแล้ว
ในใจผมนั่งคิดว่าทำไมโลกนี้ถึงยอมทำธุรกิจกรรม ที่ดูเหมือนจะขาดทุน ซึ่งผมก็เข้าใจสิทธิดีว่าผมควรได้รับเงินปันผล 5 บาทนี้ จากการเป็นเจ้าของหุ้น 100 หุ้น
ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรก็นั่งมอง นั่งสงสัยอยู่กับกระดาษเช็คใบนี้
ผมเคยได้เงินปันผลนะ หลักร้อย หลักพัน ผมไม่รู้สึกอย่างนี้
แต่พอมันเป็นยอดเงิน 5 บาท นั่งคิดสักพัก ก็เริ่มคิดว่า เอาไปให้คนอื่นดูบ้างดีกว่า
ด้วยในใจก็ยังคงรู้สึก ว่า น่าแปลก น่าขำ น่าสงสารตัวเองที่ได้เช็คแค่ 5 บาท เท่านั้นเอง ทุกความรู้สึกไม่รู้ว่าพูดว่าอะไรดี แต่มันขำๆ
มุ่งหน้าหาชายคนหนึ่ง
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 266
ชายคนที่ครอบครอง ป้องกัน คุ้มครอง ตัวผมเสมอมา
ป๊า..ป๊า ดูเช็คนี่สิ ปันผลมา 5 บาท เยอะป่ะ (ลองตอบว่าเยอะสิ) (ด้วยการที่บ้านผมนั้นเป็นร้านค้าขาย ก็มีการซื้อเช็คจากธนาคารเพื่อจ่ายค่าสินค้าอยู่แล้ว จึงรู้ราคาค่าสมุดเช็คกันดี และบ้านผมก็ไม่เคยเขียนเช็คจ่าย 5 บาทมาก่อน)
ดูดิแค่ค่าเช็คก็ 10 บาทล่ะ ส่ง เงิน 5 บาทมาให้ เค้าไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ
พ่อของผม ก็รับเช็คไปดูแล้วก็ยิ้มๆ และแม่ของผม ก็เอาเช็คไปดูบ้างแล้วก็ยิ้มๆเช่นกัน
ด้วยความที่อะไรก็ไม่รู้ ผมพูดออกไปว่า “วันนึงจะต้องได้เช็คปันผลแบบนี้ยอดเงินเป็นแสน”
ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมถึงพูดออกไป ทันใดนั้นผมอึ้งทันทีและรีบคิดในใจอย่างรีบร้อนว่ามันจะเป็นไปได้มั้ย เอ่ รึมันจะเป็นไปได้ มันน่าจะเป็นไปได้นะ แต่จะต้องทำยังไง หน้าผมคงออกแนวสับสนเล็กๆ เพราะผมพยายามไม่แสดงออกถึงความสับสนนั้น ทั้งๆที่ตัวผมกำลังร้อนผ่าว
ผมเลยมองไปที่แม่ของผม แม่ของผมก็ยิ้มๆ และพูดว่า ไม่ต้องเพ้อก็ได้ แบบขำๆ ใจของผมเริ่ม เอ่ หรือมันจะไม่น่าเป็นไปได้
ทันใดนั้น มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น “ไม่ใช่สิ มันน่าจะเป็นไปได้นะ” หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดขำๆของแม่ของผม
ผมไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง คำว่า “ไม่ใช่สิ มันน่าจะเป็นไปได้นะ” มาจากพ่อของผมเอง ผมเงยหน้าขึ้น ความร้อนผ่าวในตัวสงบลง แล้วอะไรที่ทำให้ความร้อนผ่าวในตัวผมสงบลงได้เร็วเพียงนี้ อะไรทำให้เขาเชื่อในตัวผม เขามองเห็นอะไร ทั้งๆที่ลักษณะคำพูดโดยทั่วไปของเขามักจะแนะไปในทางให้ระมัดระวัง แต่คำว่า “ไม่ใช่สิ มันน่าจะเป็นไปได้นะ” มันไม่ใช่
ผมยืนนิ่งราวกับทั้งโลกหยุดนิ่ง แล้วพยายามพาตัวเองกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ผมได้แต่นั่งนิ่งๆ ไม่สามารถ สงสัย หรือตั้งคำถาม หรือ หาคำตอบใดๆทั้งสิ้น
ผมรู้สึกถึง วินาทีแห่งชีวิต วินาทีที่ผมถูกเติมเต็มด้วยความเชื่อของคนที่ผมรัก
ป๊า..ป๊า ดูเช็คนี่สิ ปันผลมา 5 บาท เยอะป่ะ (ลองตอบว่าเยอะสิ) (ด้วยการที่บ้านผมนั้นเป็นร้านค้าขาย ก็มีการซื้อเช็คจากธนาคารเพื่อจ่ายค่าสินค้าอยู่แล้ว จึงรู้ราคาค่าสมุดเช็คกันดี และบ้านผมก็ไม่เคยเขียนเช็คจ่าย 5 บาทมาก่อน)
ดูดิแค่ค่าเช็คก็ 10 บาทล่ะ ส่ง เงิน 5 บาทมาให้ เค้าไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ
พ่อของผม ก็รับเช็คไปดูแล้วก็ยิ้มๆ และแม่ของผม ก็เอาเช็คไปดูบ้างแล้วก็ยิ้มๆเช่นกัน
ด้วยความที่อะไรก็ไม่รู้ ผมพูดออกไปว่า “วันนึงจะต้องได้เช็คปันผลแบบนี้ยอดเงินเป็นแสน”
ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมถึงพูดออกไป ทันใดนั้นผมอึ้งทันทีและรีบคิดในใจอย่างรีบร้อนว่ามันจะเป็นไปได้มั้ย เอ่ รึมันจะเป็นไปได้ มันน่าจะเป็นไปได้นะ แต่จะต้องทำยังไง หน้าผมคงออกแนวสับสนเล็กๆ เพราะผมพยายามไม่แสดงออกถึงความสับสนนั้น ทั้งๆที่ตัวผมกำลังร้อนผ่าว
ผมเลยมองไปที่แม่ของผม แม่ของผมก็ยิ้มๆ และพูดว่า ไม่ต้องเพ้อก็ได้ แบบขำๆ ใจของผมเริ่ม เอ่ หรือมันจะไม่น่าเป็นไปได้
ทันใดนั้น มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น “ไม่ใช่สิ มันน่าจะเป็นไปได้นะ” หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดขำๆของแม่ของผม
ผมไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง คำว่า “ไม่ใช่สิ มันน่าจะเป็นไปได้นะ” มาจากพ่อของผมเอง ผมเงยหน้าขึ้น ความร้อนผ่าวในตัวสงบลง แล้วอะไรที่ทำให้ความร้อนผ่าวในตัวผมสงบลงได้เร็วเพียงนี้ อะไรทำให้เขาเชื่อในตัวผม เขามองเห็นอะไร ทั้งๆที่ลักษณะคำพูดโดยทั่วไปของเขามักจะแนะไปในทางให้ระมัดระวัง แต่คำว่า “ไม่ใช่สิ มันน่าจะเป็นไปได้นะ” มันไม่ใช่
ผมยืนนิ่งราวกับทั้งโลกหยุดนิ่ง แล้วพยายามพาตัวเองกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ผมได้แต่นั่งนิ่งๆ ไม่สามารถ สงสัย หรือตั้งคำถาม หรือ หาคำตอบใดๆทั้งสิ้น
ผมรู้สึกถึง วินาทีแห่งชีวิต วินาทีที่ผมถูกเติมเต็มด้วยความเชื่อของคนที่ผมรัก
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 267
เปี่ยมล้นเต็มหัวใจ สั่นสะท้านทั้งความคิดและการกระทำ
มันมีบางอย่างทำให้ผมรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง ตัวผมเองเริ่มแปลกไป อยู่ๆคำว่า รอบคอบ และ ระมัดระวัง กลับวิ่งเข้าหาถาโถมเข้ามาในหัวของผมเอง
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่หน้าที่ผม ผมรู้ตัวเองแค่ว่า เอาไงดี ลองทำดู เสี่ยงหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก มันก็ต้องเสี่ยงอยู่แล้วล่ะ เล่นหุ้น มันจะไม่เสี่ยงได้ยังไง และทุกๆอย่างที่ผมจะทำ เพียงแต่ผมจะเสี่ยงแบบมีกรอบที่ผมรับได้
แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะถูกพลิกฝั่ง
จาก ผมพร้อมจะทำอะไรก็ได้ที่ผมอยากทำ ขอให้ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี คำว่าเสี่ยง เป็นแค่อะไรที่ผมเคยชินมากๆ ถ้าผมคิดว่าผมควรทำ ผมจะทำ ไม่ว่าใครจะมองว่ามันเสี่ยงแค่ไหน
แล้ว ผู้ปกครองที่ครอบครองผม ก็จะเกิดอาการคิดมาก ระแวง คิดแทน ระมัดระวัง แทนผม ไปซะหมด หรือ บางทีก็สั่งห้าม ราวกับว่า ผมไม่ทำอะไรเลยซะบ้างก็ดีนะ ซะขนาดนั้น ถึงแม้จะรู้ว่าหยุดผมไม่ได้หรอก ถึงแม้ผมเกิดอาการคิดใหม่อีกทีในหลายๆครั้งที่ถูกห้าม แต่ถ้าคิดใหม่แล้ว ควรทำ ผมก็ต้องทำ (ในใจไม่เคยอยากขัดคำสั่งเลยแม้สักครั้งเดียว แต่ด้วยใจและความคิดและด้วยเหตุผลทั้งหมดของตัวผมเองบอกว่าผมควรทำ และผมสัญญา ผมจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี)
กลับกลายเป็น ผมกำลังพยายามรวบรวม ความคิดทุกอย่าง สิ่งที่ผมรู้ทุกอย่าง พร้อมไปด้วยกับความรอบคอบ และระมัดระวัง อย่างขาดไม่ได้ และเพ่งคิดไปถึงทางที่ผมจะเดินต่อไป แล้วอยู่ๆ คำว่า มั่นคง ก็เกิดขึ้นในใจของผมเฉยเลย และผมก็เริ่มสนใจคำว่ามั่นคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ในใจยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะสร้างความมั่นคงได้อย่างไร งานประจำก็ไม่มี
ที่ซึ่งขณะนั้นอีกฝ่ายดูเหมือนไม่ได้ เกิดอาการคิดมาก ระแวง คิดแทน ระมัดระวัง แทนผม ไปซะหมด หรือ บางทีก็สั่งห้าม เป็นฝ่ายผมเองที่กลับระมัดระวังอย่างใจสั่น เพียงเพราะฝ่ายนั้น มอบ ความเชื่อ ให้มาเท่านั้น (แต่ผมเชื่อว่า ความเชื่อ ที่ผมได้รับมานั้น เกิดจาก สิ่งที่เขาเห็นจากการกระทำมากมายของผม ทั้งดี และไม่ดี อย่างยาวนาน ไม่ใช่การได้มาง่ายๆ มันต้องผ่านบทพิสูจน์ 555)
ไม่รู้เป็นเพราะ จดหมาย หรือ ความเชื่อ ที่ทำให้ผมต้องมานั่งรู้สึกทั้งหมดนี้ หรือแค่เพราะผมเผลอพูด “วันนึงจะต้องได้เช็คปันผลแบบนี้ยอดเงินเป็นแสน” ด้วยความโลภในใจเท่านั้น ผมว่าพวกคุณคงช่วยผมตอบได้นะ
อืม... แล้วเราจะเดินต่อไปยังไงเนี่ย... เฮ้อ .. สุด .. สุด
มันมีบางอย่างทำให้ผมรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง ตัวผมเองเริ่มแปลกไป อยู่ๆคำว่า รอบคอบ และ ระมัดระวัง กลับวิ่งเข้าหาถาโถมเข้ามาในหัวของผมเอง
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่หน้าที่ผม ผมรู้ตัวเองแค่ว่า เอาไงดี ลองทำดู เสี่ยงหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก มันก็ต้องเสี่ยงอยู่แล้วล่ะ เล่นหุ้น มันจะไม่เสี่ยงได้ยังไง และทุกๆอย่างที่ผมจะทำ เพียงแต่ผมจะเสี่ยงแบบมีกรอบที่ผมรับได้
แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะถูกพลิกฝั่ง
จาก ผมพร้อมจะทำอะไรก็ได้ที่ผมอยากทำ ขอให้ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี คำว่าเสี่ยง เป็นแค่อะไรที่ผมเคยชินมากๆ ถ้าผมคิดว่าผมควรทำ ผมจะทำ ไม่ว่าใครจะมองว่ามันเสี่ยงแค่ไหน
แล้ว ผู้ปกครองที่ครอบครองผม ก็จะเกิดอาการคิดมาก ระแวง คิดแทน ระมัดระวัง แทนผม ไปซะหมด หรือ บางทีก็สั่งห้าม ราวกับว่า ผมไม่ทำอะไรเลยซะบ้างก็ดีนะ ซะขนาดนั้น ถึงแม้จะรู้ว่าหยุดผมไม่ได้หรอก ถึงแม้ผมเกิดอาการคิดใหม่อีกทีในหลายๆครั้งที่ถูกห้าม แต่ถ้าคิดใหม่แล้ว ควรทำ ผมก็ต้องทำ (ในใจไม่เคยอยากขัดคำสั่งเลยแม้สักครั้งเดียว แต่ด้วยใจและความคิดและด้วยเหตุผลทั้งหมดของตัวผมเองบอกว่าผมควรทำ และผมสัญญา ผมจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี)
กลับกลายเป็น ผมกำลังพยายามรวบรวม ความคิดทุกอย่าง สิ่งที่ผมรู้ทุกอย่าง พร้อมไปด้วยกับความรอบคอบ และระมัดระวัง อย่างขาดไม่ได้ และเพ่งคิดไปถึงทางที่ผมจะเดินต่อไป แล้วอยู่ๆ คำว่า มั่นคง ก็เกิดขึ้นในใจของผมเฉยเลย และผมก็เริ่มสนใจคำว่ามั่นคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ในใจยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะสร้างความมั่นคงได้อย่างไร งานประจำก็ไม่มี
ที่ซึ่งขณะนั้นอีกฝ่ายดูเหมือนไม่ได้ เกิดอาการคิดมาก ระแวง คิดแทน ระมัดระวัง แทนผม ไปซะหมด หรือ บางทีก็สั่งห้าม เป็นฝ่ายผมเองที่กลับระมัดระวังอย่างใจสั่น เพียงเพราะฝ่ายนั้น มอบ ความเชื่อ ให้มาเท่านั้น (แต่ผมเชื่อว่า ความเชื่อ ที่ผมได้รับมานั้น เกิดจาก สิ่งที่เขาเห็นจากการกระทำมากมายของผม ทั้งดี และไม่ดี อย่างยาวนาน ไม่ใช่การได้มาง่ายๆ มันต้องผ่านบทพิสูจน์ 555)
ไม่รู้เป็นเพราะ จดหมาย หรือ ความเชื่อ ที่ทำให้ผมต้องมานั่งรู้สึกทั้งหมดนี้ หรือแค่เพราะผมเผลอพูด “วันนึงจะต้องได้เช็คปันผลแบบนี้ยอดเงินเป็นแสน” ด้วยความโลภในใจเท่านั้น ผมว่าพวกคุณคงช่วยผมตอบได้นะ
อืม... แล้วเราจะเดินต่อไปยังไงเนี่ย... เฮ้อ .. สุด .. สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 268
คำว่า “มั่นคง” นี่อ่ะน่ะ จะมาหาในตลาดหุ้น เพ้อเจ้อ
งั้นลองหาดูเลยดีกว่า ด้วยแววตาที่มุ่งมั่น เริ่มจากเอาหนังสือพิมพ์หน้ารายชื่อหุ้นมาดู ดู นั่งดู ดูอยู่นานนะ ดูรายชื่อหุ้นไปเรื่อยๆ มองยังไงก็หาไม่เจอ มองไปเรื่อยๆ เฮ้ย... เจอแล้ว สินมั่นคง อีกอันนึง มั่นคงเคหะการ มันอยู่ในฝั่งรายชื่อบริษัทที่เป็นภาษาไทยนี่เองไม่ใช่ตัวย่อ เฮ้ย คำว่า มั่นคง มันมีอยู่จริงแฮะ ในตลาดหุ้น 555 อ่ะ ล้อเล่น หรือว่าเราต้องลงทุนใน 2 บริษัทนี้ เพราะมันมีคำว่ามั่นคงนะ ลังเลแฮะ (ล้อเล่น)
ผมยืนร่วมอยู่ในตลาดหุ้น ที่ซึ่งก็ดูเหมือนเป็นจุดยืนที่มีความเสี่ยงที่สุดไม่แพ้ที่ไหนๆในโลกทางการเงิน ในสายตาของคนจำนวนมาก รวมถึงสายตาของผมเองด้วย เมื่อรู้เช่นนี้แล้วผมต้องทำยังไง วิ่งหนี หรือ ลุยต่อ
เอ่ หรือผมต้องไปหางานอื่น ที่มีรายได้ประจำที่มั่นคงดี (คือขณะนี้ นอกจากหุ้นแล้ว ผมมีรายได้อีกอย่างคือ ค่าขนม จากการช่วยงานที่บ้านเล็กน้อยเท่านั้น) หรือลุยต่อในหุ้น ลุยยังไงให้มั่นคงหาไม่เจอ เฮ้อ เครียดอีกแล้ว
ผมเลือกไม่ได้จริงๆ ผมจึงไม่เลือกทั้งสองทาง สิ่งที่ผมทำ คือ หยุด หรือ เรียกว่าพักยก ก็ได้เหมือนที่เคยทำผ่านๆมา แต่ผมไม่หยุดเฉยๆ ผมหยุดในการซื้อขายหุ้นโดยเจตนา แต่ผมไม่หยุดคิดในเรื่องหุ้นเลย (ซึ่งขณะนั้นจะมีถือหุ้นก็เพียงพวก 100 หุ้นไม่กี่ตัว ซึ่ง 1ในนั้น ปันผลมาให้ผม 5 บาทโดยเช็คปันผล)
เฮ้ นอนก่อน ดีกว่า ............................
( 3 วินาที ผ่านไปไวเหมือนโกหก เช้าแล้ว คงมีแต่ในนิยาย หรือละคร เท่านั้นที่ทำอย่างนี้ได้)
เช้าแล้ว 555 เจ้าคำว่ามั่นคง คาอยู่ในหัว ทำไงกับมันดี
แน่นอน สิ่งที่ คนฉลาด ๆ อย่างผมต้องเริ่มทำก็คือ...
พจนานุกรม ไทย เป็น ไทย ฉบับ ราชบัณฑิต อยู่ที่ไหน อยู่กับใคร เอามานี่เดี๋ยวนี้นะ
อืม... ม หมวด มอ ม้า คำว่ามั่นคง แปลว่า แน่นหนา ทนทาน ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น ปลอดภัย เสถียร
เวรกรรม นี่เหรอ ความหมาย ไม่มีคำว่าหุ้น สักคำ แล้วมันจะมาเกี่ยวกันได้ยังไงเนี่ย
งั้นลองหาดูเลยดีกว่า ด้วยแววตาที่มุ่งมั่น เริ่มจากเอาหนังสือพิมพ์หน้ารายชื่อหุ้นมาดู ดู นั่งดู ดูอยู่นานนะ ดูรายชื่อหุ้นไปเรื่อยๆ มองยังไงก็หาไม่เจอ มองไปเรื่อยๆ เฮ้ย... เจอแล้ว สินมั่นคง อีกอันนึง มั่นคงเคหะการ มันอยู่ในฝั่งรายชื่อบริษัทที่เป็นภาษาไทยนี่เองไม่ใช่ตัวย่อ เฮ้ย คำว่า มั่นคง มันมีอยู่จริงแฮะ ในตลาดหุ้น 555 อ่ะ ล้อเล่น หรือว่าเราต้องลงทุนใน 2 บริษัทนี้ เพราะมันมีคำว่ามั่นคงนะ ลังเลแฮะ (ล้อเล่น)
ผมยืนร่วมอยู่ในตลาดหุ้น ที่ซึ่งก็ดูเหมือนเป็นจุดยืนที่มีความเสี่ยงที่สุดไม่แพ้ที่ไหนๆในโลกทางการเงิน ในสายตาของคนจำนวนมาก รวมถึงสายตาของผมเองด้วย เมื่อรู้เช่นนี้แล้วผมต้องทำยังไง วิ่งหนี หรือ ลุยต่อ
เอ่ หรือผมต้องไปหางานอื่น ที่มีรายได้ประจำที่มั่นคงดี (คือขณะนี้ นอกจากหุ้นแล้ว ผมมีรายได้อีกอย่างคือ ค่าขนม จากการช่วยงานที่บ้านเล็กน้อยเท่านั้น) หรือลุยต่อในหุ้น ลุยยังไงให้มั่นคงหาไม่เจอ เฮ้อ เครียดอีกแล้ว
ผมเลือกไม่ได้จริงๆ ผมจึงไม่เลือกทั้งสองทาง สิ่งที่ผมทำ คือ หยุด หรือ เรียกว่าพักยก ก็ได้เหมือนที่เคยทำผ่านๆมา แต่ผมไม่หยุดเฉยๆ ผมหยุดในการซื้อขายหุ้นโดยเจตนา แต่ผมไม่หยุดคิดในเรื่องหุ้นเลย (ซึ่งขณะนั้นจะมีถือหุ้นก็เพียงพวก 100 หุ้นไม่กี่ตัว ซึ่ง 1ในนั้น ปันผลมาให้ผม 5 บาทโดยเช็คปันผล)
เฮ้ นอนก่อน ดีกว่า ............................
( 3 วินาที ผ่านไปไวเหมือนโกหก เช้าแล้ว คงมีแต่ในนิยาย หรือละคร เท่านั้นที่ทำอย่างนี้ได้)
เช้าแล้ว 555 เจ้าคำว่ามั่นคง คาอยู่ในหัว ทำไงกับมันดี
แน่นอน สิ่งที่ คนฉลาด ๆ อย่างผมต้องเริ่มทำก็คือ...
พจนานุกรม ไทย เป็น ไทย ฉบับ ราชบัณฑิต อยู่ที่ไหน อยู่กับใคร เอามานี่เดี๋ยวนี้นะ
อืม... ม หมวด มอ ม้า คำว่ามั่นคง แปลว่า แน่นหนา ทนทาน ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น ปลอดภัย เสถียร
เวรกรรม นี่เหรอ ความหมาย ไม่มีคำว่าหุ้น สักคำ แล้วมันจะมาเกี่ยวกันได้ยังไงเนี่ย
- theerasak24
- Verified User
- โพสต์: 614
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 269
ตามฟังต่อครับ แฮะๆๆๆ
"เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะยังคงทำสิ่งต่างๆ ต่อไปตราบใดที่มันยังให้ความรื่นรมย์และคุณก็ทำมันได้ดี"
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 270
รื้อ คัด คิด ผสมผสาน
จนปัญญาแล้วครับ ยากเกินจินตนาการ ผมไม่สามารถ เอาคำว่ามั่นคง มาใช้ประสานกับตลาดหุ้นได้!!!
เคยดูหนังจีนกำลังภายในตอนเด็กๆ ตอนที่พระเอกต้องไปฝึกวิชาใหม่ กับอาจารย์ใหม่ เพื่อที่จะได้เก่งขึ้น มักจะได้ยินคำว่า ถ้าเจ้าต้องการฝึกวิชากับข้า เจ้าจะต้องลืมวิชายุทธ์ที่เจ้าเคยเรียนมาทั้งหมดก่อนถึงจะเรียนวิชายุทธ์จากข้าได้ ราวกับสื่อถึงว่า คุณควรจะทำตัวเองให้เป็นเหมือนแก้วน้ำที่ว่างเพื่อจะได้รับวิชายุทธ์จากข้าได้อย่างเต็มที่ ถ้าเจ้าเป็นน้ำเต็มแก้วแล้วข้าจะมอบให้ได้ยังไง ( ซึ่งขณะที่ผมเป็นเด็กอยู่นั้น กลับคิดว่า พระเอกก็มีวิชายุทธ์เก่งอยู่แล้วให้ลืมวิชาเก่าทำไม แล้วยิ่งถ้าได้เรียนรู้วิชาใหม่แล้วเติมเข้าไปไม่ยิ่งเก่งขึ้นเหรอ) และก็มีหลายครั้งที่ พระเอก เรียนรู้วิชายุทธ์ ต่างๆมามากมาย จนควบคุมไม่อยู่ ในหนังเรียกว่า ธาตุไฟเข้าแทรก และเมื่อ ธาตุไฟ ถูกแก้ไข สลายได้เสร็จด้วยวิธีอะไรก็ตาม พระเอก มักจะเก่งขึ้นไปอีก มันไม่น่าเชื่อจริงๆ 55
นั่นทำให้ผมได้คิด ว่าการได้เรียน วิชายุทธ์ มาจนเก่งในขั้นแรก ซึ่งต้องผ่านอะไรมามากมายยาวนาน ก็ไม่ง่ายแล้ว การที่ต้องมีอาจารย์ใหม่ การที่ยอมรับรู้ในวิชายุทธ์อันใหม่ ก็ไม่ง่ายเช่นกัน
แต่ผมกลับได้เห็นสิ่งที่ไม่ง่ายที่ยิ่งขึ้นไปกว่า นั่นคือ การผสมผสาน
สิ่งที่ตอนนี้ผมจะทำอ่ะเหรอ
จนปัญญาแล้วครับ ยากเกินจินตนาการ ผมไม่สามารถ เอาคำว่ามั่นคง มาใช้ประสานกับตลาดหุ้นได้!!!
เคยดูหนังจีนกำลังภายในตอนเด็กๆ ตอนที่พระเอกต้องไปฝึกวิชาใหม่ กับอาจารย์ใหม่ เพื่อที่จะได้เก่งขึ้น มักจะได้ยินคำว่า ถ้าเจ้าต้องการฝึกวิชากับข้า เจ้าจะต้องลืมวิชายุทธ์ที่เจ้าเคยเรียนมาทั้งหมดก่อนถึงจะเรียนวิชายุทธ์จากข้าได้ ราวกับสื่อถึงว่า คุณควรจะทำตัวเองให้เป็นเหมือนแก้วน้ำที่ว่างเพื่อจะได้รับวิชายุทธ์จากข้าได้อย่างเต็มที่ ถ้าเจ้าเป็นน้ำเต็มแก้วแล้วข้าจะมอบให้ได้ยังไง ( ซึ่งขณะที่ผมเป็นเด็กอยู่นั้น กลับคิดว่า พระเอกก็มีวิชายุทธ์เก่งอยู่แล้วให้ลืมวิชาเก่าทำไม แล้วยิ่งถ้าได้เรียนรู้วิชาใหม่แล้วเติมเข้าไปไม่ยิ่งเก่งขึ้นเหรอ) และก็มีหลายครั้งที่ พระเอก เรียนรู้วิชายุทธ์ ต่างๆมามากมาย จนควบคุมไม่อยู่ ในหนังเรียกว่า ธาตุไฟเข้าแทรก และเมื่อ ธาตุไฟ ถูกแก้ไข สลายได้เสร็จด้วยวิธีอะไรก็ตาม พระเอก มักจะเก่งขึ้นไปอีก มันไม่น่าเชื่อจริงๆ 55
นั่นทำให้ผมได้คิด ว่าการได้เรียน วิชายุทธ์ มาจนเก่งในขั้นแรก ซึ่งต้องผ่านอะไรมามากมายยาวนาน ก็ไม่ง่ายแล้ว การที่ต้องมีอาจารย์ใหม่ การที่ยอมรับรู้ในวิชายุทธ์อันใหม่ ก็ไม่ง่ายเช่นกัน
แต่ผมกลับได้เห็นสิ่งที่ไม่ง่ายที่ยิ่งขึ้นไปกว่า นั่นคือ การผสมผสาน
สิ่งที่ตอนนี้ผมจะทำอ่ะเหรอ